Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่องเล่าของคนวัยทอง (๒) เพื่อนตาย

เรื่องเล่าของคนวัยทอง (๒)

เพื่อนตาย

" เพทาย "

เพื่อนนักเรียนวัดสมอราย รุ่นเดียวกับผม มีอยู่ด้วยกันหลายคน ที่คบกันมาตั้งแต่เรียนหนังสือชั้นมัธยมต้น เวลากินข้าวแกงของร้านที่ขายแพงกินไม่อิ่ม ก็เอาจานข้าวมาร่อนลงคลองข้างโรงเรียน แข่งกันว่าของใครจะแฉลบไปขึ้นฝั่งโน้นได้ไกลกว่ากัน จนกระทั่งถึงบัดนี้ ต่างก็เลยวัยเกษียณอายุกันแล้วทั้งนั้น

เพื่อนเก่าแก่เหล่านี้ จะนัดพบกินข้าวกินเหล้ากัน ประจำทุกเดือน เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนเกษียณอายุมีอยู่เกือบสามสิบคน จนเดี๋ยวนี้เหลือไม่ถึงสิบคน นอกนั้นถ้าไม่หนีไปเข้าวัดถือศีลกินเจ ก็แยกไปตั้งวงกันที่โลกอื่นหมด

คนหนึ่งเป็นสถาปนิก แต่รุ่นไหนไม่เคยได้ถาม เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ มีเงินมาก ตัวก็โตเสียงดังฟังชัด เวลาที่รู้ตัวว่าความดันโลหิตสูงเกินเกณฑ์แล้ว ผมเคยขอร้องว่าอย่ากินให้เหมือนเดิมเลย เพลา ๆ ลงเสียบ้างเถิด เขาก็ว่ากินก็ตายไม่กินก็ตาย แต่บังเอิญก่อนตาย ต้องนอนกอกถังอ็อคซิเยน ขนาดที่ใช้ในร้านอาหารอยู่นานพอสมควร

เมื่อใกล้จะถึงวันเกิดครั้งสุดท้าย ผมไปเยี่ยม เขาก็ปรารภว่าอยากจะทำสังฆทาน ผมนึกยังไงไม่ทราบก็บอกว่า อย่าทำเลยสังฆทาน เลี้ยงพระเก้าองค์ดีกว่า เขาก็เชื่อผมจัดการทำบุญที่บ้าน เพื่อน ๆ ก็ได้มาร่วมงานกันพร้อมหน้าพร้อมตา พอจบพิธีสงฆ์ ส่งพระกลับวัดไปหมดแล้ว พวกเราก็ตั้งวงกันอย่างเคย เขาก็ถอดสายอ็อคซิเยนออกจากจมูก มานั่งคุยกับพวกเราได้ตั้งนาน กว่าจะเข้าไปนอนอย่างเดิม อีกไม่นานเขาก็จากเพื่อนไปไม่กลับมา

อีกคนหนึ่งตัวสูงโย่งเย่ง เป็นคนรถไฟเก่า แต่ออกมารับบำเหน็จแทนบำนาญ ก็คบหาสมาคมกันอย่างเคย แต่ความที่เป็นคนมีน้ำใจกว้างขวางดุจมหาสมุทร เงินทองจึงร่อยหรอลงเร็วกว่าที่คิด เขาก็บอกกับเพื่อน ๆ ว่าจะกินอีกปีเดียว แล้วจะลาไปอยู่บ้านนอก ผมก็ยังทักท้วงว่า ไม่น่าจะต้องทำเช่นนั้น ลดการจ่ายลงแต่พอสมควร เพื่อนฝูงก็ยังมีกันอีกหลายคน ให้มันช่วยกันรับผิดชอบบ้าง ไม่ใช่ช่วยเพื่อนเสียจนตัวเองต้องลำบาก เขาก็ไม่ฟัง

ไปอยู่ภาคใต้ได้ไม่กี่เดือน ขึ้นไปซ่อมหลังคาแล้วหล่นลงมานอนแอ้งแม้ง ต้องกลับมาเข้าโรงพยาบาลศิริราช ผมไปเยี่ยมเขาก็ยังคุยถึงเรื่องที่อุตริ ขึ้นไปซ่อมหลังคาเองจนตกลงมาให้ฟังอย่างสนุกสนาน เขาว่าเคราะห์ดีที่มันลงบนดินแฉะ ๆ เฉียดทางเดินที่เทปูนซิเมนต์ไปนิดเดียว ไม่งั้นคงไม่ได้คุยกันแล้ว รายนี้ลงท้ายไปเป็นอาจารย์ใหญ่ ของนักเรียนแพทย์ที่นั่นเอง

อีกคนหนึ่งเป็นนายตำรวจ ที่ได้ชื่อว่าใจซื่อมือสะอาด ขนาดว่าเกษียณอายุแล้วยังผ่อนบ้านไม่หมด รายนี้เป็นเบาหวานน้ำตาลขึ้นถึงสามร้อยยังเดินอยู่ได้ เป็นคนรักเพื่อนรักฝูง ชอบพาไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อย ๆ เพราะมีอดีตลูกน้องอยู่เกือบทั่วทุกจังหวัด ลงท้ายก็ไปป่วยอยู่วชิรพยาบาลไม่ทราบว่าเป็นอะไรแน่ ผมไปเยี่ยมเขาสองครั้ง ในครั้งหลังภรรยาออกมานั่งอยู่นอกห้อง บอกว่าหมอกับนางพยาบาลกำลังช่วยกันปั๊มหัวใจอยู่ แล้วก็ไม่ได้พบกันอีก

คนหลังนี้ตัวเตี้ยแต่ใจใหญ่ เคยเป็นนักมวยของโรงเรียนรุ่นเล็ก ชกมวยนักเรียนจนจบ ม.๖ แต่ไม่ได้ยึดอาชีพนักมวย กลับไปเป็นนักบิลเลียดมือหนึ่ง ในสมาคมของพ่อค้าวานิช แม้จะไม่ถึงขั้น ต๋อง ศิษย์ฉ่อย แต่ก็สามารถท่องเที่ยวไปตามโต๊ะที่ไม่มีใครรู้จัก แล้วก็คว้าเดิมพันมาได้มาก ๆ เสมอ คนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตั้งแต่ภรรยาได้เสียชีวิตไป ก็เหงาหงอยไม่ค่อยมีความสุข แต่ก็มาพบเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำ ฟันไม่ค่อยจะมีก็กินแต่ของน้ำ ๆ ไป ผมชักชวนให้เลิกสูบบุหรี่จนสำเร็จ แต่เขาว่าเขาเลิกของเขาเองไม่เกี่ยวกับผม แต่เรื่องดื่มเหล้าไม่ยอมเลิก ชวนมาดื่มเบียร์ก็ไม่เอา ลงท้ายก็ต้องเข้าโรงพยาบาล ทั้ง ๆ ที่หมอหาสาเหตุไม่เจอ

เมื่อผมไปเยี่ยม เขาถูกโยงมือเท้าด้วยผ้าพันแผล ผูกไว้กับลูกกรงข้างเตียง เขาร้องอุทธรณ์กับผมว่า นางพยาบาลทำทารุณกับคนไข้ ให้ช่วยแก้ออกที สอบถามได้ความว่า มือเท้าไว ใครทำอะไรไม่ถูกใจก็ยกขึ้นกวัดแกว่ง เลยต้องมัดไว้หลวม ๆ พอไม่ให้ขยับสูงขึ้นได้ ผมก็ปลอบใจเขาไปตามเรื่อง เขาก็บอกว่ามาเยี่ยมให้เห็นหน้าแต่เพียงครั้งเดียวก็พอ ไม่ต้องมาอีกให้เสียเวลา พอรุ่งขึ้นเพื่อนที่ชื่อ เฉนียน ก็โทรศัพท์มาบอกแต่เช้าว่า เพื่อนคนนี้ไปคอยอยู่ที่วัดโสมนัสแล้ว ให้ไปพบด่วน

สมัยก่อนเขาว่า เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก ผมว่าเดี๋ยวนี้ชักจะไม่ค่อยเป็นความจริงเสียแล้ว เพื่อนตายหาง่ายกว่าเพื่อนกินเยอะเลย

ตัวผมเองก็เคยนอนโรงพยาบาลให้หมอผ่าตัดมาถึงสองครั้ง ด้วยโรคที่ไม่สำคัญถึงตาย แต่ครั้งหนึ่งเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้วเกิดตับโต หมอบอกว่าต้องเลิกกินเหล้าเด็ดขาด ถ้ายังอยากจะมีชีวิตต่อไป ผมคิดอยู่ ๒ - ๓ วัน ก็ตัดสินใจเลิก คือเลิกไปหาหมอ แล้วก็เปลี่ยนมาดื่มเบียร์เติมโซดาแทน ก็เลยรอดมาได้จนถึงบัดนี้

เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ได้ข่าวว่าเพื่อนที่เป็นทหารเรือเก่า ป่วยหลายโรคด้วยกัน นอนอยู่โรงพยาบาลพระปิ่นเกล้า ก็พยายามติดต่อกับ นายเฉนียน เพื่อนสนิทของผมที่ยังไม่ตาย เพื่อหาข้อมูลที่ถูกต้องว่า ป่วยอยู่ตึกไหน ชั้นไหน ห้องไหน

ผมหมุนโทรศัพท์ไปถึงเขาในตอนค่ำวันหนึ่ง ซึ่งเขาเพิ่งจะเริ่มชงอาหารมื้อเย็น เป็นแก้วแรก

" อ้าว ห่อ เหรอ " เขาเรียกชื่อเล่นของผม

" มีอะไรว่ามา หรือจะเลยมาคุยกันที่บ้านเดี๋ยวนี้ก็ยังได้ "

ผมก็รีบปฏิเสธไป เพราะว่ากินข้าวอิ่มเสียแล้ว

" เพียงแต่อยากจะถามว่า สำเริง มันเป็นยังไงบ้าง เมื่อไรจะได้ไปเยี่ยม "

ผมถามถึงเพื่อนอดีตทหารเรือ เขาก็เล่าว่าได้ไปเยี่ยมมาหลายครั้งแล้ว จนกระทั่งหมอให้กลับบ้านได้ ตั้งแต่อาทิตย์ก่อน แล้วแถมท้ายว่า

" ที่ไม่ได้บอกให้รู้ ก็เพราะเริงมันสั่งไว้ว่า อย่าไปบอกไอ้ห่อมันนะ มันไปเยี่ยมใคร ตายทุกคนเลยว่ะ "

อนิจจัง อนิจจา กลับเป็นงั้นไปได้หนอเพื่อน.

##########

จาก นิตยสารต่วยตูน
พฤษภาคม ๒๕๔๑ ปักษ์แรก






Create Date : 06 ตุลาคม 2550
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 18:23:45 น.

Counter : Pageviews. 7 comments

Add to







อ้าว กลับเมืองไทยคราวนี้จะไปเจอคุณเจียวต้ายดีมั้ยเนี่ย



โดย: ข้าวโพด IP: 121.55.242.19 วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:10:20:03 น.







คิดว่าพอจะคุยด้วยได้ไหมล่ะครับ

เรื่องไปเยี่ยมใครแล้วตายนี่อย่าไปเชื่อเลยครับ
คนมันจะตายอยู่แล้ว.




โดย: เจียวต้าย วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:19:34:25 น.







อิอิอิ ล้อเล่นน่ะค้าบ ยังงัยกลับบ้านคราวนี้จะหาทางมาเจอคุณเจียวต้ายให้ได้แน่นอน



โดย: ข้าวโพด IP: 121.55.242.19 วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:16:24:40 น.







นึกว่าเป็นเพื่อนรักร่วมสาบานซะอีก

เพื่อนไปสบายนี่เอง

อาการตับโตของคุณอา ก็อย่าลืมแวะไปทักทายกับหมอเขาบ้างนะครับ





โดย: พี่แต้ วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:20:38:33 น.







ผมจะรออีกสามปีครับ คุณข้าวโพด

ตับของผมหรือครับคุณพี่แต้
เดี๋ยวนี้ไม่มีอาการเลยครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:10:12:54 น.







ทำไมต้องรออีกตั้งสามปีล่ะคุณเจียวต้าย ปีนี้โพดก้อได้กลับแล้ว เพราะโพดทำงานที่ละปีเท่านั้น
ขืนให้คุณเจียวต้ายรออีกสามปี ถึงตอนนั้นคุณเจียวต้ายจะจำโพดได้ป่าวก้อไม่รู้ อิอิอิ



โดย: ข้าวโพด IP: 202.123.145.203 วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:11:27:34 น.







อีกสามปีก็จะอยู่แต่ในบ้านแล้วครับ.

กว่าจะเข้ามาตอบก็เลยไปตั้งหกวันแล้วครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:9:34:24 น.






Create Date : 28 มกราคม 2553
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2553 19:20:35 น. 3 comments
Counter : 445 Pageviews.

 
ตอนแรกอ่านแล้วสนุกๆ แต่พออ่านๆไปแล้วเกิดความรุู้สึกอย่างอื่นขึ้นมาแทนค่ะ ดูแลสุขภาพมากๆนะคะ ถ้าไม่ลำบาก....ห้าม.... อิๆ


โดย: มนต้นไม้ IP: 110.164.80.109 วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:17:29:35 น.  

 
อย่าไปคิดอะไรมากครับ
เรื่องนี้มันเกิดมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว
เพื่อนก็ยังไม่ได้ตายเพิ่มขึ้นเลยครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 29 มกราคม 2553 เวลา:6:10:30 น.  

 
สวัสดีค่ะ

หึหึหึ ... ไปเยี่ยมใคร เขาตายจากหมดเลย ... ฮ่าๆๆๆ ขออนุญาตหัวเราะเสียงดังๆ ค่ะ

ทีนี้ นาถจะเรียกท่านว่า "พี่ห่อ"(ทองคำ)


อยู่ โรงเรียนเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ร.๔ ไหงพากันจี้..ร่อนจานแม่ค้าลงน้ำ เด็กผู้ชาย มีแผลงๆ .. ก็อยากขายแพงนะคะ

เพื่อนหนอเพื่อน หนีไปปรโลกกันหมด สงสารเพื่อนคนที่ไม่มีฟันคนนั้น

นาถมีฟันกรามเสียสองซี่ซ้ายขวา ที่อุดไว้มันกร่อน แต่ไม่อยากหาหมอฟัน ตอนนี้เคี้ยวอาหารแข็งลำบาก ยังมีกิเลสมาก ชอบรับประทาน เครื่องในหมู ในก๊วยจั๊บ ชอบชนิดกรุบๆ ค่ะ


คนที่ใช้เงินไม่เป็นคนนั้น ไม่กลัวภรรยา เพราะถือเงินเอง หลังเกษียณไม่นานเงินก็เกือบหมด ที่จริงวัยปลายนี้ มันต้องแชร์กัน นอกจากมหาเศรษฐีมีทรัพย์นับได้หลายร้อยแสนคนนั้น

เกิดมามีกรรมจำต้องดื่มสุราแล้ว ยังมีกรรมที่ไม่เก่งคณิตศาสตร์อีกหนอ สู้พี่ห่อดื่มเบียร์ผสมโซดามิได้

ว่าแต่ว่า มันไม่อืดแย่หรือคะ...


พวกผู้ชายนี่ พอได้เป็นเพื่อนกันแล้ว ก็รักกันมาก รักกันจริงๆ ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกันดีมาก ประเภทตายแทนกันได้ก็มี

วันก่อนอ่านในแมกาซีน พบเรื่อง ความรักระหว่างเพื่อนของผู้ชายกับผู้หญิง

หากภรรยา โทร.ไปถามเพื่อนสามี ที่สามีไม่กลับบ้าน แปดคนจะตอบว่า "นอนที่บ้านเขา"


หากสามี โทร.ไปถามเพื่อนภรรยาถึงเรื่องเดียวกันนี้ ทุกคนจะตอบว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยว...แฮ่ๆ แต่นาถไม่เป็นนะคะ


เคยมีสามีเพื่อนสนิท โทร.มาบ่นให้ฟังด้วยทุกข์ใจที่ภรรยาฟุ้งเฟ้อ ซื้อเครื่องสำอางค์ตั้งสามหมื่นบาท ในบ้านก็ตึงมือ นาถก็ปล่อยให้เขาบ่น ขุดทุกอย่างที่ภรรยาสุรุ่ยสุร่าย พูดให้หมด จะได้สบายใจ เออคะ ไปตามเพลง

แต่ตอนจบ นาถก็พูดเสียงอ่อยๆ ว่า นาถซื้อแพงกว่าภรรยาเขาอีก ผู้หญิงรักสวยรักงาม มันจำเป็นน่ะ

เขาก็คงงง แต่อย่างน้อย ก็คงจะหายโกรธภรรยา และเข้าใจเธอขึ้นมาหน่อย นาถเอานิ้วมือไขว้กันข้างหลัง นึกว่า "อย่าบาปน้า ที่บอกไปน่ะ เป็นราคารวมกันสามครั้ง" ... ฮ่าๆๆๆ


ไปละค่ะ แล้วจะเข้ามาดู เผื่อท่า.. เอ้อพี่ห่อทิ้งข้อความอะไรไว้ เดินทางไปกลับสะดวกสบาย ปลอดภัยนะคะ สวัสดีค่ะ



โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 20 สิงหาคม 2554 เวลา:9:45:40 น.


โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:13:28:52 น.




ตั้งแต่สมัยยังหนุ่มแน่นไม่มีครอบครัว จนอายุ ๓๓ จึงแต่งงาน ผมมีเพื่อนมานอนบ้านดูเหมือนครั้งเดียว

แต่ผมคงไม่กล้าตอบว่านอนที่บ้านผม เพราะเราสัญญากันว่า เมื่อแยกกันแล้วใครจะไปถึงบ้านเมื่อไรก็แก้ตัวเอาเอง
คนอิ่นไม่รู้ไม่ทราบทั้งนั้นครับ.

โดย: เจียวต้าย วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:22:02:28 น.




เป็นการตัดบทได้วิเศษมาก
หมดเรื่อง ไม่มีเรื่อง
ไม่เป็นเหตุให้คนทะเลาะกัน

ดีจริงๆ ค่ะ



โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:22:43:40 น.




โดย: เจียวต้าย วันที่: 29 สิงหาคม 2554 เวลา:5:22:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.