วันนี้ ทุกจอคอมพิวเตอร์ ในบ้านคุณ

วิจารณ์หนัง : Pompeii รักในเปลวเพลิง



ปอมเปอี เป็นนครที่สาบสูญไปนานจากภัยพิบัติภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิด ลาวากับเปลวเพลิงล้างผลาญทุกสิ่ง ชาวเมืองจำนวนหนึ่งจบชีวิตที่นี่ พิกัดของ ปอมเปอี ตั้งอยู่ทางใต้ของอิตาลีใกล้กับเมืองเนเปิลส์ ซึ่งภายหลังมีผู้ขุดค้นพบซากเมืองและซากศพหลังจากผ่านไปกว่าพันปี ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในยุโรป หลายคนมีความเชื่อว่า ปอมเปอี ล่มสลายเพราะถูกเทพลงทัณฑ์ เนื่องจากเป็นเมืองคนบาปที่เต็มไปด้วย อบายมุข ความรุนแรง เซ็กส์ และความโลภ 

สำหรับตัวหนัง Pompeii ไม่ได้อ้างอิงความจริงจากประวัติศาสตร์เท่าไหร่ โดยผูกเรื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองในนครโรมัน เล่าเรื่องผ่านคู่รักต้องห้ามคือ ทาสหนุ่มจอมพลัง กับ หญิงผู้สูงศักดิ์ ที่หลงรักกันในช่วงเวลาที่เมืองดังกล่าวกำลังจะพบกับหายนะที่แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ 

พล็อตของหนังไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ เดาทางได้หมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก หรือ การต่อสู้ นำเสนอแบบครึ่งๆกลางๆไม่สุดสักทาง รัก ทำได้ไม่ดีเท่า ไททานิก รบ ทำได้ไม่ถึง กลาดิเอเตอร์ ซํ้ายังขาดความน่าเชื่อถือและขัดแย้งกันในหลายประเด็น อาทิ ความเก่งกาจโอเวอร์ของ ไมโล เมื่อเทียบกับรูปร่าง ความรักสายฟ้าแล่บของคู่พระนางที่ไร้เหตุผลรองรับ ความเลวของตัวร้ายที่สุดขั้วเกินไป(เมืองกำลังถล่มยังจะมา ดวลดาบ ไล่จับผู้หญิง) 

ครึ่งหลังของหนังมีแต่ฉากคนตายให้ดู โดยที่ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย สิ่งที่โดดเด่นเพียงอย่างเดียวของหนังคือการถ่ายภาพ หากใครได้ดูแบบสามมิติจะเห็นเถ้าถ่านลอยผ่านไปมาตลอดช่วงท้าย ฉากภูเขาไฟระเบิดอลังการ สีสันสดใส เข้ากับดนตรีประกอบที่เร้าใจ 

ด้านการแสดงจากบทจืดชืดทำให้ตัวละครแทบทุกตัวแบนราบไร้มิติ คิท แฮร์ริงตัน แสดงได้แข็ง ไม่สามารถทำให้คนดูเชื่อว่าเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดได้ การถ่ายทอดอารมณ์ก็แย่ เหมือนคนไร้อารมณ์ในทุกๆเรื่อง เอมิลี่ บราวน์นิ่ง น่าผิดหวังที่สุด ในหนังพีเรียดเธอดูไร้เสน่ห์มาก แอ็คติ้งระดับนักแสดงหน้าใหม่ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับที่เคยเล่น Sleeping Beauty และ Sucker Punch ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในเรื่องจึงดูไม่จริง รวมแล้วเป็นคู่พระนางที่พากันดับที่สุดในปีนี้เลย แอบซึ่งใจมิตรภาพระหว่างเพื่อนทาสด้วยกันมากกว่า

คีเฟอร์ ซุเธอร์แลนด์ พยายามเต็มที่กับบทขุนนางจอมโกงจากโรมัน แต่ก็ไม่สามารถเอาตัวรอดจากความยํ่าแย่ของเนื้อเรื่องได้ สิ่งที่น่าสนใจคือตอนจบของภาพยนตร์ที่เผู้กำกับลือกจะให้เป็นโศกนาฏกรรมความรัก ทำให้บทสรุปต่างไปจากหนังรักบางเรื่องที่จบลงแบบทิ้งความหวังไว้ปลอบประโลมผู้ชม กระนั้นกลับไม่ได้เคียงกับตำนานความรักอมตะที่ผู้คนจดจำ 

หนังพยายามแตะเรื่องชนชั้นในสังคม แต่ก็ทำได้เพียงบางๆ โดยมีการพูดถึงความตายว่าคืออิสระของชีวิต การสละชีวิตเพื่อศักดิ์ศรีและเกรียรติยศ ทว่าที่สุดก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าหายนะครั้งนี้เกิดขึ้นจากสิ่งใด คล้ายกับมันเป็นเพียงชะตากรรมร่วมกันของคนกลุ่มหนึ่ง (ไม่ว่าจะ ดี ชั่ว ยากจน รํ่ารวย แข็งแรง หรือ อ่อนแอ) ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เท่านั้น 

คะแนน 6/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนังได้ที่ //movie.bugaboo.tv/watch/95207/?link=4






 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2557 16:56:07 น.
Counter : 1497 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : The Monuments Men ชีวิตสั้น ศิลปะยืนยาว



ขึ้นชื่อว่าสงครามแล้ว มันย่อมทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ผมเศร้าใจกับซากวัดในอยุธยาที่ถูกเผา เสียใจที่พระพุทธรูปเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่อัฟกานิสถานถูกคนในประเทศนั้นเองทำลายทิ้ง แน่นอนว่าชีวิตคนถ้าถูกทำลายไม่อาจสร้างใหม่ได้ แต่ศิลปะบางชิ้นเมื่อถูกทำลายก็ไม่อาจสร้างใหม่ได้เช่นกัน

น่าสนใจว่าภายหลังสงครามโลกครั้งที่2ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชีวิตคน สังคม วัฒธรรม และศิลปะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีการเปิดเผยผ่านหนังสือว่า กลุ่มทหารเล็กๆกลุ่มหนึ่งได้ทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่และมีคุณค่าต่ออารยธรรมมนุษย์ ด้วยการรักษาและกอบกู้จิตรกรรม ปาติมากรรม สถาปัตยกรรม ชิ้นสำคัญของโลกไว้ได้มากมาย

The Monuments Men สร้างจากเรื่องจริงโดยอ้างอิงหนังสือของ โรเบิร์ต เอ็ม. เอ็ดเซลา ว่าด้วยเรื่องราวของ7ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะที่รัฐบาลสหรัฐฯเลือกมาฝึกอาวุธทำงานร่วมกับทหารเพื่อตามหางานศิลปะยุโรปของหลายประเทศที่ถูกกลุ่มนาซีขโมยไประหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินผู้มีชื่อเสียงอย่าง พาโบล ปิกัสโซ, เรเน่ , แวน โก๊ะ , มาร์ก ชาร์กาลล์, อองรี มาร์ติสส์ , ไมเคิล แองเจโล , เลโอนาร์โด ดา วินชี เป็นต้น

แม้เป็นหนังสงครามแต่บทของหนังดำเนินเรื่องค่อนข้างราบเรียบ แฝงอารมณ์ขันประปราย สำหรับคนที่คาดหวังเห็นการดวลปืนหรือหักเหลี่ยมจารชนต้องบอกว่าคงผิดหวัง เพราะฉากแอ็คชั่นแทบไม่มี เป็นหนังที่ใช้บทสนทนาดำเนินเรื่องใกล้เคียงกับสารคดี เหมาะกับคนที่ชอบประวัติศาสตร์และศิลปะ แน่นอนถ้าคุณไม่ก็อาจจะเบื่อจนหลับไปตั้งแต่ต้นเรื่อง

ฝีมือการกำกับของ จอร์จ คลูนีย์ ถือว่าไม่เลวทีเดียว ความตั้งใจของเขาในการยกย่องวีรกรรมของคนกลุ่มนี้เป็นแนวคิดที่ดี แต่คงไม่ได้ใจคนดูทั่วโลกเนื่องจากหนังขับเน้นความเป็นชาตินิยมของสหรัฐฯและอเมริกันฮีโร่มากเกินไป ที่โดดเด่นคือความสัมพันธ์ของตัวละครแบบแมนๆ พอจะซึ่งสะกิดใจคนดูได้บ้าง รวมถึงประเด็นสอดแทรกเล็กๆเปิดเผยถึงความโหดร้ายของสงคราม อาทิ ทหารเด็ก กองฟันของชาวยิว ภาพวาดลํ้าค่าที่ถูกทำลาย

ส่วนตัวชอบซาวด์ประกอบที่ไพเราะเข้ากับบรรยากาศและการตั้งคำถามเรื่องความสำคัญของชีวิตคนกับงานศิลปะ ภารกิจที่คนกลุ่มนี้ทำฟังดูเหมือนสนุกแต่ก็เสี่ยงตายเช่นเดียวกับทหารคนอื่นๆ(อาจจะเสี่ยงมากกว่าเพราะหลายคนไม่ใช่ทหารอาชีพ) นอกจากงานไม่ง่าย ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากทหารชาติเดียวกัน ซํ้ายังโดนดูถูกด้วย ซึ่งที่สุดแล้วเมื่อมีการสูญเสีย หัวหน้าทีม ก็เริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มีประโยชน์หรือไม่ คุ้มค่าแค่ไหน

ด้านการแสดงคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดหนีไม่พ้น เคท บลันเชตต์ ในบทเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์หญิงที่ร่ายสเน่ห์แพรวพราวใส่ แมตต์ เดมอน อีกคนที่สอบผ่านยกให้ บิล เมอร์เรย์ ที่ถ่ายทอดอารณ์ของคนตัวเล็กๆที่จากบ้านจากครอบครัวมาทำสิ่งที่คนทั่วโลกตอนนั้นไม่ได้ให้ความสนใจได้อย่างดี เขาเข้าขากับ บ็อบ บาลาบัน มากๆ 
เนื่องจากปฏิบัติการดังกล่าวมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ตัวละครก็มาก การตัดสลับไปมาบ่อยๆทำให้หนังไม่ลื่นไหล เหมาะที่จะทำเป็นซีรี่ย์มากกว่าหนังโรงตามที่นักวิจารณ์หนังบอก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เราได้ดูหนังที่เชิดชูคนกล้าพลีชีพเพื่อชาติกันจนเบื่อ ขอชื่นชมทีมผู้สร้างกับการทำภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องที่สรรเสริญบุคคลผู้สละชีวิตเพื่องานศิลปะ

คะแนน 7/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนังได้ที่ //movie.bugaboo.tv/watch/86191/?link=4




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2557 15:41:08 น.
Counter : 1524 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : Endless love สู้เพื่อรัก



ภาพยนตร์เรื่อง ฉบับปี 2014 รีเมกจากหนังชื่อเดียวกันในปี 1981 (เวอร์ชั่นนี้ที่โด่งดังที่สุดคือเพลงประกอบ) ดัดแปลงจากจากหนังสือนิยายชื่อดังของ สก็อต สเปนเซอร์ โดยได้2ดาราวัยรุ่นอย่าง อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์ กับ กาเบรียลลา ไวลด์ มาเป็นคู่พระนางหวนรำลึกความโรแมนติกจากความรักต่างชนชั้น

ตัวหนังเล่าถึง เรื่องราวของ เจด บัตเตอร์ฟิลด์ เด็กสาวหน้าตาดี บ้านรวย ที่มีปมเรื่องพี่ชายเสียชีวิตจึงเก็บตัวอยู่คนเดียวตลอดชีวิตไฮสคูล โดยมี เดวิด เอลเลียต หนุ่มกล้ามโตฐานะธรรมดา มาถูกตาต้องในเอาในวันจบการศึกษา เมื่อมีโอกาสได้พบกันอีก ทั้งคู่จึงไม่ปล่อยให้ความรักหลุดลอยไป แรงดึงดูดของทั้งคู่มีพลังมากมายมหาศาลที่พอจะเปลี่ยนชีวิตกันและกันได้ 

ทว่า พ่อของ เจด ที่ฝังใจกับการตายของลูกชายจนหวาดระแวงทุกอย่างสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของ เจค มากมาย เขาห่างเหินภรรยา ตีกรอบลูกชายอีกคน บงการชีวิตลูกสาว และต่อมาก็กีดกันไม่ให้ เจค กับ เดวิด ได้รักกัน พวกเขาจึงต้องสู้เพื่อพิสูจน์ความรักที่มีต่อกัน

พล็อตของหนังค่อนข้างโบราณมาก ออกแนวโรมิโอจูเรียตหน่อยๆ เป็นหนังรักชวนฝันหวานหยดจนแทบเลี่ยนเลยทีเดียว ประเด็นพ่อแม่กีดกันความรักลูกนี่มันล้าสมัยมาก ยิ่งมาเกิดขึ้นในสังคมอเมริกันที่ขึ้นชื่อเรื่องการให้อิสระลูก จุดนี้จึงทำให้ตัวหนังดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ผู้ชมจึงแค่อมยิ้มกับการแสดงความรักแบบดูดดื่มของหนุ่มสาว แต่ก็ไม่อิ่มเอมเหมือนหนังรักชั้นดี

การดำเนินเรื่องราบเรียบไปหน่อย คาดเดาได้ตลอด จึงไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย หนังจงใจขายความนํ้าเน่าที่บางคนในยุคนี้ยังโหยหา(เพราะไม่ค่อยได้พบเห็น) อันนี้แล้วแต่รสนิยมส่วนตัว ใครที่ชอบดูหนังรักอาจจะฟิน แต่ใครที่ไม่ชอบหนังแนวนี้คงเบือนหน้าหนี คนที่จะอินสุดๆคงเป็นกลุ่มที่มีกำลังความรักต่างฐานะอย่าง สาวไฮโซหลงรักหนุ่มบ้านนอก หรือ ลูกชาวนารักกับลูกสาวเศรษฐี

อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์ หล่อลํ่าได้ใจผู้ชมสาวๆไปเต็มๆ ดูเป็นผู้ชายที่ดีมากๆราวกับหลุดมาจากนิยายหรือในฝัน กระนั้น การแสดงของเขายังไม่มีพลังเท่าที่ควร ส่วน กาเบรียลลา ไวลด์ ในบทนำครั้งแรกถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว สวยใส น่ารัก เซ็กซี่เล็กๆ มีสเน่ห์มาก ชวนให้ผู้ชมหนุ่มๆเคลิบเคลิ้มได้ไม่ยาก ข้อดีคือเคมีของทั้งคู่เข้ากันพอสมควร ดูเป็นคู่รักที่รักกันจริงๆ

ไรน์ เวคฟิลด์ ที่เล่นเป็นพี่ชายของ เจด เป็นคนที่โดดเด่นไม่แพ้พระเอกนางเอก จะเรียกว่าขโมยซีนจาก เดวิด ก็ว่าได้ บุคลิกของเขาดูเข้ากับบทหนุ่มที่ยิ้มเก่ง สนุกสนาน ได้ใจสาวๆหลายคน ขณะที่ บรูซ กรีนวู้ด ดารารุ่นใหญ่ไม่กี่คนในเรื่องก็ทำได้ดีในบทพ่อจอมบงการของ เจด ขับเคี่ยวกับตัวละครอื่นๆในเรื่องได้แบบสบายๆ

แม้ว่าเนื้อหาในหนังจะดูเหมือนนิยาย กระนั้น บางส่วนในหนังอย่าง ผู้ปกครองที่เลือกคณะเรียนให้ลูก พ่อแม่ที่หาคนที่ตัวเองชอบมาแต่งงานกับลูกตัวเอง สิ่งเหล่านี้ยังคงเกินขึ้นจริงในหลายบ้าน หลายครอบครัว หลายสังคมทั่วโลก และไม่น่าจะสูญหายไปได้ง่ายๆด้วย ซึ่งมันคือความรักเช่นกัน แต่เป็นความรักที่เกินเลย จนบางครั้งดูเหมือนเป็นการรักตัวเองมากกว่า

คะแนน 7/10 

โดย นกไซเบอร์ 

ดูตัวอย่างหนังได้ที่ //movie.bugaboo.tv/watch/87661




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2557 18:08:29 น.
Counter : 1667 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : Timeline จดหมาย ความทรงจำ รักที่ยังอยู่กับรักที่จากไป



สำหรับโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่อง Timeline จดหมาย ความทรงจำ มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง ทั้งการกลับมากำกับหนังหลังจากว่างเว้นไปนาน3ปีของ อุ๋ย นนทรีย์  นิมิบุตร และเป็นหนังรักจริงจังเรื่องแรกของเขา รวมถึงเป็นหนังเรื่องสองของ เจมส์ จิรายุ ดาราหนุ่มสุดฮ็อตประขำพศ.นี้ ที่แสดงคู่กับ เต้ย จรินทร์พร ซึ่งรับงานหนังใหญ่นอกค่าย GTH เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมี ป๊อก ปิยธิดา กับ ปีเตอร์ นพชัย สองนักแสดงมากฝีมือร่วมด้วย 

ย้อนกลับไปถึงตอนที่ The letter จดหมายรัก หนังแรงบันดาลใจของ(ไม่อยากใช้คำว่าภาคต้นเพราะตัวละครคนละชื่อ เนื้อหาไม่เกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด) Timeline จดหมาย ความทรงจำ เข้าฉายเมื่อ10ปีที่แล้ว อุ๋ย นนทรีย์ เป็นโปรดิวเซอร์หนังเรื่องนี้ ส่วนผู้กำกับคือ ผอูน จันทรศิริ (เจ๊หมอน เป็นต่อ) ที่กำกับหนังเป็นครั้งแรกและยังเป็นครั้งเดียวจนถึงทุกวันนี้ แต่ The letter จดหมายรัก ก็กลายเป็นผลงานประสบความสำเร็จระดับหนังรักขึ้นหิ้งที่ทำให้คนไทยจำนวนมากร้องไห้คาโรงหนัง กับความรักของ ต้น และ ดิว แม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์บางส่วนระบุว่าบทฟูมฟายมากไปหน่อย  

กับ Timeline จดหมาย ความทรงจำ เนื้อหาเป็นเรื่องความรักของ มัท กับ ทัน ที่ฝ่ายชายเสียชีวิตไปก่อนที่ แทน ลูกชายของพวกเขาจะเกิด มัท จมปลักอยู่กับจดหมายและความหลังของรักที่จากไปจนค่อยๆสร้างภาพของ ทัน ในตัว แทน เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่า คนรักยังอยู่ ทว่า แทน ในวัยรุ่นรู้สึกอึดอัดจึงแอบเลือกเรียนในคณะวารสารศาสตร์ที่มหาลัยที่กรุงเทพฯแทนที่จะเป็นคณะเกษตรในเชียงใหม่ ชีวิตในเมืองหลวง แทน ได้พบกับ จูน สาวน้อยน่ารักสดใสที่มีความมั่นใจ เป็นตัวของตัวเองสูง จูน แอบรัก แทน แต่ แทน แอบชอบ รุ่นพี่ซึ่งเป็นญาติของเธอ และต่อมา จูน คือคนที่ทำให้ แทน เปลี่ยนแปลงตัวเองไปตลอดกาล 

บทของหนังไม่ค่อยกระชับเท่าที่ควร รายละเอียดเยอะไป ฉากบางฉาก ตัวละครบางตัวก็ไม่มีความจำเป็น ควรถูกตัดออก การเดินเรื่องในช่วงแรกจึงดูฉิบฉับเหมือนจะเร็วแต่ก็ไม่เดินหน้าไปไหน ช่วงท้ายๆหนังถึงเดินเรื่องได้ลื่นไหลและน่าติดตามขึ้น ส่วนเรื่องราวในหนังต้องบอกว่าค่อนข้างเชย แต่ก็อยู่ในระดับพอรับได้ ไม่หวานเลี่ยนหรือฟูมฟายเกินไป  

เสียดายที่หนังไม่ได้พัฒนาเนื้อหาให้ทันสมัยเหมือนชื่อเท่าไหร่ แถมยังทิ้งโครงเก่าๆไปเสียอีก เราจึงได้เห็นเฟซบุ้คกับจดหมายโผล่เข้ามาในหนังแบบฉาบฉวย มีเพียงผัดฟักแม้วอย่างเดียวที่ถูกนำมาต่อยอด แถมยังมีการไทอินโฆษณาที่ไม่เนียนเท่าไหร่ เสียงบ่นจากผู้ชมคงไม่สร้างผลดีกับตัวสินค้า ยิ่งมาอยู่ในหนังของผู้กำกับรุ่นใหญ่แห่งวงการหลายคนจึงถึงขึ้นรับไม่ได้ 

การถ่ายภาพสวยงามมาก วิวทิวทัศน์ ธรรมชาติ สีสดชัดเจน โดยเฉพาะภาพทะเลเรืองแสงที่ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนไปยืนอยู่ในหนังด้วย เป็นจุดเด่นที่สุดของภาพยนตร์รองจากการแสดงของ  เต้ย จรินทร์ และ ป๊อก ปิยธิดา สองดาราสาวต่างรุ่นแต่สาดพลังกันชนิดไม่มีใครยอมใคร เต้ย เหมาะกับบท จูน มาก เธอถ่ายทอดภาพรักครั้ง เพื่อนแอบรักเพื่อน และรักเดียวในใจ ได้อย่างละเมียดละไม ไร้ที่ติ เช่นเดียวกับ ป๊อก ที่ถ่ายทอดความรักของภรรยาที่มีต่อสามี และ แม่ที่มีต่อลูกชาย ได้แบบลึกซึ้งสะเทือนใจ ให้แง่คิดกับคนที่เคยหลงลืมคนที่บ้านไป ดูแล้วคงเห็นว่ายังมีความรักที่บริสุทธิ์กว่ารักแบบหนุ่มสาวบนโลกนี้

เจมส์ จิรายุ ในบท แทน ถือว่าทำได้ดีเมื่อเทียบกับหนังเรื่องแรกของเขา มีฉากแสดงอารมณ์ให้โชว์ความสามารถทางการแสดง บทไม่ได้ดึงคาแรกเตอร์ของเขามาใช้อย่างที่บางคนคาดการณ์ ตรงกันข้าม เขาดึงเอาคาแรกเตอร์ของตัวละครออกมาจนเราลืมภาพซุปเปอร์สตาร์ไปได้ เหลือเพียงหนุ่มบ้านนอกไม่ประสาในเมืองใหญ่ จุดนี้ต้องยกเครดิตส่วนหนึ่งให้ผู้กำกับ ด้าน ปีเตอร์ นพชัย ยังคงอยู่ในมาตรฐานการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเขา ทำให้ วัฒน์ ชายที่หลงรัก มัท ดูเป็นตัวละครที่แสนอบอุ่น จิตใจดีงาม เปี่ยมสเน่ห์ จนผู้ชมคงอดสงสัยไม่ได้ว่า มัท ปฏิเสธผู้ชายคนนี้ลงได้ยังไง แน่นอนว่า เขาเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในหนังรองจาก จูน

จุดหักมุมของหนังค่อนข้างเซอร์ไพรส์คนดูพอสมควร แม้จะมีบางคนเดาได้บ้าง กระนั้นเหตุการณ์แบบนี้ไม่ค่อยเกินขึ้นกับหนังหรือละครไทย (และถ้าเกิดก็จะเป็นประเด็นอย่างกว้างขวาง) ถือเป็นความกล้าของผู้กำกับ นํ้าหนักของการสูญเสียอาจไม่หนักแน่น แต่ก็สอดรับกับการปูเรื่องและเนื้อหาที่นำไปสู่ตอนจบ ที่เรียกนํ้าตาจากคนดูได้ดีเลยทีเดียว

คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

ชมตัวอย่างหนังได้ที่ //movie.bugaboo.tv/watch/96539




 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2557 16:49:45 น.
Counter : 1327 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : HER ระบบปฏิบัติการความรัก



หลังการมาถึงของมือถือสมาร์ทโฟน มนุษย์เราก็เริ่มใช้เวลาอยู่กับเทคโนโลยีมากขึ้นจนถูกค่อนแขวะว่ากลายเป็นสังคมก้มหน้า เพราะแต่ละคนต่างก็หมกมุ่นอยู่กับโลกสมมติของตัวเองบนหน้าจอมือถือจนละเลยการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

ขณะเดียวกันปัญญาประดิษฐ์ทั้งหลายก็ถูกพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคนี้ เราได้เห็นหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยง หุ่นยนต์ดูแลคนแก่ ตลอดจนระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ หรือ OS ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ สามารถสนทนาโต้ตอบได้ไม่ต่างจากคนอย่าง SIRI เป็นต้น

สไปค์ จอนซ์ ผู้กำกับชื่อดังจึงจับประเด็นนี้มาทำเป็นหนัง HER เรื่องราวของ ธีโอดอร์ หนุ่มนักเขียนจดหมายขี้เหงาที่กำลังจะหย่ากับภรรยา เขาเก็บตัวใช้ชีวิตเคว้งคว้างอยู่พักหนึ่ง กระทั่ง ได้ซื้อระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่มาใช่ เธอทั้งฉลาดและคุยสนุกทำให้เขามีความสุขมากขึ้น จนวันหนึ่ง ธีโอดอร์ พบว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์

บทของหนังเรื่องนี้ลํ้ามาก กล่าวถึงความสัมพันธ์อันเปราะบางของคนกับระบบปฏิบัติการที่เราได้ยินแต่เสียง ทว่า กลับทำให้คนดูรู้สึกอินและเชื่อได้จริงๆว่าพวกเขารักกัน คำพูดของตัวละครยั่วล้อจิกกัดสังคมในเมืองใหญ่ปัจจุบันที่มนุษย์ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ โทนของหนังอ้างว้าง โดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา คนโสดหรือเพิ่งเลิกกับแฟนดูแล้วอินสุดๆ การถ่ายทอดภาพต่างๆงดงามนวลตาโดยเฉพาะสีสันเครื่องแต่งกายของ ธีโอดอร์ ดูอบอุ่นดี

เพลงประกอบภาพยนตร์ก็เพราะมาก การเล่าเรื่องของหนังค่อนข้างละเอียด มีหลายอารมณ์ความรู้สึก จับประเด็นความรักหลาdมิติ ทั้งแบบหนุ่มสาว มิตรภาพของเพื่อน และ ความผูกพันธ์ของคนกับสมองกล รวมถึงความห่างเหินของคนในสังคมกับความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยกับคนแปลกหน้า ช่วงท้ายหนังดํ่าดิ่มสู่ความเศร้าชนิดใครอ่นไหวง่ายนี่มีบ่อนํ้าตาแตก

วาคิน ฟินิกซ์ แสดงได้ยอดเยี่ยมมาก เล่นกับวัตถุสมมติหรือเสียงได้สมจริง ความเหงาถูกส่งผ่านทางดวงตาของเขา แทบไม่ต้องทำอะไรเราก็รู้สึกสงสาร เห็นใจ สิ่งที่เขากำลังเผชิญ สกาแล็ตต์ โจแฮนสัน ต้องบอกว่าสุดยอด ตลอดทั้งเรื่องเราได้ยินเพียงแค่เสียงของเธอกับการเล่นเป็นOS แต่ก็หลงเสน่ห์นํ้าเสียงเธอกันถ้วนหน้าโดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่ขอชื่นชมอีกอย่างคือความสามารถทางการร้องเพลงของเธอ The Moon Song นี่ฟังจบแทบละลายเลย บทสนทนาของทั้งคู่ดูเป็นธรรมชาติจึงจับใจผู้ชมได้ไม่ยาก สำหรับฉากเลิฟซีนแห่งปีนี่ขอยกให้หนังเรื่องนี้ได้ไป ทั้งอีโรติกและโรแมนติกสุดๆ

อีกสองคนที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ รูนี่ย์ มาร่า ในบทภรรยาของ ธีโอดอร์ แม้จะออกไม่บ่อยแต่เราก็เห็นถึงความสวยน่ารักของเธอที่ทำให้ตัวเอก ธีโอดอร์ หลงรัก จนอดอยากเอาช่วยให้กลับมาคืนดีกัน ส่วน เอมี่ อดัมส์ ที่ส่วนมากได้รับแต่บทสาวเซ็กซี่ หนังเรื่องนี้มาในลุคนักวิจัยสาวคงแก่เรียนก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอเลย และเธอเป็นอีกคนที่ดูเหมาะสมกับ ธีโอดอร์

ชอบคำพูดของ เอมี่ อดัมส์ ตอนที่ วาคิน มาปรึกษาเรื่องที่เขารักกับระบบปฏิบัติการ เขาถามเธอว่าเขาบ้าหรือเปล่าที่ตกหลุมรักกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เธอตอบว่า เมือมีความรักเราต่างก็บ้าด้วยกันทั้งนั้น ความรักเป็นเรื่องที่บ้ามาก แต่เป็นความบ้าที่สังคมยอมรับ

คะแนน 9/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนังได้ที่ //movie.bugaboo.tv/watch/95448/?link=4




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2557 16:28:40 น.
Counter : 1236 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

mninho
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




นกไซเบอร์ วิจารณ์หนัง
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mninho's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.