วันนี้ ทุกจอคอมพิวเตอร์ ในบ้านคุณ

รีวิวหนัง : The Maze Runner วิ่งออกไปหาความจริง


เป็นอีกภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นแฟนตาซีวัยรุ่นที่สร้างจากหนังสือขายดี สำหรับ The Maze Runner หน้าหนังดูคล้ายจะเดินตามรอย The Hunger Games และ Divergent มาติดๆ แน่นอนว่าคงหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับเรื่องก่อนหน้าไม่ได้

ออกตัวก่อนว่าไม่ได้อ่านนิยายของ เจมส์ แดชเนอร์ ชุดนี้ เห็นว่าทั้งชุดมีสามเล่ม กับภาคต้นอีกหนึ่งเล่ม สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือการใช้นักแสดงนำที่ไม่ดังมากหรือหน้าใหม่เกือบทั้งหมด ที่คุ้นหน้าก็มีเพียง โธมัส โบรดี้ แซงสเตอร์ ไอ้หนูแอบรักเพื่อนร่วมชั้นเรียนใน Love Actually และ วิล พอลเตอร์ เด็กนิสัยไม่ดีจาก The Chronicles of Narnia

หนังบอกเล่าเรื่องราวของ โธมัส (ไดแลน โอบรีน) ที่ตื่นขึ้นมาในลิฟต์ซึ่งกำลังเคลื่อนขึ้นไปด้านบน เมื่อมันหยุดและประตูเปิดออก เขาพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางกลุ่มชายหนุ่มหลายสิบคนที่รอต้อนรับ พวกเขาอยู่ในทุ่งหญ้าโล่งที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยกำแพงคอนกรีตขนาดยักษ์ ซึ่งข้างในเป็นเขาวงกตที่เต็มไปด้วยอันตราย ไม่เคยมีใครรอดชีวิตข้ามคืนได้

โธมัส จำเรื่องราวอะไรไม่ได้เหมือนกับทุกๆคน อย่างเดียวที่พวกเขาจะนึกขึ้นได้ต่อมาก็คือชื่อตัวเอง อัลบี้ (อามิล อามีน) หัวหน้ากลุ่มอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้ โธมัส เข้าใจ โดยมี นิวท์ (โธมัส โบรดี้ แซงสเตอร์) รองหัวหน้า กับ ชัค (เบลค คูเบอร์) เด็กอ้วนตัวเล็กสุดคอยดูแลเขา ส่วน กัลลี่ (วิล โพลเตอร์) เด็กหนุ่มตัวโตแข็งแรงประจำกลุ่ม ไม่ค่อยชอบเขานัก ต่อมา โธมัส แสดงความกล้าหาญและความสามารถจน มินโฮ (กิ ฮง ลี) ยอมให้เขาเป็น นักวิ่ง ทุกเช้าพวกเขาจะวิ่งเข้าไปในเขาวงกตเพื่อหาทางออกที่อาจนำไปสู่ความจริงซึ่งพวกเขาทุกคนอยากรู้

บทดัดแปลงจากตัวหนังสือมาเป็นภาพยนตร์ได้ดี กระชับ ดูสนุก ใช้ประโยชน์จากพล็อตตัวละครเอาตัวรอดในพื้นที่จำกัดได้ดี ความสัมพันธ์ของตัวละครที่ไม่น่าไว้วางใจช่วยสร้างบรรยากาศน่าหวาดระแวงและความสงสัยกับผู้ชม ผู้กำกับเก็บความลับเก่ง ค่อยๆเฉลยออกมาทีละนิดอย่างมีชั่นเชิง โปรดักชั่นอลังการไม่แพ้หนังฟอร์มยักษ์เรื่องอื่นโดยเฉพาะเข้าวงกตที่ทำออกมาได้ลึกลับ น่ากลัวมาก

The Maze Runner ทำให้คนดูรู้สึกอยากลุ้นและเอาใจช่วยตัวละคร มีจุดหักมุมเซอร์ไพรส์อยู่พอสมควรดำเนินเรื่องเร็วแต่ก็เล่าให้ผู้ชมเข้าใจได้ง่าย ทว่า มันก็มีฉากที่ดูไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็น ทรงผมของ มินโฮ ที่เซ็ทตัวเป็นทรงตลอดเวลากลางป่ากลางดง  ความเก่งกาจของ โธมัส ที่ดูจะเกินหน้าเกินตาไปหน่อยในฐานะเด็กใหม่ที่เพิ่งถูกส่งมาอยู่ไม่กี่วัน หรือ การปรากฏตัวของ กัลลี่ ในช่วงท้ายซึ่งหลายคนสงสัยว่าเขาโผล่มาได้ได้ยัง

การแสดง ไดแลน โอบรีน ในบท โธมัส ทำได้ดีพอใช้ เพียงแต่เขายังขาดเสน่ห์ส่วนตัวที่จะมัดใจแฟนหนังสาวๆให้ตามกรี๊ดเหมือนนักแสดงชายหนังแนวนี้คนอื่นๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะ โธมัส โบรดี้ แซงสเตอร์ หล่อใสขโมยซีนไปเต็มๆ เช่นเดียวกับ กิ ฮง ลี ที่เทห์ได้ใจสาวๆชาวเอเชีย ขณะที่ คาย่า สโคเดลาริโอ ที่เล่นเป็น เทเรซ่า ดอกไม้หนึ่งเดียวท่ามกลาง ฝูงผึ้ง ดูสวยงามสดใส แม้จะได้บทน้อยแต่มีแววที่จะโดดเด่นในภาคต่อไป

โดยรวม The Maze Runner เป็นหนังแมสที่ทำตามสูตรสำเร็จของภาพยนตร์รุ่นพี่ ถึงจะขาดสีสันในการเสียดสีประเด็นทางสังคมหรือการเมืองจนทำให้ขาดความเข้มข้นไปบ้าง กระนั้น ตัวหนังก็มีการนำเสนอเรื่องแนวคิดของมนุษย์กับการเอาตัวรอดในทางต่างออกไป น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์ดี

คะแนน 8/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/111738/?link=4 




 

Create Date : 23 กันยายน 2557    
Last Update : 23 กันยายน 2557 18:44:07 น.
Counter : 1955 Pageviews.  

รีวิวหนัง : As Above So Below ปริศนาในสุสานกลับหัว


As Above So Below เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่ถ่ายทำแบบ Hand-Held Camera หรือการที่ผู้ชมเห็นภาพผ่านมุมมองที่ตัวละครถ่ายภาพเหตุการณ์ต่างๆด้วยตัวเอง ซึ่งภาพจะออกแนวสั่นไหว น่าเวียนหัว แต่มีข้อดีตรงที่สร้างความรู้สึกจริงให้กับภาพยนตร์ และสร้างอารมณ์ร่วมต่อคนดูได้ดี ส่วนมากใช้กับหนังแนวสยองขวัญหรือไซไฟ

เนื้อหาของหนังเล่าถึง สการ์เล็ตต์ สาวนักโบราณคดีที่คลั่งไคล้การไขปริศนาจากอารยธรรมโบราณ โดยเธอกำลังตามหาหินวิเศษที่ว่ากันว่าสามารถเปลี่ยนแร่ต่างๆเป็นทองคำ รวมถึงชุบชีวิตคนตายได้ เธอเดินทางมาปาริส โดยมี เบนจี้ ตากล้องตามถ่ายทำสารคดีล่าสมบัติของเธอ ซึ่ง สการ์เล็ตต์ ได้ขอให้ จอร์จ อดีตแฟนมาช่วยแปลภาษาเก่าๆ พร้อมกับยื่นข้อเสนอให้นักสำรวจท้องถิ่นอย่าง ปาปิยอง , ซูซี และ เซ็ด ให้พาพวกเขาลงไปในสุสานใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก แลกกับการแบ่งของมีค่าที่พบ ทว่า เมื่อพวกเขายิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบกับสิ่งแปลกประหลาดมากขึ้น ทั้ง ภาพหลอนในอดีต ทางที่ดูเหมือนจะซํ้าเดิมแถมยังกลับหัวกลับหาง เพื่อนของปาปิยองที่หายตัวไปนานหลายปี ไปจนถึงภูติผีวิญญาณอันน่ากลัว

พล็อตเรื่องน่าสนใจพอสมควร แต่หนังกลับมีปัญหาในการเล่า ทำปริศนารายทางไว้มากมาย แต่กลับปล่อยให้มันล่องลอยอยู่ในอากาศ สร้างคำถามให้คนดูตลอด กระนั้นคำเฉลยกลับดูไม่เคลียร์ แถมบางฉากยังจงใจทำให้คนดูสะดุ้ง ตกใจ กลัว สงสัย ทั้งๆที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของภาพยนตร์เลย เส้นเรื่องจึงพันกันยุ่งเหยิงไปหมด 

แน่นอนว่าหนังไม่เหมาะกับคนที่ทนดูภาพส่ายไปมาบ่อยๆไม่ได้ แต่ที่เพิ่มอีกอย่างคือคนที่ไม่ชอบที่แคบ เนื่องจากฉากที่ตัวละครดิ้นรนอยู่ในสุสานใต้ดินอันมืดมิดนั้นสร้างความน่าอึดอัดอย่างมาก มุมมองของหนังในช่วงท้ายคล้ายกับการเล่นวีดีโอเกมส์สอดคล้องกับเนื้อหาที่โอเวอร์ดี บทสนทนาเกี่ยวข้องกับ ศิลปะ และ ประวัติศาสตร์ มากพอสมควร ใครที่ไม่มีความรู้เบื้องต้นบางฉากอาจจะงงเข้าไปอีก

ตัวละครในเรื่องค่อนข้างงี่เง่า น่ารำคาญ ไม่น่าเอาใจช่วยเหมือนหนังสยองขวัญบางเรื่อง โดยเฉพาะ สการ์เล็ตต์ ที่แสดงโดย เพอร์ดิตา วีคส์ ตัวละครหลักซึ่งมีความสนใจไคร่รู้แนวบ้าบิ่นเกินมนุษย์ไปหน่อย เสี่ยงตายแบบโง่ๆ รูปลักษณ์ที่สวยงามของเธอจึงไม่อาจสร้างเสน่ห์ให้คนดูประทับใจได้ ขณะที่  เอ็ดวิน ฮ็อดจ์ ที่เล่นเป็น เบนจี้ หนุ่มตากล้องที่ผิวสีดูจะเป็นผู้เป็นคนที่สุด อาการหวาดกลัวของเป็นธรรมชาติดี แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งลึกลับหลายอย่างที่เขาเห็นผ่านกล้องกลับไม่ถูกบอกเล่าให้ตัวละครอื่นๆรู้อย่างที่ควรจะเป็น

ด้าน เบน เฟลด์แมน กับบท จอร์จ เป็นคนที่น่าเอาใจช่วยที่สุดในเรื่อง เขาออกตัวว่าจะไม่ลงไปใต้ดินแต่ดันตกกระไดพลอยโจนร่วมขบวน ผู้กำกับ จอห์น เอริค ดาวเดิล พยายามยัดซีนโรแมนติกเล็กๆลงไปแต่ก็ไม่เป็นผล ซํ้ายังโลภมากใส่เรื่องราวของความดีความชั่วเข้ามา ซึ่งกลับทำให้ตัวหนังดูแย่ลงไปอีก มีตัวละครลึกลับปรากฏขึ้นในช่วงกลางเรื่อง เขาคนนี้เองที่ทำลายเหตุและผลทุกอย่างของหนังลงแบบถล่มทลาย 

บทสรุปของ As Above So Below เองก็ไม่ค่อยเมคเซ้นส์เช่นกัน คลี่คลายตอนจบแบบไม่มีชั้นเชิง ปมต่างๆยังขมวดค้างคา แต่ที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือหนังบอกว่าจะมีการเฉลยปริศนาในเรื่องหลังเอนเครดิต ซึ่งคำเฉลยมันไม่ควรค่าแก่การเสียเวลานั่งรอเลย

คะแนน 6/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/118942/?link=4




 

Create Date : 22 กันยายน 2557    
Last Update : 23 กันยายน 2557 9:53:01 น.
Counter : 1803 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Boyhood เวลาผ่านไป วัยเหมือนโกหก


สำหรับแฟนๆ ริชาร์ด ลิงค์เลเทอร์ ผู้กำกับมากฝีมือที่มีลายเซ็นต์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คงไม่คิดว่าเขาจะสามารถสร้างหนังที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า Before Sunrise และ Before Sunset สองหนังรักโรแมนติกที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม กระนั้นหลังจากได้ยินโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่อง Boyhood หลายคนอาจต้องคิดใหม่ซะแล้ว

Boyhood เป็นหนังที่น่าสนใจหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่การใช้เวลาถ่ายทำนานถึง 12 ปี โดยใช้เด็กคนเดียวกันเล่นรับบทนำตั้งแต่เล็กจนโต (7ขวบ-18ปี)  ไม่เฉพาะเด็กชายที่แสดงนำ ตัวละครอื่นๆในเรื่องทุกคนก็ใช้คนๆเดียวกันแสดงตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งมีลูกสาวของ ริชาร์ด ผู้กำกับแสดงเป็นพี่สาวของเด็กชายตัวเอก ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำกันปีละหน แต่ใช้ฟุตเทจเปลืองกว่าหนังทั่วไปหลายเท่า น่าทึ่งกับการตัดต่อไฟล์จำนวนมหาศาลให้กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง

เนื้อหาของหนังเกี่ยวกับ เมสัน (เอลลา โคลเทรน) เด็กชายที่ อาศัยอยู่กับ ซาแมนธา (ลอเรไล ลิงค์เลเทอร์) พี่สาว และ แม่ (แพทริเซีย อาร์เควตต์) โดยมี พ่อ (อีธาน ฮอว์ค) ที่ทำงานไม่ค่อยเป็นหลักเป็นแหล่งแวะเวียนมาหาบ้าง ครอบครัวเมสัน มีปัญหาค่อนข้างบ่อย พวกเขาต้องย้ายที่อยู่หลายครั้งจากหน้าที่การงานและชีวิตสมรสของแม่ เมสัน เติบโตขึ้นท่ามกลางเรื่องราวดีและร้ายมากมายผ่านทางผู้คนที่เข้ามาในชีวิต พร้อมๆกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่สุดยอดอย่างมากในหนังคือบทอันสมบูรณ์แบบ ถ่ายถอดเรื่องราวชีวิตคนๆหนึ่งออกมาแบบครบถ้วน ร้อยเรียงระยะเวลา12ปีให้เหลือ3ชั่วโมงได้ลงตัว ตอกยํ้าวลี เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ชัดเจนมาก หนังตีแผ่สังคมอเมริกันครบถ้วนชนิดไม่เคยมีเรื่องไหนทำได้มาก่อน เหนือกว่า American beauty เข้าใจได้ง่ายกว่า The Tree of Life ดำเนินเรื่องสนุกสนาน น่าติดตาม แทบไม่มีฉากน่าเบื่อเลย นอกจากนั้นหนังยังสะท้อนความหมายของคำว่า ครอบครัว ได้แตกต่างและลึกซึ้งกว่าที่เคย

ความยากของการถ่ายทำหนังโดยใช้นักแสดงชุดเดิมคือบทต้องยืดหยุ่น พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ แน่นอนว่านักแสดงห้ามเจ็บ ห้ามตาย เข้าใจว่าหายมีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นระหว่าง120เดือน ผู้กำกับคงต้องแก้บทยกใหญ่ ข่าวดีคือมันไม่มีอะไรร้ายๆเกิดขึ้น Boyhood จึงกลายเป็นหนัง  Coming of age หรือ การก้าวพ้นวัย ที่ขึ้นหิ้ง และคงกลายเป็นตำนานประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ได้ไม่ยาก น่ายกย่องในความอดทน เพียรพยายามของ ผู้กำกับ ทีมงาน รวมถึงนักแสดง

สเน่ห์อีกอย่างของหนังเรื่องนี้คือการบันทึก วัฒนธรรม ดนตรี ศิลปะ สังคม ไปจนถึง การเมือง ของประเทศสหรัฐฯตลอดระยะเวลา12ปีแบบย่อมๆ โดยมีการเสียดสีการเมืองระดับประเทศผ่านตัวละคร ซึ่งก็ทำออกมาได้แบบสะใจ ตรงไปตรงมา ส่วนนี้ออกแนวตามใจผู้กำกับที่ใส่รสนิยมทางการเมืองของตัวเองเข้าไปเต็มที่ แน่นอนว่าคนที่ถูกพาดพิงคงสะดุ้งตัวลอยถ้าบังเอิญได้ดู

ในส่วนของการแสดง เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ามันจริง จริงมากเสียจนไม่คิดว่านักแสดงในเรื่องกำลังแสดง จุดนี้ต้องชื่นชมความเป็นธรรมชาติของนักแสดง เอลลา โคลเทรน ในบท เมสัน เขาเติบโตมาเป็นหนุ่มที่มีบุคลิกน่าสนใจ เป็นความโชคดีของผู้กำกับ เช่นเดียวกับ ลอเรไล ลิงค์เลเทอร์ ที่เล่นเป็นพี่สาว เมสัน แม้จริงๆแล้วเธอจะอายุมากกว่าเขาแค่3เดือน แต่ก็ทำให้คนดูเชื่อว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกันโดยไม่ได้สนใจความแตกต่างทางกายภาพใดๆเลย

อีกคนที่โดดเด่นมากๆคือ แพทริเซีย อาร์เควตต์ ในบทแม่ เธอเป็นคนที่มีความเติบโตทางอารมณ์และมีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมากที่สุดคนหนึ่งในเรื่อง ขณะเดียวกันเธอก็เป็นตัวละครที่น่าเห็นใจที่สุดในเรื่องเช่นกัน ด้าน อีธาน ฮอว์ค เหมาะที่สุดกับการแสดงเป็น พ่อ ถึงจะมีภาพจำจากหนังเรื่องก่อนๆของเขา แต่บุคคลิกที่ใกล้เคียงกันของตัวละครก็สร้างความลื่นไหลในการแสดง โดยเฉพาะการต่อบทสนทนา เมื่อหนังจบเราจะรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาเป็นคนในครอบครัว หรือไม่ก็เรากลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกเขา

Boyhood เป็นหนังที่ทรงพลัง พูดได้เต็มปากว่าคือภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในรอบหลายปี การได้เฝ้ามองชีวิตคนค่อยๆเติบโตขึ้นจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ในช่วงเวลาแค่165นาทีมันมหัศจรรย์มาก สามารถสร้างอารมณ์ความรู้สึกให้ผู้ชมได้ครบครัน ทั้ง อมยิ้ม หวาดกลัว เศร้าใจ หัวเราะ สงสาร ตื้นตัน โรแมนติก เกลียดชัง เปี่ยมสุข ไปจนถึง นํ้าตาไหล ซึ่งหากการถ่ายหนังคือการโกหกให้แนบเนียน หนังเรื่องนี้ก็บอกเล่าสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ได้อย่างสมจริงที่สุด รางวัลออสการ์จึงคู่ควรมากๆกับภาพยนตร์เรื่องนี้

คะแนน 9.5/10

โดย นกไซเบอร์


ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/132537/?link=4




 

Create Date : 10 กันยายน 2557    
Last Update : 25 ธันวาคม 2557 9:51:35 น.
Counter : 1372 Pageviews.  

รีวิวหนัง : ตุ๊กแกรักแป้งมาก หนังรักของคนรักหนัง


อารมณ์ Nostalgia หรือที่เรียกว่า โหยหาอดีต มีอยู่ในตัวเราทุกคน แต่มันจะถูกปลุกขึ้นมาก็ต่อเมื่อได้รับรู้ สัมผัส ถึงสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับอดีต และสื่อยอดนิยมที่มักจะทำให้เราโหยหาอดีตหลักก็มีไม่กี่อย่าง คือ หนังสือ เพลง และ ภาพยนตร์

ตุ๊กแกรักแป้งมาก เป็นภาพยนตร์ที่จงใจที่จะ Nostalgia แบบตรงไปตรงมา แถมยังกล้าบอกอีกว่าหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากหนังคุณภาพอย่าง แฟนฉัน , Cinema parasido และ Forrest Gump ซึ่งผู้กำกับไม่ใช่ใครที่ไหน ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค ที่หาย หน้าหายตาจากวงการภาพยนตร์ไทยไปพักหนึ่ง

ตัวหนังเล่าถึง ตุ๊กแก เด็กชายกำพร้าที่อยู่กับยายที่เป็นคนใช้ของ ข้าราชการในอำเภอเชียงคานจังหวัดเลย ซึ่งมีลูกสาววัยเดียวกับ ตุ๊กแก คือ คุณแป้ง ทั้งคู่สนิทสนมกันเป็นอย่างดีจนมีเรื่องให้ผิดใจกันเพราะ ตุ๊กแก ทำปืนลั่นใส่ คุณแป้ง ไม่กี่วันหลังจากนั้น คุณแป้ง กับครอบครัว ก็ต้องย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น ตุ๊กแก เติบโตเป็นหนุ่มที่มีความฝันอยากเป็นผู้กำกับ เขาได้พบกับ คุณแป้ง โดยบังเอิญแต่ก็มีเรื่องให้เข้าใจผิดกันอีก ซึ่งเรื่องนี้เองทำให้ ตุ๊กแก ต้องเสียบทที่ตัวเองเขียนมากับมือให้ค่ายหนัง ต้องกลับไปตกงาน สวนทางกับ คุณแป้ง รับบทนำในหนังที่โด่งดังมีชื่อเสียงขึ้นมา ตุ๊กแก จึงตัดสินใจทำหนังเรื่องใหม่ เพื่อบอกความในใจของเขาให้ คุณแป้ง ได้รับรู้

หนังเชิดชูยุคอนาล็อกตั้งแต่เริ่มซีนแรก เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปอดีต  คนดูจะได้เห็นสิ่งที่หาแทบไม่ได้แล้วในสมัยนี้ ทั้ง คาสเซ็ทเทป วีดีโอ พิมพ์ดีด กล้องฟิล์ม วิทยุ ใบปิดหนังวาดมือ เครื่องฉายสไลด์ เครื่องฉายหนัง และของเล่นกับขนมในอดีตมากมาย บวกกับเพลงประกอบเพราะๆในยุค70ของไทยจากวงดนตรีดังในช่วงนั้น เท่านี้ก็เพียงพอให้คนวัย40บวกนํ้าตาซึมแล้ว ขณะที่คนในวัย30บวกก็พากันนึกถึงวัยเด็กที่เคยจับต้องสิ่งของเหล่านั้น

บทหนังทำออกมาได้ดีพอสมควร มีกลิ่นอายของ  แฟนฉัน กับ Cinema parasido ชัดเจน ส่วน Forrest Gump ถูกนำมาล้อมากกว่า ชอบตรงที่หนังเสียดสีวงการหนังไทยได้สนุก และแสบสันต์พอสมควรเลยกับประเด็นขโมยบท ต้อม ยุทธเลิศ เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในหนัง หากใครเคย รู้ประวัติศาสตร์หนังไทยคงจะทราบดีว่า หนึ่งมิตรชิดใกล้ หมายถึงเรื่องอะไร แม้ว่าพล็อตจะมีช่องโหว่อยู่บ้าง แต่การเล่าเรื่องที่ดีทำให้กลบข้อด้อยจนเกือบหมด โดยเฉพาะการทำให้ผู้ชมเหมือนดูหนังซ้อนหนัง

พาร์ทความเป็นคอเมอดี้กับดราม่าแข็งแรงกว่าพาร์ทโรแมนติก มุขตลกเรียกเสียงหาได้สมํ่าเสมอ เก้า จิรายุ แสดงได้ยอดเยี่ยมมาก ถ่ายทอดอารมณ์ดี ทั้งในบทหนุ่มขี้แพ้และดอกฟ้ากับหมาวัด เช่นเดียวกับ น้องแม็ค ซึ่งเรียกนํ้าตากับคนดูได้หลายฉาก เล่นได้เป็นธรรมชาติ ใสซื่อ น่ารักดี  ส่วน น้องเพลง ชนม์ทิดา ดูอ่อนที่สุดในเรื่อง แสดงบทซียเรียสพอใช้ แต่ซีนโรแมนติกดูขาดความสดใส อยากบอกว่าน้องไว้ผมตรงดูดีกว่าดัดหยิกมากๆ ที่ชอบส่วนตัวคือ โขม ก้องเกียรติ ผู้กำกับ เฉือน เล่นได้กวนดีในบทรุ่นพี่ของ ตุ๊กแก เรียกเสียงฮาได้พอๆกับ ลุงคนที่แสดงเป็น เฮียปลา หรือก็คือ ร่างอวตารของเสี่ยเจียงนั่นเอง

นอกจากจะรียูเนี่ยนศิลปินเก่าๆมารวมตัวกันทำเพลงประกอบหนัง ตุ๊กแกรักแป้งมาก แล้ว ในภาพยนตร์ยังเหมือนงานเลี้ยงรุ่นคนในวงการหนังไทย ต้อม ชักชวน เพื่อนๆพี่ๆผู้กำกับรุ่นใหญ่มาร่วมแสดงหลายคน ตรงนี้ดูอบอุ่นมากๆ ถ้า Begin Again คือสาส์นจากคนทำเพลง ตุ๊กแกรักแป้งมาก ก็เป็นสาส์นจากคนทำหนัง ที่ส่งถึงคนดูหนังไทยทุกคน

คะแนน 8.5/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/137019/?link=4




 

Create Date : 02 กันยายน 2557    
Last Update : 2 กันยายน 2557 19:13:00 น.
Counter : 1530 Pageviews.  

รีวิวหนัง : 22 Jump Street คู่หูไม่รู้จบ


พล็อตตำรวจคู่หูเสื่อมความนิยมมานานหลายปี แต่ก็ถูกปลุกกลับมาอีกครั้งใน 21 Jump Street ภาพยนตร์สุดเกรียนที่สร้างมาจาก ซีรี่ย์คู่หูตำรวจในอดีต ซึ่งภาคแรกประสบความสำเร็จเกินคาด ทำกำไรไปมากเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ไม่ค่อยสูง

ให้หลังอีก2ปี 22 Jump Street หนังภาคต่อจึงกลับมาสร้างความสนุกสนานให้ผู้ชมอีกครั้ง โดยได้ทั้งคู่หูอย่าง ฟิล ลอร์ด และ คริส มิลเลอร์ มารับหน้าที่กำกับ และคู่หูนักแสดงอย่าง แชนนิ่ง เททั่ม กับ โจนาห์ ฮิลล์ เช่นเดิม

เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากจริงๆก็ปูทางมาจากภาคก่อนนิดหน่อยแลเวว่า ชมิดท์ และ เจนโก้ 2 ตำรวจคู่หูจอมป่วนได้อัพเกรดภารกิจจับแก๊งค์ค้ายาในโรงเรียน มาเป็นในมหาวิทยาลัยแทน ชมิดท์ กลายเป็นคนดังในมหาลัยหลังจากได้เข้าร่วมชมรมอเมริกันฟุตบอล ผิดกับ เจนโก้ ที่กลายเป็นตัวตลก เขารู้สึกว่ากำลังถูกคู่หูทอดทิ้ง แต่ยังโชคดีที่มีสาวนักศึกษาจากเอกศิลปะเข้ามาใกล้ชิดด้วย

บทของหนังแพรวพราวมาก เสียดสีหนังภาคต่อเป็นที่สนุกสนาน แต่ที่แสบสุดๆคือการยั่วล้อหนังตัวเองแบบหน้าตาเฉย มุขตลก ยิงกันบ่อยตลอดเรื่องซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้ผล จังหวะฮานี่ลงตัวจนทำเอาผู้ชมปล่อยก๊ากลั่นเลยทีเดียว แถมยังขยี้ต่อให้หัวเราะกันแบบไม่หยุดเลย

เรื่องความดราม่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสองตัวละครหลักก็ทำได้ดีพอสมควร ทว่าข้อเสียก็คือภารกิจจับคนร้ายที่ไม่เข้มข้น ถูกลดความสำคัญจนกลายมาเป็นพล็อตรอง ทำให้บางช่วงเราลืมไปว่ากำลังดูหนังตำรวจอยู่ รวมถึงสถานการณ์อันวุ่นวายต่างๆซึ่งถูกคลี่คลายง่ายดายเกินไปหน่อย

โจนาห์ ฮิลล์ เล่นได้โดดเด่นไม่แพ้ภาคแรก เรื่องมุขตลกไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาแน่นอน แต่ที่ต้องชื่นชมคือซีนอารมณ์ที่เขาแสดงได้ถึงไม่แพ้กัน มาที่ แชนนิ่ง เททั่ม แสดงได้เยี่ยมไม่แพ้กัน เขาเป็นนักแสดงคนดังที่ไม่ห่วงลุคห่วงหล่อ ซึ่งบางช็อตทำได้ขำกว่า โจนาห์ ซะอีก ถ้าเป็นนักแสดงชายหญิงคงต้องบอกว่าเคมีของทั้งคู่ลงตัวมาก ขณะที่จอมขโมยซีนคือ ไอซ์คิวบ์ ที่เล่นเป็นผู้กองดิ๊กสัน หัวหน้าจอมเครียดของ ชมิดท์ กับ เจนโก้

กระนั้นยังมีอีกสิ่งที่ดีของหนังอยู่ในช่วง end credit กับความไม่รู้จบของตำรวจสองคู่หูที่ทำได้ครีเอตมากๆ เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ตรึงคนดูอยู่ในโรงได้จนถึงที่สุดโดยไม่ได้เอาซีนไม่กี่วินาทีของหนังภาคต่อไปมาล่อ เพราะทีมงานยอมเอาทุกอย่างที่คิดว่าควรจะเป็นภาคต่อได้มายำรวมให้ดูกันเต็มอิ่ม ปิดประตูตายการสานต่อความสนุกไว้เพียงเท่านี้


คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/96171/?link=4




 

Create Date : 01 กันยายน 2557    
Last Update : 2 กันยายน 2557 9:25:34 น.
Counter : 1433 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

mninho
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




นกไซเบอร์ วิจารณ์หนัง
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mninho's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.