วันนี้ ทุกจอคอมพิวเตอร์ ในบ้านคุณ

รีวิวหนัง : Interstellar จักรวาลที่รัก


ความฝันอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเราก็คือการออกไปสำรวจอวกาศ หาคำตอบจากความลับทั้งหลายที่ไม่มีใครบนโลกตอบได้คือ ในเอกภพอันไพศาล ดวงดาวมากมายเป็นอนันต์เหล่านั้น จะมีดวงไหนที่เหมือนหรือคล้ายโลกของเราหรือไม่ จะมีใครอื่นหรือไม่ที่อาศัยอยู่ในจักรวาลใดสักแห่ง Interstellar เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่พูดถึงเรื่องนี้อย่างแหลมคม

หลังจากที่ คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับชื่อดังเคยพาเราดํ่าดิ่งลึกเข้าไปในจิตใจมนุษย์กับ Inception มาปีนี้เขาจะพาเราเดินทางออกไปไกลเกินขอบจักรวาลใน Interstellar เพิ่มความพิเศษโดยจะเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของเขา(และอาจจะของโลก) ที่ถ่ายทำด้วยฟิล์มและฉายในระบบ IMAX film 70 มม.

ตัวหนังเล่าถึง คูเปอร์(แมธธิว แม็คคอนนาเฮย์) พ่อลูกสองอดีตวิศวกรและนักบินอวกาศฝีมือดีที่ผันตัวมาเป็นชาวไร่ปลูกข้าวโพด ในยุคอนาคตที่โลกเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ อากาศเป็นพิษ ดินปลูกพืชได้ไม่กี่อย่าง พายุทรายพัดพาฝุ่นไปทั่ว เมิร์ฟ (แม็กเคนซี่ ฟอย) ลูกสาวของ คูเปอร์ เป็นเด็กฉลาด เธอชอบวิทยาศาสตร์มากพอๆกับพ่อ ทั้งสองจึงสนิทกันมาก 

ต่อมา คูเปอร์ ถูกชักชวนจาก ดร.แบนด์ (ไมเคิล เคน) ให้ร่วมภารกิจค้นหาดาวดวงใหม่ที่มนุษย์สามารถย้ายไปตั้งอาณานิคมได้ โดยมี เอมิเลีย (แอนน์ แฮททาเวย์) ลูกสาวของเขา กับนักวิทยาศาสตร์หัวกะทิอีกสองคนร่วมทีม เมิร์ฟ ไม่อยากให้พ่อไป แต่ คูเปอร์ ต้องการให้ลูกๆของเขาได้อยู่ในโลกใบใหม่ที่ดีกว่านี้ เขาจึงตัดสินใจทิ้งครอบครัวเพื่อเดินทางไปหาความหวังในอวกาศอันมืดมน

บทหนังดีมาก เต็มไปด้วยจินตนาการที่ลํ้าเลิศ (ยกเครดิตให้ความฉลาดของ โนแลน) แต่เล่าบนหลักความจริง มีตรรกะ บทสนทนาเต็มไปด้วยศัพท์ทางวิทยาศาสตร์เชิงลึก ทั้ง ทฤษฎีรูหนอน หลุมดำ ไบนารี่ ฟิสิกส์ ควอนตัม แรงโน้มถ่วง เวลาในอวกาศ มิติที่ 3 4 5 แน่นอนว่าต้องสร้างความมึนงงให้กับคนดู กระนั้นการดำเนินเรื่องที่ไม่ได้เร็วเกินไป รวมถึงวิธีเล่าที่มีทั้งการอธิบายและยกตัวอย่างก็ทำให้ให้คนดูเข้าใจเรื่องยากๆได้ง่ายขึ้น เด็กอ่อนวิชาวิทยาศาสตร์ที่ชื่นชอบเรื่องดวงดาวอย่างผมจึงอินกับหนังได้ แต่ต้องใช้สมาธิและความตั้งใจพอสมควร

ทว่า จุดที่ดีที่สุดของหนังกับเป็นในส่วนดราม่าครอบครัว ความสัมพันธ์ของพ่อลูก และมีการพูดถึงพลังแห่งรักด้วย โดยถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ลึกซึ้ง สะเทือนใจ ซึ่งขัดแย้งกับหลักการวิทยาศาสตร์ในหนังพอสมควร ขณะเดียวกันก็มีซีนที่ทำให้ผู้ชม ตื่นเต้น ลุ้นระทึก คาดเดายาก ชวนติดตามตลอด การถ่ายภาพสวยงามไม่แพ้ Gravity ที่เข้าฉายเมื่อปีที่แล้ว ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ยกระดับให้คนดูได้อรรถรสเพิ่มขึ้น 

แมธธิว แม็คคอนนาเฮย์ ในบท คูเปอร์ แสดงได้ดีสุดๆ อารมณ์มาเต็ม โอบอุ้มหนังไว้ได้ เชื่อว่าตัวละครนี้จะส่งให้เขาได้ลุ้นออสการ์ตัวที่สองในชีวิตช่วงต้นปีหน้า ส่วน แอนน์ แฮททาเวย์ ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว บทอาจจะไม่ได้เด่นนัก แต่เธอก็ทำให้ตัวละคร เอมิเลีย พิเศษมากๆ อีกตัวละครที่ชอบส่วนตัวคือ เจ้าหุ่นยนต์ทาร์ส ที่ทำให้นึกถึง C3P0  ใน  Star wars ผสมกับ J.A.R.V.I.S. ใน Iron man อ้อช่วงกลางเรื่องมีตัวละครลับออกมาเซอร์ไพรส์ด้วย

หนังเรื่องนี้อาจไม่ถึงขั้นเป็นงานชิ้นที่ดีที่สุดของ โนแลน แต่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่พูดได้เต็มปากว่าคือ หนังไซไฟชั้นดีแห่งยุค ที่จะสร้างปรากฏการณ์ผู้ชมเสียเงินเข้าไปดูซํ้าเรื่อยๆ และคงเป็นที่พูดถึงไปอีกหลายปี หากคุณเคยชอบโลกที่เขาสร้างขึ้นมาใน Inception อย่าพลาดการเดินทางไปในจักรวาลที่เขาเนรมิตขึ้นมากับ Interstellar

คะแนน 9.5/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/95826/?link=4




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2557 18:38:55 น.
Counter : 1256 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Fury สงครามในรถตีนตะขาบ


ในทุกปีวงการภาพยนตร์จะมีหนังเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 มาให้ชมกัน บางปีก็มีหลายเรื่อง แตกต่างแนวกันไปทั้ง แอ็คชั่น ดราม่า รักโรแมนติก ไปจนถึง ตลก เช่นเดียวกับในปีนี้ที่มี Fury เข้าฉาย หากใครสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ อาวุธ หรือ เกมส์ ย่อมคุ้นเคยดีว่าประเทศเยอรมันภายใต้การปกครองของนาซีในขณะนั้น มีชื่อเสียงอย่างมากเรื่องการรบด้วย รถถัง โดยเฉพาะ รถถังไทเกอร์ อาวุธเด็ดของนาซีที่มีเกราะหนาและพลังยิงทำลายล้างสูง ปี1939 เยอรมันกรีฑาทัพตีนตะขาบเข้ายึดประเทศโปแลนด์อย่างง่ายดายในปฏิบัติการณ์สายฟ้าแล่บ นั่นเองเป็นชนวนแรกแห่งสงคราม

Fury เป็นชื่อของรถถังรุ่นเชอร์แมนของสหรัฐฯและฝ่ายสัมพันธมิตร ที่มี ดอน (แบรด พิตต์) เป็นหัวหน้าในการคุมรถ ช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามย้ายสมรภูมิมาอยู่ที่ประเทศเยอรมันในปี1945 ลูกทีมของเขาเหลือแค่3 คือ บอยด์ (ไชอา เลอเบิฟ) พลยิงปืนรถถัง กอร์โด (ไมเคิล พีน่า) พลขับ และ เกรดี้ (โจนาธาน เบิร์นธัล) พลกระสุน

ต่อมา นอร์แมน (โลแกน เลอร์แมน) ถูกส่งตัวให้มาร่วมทีมกับ ดอน ในฐานะพลปืนกล ทั้งๆที่เขาเป็นทหารเอกสาร ไม่เคยจับปืน ไม่เคยฆ่าคน ไก่อ่อนในสมรภูมิจึงถูกรับน้องอย่างหนักจนเขาขอลาจากหน้าที่หลายครั้งแต่ก็ยังแข็งใจผ่านเรื่องร้ายๆมาได้ รถถัง5คันได้รับภารกิจพิเศษให้ไปปกป้องทางแยกสำคัญที่กำหนดชะตากรรมของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงคราม แต่สุดท้ายกลับมีเพียง ฟิวรี่ และทหาร5นายที่เหลือรอดไปถึง ขณะที่หน่วยเอสเอส (หน่วยทหารลับที่จงรักภักดีต่อฮิตเลอร์ที่สุด) แห่งนาซีประมาณ2-3ร้อยคนกำลังเดินทัพมา พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป

บทของหนังมีส่วนผสมของแอ็คชั่นและดราม่าอย่างละครึ่ง ความแตกต่างของ Fury จากหนังสงครามเรื่องอื่นๆคือหันไปถ่ายทอดชีวิตของทหารในรถถังแบบจริงจัง ซึ่งส่วนใหญ่หนังเกี่ยวกับสงครามโลกจะเล่าผ่านมุมมองทหารราบ ทหารเรือ หรือไม่ก็ นักบิน เนื้อเรื่องของ Fury ทำให้ผมนึกถึงหนังสงครามที่ที่ชื่อ Sahara ทั้งสองเรื่องมีจุดที่คล้ายกันคือไม่ได้มองรถถังเป็นแค่อาวุธ 

ฉากไคลแม็กซ์ของหนังเป็นการประจัญบานของรถถังไทเกอร์กับรถเชอร์แมน ตื่นตาตื่นใจ ลุ้นระทึก ส่วนตัวคาดหัวงว่าจะได้เห็นฉากการต่อสู้ด้วยของเหล่าตีนตะขาบมากกว่านี้ จึงผิดหวังหน่อยๆ ประเด็นมิตรภาพในหมู่ทหารที่ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันทำได้ดี ส่วนแนวคิดเรื่องความเชื่อในพระเจ้ากับการสร้างภาพให้นาซีเป็นปีศาจดูล้นและยัดเยียดไปนิด มุมมองการเล่าเป็นทางเดียวคือผ่านสายตาของทหารสหรัฐฯ แน่นอนว่ายังคงมีการแฝงแนวคิดอเมริกันฮีโร่เหมือนกับหนังสงครามเกือบทุกเรื่องจากฮอลลีวู้ด
การแสดง แบรด พิตต์ เล่นได้ดีพอสมควร ดูเก๋าที่สุด จึงรับมือกับซีนอารมณ์ต่างๆได้เยี่ยม แต่ที่โดดเด่นจริงๆกลับเป็น ไชอา เลอเบิฟ เขาถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ลึกซึ้ง ตัวละครถึงจะไม่เด่นมากแต่ก็น่าสนใจ ลุคเซอร์ๆแบบนี้ทำเอาเราลืมไปเลยว่าเขาเคยเล่นหนังบล็อกบัสเตอร์อย่าง Transformer ด้าน โลแกน เลอร์แมน บทส่งให้เขามายืนข้างหน้า และเขาก็หันเข้าหาแสงไฟแบบไม่เขินอาย ประกบกับดาราชั้นนำได้อย่างสบาย มีพัฒนาการมากขึ้นกว่าตอนเล่น Noah

โดยรวม Fury เป็นภาพยนตร์สงครามชั้นดี มีทั้งความสนุกและสาระ เป็นที่พูดถึง แต่ไม่อาจน่าจดจำเหมือน Saving private ryan ผู้กำกับพยายามสร้างความสะเทือนใจให้ผู้ชม สื่อให้เห็นถึงความโหดร้ายในสงคราม แต่ขณะเดียวกันหนังก็มีคำพูดหรือข้อความบางอย่างที่รุนแรง ดูหมิ่นล่อแหลมในการสะกิดบาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่หลายคนอยากลืมเลือน ซึ่งมักถูกดึงขึ้นมาตอกยํ้า ซํ้าแล้ว ซํ้าเล่า

คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนังFury //movie.bugaboo.tv/watch/128664/?link=4




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2557 17:38:58 น.
Counter : 1552 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Love Rosie มิตรภาพที่เติบโตเป็นความรัก


พล็อตภาพยนตร์เกี่ยวกับเพื่อนรักเพื่อนนั้น ต้องบอกว่าถูกเอามาทำจนชํ้าไปหมดแล้ว แต่ที่ผ่านมาวงการฮอลลีวู้ดยังมีมือดีทั้งคนเขียนบทและผู้กำกับซึ่งพลิกมุมมองดังกล่าวออกมานำเสนอได้แปลกใหม่ จนตราตรึงใจคอหนังไปหลายเรื่อง กับ Love Rosie ความน่าสนใจอยู่ที่สร้างหนังสือขายดีของ เซซีเลีย อเฮิร์น นักเขียนสาวมากฝีมือ ซึ่งมีฐานผู้อ่านอยู่ประมาณหนึ่ง

ดังนั้น Love Rosie จึงไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ โดยหากทางผู้กำกับ คริสเตียน ดิตเตอร์ สื่อสารจากตัวหนังสือเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ดีก็น่าจะเดินตามรอยความสำเร็จของ One Day ได้ไม่ยาก ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับหนังวัยรุ่นอยู่แล้ว ส่วนนักแสดงก็ไม่ธรรมดา ทั้ง แซม คลาฟลิน กับ ลิลลี่ คอลลินส์ ถือว่ามีชื่อเสียงพอสมควร

ตัวหนังเล่าถึง โรซี่ ดันน์ (ลิลลี คอลลินส์) กับ อเล็กซ์ สจ็วต (แซม คลาฟลิน) เพื่อนสนิทชายหญิงที่คบกันมาตั้งแต่เล็ก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อนข้างคลุมเครือระหว่าง มิตรภาพ กับ ความรัก และมันกลายเป็นปัญหาใหญ่เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น โรซี่ กับ อเล็กซ์ ต่างก็เปิดใจคบหากับคนอื่น ขณะเดียวกันก็แอบมองความเป็นไปของอีกฝ่ายอยู่เสมอ แน่นอนว่าด้วยสายตาของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ

หลังงานปาร์ตี้เรียนจบไฮสกูล โรซี่ พลาดตั้งท้อง จึงไม่ได้เรียนต่อ เธอไม่ยอมบอก อเล็กซ์ พร้อมกับปล่อยให้เขาบินไปสู่อนาคต อเล็กซ์ กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดและรู้ความจริง ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หลายปีผ่านไปไม่ว่าทั้งสองจะอยู่ไกลกันแค่ไหน เส้นทางชีวิตของเขากับเธอก็คงวนเวียนกลับมาพบกันเสมอ ด้วยสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ทั้งคู่จึงต้องพยายามอย่างมากในการห้ามใจไม่ให้ รักกัน

Love Rosie เป็นหนังรอมคอม (โรแมนติกคอเมอดี้) หวานๆ แต่ไม่ถึงกับเลี่ยน ผู้กำกับเล่าเรื่องจากหนังสือต้นฉบับออกมาได้ดี เล่นกับโชคชะตาและการคลาดกันไปมาของตัวละครได้อย่างมีชั้นเชิง โดยมีมุขตลกแทรกอยู่ตามรายทาง ระยะเวลาสิบปีของภาพยนตร์ถูกทำออกมาได้กระชับ เป็น One Day ในพาร์ทที่สว่างกว่า แถมยังมีจุดเด่นคือการให้ความสำคัญในรักครั้งแรกที่ต่อยอดออกมาเป็นรักแท้ แม้จะเพ้อฝันไปบ้างก็ยังดูสนุก

สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างคือการใช้เพลงเป็นตัวแทนการเปลี่ยนผ่านของเวลา แถมยังแฝงนัยบางอย่างในเนื้อหาได้น่ารักทั้ง Crazy in love และ  You (Very Much) ส่วนแก๊กใช้มือถือบ่งบอกยุคสมัยก็ยั่วล้อค่ายดังได้แสบสัน สำหรับจุดอ่อนคือการเดินเรื่องค่อนข้างเป็นไปตามสูตรสำเร็จ แน่นอนว่าตอนจบคาดเดาได้ไม่ยาก ไม่มีฉากหักมุมหรือเซอร์ไพรส์คนดู อีกอย่างที่เสียดายคือการพูดถึงเรื่องความฝันในชีวิต ซึ่งทำออกมาได้ฉาบฉวยเกินไป แต่ดันไปขยี้ประเด็นผู้หญิงกับผู้ชายเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ได้แทน

การแสดง ลิลลี่ คอลลินส์ กับบท โรซี่ ดูสวยมาก ตัวละครของเธอมีเสน่ห์ แถมยังมีพัฒนาการทั้งด้านอารมณ์ภายในและบุคลิกภายนอก เธอเหมาะกับหนังประเภทนี้มากกว่าหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีแบบ The Mortal Instruments  ด้าน แซม คลาฟลิน กับการรับบทนำเป็นครั้งแรกถือว่าสอบผ่าน เขาไม่ได้หล่อหรือดูดีที่สุดในเรื่อง แต่ก็มีดีพอที่จะดึงดูดผู้ชมสาวๆให้หลงรักในตัว อเล็กซ์ ที่สำคัญคือเคมีของทั้งสองเข้ากันแบบลงตัว

ด้วยความหลากหลายครบรสทั้ง ตลก ดราม่า และโรแมนซ์ บวกกับพลังอันยอดเยี่ยมของนักแสดง ทำให้หนังเรื่องนี้ น่ารัก อบอุ่น ซาบซึ้ง สัมผัสใจคนดูได้ไม่ยาก และถ้าปีที่แล้วมี About time เป็นหนังรักแห่งปี ปีนี้  Love Rosie ก็กำลังเดินทางไปสู่จุดนั้น

คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/136446/?link=4




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2557    
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2557 20:31:18 น.
Counter : 1343 Pageviews.  

รีวิวหนัง : John Wick เดี่ยวมือหนึ่ง


หลังจากถ่ายหนังชุด The Matrix คีอานู รีฟส์ ก็วนเวียนอยู่กับหนังดราม่าและแฟนตาซีเป็นส่วนใหญ่ มีจับปืนบ้างใน Constantine ปี 2005 ก่อนจะมาเล่นภาพยนตร์แอ็คชั่นยิงกันใน Street Kings เมื่อปี2008 แล้วก็ว่างเว้นจากบทบู๊ยาวๆ ก่อนจะหันไปจับดาบใน 47 Ronin ที่ฉายเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่

หลายคนเริ่มปรามาสว่า คีอานู รีฟส์ อาจไม่เหมาะกับหนังแอ็คชั่นอีกต่อไป แถมผลงานในช่วง10ปีให้หลังไม่ว่าแนวไหนก็ไม่ค่อยมีเรื่องน่าจดจำเลย กระนั้นในปี 2014 เขาก็กลับมาอีกครั้งกับบทมือปืนระดับพระกาฬในภาพยนตร์เรื่อง John Wick 

เนื้อหาของ John Wick เล่าถึง จอห์น วิค นักฆ่าอันดับ1ของวงการมือปืนที่ออกจากวังวนแห่งการสังหารไปใช้ชีวิตอย่างสงบนานหลายปี เขาเพิ่งโศกเศร้าจากการจากไปอย่างไม่คาดฝันของภรรยาสาว เธอรู้ตัวว่าป่วยหนักจึงวางแผนส่งสุนัขมาอยู่เป็นเพื่อนเขาหลังเธอตาย จอห์น เริ่มรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่แล้ววันถัดมาก็มีชายวัยรุ่นกับพวกบุกเข้ามาในบ้าน ทำร้ายร้างกายเขา ก่อนจะฉกรถคันงามไป ทว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือพวกมันฆ่าหมาของเขาตาย

จอห์น วิค หวนมาจับปืนอีกครั้งด้วยความโกรธแค้นถึงขีดสุด เขาออกลุยเดี่ยวตามล่าคนที่ฆ่าหมาของเขาซึ่งเป็นลูกชายของ วิกโก้ หัวหน้าแก๊งค์รัสเซียผู้ทรงอิทธิพลและเป็นอดีตผู้จ้างวานของเขาเอง วิกโก้ รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของ จอห์น จึงสั่งระดมคนคุ้มกันลูกชายพร้อมตั้งค่าหัวเขาเพื่อให้มือปืนชั้นนำคนอื่นมาช่วยกันจัดการ มือปืนในตำนาน 

พล็อตของหนังง่ายมาก บทไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่เสียเวลาพูดพล่ามทำเพลงให้มากความ เทนํ้าหนักให้ฉากแอ็คชั่นเป็นส่วนใหญ่ซึ่งต้องบอกว่ามันส์มาก ทำออกมาได้ถึง ซีนดวลปืนดุเดือด เสียงดังสนั่น การต่อสู้มือเปล่าก็รุนแรง  สะใจคนชอบหนังบู๊ ดนตรีประกอบเร้าอารมณ์เข้ากับบรรยากาศดิบเถื่อน คอสตูมมีสีเดียวคือดำ เลือดสาดพอสมควร แต่ไม่ถึงกับน่าแหวะ อีกอย่างที่โดดเด่นคือรถที่นำมาประกอบฉาก แต่ละคันโดนใจคนชอบรถคลาสสิกมากๆ

หนังมีส่วนที่เกินจริงไปบ้าง ไม่สมเหตุผลบ้าง (อย่าถามหาตำรวจ ยิงกันขนาดนี้เสียงหวอไม่มีสักแอะ) กระนั้นความโอเวอร์ของมันนี่แหละที่สร้างความสนุก นับเป็นหนังอาชญากรรมที่บันเทิงที่สุดในรอบหลายปี เทียบเคียงได้กับภาพยนตร์แอ็คชั่นในตำนานอย่าง Taken แต่ที่ชอบเพิ่มเติมคือการสร้างโลกของมืดปืนที่ดาร์คและคูลสุดๆ อาทิ เหรียญทองที่ใช้จ่ายกันเฉพาะวงใน ทีมเก็บศพมืออาชีพ โรงแรมมือปืน และ กฏเหล็กของวงการ

ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับฝีมือการแสดงของ คีนู รีฟส์ ที่เจ๋งสุดๆ มาดเท่เข้ากับชุดสูท ลุคไว้เครากับผมยาวอาจไม่ต่างจาก 47 Ronin เท่าไหร่ แต่ในเรื่องนี้เขาสร้างคาแร็กเตอร์ใหม่ที่น่าจดจำกว่า ถือเป็นการคืนฟอร์มแบบมีสไตล์มาก อีกคนที่เด่นรองมาคือ ไมเคิล นีควิสต์  เล่นเป็นตัวร้ายที่มีหลายมิติดี

John Wick คือการฉายเดี่ยวของ คีนู รีฟส์ ที่น่าสนใจ ถึงจะพอคาดเดาเรื่องได้ แต่ก็ยังทำให้เราลุ้นตามและเอาใจช่วยได้ตลอด ไม่ถึงกับเพอร์เฟ็กต์สมบูรณ์พร้อม แต่หากมองข้างช่องโหว่ยิบย่อยไป ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานของเขาที่ไม่ควรพลาด

คะแนน John Wick 8/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/144382/?link=4 




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2557    
Last Update : 24 ตุลาคม 2557 12:18:56 น.
Counter : 1033 Pageviews.  

รีวิวหนัง : ภวังค์รัก การล่มสลายทางความสัมพันธ์



แม้จะผ่านยุคฟองสบูเเตกป2540 หรือที่ทั่วโลกรู้จักกันว่า วิกฤติต้มยำกุ้ง ปีแห่งการล่มสลายทางเศษฐกิจของไทย แต่ผมก็ไม่ได้อินกับเรื่องราวของมันนัก ด้วยความที่ตอนนั้นยังเด็กมาก ที่บ้านไม่มีใครทำธุรกิจหรือข้องเกี่ยวกับตลาดหุ้นจึงไม่แทบกระทบ รู้แต่เรื่องรัฐบาลประกาศเงินบาทลอยตัว คนตกงานเยอะ จากข่าวที่ดูในทีวีตอนนั้นมีสองข่าวที่ผมติดตา หนึ่งคือลุงคนหนึ่งยิงตัวตายในตลาดหลักทรัพย์ กับ สองคือลุงอีกคนล้มละลายต้องมายืนขายแซนด์วิชข้างถนน

ลี ชาตะเมธีกุล มือตัดต่อชื่อดังในวงการภาพยนตร์ไทยซึ่งเป็นลูกครึ่งและตอนนั้นโตพอจะรับรู้ถึงสถานการณ์ต่างๆเกิดต้องใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว เขาบอกว่ากรุงเทพฯในยุคนั้นไม่มีวันเหมือนเดิมอีก กลายเป็นที่มาของหนังดราม่าเรื่อง ภวังค์รัก หรือในชื่อภาษาอังกฤษ Concrete Clouds ผลงานการกำกับหนังยาวครั้งแรกของเขา

ภวังค์รัก เล่าถึง มัด (อนันดา เอเวอริงแฮม) หนุมนักเรียนนอกวัย30ที่ต้องกลับมาเมืองไทยกะทันหัน หลังพ่อกระโดดตึกฆาตัวตายจากพิษเศรษฐกิจในปี2540 เขามีน้องชายวัย18ปีชื่อ นิค (ประวิทย์ ฮันแสตน ยิ้มวงสมเกียรติ) ที่ตั้งใจว่าจะพาไปอยู่เมืองนอกด้วย แต่ด้วยความห่างเหินและวัยที่ต่างทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีปัญหา มัด กลับไปพบกับ ทราย (เจนสุดา ปานโต) แฟนเก่าตอนวัยรุ่นที่กำลังผันตัวจากดารามาทำธุรกิจส่วนตัว ทั้งคู่พยายามจะสานต่ออะไรบางอย่าง แต่ก็ดูเหมือนว่าความรู้สึกไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

ขณะที่ นิค ก็ตกหลุมรัก ปูเป (สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข) สาวนอยที่อาศัยอยูที่อพารทเมนทตรงข้าม ความรักแบบป็อปปี้เลิฟเริ่มที่จะอ่อนแรงลงจากความพลิกผันของชะตาชีวิต เมื่อ นิค อาจต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ส่วน ปูเป้ ก็ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง อนาคตของทั้งสองจึงดูเลือนลางเช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่กำลังแตกสลาย

หนังดำเนินเรื่องอย่างราบเรียบ โดยใช้ความเงียบตัดสลับกับบทสนทนาที่แฝงนัยต่างๆ เล่าถึงความรักและความฝันของผู้คนในยุคสิ้นหวังได้อย่างขมขื่น ช่วงกลางเรื่องค่อนข้างเนือย น่าเบื่อ บรรยากาศชวนอึดอัด อาจทำให้คนดูบางคนง่วง หาว ไปจนถึงหลับคาโรง ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบดูหนังประเภทดราม่าอาร์ทๆ 

การถ่ายภาพสวยงาม โลเคชั่นที่ใช้ดูเป็นยุคนั้นจริงๆ ถึงจะเก่าแต่ก็ไม่ดูโบราณ ออกแนวคลาสสิกพอที่จะทำให้ผู้ชมหวนนึกถึงความหลัง ฉากเลิฟซีนถูกทำออกมาให้เป็นงานศิลปะมากกว่าจะปลุกเร้าอารมณ์ รูปแบบอีกอย่างที่น่าสนใจคือการใช้เพลงที่โด่งดังในอดีตมาประกอบในหนังเพื่อช่วยเล่าเรื่อง รวมถึงยังมีฉากที่ใช้มิวสิกวีดีโอถ่ายทอดมุมมองความคิดของตัวละคร

ตัวละครแต่ละตัวแสนเปราะบาง เราได้สำรวจความเป็นไปของพวกเขาจากห้องที่อยู่ ซึ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง อนันดา ทำได้ดีอีกเช่นเคย บท มัด เข้ากับบุคลิกของเขา เช่นเดียวกับ สายป่าน ที่เล่นเป็น ปูเป้ เธอทำให้ตัวละครตัวนี้ทั้งเข้มแข็งและอ่อนแอในเวลาเดียวกัน แต่ที่เซอร์ไพรส์คือ เจนสุด ซึ่งแสดงเป็น ทราย ผู้หญิงที่ดิ้นรนต่อสู้กับชีวิตเพียงลำพังได้อย่างยอดเยี่ยม ซํ้ายังเป็นตัวแทนในการกระทบกระเทียบค่านิยมบางอย่างในสังคมชั้นสูงไทยอีกด้วย ขณะที่ ประวิทย์ แม้บทจะไม่ได้หวือหวา ทว่าก็สอบผ่านในฐานะนักแสดงหน้าใหม่

สิ่งที่ขัดหูขัดตาคงเป็นการเอา อนันดา กับ ประวิทย์ ที่เป็นลูกครึ่งฝรั่งมาอยู่ในครอบครัวคนจีน ดูแปลกๆพิกลเวลาพวกเขาพูดคำว่า เตี่ย กระนั้นจุดนี้เป็นความตั้งใจของผู้กำกับเองที่มองว่าในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นในหนัง ละคร มิวสิกวีดีโอ หรือ โฆษณา ต่างก็มีแต่ดาราลูกครึ่งฝรั่งเต็มไปหมด สะท้อนถึงความเป็นสมัยนิยม โดยรวม ภวังค์รัก ไม่ใช่หนังที่ดูสนุก ได้อารมณ์เหงา ชวนฉุกคิดถึงความว่างเปล่าในชีวิต วิธีเล่าไม่ตรงไปตรงมาเหมือนหนังตลาด จับประเด็นน่าสนใจ ขาดเพียงความกลมกล่อมจากการสื่อสารให้คนดูทั่วไปเข้าใจได้ง่ายกว่านี้อีกนิด

คะแนน 7/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/142159/?link=4 




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2557    
Last Update : 29 ตุลาคม 2557 9:38:59 น.
Counter : 1301 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

mninho
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




นกไซเบอร์ วิจารณ์หนัง
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mninho's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.