'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
เดินทางไกลกับ"ไซอิ๋ว" (๓๑) บทที่ ๒๘ อัตตกิลมถานุโยค กามสุขัลลิกานุโยค และการละอุทเฉททิฏฐิ



บทที่ ๒๘

อัตตกิลมถานุโยค กามสุขัลลิกานุโยค
และการละอุทเฉททิฏฐิ


พระถังและศิษย์พ้นภัยจากลิงลักฮี้เกาแล้ว ก็บุกป่าฝ่าดงมุ่งสู่ทิศปราจีน ในขณะนั้นย่างเข้าฤดูฝน แต่อากาศกลับวิปริต แปรปรวนกลับเป็นร้อนจัด เพราะว่าบัดนี้อาจารย์และสานุศิษย์ ได้บรรลุถึงเขตภูเขา ฮ้วยเอี้ยมซัว อันเป็นเขตทุรกันดาร ลุกเป็นไฟอยู่ แม้แต่เหล็กและทองแดงในบริเวณนั้นก็หลอมละลายเพราะความร้อน

ฝ่ายเห้งเจียก็เที่ยวสืบช่องทางที่จะระงับไฟจนถูกแนะให้ไปที่ภูเขาจุ๊ยหุ้นซัว ถ้ำปอเจียวต๋องอันเป็นสำนักของนางล่อซัว นางมีพัดวิเศษทำด้วยเหล็กมีมาตั้งแต่เริ่มมีฟ้าเริ่มมีดิน พัดวิเศษนี้อาจใช้ดับไฟได้ เห้งเจียก็รีบเหาะไปที่ถ้ำปอเจียวต๋อง แต่ครั้นได้พบกับนางล่อซัวเข้า เห้งเจียให้นึกครั่นคร้าม เพราะว่านางล่อซัวคือมารดาของอั้งฮั๊ยยี้ และเป้เมียของงู้หม้ออ๋อง แต่เห้งเจียก็ทำเป็นใจดีสู้เสือเข้าไปขอยืมพัดจากนางล่อซัว

ฝ่ายนางล่อซัวนั้นนึกได้ว่าเห้งเจียคือศตรูที่พาลูกชายของตนไปเป็นศิษย์ของพระกวนอิม จึงเดือดดาลที่ยังด้านหน้ามาขอยืมพัดอีก นางจึงเอาพัดโบกจนเห้งเจียปลิวไปตามลมไกลถึง ๘๔,๐๐๐ โยชน์

ฝ่ายเห้งเจียเมื่อถูกพัดวิเศษพัดจนปลิวไปนั้น ก็เอามือและเท้าคว้าจับภูเขากุ้ยซัว อันเป็นที่พำนักของพระโพธิสัตว์เล่งเกี๊ยดไว้ทัน จึงไม่ถึงแก่อันตราย ครั้นเข้าเฝ้าเล่งเกี๊ยดแล้ว จึงได้ยาวิเศษระงับลม เห้งเจียเหาะกลับไปถ้ำปอเจียวต๋อง ร้องท้านางล่อซัวออกมาสู้รบกัน คราวนี้พัดวิเศษของนางล่อซัวทำอะไรเห้งเจียไม่ได้ ด้วยอำนาจของยาวิเศษของโพธิสัตว์เล่งเกี๊ยดคุ้มตัวอยู่

เมื่อนางล่อซัวเห็นเช่นนั้นก็หนีเข้าถ้ำ ลั่นดาลประตูปิดตาย แล้วนั่งซดน้ำชาครุ่นคิดอยู่ เห้งเจียก็แปลงเป็นแมงหวี่ลอดเข้าไปในถ้ำแล้วปนลงไปในกากชา เมื่อนางล่อซัวซดชาลงไปในท้อง เห้งเจียจึงติดลงไปด้วย เมื่อถูกเห้งเจียบิดไส้กระทุ้งหัวใจนางล่อซัวจึงร้องครวญครางขอชีวิต และยินยอมมอบพัดวิเศษให้เห้งเจียเป็นการแลกเปลี่ยน

เมื่อได้พัดวิเศษแล้วเห้งเจียก็ไม่รอช้า ตรงไปที่เขตภูเขาฮ้วยเอี้ยมซัว ที่แผ่นดินลุกเป็นไฟอยู่ ยกพัดขึ้นพัดโบก แต่ไฟกลับลุกท่วมขึ้น ร้องทุรนทุรายมากกว่าเดิมเสียอีก เพราะพัดนั้นเป็นพัดปลอม ต่อมาเห้งเจียจึงทราบว่า ไฟที่ลุกท่วมแผ่นดินอยู่นั้นที่แท้เป็นไฟที่ตนทำมันขึ้นเอง สมัยที่ก่อการจลาจลบนสวรรค์ชั้นพรหม คราวเมื่อต้องโทษของพรหมท้ายเสียงเล่ากุน ถูกจับเข้าเตาหลอม เห้งเจียกลับถีบเตาหลอมพังพินาศ ไฟจึงหล่นลงมายังพื้นโลกลุกท่วมทางอยู่

เห้งเจียจึงเหาะไปหางู้หม้ออ๋อง สามีของนางล่อซัว ซึ่งบัดนี้ไปหลงเมียใหม่ชื่อนางเง็กมิ่นกงจู๊ อยู่ ณ สำนักเจ็กลุ่ยซัว ถ้ำม่อหุ้นต๋อง นางเง็กมิ่นร่ำรวยสมบัติและรูปสวย งู้หม้ออ๋องจึงหลงใหลจนลืมกลับไปหานางล่อซัว ครั้นเห้งเจียเหาะไปถึงถ้ำม่อหุ้นต๋องก้พบนางเง็กมิ่น เห้งเจียก็ไล่ทุบนางวิ่งเข้าไปในถ้ำไปหางู้หม้ออ๋อง ผู้เป็นนักศึกษา ชอบดูตำราไม่ได้หยุด ครั้นงู้หม้ออ๋องทราบว่าเห้งเจียมารังควานเมียใหม่ของตนก็โกรธ ออกมาสู้รบกับเห้งเจียเป็นสามารถ ไม่อาจแพ้ชนะกันได้ พอดีกับงู้หม้ออ๋องถูกสหายมาตามตัวไปกินเลี้ยงที่ใต้บาดาล จึงขอหย่าศึกชั่วคราว เห้งเจียสบโอกาสก็แปลงกายเป็นงู้หม้ออ๋องกลับไปหานางล่อซัว

ฝ่ายนางล่อซัวร้างสามีมานาน ครั้นเห็นงู้หม้ออ๋องก็ตัดพ้อต่อว่าตามประสาหญิงว่า ทอดทิ้งนางไปมีเมียใหม่ งู้หม้ออ๋องเก๊ก็เล้าโลมเอาอกเอาใจ แล้วหลอกเอาพัดวิเศษที่นางล่อซัวอมไว้ในปากจนได้ แล้วหนีมาพบกับโป้ยก่ายกลางทาง โป้ยก่ายขอเป็นผู้รักษาพัด เห้เงจียก็มอบให้ไป โป้ยก่ายก็กลายร่างเป็นงู้หม้ออ๋อง เห้งเจียรู้ว่าตนเสียทีปีศาจควายก็โกรธชักตะบองออกมารบกันโกลาหล โป้ยก่ายตัวจริงมาทันรุมกันรบปีศาจควาย ก็มิอาจเอาชนะมันได้ไม่ ปีศาจแปลงกายเป็นสัตว์ต่าง ๆ เห้งเจียก็แปลงเป็นสัตว์คู่อริ ไล่ตีไล่ต่อยจนปีศาจต้องล่าถอยเข้าถ้ำปอเจียวต๋องของนางล่อซัว

ฝ่ายโป้ยก่ายหวนกลับไปที่ถ้ำนางเง็กมิ่นกงจู๊ แล้วเอาคราดเก้าซี่สับร่างนางเง็กมิ่นจนตาย ทั้งจุดไฟเผาสมุนปีศาจและถ้ำเสียสิ้น แล้วย้อนกลับมาสมทบกับเห้งเจียเข้าล้อมถ้ำปอเจียวต๋อง ที่งู้หม้ออ๋องกับนางล่อซัวซ่อนตัวอยู่ แล้วพังทลายถ้ำเสียวินาศ งู้หม้ออ๋องเหาะขึ้นบนอากาศก็พลัดตกลงในวงล้อมของเทพยดาที่พระยูไลสั่งให้มาล้อมจับทั้ง ๔ ทิศ เบื้องบนเง็กเซียนฮ่องเต้สั่งให้ถักทะลีทีอ๋องและโลเฉียคุมทัพสวรรค์สกัดไว้ เบื้องล่างเห้งเจียกับโป้ยก่ายรุกไล่ขึ้นไป

ในที่สุดงู้หม้ออ๋องก็ยอมแพ้ ยอมกลับใจมาในทางของพุทธธรรม ร่างจึงกลับเป็นควายขาว จอมทัพแห่งสวรรค์ก็จูงจมูกขึ้นสวรรค์ไปทูลรายงานต่อเง็กเซียนฮ่องเต้

ฝ่ายนางล่อซัวเห็นสามีกลายร่างจากควายดำเป็นควายขาว ก็ผลัดเครื่องแต่งกาย กร้อนผมบวชเป็นชี นุ่งขาวห่มขาวออกมาขอขมาโทษต่อเห้งเจีย แล้วมอบพัดวิเศษให้แต่โดยดี เห้งเจียก็ใช้พัดวิเศษนั้นพัดไฟจนค่อย ๆ ดับไป แล้วส่งพัดคืนแม่ชีล่อซัว นางก็อมไว้ในปากตามเดิม

ครั้นเหตุการณ์เรียบร้อยปกติแล้ว เห้งเจียก็เชิญพระถังขึ้นม้า แล้วทั้งหมดก็ออกเดินทางมุ่งไซทีต่อไป.....................


Photobucket



รูป :(หัวเราะ) ตอนนี้อาจารย์ถอดจากรามเกียรติ์ตอนไหนฮึ?

นาม : (หัวเราะ) พระรามแผลงศรพลายวาตะของรามสูร(ปสุราม)ดับไฟป่า

รูป :โธ่เอ๋ย! นางล่อซัวคือรามสูร แล้วศรพลายวาตะคือพัดวิเศษดับไฟนั่นเอง

โหงว : เอาละ ในที่นี้นางล่อซัวแม่ของอั้งฮั้ยยี้ เมียหลวงของงู้หม้ออ๋องปีศาจควายดำที่ไปมีเมียใหม่คือนางเง็กมิ่นกงจู๊ลองทายดูที ?

รูป :จนจริง ๆ ครับ

นาม : อย่าเพิ่งจนซี ลองไล่ไปดู อั้งฮั้ยยี้ คือมิจฉาสังกัปปะ - ดำริผิด งู้หม้ออ๋องคืออุทเฉททิฏฐิ - ความเห็นว่าขาดสูญ บุญบาปไม่มีสวรรค์ไม่มี นรกไม่มี ทานไม่มีผล ฯลฯ ซึ่งเคยคบหาเป็นสหายกับเห้งเจียในสมัยที่ยังเถื่อนอยู่...

รูป :อ๋อ...ยังงั้น แม่ของมิจฉาสังกัปปะ เมียของอุทเฉททิฏฐิก็คือตัณหา

นาม : อุทเฉททิฏฐิสมรสกับตัณหา จึงได้ลูกเป็นมิจฉาสังกัปปะ

รูป :ทีนี้เมียน้อยคือเง็กมิ่นกงจู๊ แม่เลี้ยงคนสวยของมิจฉาสังกัปปะเล่า ?

นาม : ก็ตัณหาเช่นกัน แต่คนละตัณหา

รูป :อะไรของแกน่ะ ตัณหาเหมือนกัน แต่คนละตัณหา...?

นาม : นางล่อซัวคือวิภวตัณหา ซึ่งพอได้สามีอุทเฉททิฏฐิก็จะผลักดันให้ประพฤติตนในอัตตกิลมถานุโยค - สุดโต่งทางทรมานตน ทั้งสำนักจึงอยู่ในเขตไฟลุกท่วมพื้นดิน

โหงว : ไม่เลว ๆ แต่ว่าอัตตกิลมถานุโยคนั้นมาจากสัสตทิฏฐิด้วยนะเธอ

รูป :แต่ว่า มันกลับไปกลับมานะซีครับ ระหว่าง ๒ มิจฉาทิฏฐินี้

นาม : ส่วนนางเง็กมิ่นคนสวยนั่นคือกามตัณหา พอได้สามีอุทเฉททิฏฐิก็เป็นกามสุขัลลิกานุโยค คือประพฤติพัวพันหมกมุ่นอยู่ในกาม

รูป :อีนี่เอง ที่อาจารย์เคยด่าผม โธ่ อาจารย์...

นาม : ความเห็นว่าขาดสูญ ไม่เชื่อบุญไม่เชื่อบาป มันก็คือคนพาลหาเหตุ หากามสุขนี่คือเมียใหม่ หรือไม่ก็น้อมไปทางวิภวตัณหาคือไม่อยากเป็นโน่นนี่ นี่คือเมียเก่า

รูป :แต่ว่าร้อยทั้งร้อยลองเป็นอุทเฉททิฏฐิแล้วมุดมาทางกามสิ้น อ้างเหตุผลเป็นไฟเพื่อกาม พูดธรรมะเป็นน้ำ คล่องปาก แต่ลับหลังตะกลามแต่กามสุข

นาม : จึงว่างู้หม้ออ๋อง - ปีศาจควายดำนั่นเป็นนักศึกษา ชอบค้นคว้าตำราอยู่ในถ้ำจนดึกดื่น รู้สารพัดเพื่อเอาเหตุผลมาแก้ตัวให้กิเลสตะกลามสุข

โหงว : เห้งเจียปราบกันแทบตาย

รูป :ทั้งปัญญาทั้งศีลหาสู้อุทเฉททิฏฐิได้ไม่

นาม : กองทัพสวรรค์คือกุศลเจตสิก, ท้าวกิมกังทั้ง ๔ คือความรู้เรื่องอริยสัจจ์สี่ห้อมล้อม สมทบกับปัญญาและศีล อุทเฉททิฏฐิก็ยอมแพ้

รูป :จากปีศาจความยดำไม่เชื่อบุญเชื่อบาปกลับเป็นควายขาว ถูกจูงสู่สวรรค์ คือ เชื่อบุญ เชื่อบาป เชื่อสวรรค์ เชื่อนรก...

นาม : ...ที่ใจ

รูป :กว่าจะเชื่อได้แทบแย่ และโป้ยก่ายต้องฆ่านางเมียคนสวย - กามสุขัลลิกานุโยคเสียก่อนด้วย...

นาม : ...คือ ด้วยอริยศีลอันมีอาวุธวิเศษ คราดเก้าซี่ คือสังฆคุณ ๙ นั้นใช้ทุบกามสุขให้แหลกเหลวไป

โหงว : กามสุขถูกละได้ อุทเฉททิฏฐิก็เป็นสัมมาทิฏฐิ

นาม : แล้ววิภวตัณหาที่เคยน้อมไปสู่อัตตกิลมถานุโยคก็บวชชี...

รูป :...คือขาวสะอาดขึ้น แล้วยังมีคุณต่อชีวิตในทางดับไฟที่ท่วมทางด้วยพัดวิเศษ

โหงว : ไฟคืออะไร ? พัดวิเศษคืออะไร ?

นาม : ความร้อนของกายและจิตที่ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ ความกระวนกระวาย กระสับกระส่าย ของกายและจิตเนื่องจากทิฏฐิยังไม่ตรง เมื่อละอุทเฉททิฏฐิได้ คือพิจารณาเห็นแล้ว เบื่อหน่ายในผัสสะทั้งหลาย ทางตา ทางหู ฯลฯ ความร้อนใจร้อนกายก็รำงับ จิตที่หายกระสับกระส่าย ความเห็นของผู้นั้นจึงเป็นสัมมาทิฏฐิ ความดำริก็เป็นสัมมาสังกัปปะ ฯลฯ

รูป :มิใช่เรียนรู้แล้วจะเป็นสัมมาทิฏฐิได้ ยิ่งเรียน แม้จะเรียนธรรมะ ยิ่งพาลยิ่งเร่าร้อน เพราะไม่เรียนที่ตาเห็นรูป ฯลฯ แล้วปล่อยวาง หน่ายในการยินดีในตา ในรูป ในวิญญาณทางตา เป็นต้น เห้งเจียสมัยเรียนมากจึงก่อเหตุ ทำให้ไฟท่วมทาง แล้วก็ต้องผจญเอง

โหงว : ไฟเริ่มรำงับด้วยพัดวิเศษ ...พัดวิเศษคืออะไรเล่า ?

นาม : เมื่อมีความร้อนกายกระวนกระวายใจ เป็นทุกข์ ภาวนาทำความรู้สึกว่าไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี นัตถิ กิญจิ, นัตถิ กิญจิ

รูป :คืออากิญจัญญายตนะ - อะไร ๆ ไม่มี อะไร ๆ ไม่มี

นาม : น้อมไปทางไม่ปรารถนาอะไร เบื่อหน่ายต่อตาต่อรูป ต่อจักขุวิญญาณ ฯลฯ

รูป :นี่คือวิภวตัณหา ที่บวชชีเพราะสามีคือ อุทเฉททิฏฐิ เปลี่ยนเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว

นาม : วิภวตัณหาก็กลายเป็นประโยชน์ไปได้

รูป :สมัยที่ผัวยังอยู่ พัดวิเศษมี ๒ อันคือจริงกับเก๊ อันเก๊พัดแล้วไฟกลับกระพือท่วมโพลงขึ้น นี่ละมีความหมายอย่างไร ?

นาม : "อะไร ๆ ไม่มี" ถ้าพาลก็เป็นพัดเก๊ ไม่อยากได้อะไรจำเพาะ ที่ไม่ชอบ แต่ตะกละสิ่งที่ชอบ คือวิภวตัณหา ของอุทเฉททิฏฐิ ส่วนอะไร ๆ ไม่มีหรือ "ว่าง ๆ " ของสัมมาทิฏฐิคือพัดวิเศษจริง ดับไฟได้

รูป :พัดนี้สร้างมาพร้อมกับฟ้าดิน ?

นาม : ใช่ซี "ว่าง ๆ ๆ" "ไม่มี ๆ ๆ" หรือ "อากาศไม่มีที่สิ้นสุด"เป็นของวิเศษ เป็นของเกิดก่อนฟ้าดิน คือความไม่มีอะไร คือเนื้อที่ว่าง

โหงว : เอาละ ถ้าเจ้าทั้งสองอยากรู้เรื่องการเดินทางของพระถังต่อ ก็จงฟังบทต่อไป


(จบบทที่ ๒๘ โปรดติดตามตอนต่อไป...)






** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๑๕๐ - ๑๕๘ )






Create Date : 26 สิงหาคม 2551
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 8:59:47 น. 10 comments
Counter : 1423 Pageviews.

 
มาคนแรกของวันค่า
บอกถึงความพอดีของกาลเวลาค่ะ
และที่สำคัญท่าทางเหมือนน้องจะว่างนะคะ 5555
คิดถึงค่า


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:9:35:40 น.  

 


หวัดดีค่ะ กาแฟเข้มๆ หน่อยมั๊ยคะคุณแม่ไก่




โดย: หอมกร วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:10:24:08 น.  

 
ไม่อยากให้คนไทยตีกัน
มาช่วยกันอธิษฐานจิตกันเถอะ
คลิป สามัคคี




โดย: พลังชีวิต วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:11:46:07 น.  

 
สวัสดีเจ้ากึ๊ดเติงหาเลยมาแอ่วเจ้า..


โดย: pataramin วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:16:47:39 น.  

 
พาหมิงหมิงมาสัวสดีป้าแม่ไก่ก่อนครับ
วันนี้ว่าจะอัพบล็อกลูก
ลแต่อารมณ์มันบ่าหื้อเลยครับปี้
เซ็ง....เซ็งข่าว





โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:19:42:40 น.  

 
ตามมาขอบคุณค่ะแม่ไก่

จริงเหมือนที่ด๋าว่าก๋าว่า เซ๊งข่าวจริง ๆ จนไม่อยากไปทำงานเลย


โดย: แพรจารุ วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:23:59:12 น.  

 

เทสๆ ดีเจขอแจ้งข่าวแด่มิตรรักแฟนเพลง

เพลงที่ขอ ดีเจใจดีได้จัดให้ท่านแล้วครับ

ปล. ขอบคุณนะครับ เพลงนั่นมีความงาม

ความไพเราะ และกลิ่นไอของล้านนาเราเหลือเกินนะครับ


โดย: ธรรม (ห่วงใย ) วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:5:22:01 น.  

 


Comment Hi5 Glitter


สวัสดีค่ะ


แวะมาส่งความระลึกถึงกันจ้าคุณแม่ไก่ผู้ใฝ่ธรรม



โดย: หอมกร วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:6:39:05 น.  

 
โอ้..ทำละเอียดมากๆ เลย


พี่ที่ทำงานคนหนึ่งก็ศรัทธาท่านติชฯ มากๆ ค่ะ

ที่จริงถ้าชอบแหนมเนืองกับเฝอ เราว่าภาคอื่นอร่อยกว่าเวียดนามเหนือนะคะ แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:9:40:52 น.  

 
สวัสดีครับปี้แม่ไก่

หมิงหมิงช่วงนี้
มองก้าหน้าพ่อหน้าแม่ครับ อิอิอิ

มองแล้วก่ยิ้มๆๆๆๆ






โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:12:13:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.