Group Blog
All Blog
|
กรรมสิทธิ์หัวใจ ตอนที่ ๒๖ ตอนที่ ๒๖ อย่าค่ะ! วริณสิตาร้องห้ามพร้อมเบียดตัวเข้าบังสายสุนีย์ไว้ เพราะงั้นทั้งน้ำในแก้วและมือคนเหวี่ยงแก้วจึงสาดเข้ามาที่หน้าเต็มๆ! ว้าย! สายสุนีย์กรี๊ดลั่น ขณะที่วริณสิตานั้นเสียหลักล้มทันที แล้วหนนี้ก็ เพล้ง! เสียงนั้นดังสนั่นเข้าขั้นบาดหู เพราะทั้งแก้วทั้งถาด เทกระจาดตกพื้นแตกละเอียดจนทุกใบ! หนู! สายสุนีย์ปรี่ลงไปประคองวริณสิตาทันใด หนูเป็นยังไงบ้าง?! คนถูกถามกะพริบตาถี่ๆ พยายามไล่ความแสบระคายจากน้ำที่เข้าไปในตาก่อนจะรู้สึกได้ว่ามือขวาที่ยันพื้นไว้เจ็บแปลบๆยังไงพิกล สาวน้อยค่อยๆหงายมือขึ้นดูเพียงเพื่อจะพบว่า... บนฝ่ามือเธอ เปรอะด้วยเลือดสีแดงสด ที่ไหลออกมามากจนเริ่มหยดลงพื้นแล้ว! หนู! นี่หนูถูกแก้วบาดนี่! คุณผู้หญิงบ้านวรโชติร้องโวยวายทันทีที่เห็นวริณสิตาบาดเจ็บ แต่ใครอีกคนกลับตรงกันข้าม สาวสวยเชิดหน้า เอ่ยวาจาอย่างไม่รู้สึกรู้สากับเลือดที่ไหลออกมาท่วมมือวริณสิตาสักนิด! สมน้ำหน้า อยากแส่เข้ามาทำไม คุณหะ! อะไรน่ะ?! เสียงดังเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?! สายสุนีย์ชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องถามขึ้นจากด้านหลัง แน่นอนว่าเสียงแก้วที่แตกนับสิบใบนั่น ย่อมสามารถเรียกให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องรีบมาดู เฉพาะอย่างยิ่งตัวของเจ้าบ้าน หทัยรักเองก็ฉวยโอกาสนั้นทันทีเช่นกัน หญิงสาวปรี่เข้าไปเกาะแขนผู้เป็นบิดาตั้งแต่ที่ฝ่ายนั้นยังเดินมาไม่ถึงด้วยซ้ำ คุณพ่อ! ยายรัก อะไร? เสียงดังโครมครามเมื่อกี้มันเกิดอะไรกันขึ้นฮึ? คุณอมรเปิดฉากถาม และแน่นอน หทัยรักก็สามารถตอบให้ได้ทันควันเหมือนกัน ก็พวกคนใช้น่ะคะ มันซุ่มซ่ามหกล้มจนแก้วแตก! อะไรนะ? คุณอมรพูดเหมือนสบถก่อนจะก้าวยาวๆเข้ามาแล้วพบว่าวริณสิตานั่งแปะบนพื้น เลือดอาบเต็มมือ โว้ย! มันอะไรกันนักหนาเนี่ย? แล้วก็ถึงกับสบถออกมาอย่างอัดอั้น ก็นี่ตั้งใจจัดงานมงคล แล้วทำไมมันถึงได้เกิดแต่เรื่องอัปมงคลอย่างนี้! คุณอมรหงุดหงิดเต็มที่ และไม่มีอารมณ์อื่นใดนอกจากนั้นปะปนเลย! ทว่าสำหรับคนอื่นไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อแหวกผ่านฝูงแขกที่มุงอยู่เข้ามาได้ เมื่อเห็นว่าเด็กในปกครองของตัวเองมีสภาพเป็นยังไง ผู้ปกครองก็ใจหล่นวูบ วริณสิตา! เขาเกือบผวาลงไปคุกเข่าแล้ว แต่ทว่า... จิ๊บ! ทว่านาทีนั้น หนุ่มน้อยอีกคนกลับแทรกตัวทรุดลงไปนั่งคุกเข่าข้างสาวน้อยอย่างไว! จิ๊บ! จิ๊บโดนอะไร เป็นไงบ้าง?! การนนท์แทบจะคว้ามืออาบเลือดของวริณสิตาออกมาจากมือของสายสุนีย์เพราะความร้อนรนปนห่วง แต่หนุ่มน้อยก็ไม่ใช่คนสุดท้าย เพราะทันทีที่นางบัวศรีพาร่างตุ้ยนุ้ยแหวกกลุ่มแขกขามุงเข้ามาได้ แม่บ้านวัยหกสิบห้าก็ร้องแล้วถลาเข้ามาคว้ามือวริณสิตาอีกคน ตายแล้ว เจ้าจิ๊บ! โอย! ไปโดนอะไรมา ทำไมเลือดอาบอย่างนี้ล่ะลูก?! นางบัวศรีกรีดเสียงโวยวายด้วยความตกใจจนคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องรีบอธิบาย ก็เด็กเขา แต่แล้ว...ก็ราวกับมีบางสิ่งผิดไป คำพูดถูกกลืนหายทันใดเมื่อคุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านวรโชติกับนางบัวศรีเงยหน้าขึ้นมองกัน! นางบัวศรีอ้าปากค้างขณะที่คุณผู้หญิงของบ้านก็เบิกตากว้างแล้วผงะทันที! และชั่วเสี้ยวของนาทีสายสุนีย์ก็ดีดตัวลุกพรึ่บก่อนจะโพล่ง ก็...ก็เด็กเขาโดนแก้วบาดไง! ระ...รีบพาไปทำแผลได้แล้ว! เสียงนั้นทั้งดังและสั่นกว่าปกติอย่างจับได้ชัด แต่ในสถานการณ์ที่เด็กคนหนึ่งนั่งเลือดอาบ ก็คงไม่มีใครเอะใจว่าอาการพูดโพล่งแล้วหน้าซีดกะทันหันมันอาจเกิดจากสาเหตุอื่น! ใช่ คุณอมรเอ่ย รีบๆเอาเข้าไปทำแผลข้างในเลย แล้วไม่ต้องออกมาแล้วนะ เฮ้ย! งานมงคลแท้ๆ มีแต่เรื่องอะไรไม่รู้! แล้วคนพูดก็มองเด็กสาวด้วยสีหน้าเอือมๆคล้ายกับว่าไอ้เหตุการณ์เลือดตกยางออกนี่มันความผิดคนเจ็บล้วนๆ! และกับวาจารวมถึงสีหน้าอย่างนั้น ก็ทำให้พีรพัฒน์ถึงกับนึกเดือดลึกๆเลยทีเดียว! อ่า...ผมต้องขออภัยนะครับ บังเอิญเด็กมันซุ่มซ่ามไปหน่อย คุณอมรหันไปสนทนากับบรรดาแขกขามุง ก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง ยังไงเชิญทุกท่านกลับเข้าไปในงานดีกว่า ไป ไปเถอะหลานชาย ท้ายประโยคนั่นก็พูดกับพีรพัฒน์ และแน่แหละ! นาทีนี้ชายหนุ่มก็ไม่นึกจะให้ความสนใจคำพูดผู้ใหญ่พรรค์อย่างนี้แล้ว! พีรพัฒน์ตัดสินใจทรุดตัวลงไปหาเด็กในปกครองโดยไม่หันไปมองคุณอมรสักนิด! เป็นยังไงบ้าง? เขาเองก็เริ่มถามด้วยความเป็นห่วง แต่เสียงห้าวๆของเด็กหนุ่มอีกคนก็สวน ผมว่าไม่ใช่เวลามานั่งถามหรอก ไปเถอะจิ๊บ รีบไปทำแผล การนนท์ว่าก่อนจะตวัดร่างบางๆของวริณสิตาขึ้นอุ้มจนใครหลายคนแทบตาค้าง! กะ การนนท์! สาวน้อยตกใจทันทีเมื่อร่างทั้งร่างของตัวเองเกิดลอยละลิ่วขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนของเพื่อนหนุ่ม วริณสิตารีบบอกเสียงสั่น ปละ...ปล่อยเราลงเถอะ เราเดินเองได้! แต่การนนท์ก็ยังจ้ำลิ่วไม่ฟังใคร มิหนำซ้ำตะโกนลั่น ใครก็ได้ เอาชุดปฐมพยาบาลให้ที เร็วเข้า! นาทีนี้การนนท์ วรโชติดูไม่ใช่เด็กหนุ่มวัยรุ่นเลยสักนิด แต่กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่พร้อมสั่งการบริวารใต้อาณัติด้วยความเด็ดขาดเต็มขั้นจนคนรอบข้างยังต้องนึกทึ่ง หนุ่มน้อยพาวริณสิตามายังเรือนทำครัว สาวใช้บ้านวรโชติคนหนึ่งกระวีกระวาดนำชุดปฐมพยาบาลมาให้ การนนท์ก็จัดการให้ทันที เมื่อน้ำสะอาดถูกเปิดผ่านมือเพื่อชำระล้างแผลเป็นเบื้องต้นก็ทำให้เห็นได้ว่า วริณสิตาน่ะยังโชคดีอยู่ เพราะแผลที่ถูกแก้วบาดนั้นไม่ลึกเท่าไหร่ แต่ไอ้เลือดที่ออกเยอะเพราะจำนวนเศษแก้วที่กระเด็นโดนมากกว่าที่ทำให้มีแผลบนฝ่ามือมากถึงห้าแผล การนนท์ใช้ผ้าสะอาดกดห้ามเลือดอยู่พักก่อนจะแตะแผลซ้ำด้วยก้อนสำลีที่ชุบน้ำยาล้างแผลสีฟ้าใส โอ๊ย! วริณสิตาสะดุ้งน้อยๆทันทีที่ก้อนสำลีสัมผัสถูกเนื้อ แสบเหรอ อันนี้แค่น้ำยาล้างแผลเอง ทนหน่อยนะ เดี๋ยวใส่ยาจริงๆจิ๊บก็จะแสบอีกรู้มั้ย อื้อ วริณสิตาพยักหน้า ไม่เป็นไร เราทนได้ การนนท์ยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าลงไปเช็ดแผลให้ต่อ ถ้าเจ็บก็บอกเรานะ เราจะพยายามทำเบามือที่สุดเลย หนุ่มน้อยบอก พร้อมเป่าแผลให้ค่อยๆไม่ต่างอะไรกับพี่ชายดูแลน้องน้อย วริณสิตารู้สึกว่าทุกสรรพสำเนียงเกิดเงียบสนิท ชั่วขณะนั้นใส่ใจกับคนตรงหน้าเสียราวกับว่าโลกนี้มีเพียงเพื่อนผู้แสนดีที่กำลังทำแผลให้เท่านั้น กระทั่งสายตาไล่เลยไปจนสะดุดกับร่างสูงใหญ่ที่ยืนกอดอกมองเธออยู่นิ่งๆ และแม้ดวงตาคมคู่นั้นจะมิได้บ่งแววใดชัดเจนนัก แต่มันกลับทำให้ใจหายอย่างบอกไม่ถูก! วริณสิตาหรุบตาลงต่ำทันที นาทีนี้เรียกว่าแทบจะไม่รู้สึกถึงความแสบระคายของยาใส่แผลเลยด้วยซ้ำ ทำแผลเสร็จแล้ว เราจะพาจิ๊บไปหาหมอ แล้วจะไปส่งบ้านนะ แต่ฉันว่า คงไม่ต้องรบกวนเธอมากถึงขนาดนั้นหรอก ในที่สุดกระแสเสียงทุ้มๆจากคนที่เอาแต่ยืนกอดอกจ้องนิ่งๆมานานสักที วริณสิตาอยู่บ้านเดียวกับฉัน เพราะอย่างนั้นฉันคงจะพาเด็กในปกครองของฉันกลับบ้านเองได้โดยไม่ต้องรบกวนเธอนะ ชายหนุ่มก้าวยาวๆเข้ามาหา พันแผลเสร็จแล้วใช่มั้ย งั้นก็...คงจะไปกันได้แล้วมั้ง? เอ่ยปากคล้ายถามไถ่ แต่ใครฟังก็รู้ว่ามันคือคำสั่ง! พีรพัฒน์หันไปบอกนางบัวศรีให้อยู่ช่วยงานคุณอมรต่อ ถึงจะรู้สึกกรุ่นๆกับความไร้น้ำใจของเจ้าของงานขนาดไหน แต่เขาก็ไม่ใช่จะกลายเป็นพวกไร้น้ำใจตามไปด้วย ถ้ารับปากช่วยก็จะให้คนอยู่ช่วยจนตลอดรอดฝั่งนั่นแหละ เมื่อสั่งการเสร็จเขาก็ก้าวยาวๆนำไปโดยไม่ได้หยุดรอเด็กในปกครองสักนิด วริณสิตาเลยได้แต่กล่าวขอบคุณการนนท์ไวๆแล้วก็ต้องรีบตามผู้ปกครองไป พีรพัฒน์มุ่งหน้าไปยังรถของตนที่จอดไว้โดยไม่ได้สนใจใครอีก สีหน้าเขาเรียบเฉยมึนตึงแม้กระทั่งตอนที่เปิดประตูรถให้คนที่มือเดี้ยงไปแล้วอย่างเธอ มันชัดเจนแล้วว่าเขาโกรธ สาวน้อยได้แต่ครุ่นคิด ใช่...เขาคงโกรธ...โกรธที่เธอสร้างปัญหาทำให้งานเลี้ยงคุณอมรต้องเสียบรรยากาศ ทั้งๆที่...เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิดเลยก็ตาม แต่ความรู้สึกนั้นคงช่วยอะไรไม่ได้เพราะการเกิดเหตุเลือดตกยางออกในงานมงคลดูเป็นลางอย่างไม่น่าให้อภัย! วริณสิตาพยายามข่มความรู้สึกโหวงๆที่จู่โจมหนักหน่วงไว้ยามเอ่ย ขอบคุณค่ะ เบาๆให้เขาก่อนก้าวเข้าไปนั่งในรถ เข้มแข็งไว้วริณสิตา...เข้มแข็ง... เดี๋ยวฉันจะพาไปหาหมอ ฉีดยากันบาดทะยักก่อนแล้วกัน เสียงผู้ปกครองเอ่ยเมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับ แต่ทว่า... ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สาวน้อยบอกสั้นๆทันที เศษแก้วที่บาดมันไม่ได้สกปรกอะไรมาก แล้วหนูก็เคยฉีดวัคซีนมาครบแล้ว คงไม่ต้องลำบาก...คุณพีหรอกค่ะ กระแสเสียงนั้นก็ฟังอ่อนๆเฉกเช่นปกติธรรมดาของวริณสิตานั่นล่ะ ทว่าไอ้ใจความของประโยคนั่นต่างหากที่ทำให้ผู้ปกครองต้องนิ่วหน้า อะไรนะ? เขาถามซ้ำ ทั้งที่ก็ฟังชัดเจนทุกคำนั่นแหละ! วริณสิตาสูดหายใจ หลังจากบอกตัวเองให้เข้มแข็งไว้ ใบหน้าน้อยๆก็เชิดขึ้นตามวิสัยโดยไม่ได้รู้ตัวสักนิด หนู...เคยฉีดวัคซีนกันบาดทะยักมาครบแล้วค่ะ อ่อ! ดี! พีรพัฒน์ว่า เก่งดี! งั้นก็จะได้กลับบ้านกัน! รถยุโรปคันหรูออกตัวพุ่งสู่ถนนเส้นหลักอย่างแรง ไม่มีการสนทนาเกิดขึ้นอีกเลยตลอดทางจนถึงบ้านสุริยะธาดา และถ้าตลอดเวลาที่นั่งอยู่ด้วยกันในรถแคบๆนั่นว่าอึดอัดแล้ว แต่การที่เขายังคงเปิดประตูรถให้เธออีกตอนขาลงก็ยิ่งอึดอัดกว่า! เพราะถ้านั่นคือสิ่งที่เขาต้องจำใจทำเพราะมันเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองที่ดีล่ะก็ วริณสิตาก็อยากตะโกนบอก ว่าไม่ต้องการสักกะนิด! แต่แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่ได้แต่คิด ในสถานการณ์จริง วริณสิตาก็ทำได้แค่...เค้นคำขอบคุณออกมาให้เขาเบาๆ ขอบคุณค่ะ แต่ทว่า...มันก็คงไม่ต่างอะไรกับสายลมกระซิบ เพราะเขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะรับรู้สักนิด พอปิดประตูให้เสร็จเขาก็หันหลังเดินลิ่วนำเข้าบ้านไป ไม่ได้สนใจอะไรเธออีก วริณสิตารู้สึกหวิวๆข้างใน เหมือนมีอะไรสักอย่าง...กำลังบีบหัวใจให้รู้สึก... เจ็บแปลบๆ... เฮ้อ! ไม่หรอกน่า วริณสิตาพึมพำก่อนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ไม่หรอก...เธอคงสับสนเองแหละ ความรู้สึกหวิวๆในอกนี่คงเกิดจากที่เห็นเลือดตัวเองไหลออกมาเยอะแยะ ส่วนความรู้สึกเจ็บๆแปล๊บๆก็คงเป็น... อาการข้างเคียงของแผลล่ะมั้ง! เฮ้อออ!" วริณสิตาเผลอสะบัดหน้าพรืดๆสองทีกับสมมติฐานพิลึกพิลั่น! ถึงมันจะดูประหลาด แต่ถ้าไม่สันนิษฐานอย่างนั้นมันก็ไม่มีอะไรให้สันนิษฐานแล้ว! วริณสิตากะพริบตาถี่ๆมองมือที่การนนท์พันผ้าก๊อซปิดแผลให้อย่างชั่งใจก่อนลองขยับฝ่ามือไปมาดูนิดๆ ซึ่งมันก็... โอ๊ย! วริณสิตาสะบัดมือเร่าๆทันที ใช่จริงๆนั่นแหละ เธอรู้สึกแปล๊บๆที่แผลจริงๆด้วย อาการแบบนี้สงสัยคงจะมีเศษแก้วค้างอยู่ในแผลเธอแน่เลย สาวน้อยชะเง้อคอมองเข้าไปในโถงใหญ่ของบ้าน ไม่เห็นวี่แววของผู้ปกครองอยู่แถวนั้น แบบนี้ก็คงสันนิษฐานได้อีกว่าผู้ปกครองน่ะคงขึ้นห้องของเขาไปแล้ว วริณสิตาใช้มืออีกข้างประคองมือที่เจ็บไว้ ...อีกแล้วที่ใจมันรู้สึกแปลบๆ... ไม่ได้การ เศษแก้วในมือคงทำพิษจริงๆ สาวน้อยจึงเดินเร็วๆเข้าไปในบ้าน จำได้ว่าป้าบัวศรีเคยบอกว่าตู้ยาสามัญประจำบ้านของคฤหาสน์ใหญ่มีอยู่แถวเคาเตอร์เครื่องดื่มในห้องโถงด้วย วริณสิตาใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ในการค้นหา เพราะตู้ยาอยู่ในที่ๆเห็นง่ายหยิบใช้ง่ายอยู่ แต่ที่ยังลำบากเห็นจะเป็นที่ว่าตู้ยาสามัญไม่ได้มีอุปกรณ์ทุกอย่างสำหรับคนที่มีเศษแก้วค้างในมือต่างหาก สาวน้อยได้แต่นิ่วหน้าเมื่อแกะผ้าก๊อซที่ปิดแผลออก ไม่ใช่น้อยๆหรอกแผลเธอน่ะ เห็นตอนมีเลือดว่าน่าตกใจแล้ว ไอ้ตอนเลือดหยุดแต่ต้องมาเห็นรอยปริแยกของเนื้อนี่ก็ใช่ย่อย! แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องแข็งใจ วริณสิตาพยายามใช้คอตตอนบัดเขี่ยตรงที่รู้สึกแปลบๆ หวังให้เศษแก้วที่ฝังอยู่โผล่ขึ้นมาให้พอเห็นแล้วเขี่ยออกได้บ้าง แต่แน่ล่ะ ง่ายเสียที่ไหน เพราะงั้นจากรอยเนื้อปริแยกธรรมดา แค่อึดใจก็เริ่มมีเลือดสีแดงสดซับติดขึ้นมากับปลายก้านสำสี เหงื่อเม็ดเล็กชักผุดพรายขึ้นตามใบหน้า แต่ว่า...ยังไงก็ต้องทน วริณสิตาคิด เพราะเลือกเจ็บแค่ตอนนี้ดีกว่าที่จะให้เศษแก้วคอยทิ่มแปล๊บๆต่อไป และเพราะการเขี่ยหาเศษแก้วด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย วริณสิตาเลยตั้งใจมากเสียจนไม่รู้สึกเลยว่าใครมายืนดูอยู่ข้างหลังแล้ว นั่นเธอทำอะไร? สาวน้อยตกใจสะดุ้งพรวดทันทีก่อนร้อง โอ๊ย! เสียงหลงสะบัดมือเร่าๆ ก็เพราะเสียงทุ้มที่ทักขึ้นด้านหลังนั่นทำให้ตกใจจนเผลอทิ่มคอตตอนบัดกระแทกแผลเข้าไปเต็มๆน่ะสิ! คราวนี้เลยเจ็บจนเหงื่อหยด ส่วนเลือดที่แค่ซึมๆก็เอ่อก่อนจะหยดแปะ! ผู้ปกครองขมวดคิ้วมุ่นทันใด ฉันถาม ว่าเธอทำอะไรของเธอ?! เขาเสียงดุ ก้าวเข้ามาคว้ามือเด็กในปกครองที่ตอนนี้แผลปริเลือดทะลักก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อกดห้ามเลือดให้ สีหน้านี่ถมึงทึงกว่าตอนไม่พูดไม่จากันสักล้านเท่า สาวน้อยพูดอะไรไม่ออก เอ่อ...คือ...คือ...โอ๊ย! แต่เพราะมือหนักๆที่กดผ้าไว้ไปสะกิดโดนเศษแก้วที่ค้างในแผลวริณสิตาก็สะดุ้งอีก ผู้ปกครองตวัดสายตาขึ้นมองทันที อะไร ฉันกดห้ามเลือดให้นี่ มันเจ็บขนาดนั้นเลย? อาจถือเป็นโชคร้ายที่น้ำเสียงที่เขาใช้ยังคล้ายจะมีกระแสประชดประชัน เพราะอย่างนั้นคนถูกถามก็เลย... เปล่าค่ะ เด็กสาวปฏิเสธเบาๆ แต่มีหรือที่คนเป็นผู้ใหญ่กว่าจะดูไม่ออก ชายหนุ่มหรี่ตา แสร้งพยักหน้าก่อนที่จะ...ลองกดซ้ำอีกที! โอ๊ย! แล้วหนนี้ก็ชัดเลย สาวน้อยสะดุ้งโหยงทั้งที่แรงที่ใช้ไม่ได้มากไปกว่าการแตะเบาๆสักกะนิด พีรพัฒน์เดาได้ทันที ทำไม? ไอ้ที่แกะผ้าพันแผลแล้วพยายามแงะดูเนี่ยเพราะเศษแก้วมันค้างในแผลเธอใช่มั้ย? ชายหนุ่มถาม เดาได้ถูกเป๊ะ แต่ไอ้จะให้รับไปตรงๆว่า ใช่ค่ะ ก็อาจจะดูเสียท่าไปหน่อย สาวน้อยเลยเลือกที่จะบอก มัน...รู้สึกแปล๊บๆในแผลค่ะ อ่อ! แล้วไง ไม่บอกใคร คิดว่าจะเอาออกเองได้? ก็คนที่มีให้บอก น่าบอกเสียที่ไหน! วริณสิตาได้แต่ก้มหน้าไม่ตอบเขา แต่นั่นเพียงพอแล้วที่จะรู้! ฮึ! อวดเก่ง! เขาว่าเบาๆ แต่สาวน้อยร้อนเห่อไปทั้งหน้ากับคำกล่าวหาที่ออกมาจากปากของผู้ปกครองหนุ่ม! แต่ดูเหมือนเขาก็ไม่ได้สนใจสิ่งใดอีกตามเคยเมื่อน้ำเสียงเฉียบขาดยังคงออกคำสั่ง กดไว้ซิ จนกว่าเลือดจะหยุด คนถูกสั่งได้แต่ทำตามเหมือนหุ่นขณะที่ชายหนุ่มก็ผละลุกไป วริณสิตาไม่อาจมองตามได้ว่าเขาลุกไปไหนเพราะในหัวยังอื้ออึงด้วย คำบางคำ ที่ดังชัด อวดเก่ง! กระทั่งโสตประสาทได้ยินเหมือนโลหะกระทบกันเมื่อนั้นจึงได้เห็นว่า พีรพัฒน์โยนแหนบสีเงินอันเล็กๆลงไปในถาดแสตนเลสที่เทแอลกอฮอล์ล้างแผลไว้ อึดใจหนึ่งก็หยิบขึ้นมา สะบัดให้แห้งสักนิดก่อนจะเอื้อมมือมา คว้ามือวริณสิตาไว้อีกหน นาทีนี้เธอรู้แล้วว่าเขาจะทำอะไร แต่ทว่า... ชั่วเสี้ยวนาทีที่มองหน้า ตาสบตา มีแต่ความเฉยชาเท่านั้นที่ฉายชัด พีรพัฒน์ขมวดคิ้วเมื่อก้มลงไปใส่ใจกับการเพ่งหาเศษแก้วในบาดแผล เขาไม่พูด ไม่ซัก ไม่ แม้แต่จะถามเสียด้วยซ้ำว่าเธอเจ็บแปลบปลาบที่ตรงไหน ใช่...ก็เขาจะมาเสวนากับคนที่เขาให้คำจำกัดความว่าเป็นแค่ เด็กอวดเก่ง ทำไม แค่เขาอุตส่าห์มองหาเศษแก้วให้ก็ดีถมไปแล้ว! เด็กสาวสูดหายใจเข้าเบาๆ... แม้พยายามสะกดกลั้น แต่น้ำตาเจ้ากรรม...ก็ดันเอ่อล้นออกมาจนได้ .................... Free TextEditor หายไปนานเลยค่ะ คุณผู้หญิงคนใหม่กับป้าบัวศรี ต้องเป็นอะไรกันแน่ๆ เลย
โดย: C IP: 58.137.140.114 วันที่: 15 ธันวาคม 2553 เวลา:11:22:08 น.
แม่เลี้ยงของรักต้องเป็นแม่ของหนูจิ๊บแน่ๆเลยใช่ใหม? คะ
รออ่านตอนต่อไป เป็นกำลังใจให้ค่ะ โดย: Dewii IP: 58.8.109.196 วันที่: 15 ธันวาคม 2553 เวลา:20:20:48 น.
แผล
โดย: fon IP: 49.48.113.69 วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:18:56:04 น.
|
parinnada
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?] แนะนำตัว
Friends Blog
Link |