'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
เดินทางไกลกับ"ไซอิ๋ว" (๓๖) บทที่ ๓๓ โรคอาลัย "เหยื่อ"



บทที่ ๓๓
โรคอาลัย "เหยื่อ"


พระถังซัมจั๋งและสานุศิษย์รอนแรมมาจนบรรลุถึงเมืองจูจิ๊ก๊ก อันมีผู้คนพูดจาอ่อนหวาน พระราชาทรงประชวรหนัก เพราะเมื่อ ๓ ปีก่อนหน้านี้ ปีศาจไซ้ทั้ยส่วยแห่งสำนักภูเขาขี้ลินซัว ถ้ำเก๊ยเฉียต๋อง ได้มาแย่งพระมเหสีกิมเชี้ยเกงเนี้ย (หอทองอริยะ)ไปเสีย ได้ออกหมายประกาศหาหมอผู้สามารถรักษาพระราชาให้หาย จะได้รางวัลหนัก

เห้งเจียก็อาสาเข้าตรวจโรคของพระราชา แล้วบอกว่าพระองค์เป็นโรค "วิหคพลัดคู่" พอเห้งเจียระบุชื่อโรคถูก พระราชาก็มีอาการดีขึ้น เห้งเจียจึงกลับมาที่พักแล้วเริ่มปรุงยา อันประกอบด้วยตัวยาดังต่อไปนี้

๑.ต๊ายอิ้ง (น้ำเต้า ?)
๒.ปาเต๊า (สลอด)
๓.แป๊ะเช้าเซียง (เขม่าก้นหม้อ)
๔.น้ำเยี่ยวม้าขาวของพระถัง(ม้ามังกรลูกพญาเล่งอ๋อง)


เมื่อเห้งเจียบดผสมกันเข้าแล้ว สำเร็จเป็นยา ๓ กลอน ชื่อ โอกิมตัน ซึ่งจะต้องใช้น้ำกระสาย ๒ ประเภท

น้ำกระสายประเภทแรกมีของ ๖ สิ่งนำมาต้มรวมกัน ได้แก่

๑. ขนนกการะเวก
๒. น้ำเยี่ยวปลากิมหลีฮื้อ(ปลาทอง)
๓. แป้งผัดหน้าอ๋องโป๊เนี่ยเนี้ย(เทวีแห่งสวรรค์)
๔. ขี้เถ้าในเตาไฟของพรหมท้ายเสียงเล่ากุน
๕. ชายผ้าโพกพระเศียรของเง็กเซียนฮ่องเต้
๖. หนวดมังกร(เล่งอ๋อง) ๕ เส้น


ส่วนน้ำกระสายอย่างที่ ๒ คือน้ำที่ตกจากอากาศเรียกว่า "น้ำไม่มีราก"

พวกขุนนางผู้คอยเฝ้าพยาบาลพระราชาอยู่ ครั้นได้ทราบสรรพคุณและน้ำกระสายยาของเห้งเจียแล้วก็เลือกเอาน้ำกระสายอย่างหลังคือ "น้ำไม่มีราก"

ดังนั้น เห้งเจีย โป้ยก่ายและซัวเจ๋ง จึงมายืนรวมกันกลางลาน แล้วออกกำลังร้องเรียกพญาเล่งอ๋องเง่าก๊วงให้มาบ้วนน้ำลายลงเป็นฝน แล้วนำน้ำไม่มีรากนั้นมาละลายยาโอกิมตันถวายให้พระราชาเสวย พระราชาเสวยแล้วก็ถ่ายสิ่งโสโครกออกมามากมายและหายประชวร แล้วเล่าเรื่องที่ปีศาจมาข่มขู่เอาพระมเหสีไป ให้พระถังกับสานุศิษย์ฟัง

เห้งเจียก็ขันอาสาไปปราบปีศาจ พระราชาจึงมอบสายประคำทอง เครื่องประดับคู่พระทัยของมเหสีให้แก่เห้งเจียไว้เป็นเครื่องหมาย เห้งเจียรับมาแล้วก็เหาะขึ้นอากาศไปจนถึงเขตถ้ำเก๊ยเฉียต๋อง ภูเขาขี้ลิ่นซัว แล้วแปลงกายเป็นสมุนปีศาจชื่อ "มีมาก็มีไป" ลักลอบเข้าไปในถ้ำ แล้วก็ได้ทราบว่าพระมเหสีถูกปีศาจกักตัวไว้ถึง ๓ ปี แต่ปีศาจมิสามารถแตะต้องตัวพระนางได้ เพราะในวันที่นางถูกลักพาตัวมา จี๋เอี๊ยงจีนหยิน เต้าหยินองค์หนึ่งได้เอาเสื้อหนามพุงดอ มาสวมกายพระนางไว้ ปีศาจจึงมิอาจลวนลามได้

เมื่อพบพระมเหสี เห้งเจียก็แสดงสายประคำทองให้พระนางเห็น แล้วขอให้พระนางแสร้งโอนอ่อนผ่อนตามปีศาจ เพื่อให้มันไว้ใจ ยอมมอบระฆังวิเศษ ๓ ใบซึ่งเป็นอาวุธที่น่ากลัวที่สุดให้กับพระนาง เมื่อริบอาวุธนี้ได้แล้ว การรบกับปีศาจก็จะง่ายเข้า

พระมเหสีได้ทำตามคำขอของเห้งเจีย จนปีศาจมอบระฆังวิเศษให้แล้ว นางก็มอบให้เห้งเจียซึ่งแปลงกายเป็นสาวใช้ปรนนิบัตินางอยู่ แต่ความที่เห้งเจียใจร้อนจึงแก้ห่อระฆังออก มันก็ระเบิดเป็นไฟและควันคลุ้งไปทั้งถ้ำ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

เมื่อปีศาจไซ้ทั้ยส่วยได้ยินเสียงนั้นก็ระดมให้สมุนปิดปากถ้ำ แล้วค้นหาศตรู ก็หาพบตัวเห้งเจียไม่ มันจึงไปทวงระฆังวิเศษจากพระมเหสี แล้วผูกไว้กับสะเอว ฝ่ายเห้งเจียก็แปลงเป็นตัวเล็น ไปกัดเนื้อที่เอวของปีศาจ ปีศาจก็เกาไม่หยุด จนต้องปลดระฆังออกส่งให้พระมเหสีช่วยเก็บไว้ตามเดิม เห้งเจียได้ระฆังวิเศษแล้วก็เนรมิตระฆังปลอม ๓ ใบขึ้นมาแทน มอบให้พระมเหสีเก็บไว้

ครั้นรุ่งเช้า เห้งเจียก็ชักตะบองออกขู่คำราม ท้าทายปีศาจให้ออกมาสู้รบกัน ไซ้ทั้ยส่วยก็คว้าระฆังจากพระมเหสีมาสู้รบกับเห้งเจีย เห้งเจียจึงชูระฆังจริงให้ดู ปีศาจก็ตกตะลึงหมดเรี่ยวแรงทันที ขณะที่เห้งเจียกำลังจะฆ่าปีศาจ กวนอิมก็เสด็จมาห้ามไว้ แล้วทรงบอกว่าปีศาจไซ้ทั้ยส่วยคือสิงห์พาหนะของพระองค์เอง หนีมาเป็นปีศาจเพื่อลงโทษพระราชากับพระมเหสีที่เคยพรากคู่นกผัวเมียมาก่อน

เมื่อพระกวนอิมจูงสิงห์ของพระองค์จากไปแล้ว เห้งเจียก็เอาไฟจุดเผาสมุนปีศาจเสียสิ้นแล้วทูลเชิญพระมเหสีกลับเมือง

ฝ่ายพระราชาก็ออกมารับพระมเหสี ด้วยพระทัยปีติโสมนัสยิ่ง ทรงทำสักการะใหญ่แก่เห้งเจีย อีกทูลเชิญพระถังซัมจั๋งขึ้นเสวยราชสมบัติแทนพระองค์ แต่พระถังปฏิเสธ ขอแต่หนังสือผ่านเมืองเท่านั้น ครั้นได้หนังสือผ่านเมืองแล้ว พระถังและศิษย์ก็ทูลลาพระราชา บ่ายหน้าทางทิศปราจีน มุ่งสู่ไซทีต่อไป.........



Photobucket




รูป : โรคกิเลสนี่แปลก พอระบุชื่อ รู้สมุฎฐานเท่านั้นก็อาการดีขึ้น

นาม : ใช่ซี พอรู้ว่าอ้ายนี่แหละคือกิเลสนั้น ๆ มันก็กลายเป็นปัญญา กลายเป็นแสงสว่างขึ้นมาทีเดียว

รูป : อย่างโมหะคือความมืดมนไม่รู้ ครั้นโมหะถูกกำหนดได้ว่า...อ้าว...นี่แหละโมหะล่ะ ความรู้คือแสงสว่าง เมื่อแสงสว่างเกิดความมืดก็หายไป

โหงว : นอกจากว่าแสงสว่างของความรู้นั้น มันจะกลับเป็นความมืดชนิดสีขาวขึ้นมาอีก

รูป : คือเป็นโมหะซ้อนโมหะ แล้วเป็นเหตุให้รู้สึกเหมือนรู้ เสียจนหลุดพ้นโง่ ๆ ไปงั้นเอง

นาม : เอาล่ะ โรควิหคพลัดคู่แกว่าคืออะไร ?

รูป : ชีวิตเพิ่งละลาภสักการะ ทางเหม็นมาหยก ๆ มันก็ต้องโรคชินที่จะอาลัยเหยื่อน่ะสิ

นาม : จริง ๆ คือว่า ไม่อาลัยลาภสักการะดอก แต่มันเคย "สวาปาม" เข้าไปสะสมของเน่า โสโครกไว้มาก

รูป : จึงต้องกินยาถ่าย รุของโสโครกออกเสียให้หมด

โหงว : ยานั้นคืออะไรเล่า...?

นาม : ปัญญาก็มาปรุงยา รักษาโรคติดของเน่าโสโครก สัจจะคือน้ำเต้า, ทมะ คือ เขม่าก้นหม้อ , ขันติคือ น้ำเยี่ยวม้าขาว จาคะคือสลอด

รูป : แกนี่ลากหาความเก่งชะมัด ไหนลองเฉลยอุปมาดูซิ

นาม :
สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ คือ ธรรมะ เครื่องมือที่จะละโรคอาลัยกิเลส เป็นยาขนานเอกที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ
อิงฺฆ อญฺเญปิ ปุจฺฉสฺสุ ปุถู สมณพฺราหฺมเณ ยทิ สจฺจา ทมา จาคา ขนฺตยา ภิยฺโยธ วิชฺชตีติ - เชิญท่านไปลองถาม สมณพราหมณ์อื่นดูบ้างว่า มีธรรมะหมวดไหนเลิศไปกว่า สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ในโลกนี้
สัจจะคือ ตั้งสัจจะจริงจัง จริงใจ ซื่อตรง ปักใจตรงต่อสิ่งที่จะทำ คือจะละอาลัยในกิเลส
ทมะ เมื่อตั้งสัจจะแล้ว ก็ต้องข่มใจให้ทำตามที่ตั้งสัจจะไว้ เพราะถ้าไม่ข่มมันจะเปลี่ยนอุดมการณ์
ขันติ เมื่อข่มจิตเข้ามันก็เจ็บปวด จะต้องทน อดทน ทนทาน ทรหด ไม่ยอมเปลี่ยนอุดมการณ์ที่ตั้งสัจจ์ไว้
จาคะ ทนมาก ๆ เดี๋ยวมันจะทนไม่ไหว เก็บกดมาก ๆ เดี๋ยวมันระเบิด ก็หาทางระบายสิ่งที่เป็นอุปสรรค คือละกิเลสเสีย ละสันดานเลวเสีย ละอาลัยเสีย จะได้ไม่ต้องทนมากนัก


รูป : จาคะคือถ่ายรุสันดานเลว สันดานกิเลสออกดุจกินสลอดซีนะ

นาม : ใช่ซี

รูป : ขันติก็คือวิริยะ(ม้าขาว)อุปมาด้วยน้ำมูตรม้าขาว ทีนี้ทมะทำไมเปรียบด้วยลูกน้ำเต้า ?

นาม : จนจริง ๆ

โหงว : ฉันก็จนใจจริง ๆ

รูป : ผมก็จนใจ โธ่ แต่งเองยังจน...

นาม : เอาล่ะ ทีนี้มาถึงยาที่ประกอบด้วยตัวยา ๔ อย่างนี้ ต้องมีน้ำกระสาย มิฉะนั้นกินไม่ลงใช่ไหมครับ ?

โหงว : ใช่ซี ยาขนานนี้แสนขม เพราะเป็นทั้งการข่มใจและละสันดาน ถ่ายรุกิเลสใครจะกล้ากินล้วน ๆ เล่า

รูป : น้ำกระสาย ๒ ชนิดช่วยให้กินลง

นาม : คือ ฉันทะ ปีติพอใจต่อการกระทำนั้นแหละ จะหล่อเลี้ยงให้กินยา ดุจน้ำกระสายช่วยให้กินยาได้ง่ายขึ้น

โหงว : น้ำกระสายชนิดแรก มี ๖ สิ่ง...?

นาม : จนใจจริง ๆ

รูป : เฮ้อ...ลากเข้าหาความก็ได้ละน้า...

นาม : จน

โหงว : ของไม่มี ของหาไม่ได้เพราะไม่มี

นาม : เอาความไม่มีไม่เป็นเข้าเป็นน้ำกระสาย เด็ดดวงไปเลย ทีนี้ น้ำไม่มีรากล่ะ ?

โหงว : น้ำไม่มีรากที่ต้องใช้เห้งเจีย โป้ยก่ายซัวเจ๋ง และพยาเล่งอ่องร่วมกันทำ คือปีติ ที่เกิดขากปัญญา ศีล สมาธิ และเจริญด้วยอิทธิบาทสี่ มีฉันทะเป็นต้น

รูป : ด้วยปัญญา ศีล สมาธิประกอบกับฉันทะ ทำให้มากจนน้ำไม่มีราก คือปีติหลั่งลงให้ความชุ่มชื่นแก่ชีวิต

โหงว : ปีติดุจฝน นี่คือน้ำกระสายยา เมื่อมีปีติหล่อเลี้ยง สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ก็ทำงานของมันได้เต็มที่ ไม่มีเบื่อ ไม่ทนทรมาน ไม่เก็บกด

รูป : (หัวเราะ)พระราชาก็ถ่ายของโสโครกออกหมดพุง

นาม : โรคอาลัย "เหยื่อ" ก็สร่างซา

โหงว : ทีนี้ปัญญาก็อาสาไปปลดปล่อยพระมเหสี

รูป : ตอนนี้ผมว่าอาจารย์เลียนแบบรามเกียรติ์ เอ้า...

โหงว : ก็ใครว่าไม่ใช่เล่า

นาม : คือตอนไหน...?

รูป : ตอนหนุมานถวายแหวน แต่ของอาจารย์กลับเป็นเห้งเจียแสดงสายประคำทอง แล้วความร้อนที่กันไม่ให้ทศกัณฐ์เข้าใกล้นางสีดาในรามเกียรติ์นั้น ของอาจารย์กลับเป็นให้มเหสีสวมเสื้อหนามพุงดอไปฉิบ...!


(จบบทที่ ๓๓ โปรดติดตามตอนต่อไป...)





** คัดจาก "เดินทางไกลกับไซอิ๋ว" โดย "เขมานันทะ" หน้า ๑๘๕ - ๑๙๒ )








Create Date : 09 กันยายน 2551
Last Update : 9 กันยายน 2551 9:18:09 น. 5 comments
Counter : 1388 Pageviews.

 
55 โรคนี้คนเป็นกันเยอะนะพี่แม่ไก่... รู้วิธีรักษา แต่ก็ไม่หายกันง่ายๆ ด้วยซี


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:12:15:04 น.  

 
ผมไปรับปากกับซาโจ้ชาวญี่ปุ่น
เพราะเค้าชอบพู่กันเดียวของผมครับ
เลยคิดว่าถ้าจะทำนิทรรศการ
อาจจะไปที่ญี่ปุ่นก่อนครับ

รับปากเค้าไว้...
แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องรอหมิงหมิงโตขนาดไหน
ถึงจะได้ไปครับ









โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:12:23:54 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:12:54:07 น.  

 
รูป : โรคกิเลสนี่แปลก พอระบุชื่อ รู้สมุฎฐานเท่านั้นก็อาการดีขึ้น

นาม : ใช่ซี พอรู้ว่าอ้ายนี่แหละคือกิเลสนั้น ๆ มันก็กลายเป็นปัญญา กลายเป็นแสงสว่างขึ้นมาทีเดียว



ตามมาอ่าน
อย่างต่อเนื่องค่ะ

การรู้ว่า สิ่งที่รู้คืออะไร
(ด้วยปัญญา)

เรียกว่า แยกรูปแยกนามได้
(คิดว่า ใช่นะคะ)







เอาความเขียว ของใบไม้ร่มเย็น
มาฝากค่ะ


โดย: treehouse วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:15:38:26 น.  

 
แวะมาเยี่ยมเจ้าปี้สาว
โรคอาลัยเยื่อแบบนี้สมัยนี้เปิ๋นกั๋นนักเนอะเจ้า

ตางนี้ฝนตลกบ่อยๆ ได้ข่าวว่า
ตางปู้นก็ฝนตกหลาย...รักษาสุขภาพด้วยเน้อเจ้า


โดย: BeCoffee วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:22:27:51 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.