วันนี้ ทุกจอคอมพิวเตอร์ ในบ้านคุณ

รีวิวหนัง : Gone Girl เธอ เขา และความลับของเรา



การกลับมาอีกครั้งของ เดวิด ฟินเชอร์ ผู้กำกับมากฝีมือที่คราวนี้หยิบเอา Gone Girl นิยายสืบสวนของ จิลเลียน ฟลินน์ นักเขียนสาว มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์ในชื่อเดียวกัน โดยได้ตัว เบน แอฟเฟล็ก กับ โรซามัน ไพค์ มารับหน้าที่แสดงนำ 

Gone Girl เล่าถึงเรื่องราวการหายตัวไปของ เอมี่ ในวันครบรอบการแต่งงานปีที่5 นิค สามีของเธอเข้าแจ้งความและพยายามค้นหาความจริง แต่ก็ไม่พบวี่แววของเธอ ต่อมาคดีการหายตัวของ เอมี่ ในเมืองชนบทอันเงียบสงบค่อยๆโด่งดังขึ้น พ่อแม่เอมี่ตั้งศูนย์ตามหาเธอ คนเกือบทั้งเมืองออกมาช่วย สื่อมวลชนหลายสำนักให้ความสนใจในการนำเสนอข่าวเพื่อตอบสนองคนค่อนประเทศซึ่งเฝ้าติดตามคดีนี้

ทว่าสิ่งที่น่าแปลกคือทุกเบาะแสที่ตำรวจพบชี้ไปที่ตัว นิค สามีของ เอมี่ เขาพยายามพิสูจน์ตัวเองให้พ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยฆาตกรรมภรรยา โดยได้รับความช่วยเหลือจาก มาร์โก้ น้องสาวฝาแฝดที่รวบรวมเงินก้อนสุดท้ายจ้างทนายฝีมือดีมาสู้คดี ซึ่งหากแพ้ นิค อาจไม่ใช่แค่ติดคุก เพราะโทษสูงสุดของรัฐนี้คือ ประหารชีวิต

บทหนังถ่ายทอดตัวอักษรออกมาเป็นภาพได้ลงตัว กระชับ ดูสนุก น่าติดตาม ทำให้คนดูเพลิดเพลินกับมหากาพย์หนังสืบสวนดราม่าจิตวิทยาได้ตลอดเกือบ3ชั่วโมงโดยแทบไม่มีซีนน่าเบื่อเลย เด่นมากคือบรรยากาศหวาดระแวง ไม่น่าไว้วางใจซึ่งเจืออยู่ทุกฉาก หนังมีหลายรสทั้ง ลุ้นไปกับการสืบสวน ขำไปกับตลกร้าย สะเทือนใจไปกับดราม่าชีวิตคู่ และหลอนไปกับความจิตของตัวละคร ผู้กำกับเก็บความลับดี เฉลยปริศนาออกมาอย่างถูกจังหวะ ล่อหลอกอย่างมีชั้นเชิงก่อนจะปล่อยหมัดเด็ดจัดการคนดูในช่วงท้าย ที่สำคัญ แม้หนังจะมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน สร้างคำถามมากมาย แต่ก็เล่าออกมาให้เราเข้าใจง่าย คลี่คลาย ไม่สับสน

เนื้อหาส่วนหนึ่งจิกกัดสังคมอเมริกันโดยเฉพาะสถาบันครอบครัว ตีแผ่ด้านมืดของชีวิตคู่ รวมถึงวิพากย์ช่องโหว่ต่างๆของกฏหมาย แต่ที่เจอจัดหนักเห็นจะเป็นวงการทีวีสหรัฐฯซึ่งโดนเสียดสีถึงการนำเสนอข่าวแบบสร้างกระแส เอาคดีความมาขายเป็นดราม่า ชี้นำผู้ชม ใส่สีตีไข่ ทำทุกอย่างเพื่อเรียกเรตติ้ง จนข่าวกลายเป็นรายการเรียลริตี้ (คุ้นๆว่าบ้านเราก็มีนะ) ไหนจะความเสแสร้งและความไร้มารยาทของสื่อมวลชนอีก เหล่านี้เป็นความร้ายกาจในการแฝงประเด็นของ ฟินเชอร์

การแสดง เบน แอฟเฟล็ก ในบท นิค เล่นได้ยอดเยี่ยมมาก คาแร็กเตอร์นี้เหมือนเขาแสดงเป็นตัวเองในสมัยหนุ่มที่มีข่าวรักๆเลิกๆกับดาราสาวหลายคน ขณะที่ โรซามัน ไพค์ ที่แสดงเป็น เอมี่ บอกได้คำเดียวว่าสุดยอด ลืมภาพของเธอในหนังสายลับอย่าง James Bond หรือ Jack Reacher ไปได้เลย ตัวละครของเธอมีพัฒนาการที่ดีมาก ผู้ชมจะได้เห็นสภาพที่สวยที่สุดและโทรมที่สุดของเธอ หากเป็นหนังรักคงต้องใช้คำว่าเคมีเข้ากัน แต่สำหรับ Gone Girl คู่นี้เหมาะสมกันแบบ หญิงก็ร้าย ชายก็เลว (หมายถึงในเรื่องนะ) ส่วนที่ดีที่สุดของหนังคือ การแสดงซ้อนการแสดงของทั่งคู่ เฉียบขาดแพรวพราวจนอยากเชียร์ให้ได้รางวัลสาขานักแสดงนำทั้งสองคน

Gone Girl เป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่ทรงพลัง ไม่ใช่หนังสืบสวนดาร์คๆประเภท Seven , Zodiac หรือ The Girl with the Dragon Tattoo ของผู้กำกับ แต่เป็นหนังสืบสวนแนวเดียวกับ Secret Window ผสม Match point ที่คุณไม่ต้องเสียแรงขบคิดหาตัวฆาตกร เรามีหน้าที่เพียงปล่อยใจให้บันเทิงไปกับมันก็พอ ซึ่งดูจบแล้ว สายตาของคุณที่มองข่าวจากทีวีอาจเปลี่ยนแปลงไป

คะแนน 9/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/116387/?link=4 




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2557    
Last Update : 17 ตุลาคม 2557 18:09:06 น.
Counter : 1331 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Automata การดิ้นรนของสองเผ่าพันธุ์


คงต้องยํ้ากันอีกสักรอบว่า Automata ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นแบบ i robot และที่สำคัญไม่ใช่ภาพยนตร์อลังการงานสร้างจากฮอลลีวู้ด แต่เป็นหนังไซไฟสัญชาติสเปน เพราะหลายคนที่ตีความจากโปสเตอร์กับตัวอย่างหนังแล้ว ส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด

เนื้อหาของหนังกล่าวถึงโลกอนาคตที่ชั้นบรรยากาศถูกทำลาย สภาพอากาศเลวร้าย เต็มไปด้วยพื้นที่กัมมันตรังสี มนุษย์โลกจำนวนหนึ่งที่รอดชีวิตต้องอาศัยอยู่ในโซนปลอดภัย พวกเขาจึงสร้างหุ่นยนต์มาใช้ทำงานต่างๆแทน ตั้งแต่งานในโรงงานไปจนถึงงานบ้าน

ฌาค โวแคน (แอนโตนิโอ แบนเดรัส) เจ้าหน้าที่ด้านการประกันสินค้าของบริษัทที่ผลิตหุ่นยนต์อำนวยความสะดวกให้กับมนุษย­์ ได้รับการร้องเรียนถึงความผิดปกติของสินค­้า เมื่อหุ่นยนต์หลายๆตัวเริ่มขัดคำสั่งมนุษย์และดัดแปลงตัวเอง แต่ยิ่งสืบสวนลึกเข้าไป เขาก็พบว่าเบื้องหลังความจริงดังกล่าวเกี่ยวพันกับวิวัฒนาการอันมหัศจรรย์ของหุ่นยนต์

หนังดำเนินเรื่องแบบราบเรียบ ไม่หวือหวา พูดถึงเรื่องปรัชญามากว่าวิทยาศาสตร์ ทั้งการเสียดสีมนุษย์ที่ไม่ว่าโลกจะพัฒนาหรือเสื่อมไปถึงไหนก็ยังคงพยายามจะควบคุมทุกอย่าง วางตัวเองอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารเสมอ รวมถึงยังจับประเด็นความแตกต่างทางชนชั้นในสังคมมนุษย์อีกด้วย

แม้หนังจะไม่ได้ลํ้าจินตนาการแบบที่หลายคนคาดหวัง แต่มีความลึกในเนื้อหาพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของเผ่าพันธุ์เก่ากับเผ่าพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีฉากหลังเป็นยุคสมัยที่กํ่ากึ่งระหว่างเริ่มต้นกับสิ้นสุด การถ่ายทอดภาพสวยงาม ฉากทะเลทรายดูอ้างว้างไร้ความหวังเหมือนความคิดของ มนุษย์ ในเรื่อง

Automata ทำให้นึกถึงหนังไซไฟหลายๆเรื่อง อาทิ Ai ที่ว่าด้วยการมีชีวิตของ ปัญญาประดิษฐ์ Her ในแง่ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของคนกับหุ่นยนต์ กับบางคนมันเป็นแค่วัตถุ กับบางคนเป็นทาส กับบางคนเป็นเพื่อน และกับบางคนเป็นได้ถึงคนรัก นอกจากนี้ยังมีตัวละครอย่างเจ้าหุ่นตัวเล็กที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ส่วนของใบหน้าทำให้อดคิดถึงเจ้า Wall-E ไม่ได้จริงๆ

สำหรับการแสดง บอกว่าเป็นการโชว์เดี่ยวของ แอนโตนิโอ แบนเดรัส ก็ว่าได้ ถือว่าไม่เลวเลยกับการเล่นหนังไซไฟเรื่องแรก ซีนที่อยู่กับหุ่นยนต์เขาทำให้คนดูเชื่อได้ว่าหุ่นยนต์มันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ น่าเสียดายที่ตัวละครมนุษย์ตัวอื่นๆยังทำได้ดีไม่ถึงมาตรฐานหนังจึงขาดความสมดุล

Automata เป็นหนังที่เล่าถึงหุ่นยนต์ในทางที่ต่างออกไป มีจุดที่ชวนให้ฉุกคิดและชวนสงสัยคล้ายๆ Transcendence กระนั้น ด้วยความที่หนังไม่มีแนวทางชัดเจน เริ่มเรื่องด้วยไซไฟ ต่อด้วยสืบสวน แต่จบด้วยดราม่าปรัชญาชีวิต ทำให้ไปไม่ถึงสักทาง ไม่อาจบอกได้เต็มปากว่าสนุก ทว่าก็สร้างความเพลิดเพลินในระดับหนึ่ง

คะแนน 7/10 

โดยนกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/140354/?link=4




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2557    
Last Update : 13 ตุลาคม 2557 17:21:03 น.
Counter : 1328 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Rurouni Kenshin 2 ซามูไรโตเกียว ปะทะ นักฆ่าเกียวโต


แม้ว่าจะเกิดทันได้อ่านและดูการ์ตูนเรื่อง ซามูไรพเนจร ของ โนบุฮิโระ วาสึกิ แต่ส่วนตัวแค่ผ่านๆตา ไม่ได้อ่านหรือดูจริงจังเลย มีเล่นเกมส์บ้าง ในมังงะรุ่นเดียวกันผมกลับไปอ่านเรื่องอื่นๆแทน มาหลงสเน่ห์เข้าอีกทีก็ตอนเป็นหนังชื่อ Rurouni kenshin samurai x ที่เข้าฉายเมื่อปีที่ผ่านมา

Rurouni Kenshin 2 เป็นภาคต่อของ ซามูไรพเนจร ฉบับคนแสดงที่ใช้ทุนสร้างมหาศาลและประสบความสำเร็จทำรายได้อย่างงดงามในประเทศบ้านเกิด สิ่งที่แฟนการ์ตูนชอบใจที่สุดก็คือการเลือกตัวนักแสดงซึ่งคล้ายกับฉบับการ์ตูนค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับหนังที่สร้างจากการ์ตูนในเรื่องก่อนหน้า

ภาคนี้เนื้อหาต่อเนื่องจากภาคที่แล้วนิดหน่อย แต่ใครไม่ได้ดูภาคแรกก็สามารถข้ามมาดูภาคสองได้รู้เรื่อง เพียงแต่อาจจะหลุดรายละเอียดบางอย่างไปบ้าง โดย เคนชิน อดีตซามูไรมือสังหารนาม บัตโตไซ เจ้าของท่า เพลงดาบล่องนภา ลามือจากวงการออกเดินทางพเนจรช่วยเหลือคนไปทั่ว ซึ่งอาวุธประจำตัวของเขาคือ ดาบสลับคม ที่หันด้านคมหาตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องฆ่าใครอีกตามที่เขาได้ปฏิญาณไว้ เขามาอาศัยอยู่กับ คาโอรุ สาวผู้สืบทอดสำนักดาบไม้ เช่นเดียวกับ เมียวยิน ยาฮิโกะ นักดาบน้อยลูกชายอดีตไดเมียว ทากานิ เมกุมิ หมอหญิงฝีมือดี และ ซางาระ ซาโนสุเกะ นักเลงหนุ่มผู้เป็นสหายกับ เคนชิน ในโตเกียว

โอคุโบ เสนาบดีรู้ถึงแผนการร้ายของ ชิชิโอ นักฆ่าที่ถูกหักหลังจนเกิดความแค้นต่อรัฐบาล จึงส่ง ไซโต ฮาจิเมะ ตำรวจอดีตซามูไรฝีมือดีไปจัดการแต่ก็เข้าถึงตัว ชิชิโอ ไม่ได้ ทางการขอร้อง เคนชิน ให้ช่วยสู้กับชิชิโอแต่ถูกปฏิเสธ ต่อมา โอคุโบ ถูกลูกน้องชิชิโอลอบฆ่า เคนชิน ต้องการจะหยุดเรื่องนี้จึงเดินทางไปเกียวโตคนเดียว ระหว่างทางเขาเจอกับ มิซาโอะ นินจาสาวที่พาเขาไปพบ โอคินะ คาชิวาซากิ เนนจิ ปู่ของเธอที่เป็นหัวหน้ากลุ่มโอนิวาบัง(นินจา)ในเกียวโต ชิชิโอ เรียก จุปปงกาตานะ สิบนักฆ่ามือฉกาจมาช่วยในแผนเผาเมืองเกียวโต ขณะที่ ซาโนสุเกะ , ยาฮิโกะ และ คาโอรุ ก็ตามมาช่วย เคนชิน ด้วยเช่นกัน

บทหนังดัดแปลงจากการ์ตูนได้ดี กระชับ ดูสนุก เนื้อหาเข้มข้นกว่าภาคแรก ฉากต่อสู้ก็อลังการ ตื่นตาตื่นใจ เสียตรงเวลามีซีนต่อสู้ตะลุมบอนที่มีคนเยอะดูมั่วๆไปหน่อย ด้วยการที่ภาคนี้มีตัวร้ายหลายตัว แต่ละตัวก็มีคาแร็คเตอร์โดดเด่น โดยเฉพาะ ชิชิโอ น่าเกรมขราม เป็นคู่ต่อสู้ที่สมนํ้าสมเนื้อกับ เคนชิน การต่อสู้แต่ต้องไม่ฆ่าใครของตัวเอกยังคงจุดขายที่นำมาใช้ต่อเนื่อง

ทาเครุ ซาโตะ ผู้รับบท เคนชิน แสดงได้ดีขึ้น มีบทพูดและแสดงอารมณ์มากกว่าภาคแรก ที่สำคัญคือมาดเท่กว่าในการ์ตูน เอมิ ทาเคอิ ที่แสดงเป็น คาโอรุ น่ารักกว่าภาคแรกเมื่อเปลี่ยนเอาทรงผมหน้าม้าออก แต่ที่โดดเด่นสุดๆหนีไม่พ้น ทัตสึยะ ฟูจิวาระ ที่เล่นเป็น ชิชิโอ ถึงจะมีผ้าพันแผลปิดหน้าเห็นแค่ปากกับตา แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารทางอารมณ์เลย

พากย์ไทยมีส่วนทำให้อรรถรสของหนังเสีย ทีมพากย์พันธมิตรยังคงพยายามตลก เล่นนอกบทและเล่นมุขฝืดขัดกับบรรยากาศของหนังเหมือนเคย ที่น่ารำคาญที่สุดคือเสียงพากย์ ซาโนสุเกะ นอกจากจะไม่ฮาแล้วยังทำให้ตัวละครดีๆกลายเป็นตัวโจ๊ก ดีใจเมื่อรู้ว่าในภาคจบ Rurouni Kenshin จะมีการฉายแบบเสียงญี่ปุ่นซับไทยให้ชมกัน

Rurouni Kenshin 2 เป็นหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีของเอเชียที่ทำได้เยี่ยมไม่แพ้ฝั่งฮอลลีวู้ด เป็นภาคต่อที่ปูไปสู่ภาคจบได้ดี ถึงไม่ได้เป็นแฟนการ์ตูนมาก่อนก็ดูรู้เรื่อง แต่หากอยากชมให้สนุกขึ้นลองหาดูภาคแรกมาดูก่อนหรือไม่ก็อ่านข้อมูลตัวละครคร่าวๆไปบ้าง เพราะหนังแนวนี้ตามธรรมชาติจะมีตัวละครเยอะอยู่แล้ว แถมภาคหน้าก็ยังมีมาเพิ่มอีก

คะแนน 8/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/119521/?link=4 




 

Create Date : 08 ตุลาคม 2557    
Last Update : 9 ตุลาคม 2557 10:26:18 น.
Counter : 2962 Pageviews.  

รีวิวหนัง : A Walk Among the Tombstones ไล่ล่าเพื่อลบล้าง



ภาพยนตร์ทริลเลอร์สืบสวนสอบสวนชื่อยาวเรื่องนี้สร้างจากหนังสือนิยายชื่อเดียวกันของ Lawrence Block ได้ตัว เลียม นีสัน พระเอกนักบู๊วัยดึกมารับบทอดีตนายตำรวจที่มีอดีตอันปวดร้าว เย็นชา สันโดด ติดเหล้า แต่มีฝีมือ ลุคเช่นเดียวกับหลายเรื่องๆที่ผ่านมาของเขา ส่วนตัวชอบหนังแนวนี้อยู่แล้ว และพบว่าปีนี้ผมได้ดูหนังเกือบทุกเรื่องที่เขาแสดง (ขาด Third Person เรื่องเดียว) 

A Walk Among the Tombstones เล่าถึง แม็ธ อดีตตํารวจที่ยิงปืนพลาดไปถูกเด็กคนหนึ่งเสียชีวิตขณะตามจับคนร้าย ผลการตรวจพบว่าเขาดื่มเหล้าในช่วงเกิดเหตุ แม็ธ รู้สึกผิดฝังใจกับเรื่องดังกล่าวจึงลาออกมาเป็นนักสืบเอกชน วันหนึ่งเขาได้รับการชักชวนจากเพื่อนในโครงการบำบัดอาการติดสุราให้ช่วยสืบคดีของพี่ชายเขาที่เป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ซึ่งเมียถูกลักพาตัวไปฆาตกรรม มากกว่านั้นคือสภาพศพของเธอถูกหั่นเป็นชิ้นทิ้งไว้ในท้ายรถ ชี้ให้เห็นว่าคนร้ายมีปัญหาทางจิต

ระหว่างสืบคดี แม็ธ ได้พบกับ ทีเจ เด็กชายผิวสีที่ชอบหนีออกจากสถานพินิจมาหมกตัวอยู่ในห้องสมุด ทีเจ ช่วย แม็ธ หาข้อมูลในคดีและพยายามติดตามเขาเพราะอยากเป็นนักสืบบ้าง ในส่วนของคดี คนร้ายที่คล้ายจะลอยนวลกลับมาออกเหยื่อคนต่อไปอีกครั้ง แม็ธ จึงต้องไล่ล่าคนร้ายให้ได้ เพื่อหยุดแผนสุดอำมหิตของพวกมัน

บทหนังถือว่าคุมโทนและบรรยากาศลึกลับได้ดี หลอนนิดๆ เหมือนดูภาพยนตร์สืบสวนสนุกๆอย่าง Along Came a Spider และ The Girl with the Dragon Tattoo แต่ในแง่ความกดดันคนดู ยังทำได้ไม่ถึงเหมือนกับ Prisoners น่าเสียดายที่คนร้ายถูกเปิดเผยตัวตั้งแต่ช่วงแรกๆ ทำให้ลดความน่าหวาดกลัวไปพอสมควร หนังจับประเด็นการทำความดีลบล้างความผิด โดยยกให้ แม็ธ เป็นตัวแทน ซึ่งการใส่ข้อความบัญญัติ12ประการในศาสนาเข้ามานั้น ดูล้นเกินไป ทำให้ผู้ชมไม่อิน 

เช่นเดียวกับการเฉลยปริศนาซึ่งทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่น่าประทับใจ นื้อหาที่พอคาดเดาได้ทำให้ไม่มีจุดหักมุมสร้างความประหลาดใจกับคนดูเหมือนภาพยนตร์สืบสวนอื่นๆ กระนั้น ก็ยังดีที่มีชาตากรรมอันน่าสงสารของเหยื่อที่น่าติดตาม ทำให้ผู้ชมได้ลุ้นเอาใจช่วย

การถ่ายภาพยอดเยี่ยมมาก แม้จะเป็นหนังทริลเลอร์แต่กลับไม่ได้ขายฉากเลือดสาดหรือสภาพศพชวนแหวะ มีฉากสวยๆเยอะ ผู้กำกับใช้มุมกล้องล้อหลอกคนดูเก่ง นอกจากนั้นยังมีซีนสโลว์งามๆอาร์ทๆที่ทำเอาเราลืมไปเลยว่ากำลังชมหนังแนวระทึกขวัญอยู่ ขณะที่ดนตรีประกอบก็สอดรับเข้าขาเป็นอย่างดี

ตัวละคร ในเรื่องนี้หนังให้ความสำคัญกับ ตัวเอก มากจนไม่สนใจ ตัวร้าย ทำให้ช่วงท้ายเรื่องที่ควรจะเข้มข้นดร็อปลง ตัวละครที่ควรจะเด่นไม่เด่น ตัวละครที่ไม่ควรจะเด่นอย่าง ทีเจ เด็กตัวแสบดันมีบทมากจนเกือบน่ารำคาญ ไม่ดีพอจะเป็นคู่หูกัน ด้านพี่ค้ายากับน้องเสพยาที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรก็กลับมาเด่นในช่วงท้ายซะงั้น ซีนอารมณ์สองคนนี้ที่มาแทรกในช่วงไคลแม็กซ์ต้องบอกว่าไม่ค่อยถูกกาลเทสะนัก

ทว่า เลียม นีสัน ยังคงรักษามาตรฐานในการแสดงของตัวเอง ด้วยบทอันคุ้นเคยจึงไม่สร้างปัญหาในการถ่ายทอดอารมณ์ ยังคงฉายภาพฮีโร่เบาๆ นับเป็นดารารุ่นใหญ่ที่คงสเน่ห์ ความเก๋า แพรวพราว ชนิดที่นักแสดงรุ่นใหม่หลายคนยังต้องยอมนิ้วให้ในความสามารถ เว้นแต่ว่าคุณจะเริ่มเบื่อชายผมสีดอกเลาขี้หงุดหงิดที่ฉลาดเป็นกรดและเก่งกาจในการต่อสู้คนนี้แล้ว

คะแนน 7.5/10

โดยนกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/139593/?link=4




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2557    
Last Update : 7 ตุลาคม 2557 17:32:06 น.
Counter : 1783 Pageviews.  

รีวิวหนัง : The Purge Anarchy ชั่วโมงแห่งการล้างบาป


The Purge เป็นหนังทริลเลอร์ฟอร์มเล็กที่มีพล็อตเรื่องน่าสนใจอย่างการถือกำเนิดของวันชำระบาปประจำปีของสหรัฐอเมริกา ที่ในเวลา 12 ชั่วโมง อาชญากรรมทุกประเภท รวมถึงฆาตกรรมจะกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลอ้างว่ามันทำให้สหรัฐฯกลายเป็นประเทศเกิดใหม่ โดยสามารถลดปัญหาอาชญากรรมในแต่ละปีได้เป็นจำนวนมาก(คนรอฆ่ากันในคืนล้างบาป) รวมถึงคนว่างงานและคนจนก็น้อยลงเรื่อยๆ(ถูกฆ่าตายเกือบหมด)

ตัวหนังประสบความสำเร็จเกินคาด แม้ไม่มีดาราชื่อดังของฮอลลีวู้ดร่วมแสดงเท่าไหร่ ที่คุ้นชื่อก็มี อีธาน ฮอว์ก คนเดียว แต่กลับทำกำไรจากทั่วโลกไปหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับทุนสร้างที่ไม่สูง ค่ายหนังจึงไม่รีรอที่จะสร้างภาคต่อทันที ซึ่งคราวนี้ขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้น จากคืนล้างบาปในชุมชน ขยับมาเป็นคืนล้างบาปในใจกลางเมือง โดยเรื่องราวไม่ได้เชื่อมต่อกับภาคแรก

The Purge Anachy เล่าถึงการชำระบาปประจำปีที่เวียนมาอีกครั้ง สภาพบ้านเมืองกำลังจะตกอยู่ในภาวะไร้กฎหมาย ลีโอ หนุ่มผู้สูญเสียลูกไปจากอุบัติเหตุตัดสินใจเข้าร่วมวันล้างบาป เขาขนอาวุธครบมือตั้งใจจะออกไปฆ่าคนที่เป็นต้นเหตุการตายของลูกชาย แต่แล้วดันไปช่วย อีวาและคาลี สองแม่ลูกที่กำลังจะถูกนำตัวไปสังหาร จนถูกกลุ่มติดอาวุธไล่ฆ่า ขณะเดียวกันก็มี เชน กับ ลีซ สองสามีภรรยาที่กำลังจะหย่ากัน โดยคืนนั้นพวกเขาโชคร้ายที่รถดันมาเสียทำให้กลับเข้าบ้านไม่ทันเวลามาขอความช่วยเหลืออีก ทั้ง5จึงต้องรวมตัวกันเพื่อเอาชีวิตรอดจากคํ่าคืนสุดอันตรายไปให้ได้

บทหนังทำได้ดีทีเดียว สนุก ตื่นเต้น และลุ้นระทึกไปกับชะตากรรมของกลุ่มคนที่หลุดเข้ามาอยู่ใจกลางแดนสังหารย่อมๆ แน่นอนว่าหนังมีเนื้อหาค่อนข้างรุนแรง โหดเลือดสาด แต่ก็ไม่ถึงขั้นคนขวัญอ่อนดูไม่ได้ หลายฉากสร้างความสะใจให้กับคนดูมากกว่าที่จะสยดสยอง กระนั้นก็มีจุดอ่อนที่ดูไม่สมจริงอยู่บ้าง อาทิ ลีโอ ที่ดูจะเก่งเกินไปแลัว ยังขนอาวุธออกมาจากบ้านชนิดจัดเต็มราวกับจะไปออกรบในสงคราม โอเวอร์ไปหน่อยเมื่อเทียบกับการไปฆ่าชายวัยกลางคนธรรมดาคนหนึ่ง โอเคระหว่างทางเขาต้องฟันฝ่ากับแก๊งต่างๆมากมาย ทว่ามันก็ยังดูเยอะไปอยู่ดี รวมถึงสัญญาณหมดเวลาที่ดังในตอนเช้า ทุกคนเคร่งครัดกับมันสุดๆ ในความเป็นจริงถ้ากำลังสู้กันติดพันอยู่คงไม่มีใครยอมหยุดง่ายๆ และ การเปลี่ยนใจสำนึกผิดของตัวละครในช่วงท้ายก็ดูจะง่ายดายเกินไป

ส่วนตัวชอบประเด็นการเสียดสีสังคมอเมริกัน เรื่องสีผิวถูกยกขึ้นมาพูดถึงมากกว่าภาคแรก เช่นเดียวกับเรื่องการแบ่งชนชั้น การเอารัดเอาเปรียบ คนรวยดูถูกคนจน แถมยังจงใจเล่นแง่มุมด้านการเมืองซึ่งกระทบกระเทียบรัฐบาลหลายประเทศแบบเต็มๆ นอกจากนั้นยังวิพากย์กฏหมายครอบครองปืนของสหรัฐฯได้น่าสนใจ และยังมีการเอ่ยถึงเรื่องศีลธรรม ความดี ความชั่ว ของมนุษย์ ท่ามกลางมิตรภาพของคนแปลกหน้าในคืนสุดหลอนที่น่าหวาดระแวงจนแทบไม่มีใครกล้าไว้ใจใคร

แฟรงค์ กริงโล ทำได้ดีทีเดียวกับการแสดงนำเต็มๆครั้งแรก เอาจริงๆในเรื่องนี้ก็แทบไม่มีใครโดดเด่นกว่าเขาเลย ผิดกับ แซ็ค กิลฟอร์ด ที่ดูกลืนไปกับตัวละครอื่นๆ ส่วนนักแสดงหญิงในเรื่องค่อนข้างน่าผิดหวัง หนํ้าซํ้าบางฉากยังผลัดกันซุ่มซ่าม น่ารำคาญไปหน่อย ขณะที่แก๊งค์เตอร์โหดๆกลางถนนที่คอยไล่ล่าเหยื่อก็น่าเสียดายคาแร็กเตอร์ เพราะในตัวอย่างดูเหมือนจะเป็นส่วนสำคัญของหนัง ทว่ากลับเพียงแค่โฉบไปโฉบมา ไม่น่ากลัวเลย

สำหรับ The Purge Anachy จัดว่าเป็นหนังภาคต่อที่ทำได้ดีกว่าภาคแรก มีสิ่งที่ภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่ดีควรมีเกือบครบ แม้จะจบสุขแบบกระชากอารมณ์ไปนิด แต่ปูทางไปสู่ภาคต่อไปได้ยอดเยี่ยม พลิกจากหนังอาชญกรรมบ้านๆมาเป็นหนังเชิงกฏหมายและการเมืองอย่างมีชั้นเชิง น่าติดตามพอสมควร

คะแนน 7/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/106537/?link=4




 

Create Date : 26 กันยายน 2557    
Last Update : 29 กันยายน 2557 14:58:52 น.
Counter : 1347 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

mninho
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




นกไซเบอร์ วิจารณ์หนัง
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mninho's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.