วันนี้ ทุกจอคอมพิวเตอร์ ในบ้านคุณ

รีวิวหนัง : Cinderella งานเต้นรำเที่ยงคืน


ซินเดอเรลล่า เป็นนิทานสุดคลาสสิกเรื่องล่าสุดที่ค่ายหนังดิสนี่ย์หยิบมารีเมคใหม่ หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการทำ Cinderalla ฉบับการ์ตูน(สมัยนั้นยังไม่เรียกอนิเมชั่น)เมื่อปี 1950 จนทำให้ตัวละครตัวนี้ครองใจเด็กสาวในยุคนั้น และ ซินเดอเรลล่า ก็ได้ขึ้นทำเนียบเป็น เจ้าหญิงดิสนี่ย์ ที่มีแฟนๆชื่นชอบเป็นอันดับต้นๆ

สำหรับ Cinderalla 2015 หรือ Cinderalla ฉบับคนแสดง แบบความคาดหวังจากแฟนๆพอสมควร แต่หนังก็สร้างความกังขาด้วยเลือกนักแสดงหน้าใหม่ทั้ง ลิลี่ เจมส์ และ ริชาร์ด แมดเดน มาประกบคู่กัน แทนที่จะนำเอานักแสดงที่มีชื่อเสียงมารับบทนำ ทว่า ก็มีจุดที่น่าสนใจอยู่ที่ เคท บลันเชตต์ ซึ่มยอมมารับบทแม่เลี้ยงใจร้าย

Cinderalla เล่าถึงเรื่องราวชีวิตอันแสนรันทดของ เอลล่า สาวแสนดีที่กำพร้าแม่ แถมต่อมาดันมาเสียพ่อไปอีก เธอต้องอาศัยอยู่ในบ้านร่วมกับ แม่เลี้ยงใจร้ายและลูกสาวตัวแสบของหล่อนอีก2คน ทั้งหมดไม่เคยเห็น เอล่า เป็นคนในครอบครัว พวกเธอใช้แรงงาน เอล่า เยี่ยงคนใช้ พร้อมกับตั้งชื่อใหม่ล้อเลียนว่า ซินเดอเรลล่า

เอลล่า น้อยใจในโชคชะตาขี่ม้าออกไปนอกบ้านและบังเอิญไปพบกับเจ้าชาย ทั้งสองตกหลุมรักกันแต่ไม่รู้จะติดต่อกันอย่างไร เจ้าชายจึงตัดสินใจจัดงานเต้นรำขึ้นโดยเชิญหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานทั่วอาณาจักรไปร่วมงาน แม่เลี้ยงกับลูกสาวสั่งดัดชุดจากร้านราคาแพงเพราะหวังรวยทางลัดด้วยการอภิเสกสมรสกับเจ้าชาย เอลล่า ขอไปงานเลี้ยงด้วยแต่ถูกปฏิเสธ หนํ้าซํ้ายังโดนแกล้งทำลายชุดที่เธอตัดขึ้นมาเอง ระหว่างที่ เอลล่า กำลังร้องไห้เสียใจ นางฟ้าแม่ทูนหัว ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมเวทมนต์วิเศษที่จะสลายไปในตอนเที่ยงคืน

Cinderalla ของ เคนเนธ บรานาห์ ซื่อสัตย์กับต้นฉบับพอสมควร ไม่ได้มีการตีความใหม่หรือแต่งเติมเสริมแต่งเนื้อเรื่องเหมือนกับหนังรีเมคเรื่องอื่น เพียงแต่ใช้เทคนิคพิเศษด้านภาพและเสียงสมัยใหม่ช่วยให้มันสมบูรณ์ขึ้น ทว่าสิ่งที่ต่างไปจากเดิมมีแค่การใช้ชื่อ เอลล่า แทน ซินเดอเรลล่า ที่ใครๆรู้จักดีกว่า และมีการบิดคาแร็กเตอร์ของ ซินเดอเรลล่า นิดๆ แน่นอนว่าเธอยังคงเป็นสาวคนดีอยู่ เพียงแต่กล้าหาญมากขึ้น มีปากมีเสียง ต่อปากต่อคำ ผิดกับต้นฉบับที่เป็นสาวอมทุกข์

ข้อดีของหนังอยู่ที่การแสดงล้วนๆ ชื่นชมผู้กำกับที่เสี่ยงเลือกนักแสดงหน้าใหม่อย่าง ลิลี่ เจมส์ มารับบท ซินเดอเรลล่า เธอเป็นผู้หญิงที่มีสเน่ห์ล้นเหลือทีเดียว ฉากที่ ลิลี่ เฉิดฉายที่สุดคงหนีไม่พ้นฉากในงานเต้นรำ สวยราวกับเจ้าหญิงเป็นแบบนี้นี่เอง ความงามกับกริยาของเธอสะกดสายตาผู้ชมจนทำให้เรามองข้ามโครงเรื่องที่ค่อนข้างโบราณและนํ้าเน่าไปได้

ส่วน ริชาร์ด แมดเดน เป็นเจ้าชายที่หล่อพอดู ท่าทีองอาจ รวมถึงมีจุดที่แตกต่างจากฉบับก่อนๆคือดูฉลาดเฉลียวทันคนมากขึ้น ไม่ซื่อจนเซ่อเหมือนเจ้าชายฉบับเก่า ด้าน เคท บลันเชตต์ ที่เล่นเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายต้องบอกว่าเป็นจอมขโมยซีนที่สร้างสีสันให้กับเรื่องนี้มากๆ เธอเล่นใหญ่ชนิดที่ดูแล้วเหมือนหลุดออกมาจากละครหลังข่าวบ้านเรายังไงยังงั้น ซึ่งยิ่งเธอร้ายท่าไหร่ก็ยิ่งส่งให้ ลิลี่ ได้ใจคนดูมากขึ้นเท่านั้น อีกคนที่อยากพูดถึงคือ เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ ผู้รับบทนางฟ้าแม่ทูนหัว เธอใช้เวลาเพียงน้อยนิดได้คุ้มค้า เฮเลน่า เป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดไม่กี่คนที่ถูกจริตกับบทจำพวก แม่มด ปีศาจ หรือ นางฟ้า สุดๆ

โดยรวม Cinderalla เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจ แต่ไม่ถึงกับน่าประทับใจนัก ด้วยความที่ตัวหนังค่อนข้างจะเพ้อฝัน ไม่หลุดออกจากวังวนเทพนิยาย กระนั้นเชื่อแน่ว่ามันคงถูกอกถูกใจสาวๆกับเด็กผู้หญิงทั่วโลกที่เชื่อในเวทย์มนต์และยังคงฝันถึงเจ้าชายขี่ม้าขาว

คะแนน 7/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/154527/?link=4




 

Create Date : 17 มีนาคม 2558    
Last Update : 17 มีนาคม 2558 16:55:57 น.
Counter : 1944 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Focus หนุ่มร้อยเล่ห์กับสาวมากสเน่ห์


หลายครั้งที่เราดูข่าวหัวขโมยหรือแก๊งต้มตุ๋นแล้วอดคิดไม่ได้ว่าในโลกนี้มีคนที่ทำอาชีพแบบนี้จริงๆเหรอ มันมีศาสตร์ที่ฝึกสอนกันได้ไหม มีครูฝึกหรือเปล่า คงไม่ถึงขั้นมีโรงเรียนมั้ง บางคนรํ่ารวยได้ดิบได้ดีกับอาชีพนี้ ขณะที่ส่วนใหญ่ไปจบที่คุกที่ตาราง ฮอลลีวู้ดเคยทำหนังเกี่ยวกับแก๊งค์ต้มตุ๋นมากมาย แต่โดยมากจะแฝงแง่มุมขบขันมากกว่าที่จะจริงจังกับอาชีพนี้ และ Focus คือหนังเรื่องล่าสุดซึ่งวิพากย์อาชีพนี้ได้สนุกทีเดียว

Focus กำกับและเขียนบทโดย เกลนน์ ฟิคาร์รา กับ จอห์น เรควา แต่ที่น่าสนใจคือคู่นักแสดงนำ การกลับมาของ วิล สมิธ ที่ต้องเข้าคู่กับ มาร์ก็อต ร็อบบี้ นักแสดงสาวสวยที่กำลังมาแรงที่สุดคนหนึ่งในวงการฮอลลีวู้ดหลังจากที่เธอได้รับบทเด่นครั้งแรกในหนัง The Wolf of Wall Street ซึ่งถือว่าแจ้งเกิดได้พอสมควร

ตัวหนังเล่าถึงความสัมพันธ์ของ นิคกี้ หนุ่มจอมเจ้าเลห์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการต้มตุ๋น กับ เจส หัวขโมยสาวม­ือใหม่สุดเซ็กซี่ เขาเป็นครูสอนเทคนิคต่างๆมากมายให้เธอ ความใกล้ชิดทำให้เขาและเธอเริ่มหวั่นไหว แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ทันตกลงปลงใจกัน นิคกี้ ก็หนีหายออกไปจากชีวิตของ เจส กระทั่ง3ปีต่อมา นิคกี้ ได้พบกับ เจส อีกครั้งที่อาร์เจนติน่า นิคกี้ กำลังทำงานสำคัญร่วมกับเจ้าของทีมรถแข่งรถหนุ่ม ซึ่ง เจส ดันเป็นแฟนกับเขาอยู่ แผนที่ นิคกี้ วางไว้จึงไม่ราบรื่น นิคกี้ พยายามขอโทษและขอคืนดีกับ เจส แต่เธอก็ไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ เธอไม่ไว้ใจเขาเพราะกลัวถูกหลอก เช่นเดียวกับที่เขาก็ไม่ไว้ใจเธอเหมือนกัน

บทหนังแม้จะดูหลวมๆไปบ้างแต่ก็มีลูกเล่นต่างๆที่น่าสนใจ พาคนดูให้เพลิดเพลินไปกับขบวนการหัวขโมยและแก๊งต้มตุ๋นตัวฉกาจ ดูแล้วนึกถึงหนังตระกูล Ocean's Eleven ผสมกับ Now You See Me เพียงแต่ Focus ด้อยกว่าเรื่อง เทคนิคมือไว อุปกรณ์ลํ้าๆ ทริคเจ๋งๆ โดยเน้นไปทางความสามารถในการใช้จิตวิทยากับความโลภและความหลงของคนมากกว่า ซึ่งมีความสดใหม่พอดู อีกอย่างคือการเน้นเรื่องความสัมพันธ์แบบรักๆไคร่ๆของตัวละครนำ ผู้กำกับพยายามจะให้ออกมาโรแมนติก แต่ก็มีความอีโรติกเจือปนอยู่มาก

ฉากไฮไลต์อยู่ที่การเดิมพันในสนามอเมริกันฟุตบอล ต้องบอกว่าต้มคนดูซะสุกเลยทีเดียว จุดเด่นอีกอย่างคือตัวหนังตั้งใจมาหลอกเราจึงคาดเดาเนื้อเรื่องไม่ได้ พอเฉลยแล้วนึกย้อนกลับไปเราถึงจะร้องอ๋อยาวๆ กระนั้น หนังก็มีฉากที่ไม่สมจริงหลายฉากทั้ง การล้วงกระเป๋ารัวๆแบบสะดวกง่ายดายเกินไป ความอู้ฟู่หรูหราเกินงามของแก๊งต้มตุ๋น พื้นหลังของตัวละครก็มีข้อมูลน้อยไปหน่อย และพาร์ดดราม่าก็ยังทำได้ไม่ถึง

มาร์ก็อต ร็อบบี้ นักแสดงสาวผมบลอนด์พิมพ์นิยมแจ้งเกิดได้เต็มตัวในบท เจส สเน่ห์ ความเซ็กซี่ ความแพรวพราว ของเธอสะกดใจหนุ่มๆได้อยู่หมัด ถึงเธอจะดูไม่น่าเชื่อว่าเป็นหัวขโมยสาวตัดแสบ แต่สิ่งที่เธอขโมยได้แน่ๆคือหัวใจของคนดูผู้ชาย แน่นอนว่านอกจากเรื่องของรูปร่างหน้าตา ฝีมือการแสดงของเธอก็นับว่าพัฒนาความสามารถจาก The Wolf of Wall Street  ขึ้นมาอีก1สเต็ป ด้าน วิล สมิธ จัดว่าเป็นการแสดงที่ดีของเขาในรอบหลายปี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหนังเรื่องที่ผ่านมา ความเก๋า รวมถึงมาดนิ่งๆกวนๆช่วยส่งให้ นิคกี้ เป็นหนุ่มที่น่าหลงใหลในสายตาสาวๆ ไม่บ่อยครั้งนักที่นักแสดงนำผิวสีกับผิวขาวจับคู่กันแล้วประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องขอเว้นให้กับหนังเรื่องนี้

ช่วงท้ายหนังจบแบบมีเซอร์ไพรส์หักมุมเล็กๆ แถมยังทิ้งบางอย่างเอาไว้เผื่อจะมีภาคต่อ สำหรับ Focus ที่แปลว่าจุดสนใจ ไม่ได้สนใจประเด็นความดีเลว ถูกผิด หรือให้บทเรียนชีวิต เพียงแต่นำเสมอเรื่องด้านมืดในมุมสีเทาและแฝงความตลกขบขันเข้าไป โดยมองว่ามันเป็นแต่เกม ชิงไหวชิงพริบระว่างคนสองคน

คะแนน 7/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/149192/?link=4




 

Create Date : 13 มีนาคม 2558    
Last Update : 13 มีนาคม 2558 16:33:49 น.
Counter : 1331 Pageviews.  

รีวิวหนัง : The Riot club ไฮโซตัวแสบ


The Riot club เป็นภาพยนตร์ดราม่าทริลเลอร์ที่ถูกดัดแปลงมาจากบทละครเวทีเรื่อง Posh ของ ลอร่า เวด ซึ่งเธอก็ได้มารับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ด้วย โดยหนังเรื่องนี้รวบรวมนักแสดงหนุ่มหน้าตาดีของฮอลลีวู้ดไว้มากมายทั้ง แม๊กซ์ ไอร์ออนส์,แซม คลาฟลิน และ ดั๊กลาส บูธ 

หนังเล่าถึงการเริ่มต้นชีวิตมหาลัยของ อลิสแตร์ ไรล์ส (แซม คลาฟลิน) กับ ไมลส์ ริชาร์ดส (แม๊กซ์  ไอร์ออนส์) สองหนุ่มไฮโซชาวอังกฤษในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างอ๊อกซ์ฟอร์ด ทั้งคู่ถูกจับให้เป็นพาร์ทเนอร์แต่ความคิดเห็นไม่ค่อยลงรอยกัน ไมลส์ เป็นคนไม่ถือตัว กินง่ายอยู่ง่าย เขาคบเป็นแฟนกับ ลอเรน สาวนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่ง ผิดกับ ไรล์ส ที่เป็นคนหัวสูง ชอบดูถูกคนอื่น

ต่อมาทั้งคู่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าคลับลับของมหาลัยที่มีชื่อว่า ไรออท คลับนี้จะคัดเลือกเฉพาะหนุ่มนักศึกษาอ๊อกซ์ฟอร์ดโปรไฟล์ดีเลิศ ต้องไฮโซ รูปหล่อ พ่อรวย นามสกุลดัง เก่งกีฬา เรียนดี และที่สำคัญดื่มเก่ง สำหรับนิสัยพวกเขาไม่ค่อยสนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ในกลุ่มจึงมีแต่พวกเพลย์บอยตัวแสบที่คิดว่าตัวเองพิเศษกว่าใคร ทุกปีพวกเขากำหนดว่าจะมีสมาชิกแค่10คน มีประธาน1คน ซึ่งเกณฑ์การรับสมาชิกก็ไม่ใช่ง่ายๆเลย โดยในปาร์ตี้แรกของคลับ เหล้า ยา และความบาดหมางของ ไรล์ส กับ ไมลส์ ทำให้งานเลี้ยงอาหารกลายเป็นสังเวียนย่อมๆ พวกเขาขาดสติ คึกคะนอง การละเล่นจึงเลยเถิดเป็นอาชญากรรมในที่สุด

บทหนังตีแผ่ปัญหาเรื่องชนชั้นในสังคมออกมาได้เจ็บแสบ บทสนทนาร้อนแรงดุเดือด คนดูเหมือนกำลังถูกตัวละครใช้เงินฟาดใส่หน้าเป็นระยะ ช่วงกลางเรื่องเข้มข้นดี ทว่าในตอนท้ายกราฟของหนังกลับดร็อปลงเอาดื้อๆ ทำให้มันไปไม่สุดทาง เป็นที่น่าเสียดาย ในแง่ของสมาคมลับนักศึกษาทำให้นึกถึงหนังเรื่อง The Skulls จากฝั่งสหรัฐฯ ซึ่ง The Riot club ดีกว่าในพาร์ทดราม่า แต่ด้อยกว่าในพาร์ททริลเลอร์

ฉากร้านอาหารที่เป็นช่วงพีคของหนังตัวละครแสดงได้ทรงพลังดี ส่วนตัวชอบตรงที่หนังไม่มีการตัดสินเรื่องถูกผิด รวมถึงนอกจากจะมีตัวแทนสังคมชั้นสูงปะทะคารมกับชนชั้นกลางและล่างแล้ว กลุ่มชนชั้นสูงก็มีการใช้คำพูดค่อนขอด ดูถูก ถากถางกันไปมาตลอด คลับที่ดูเหมือนจะเหนียวแน่นจึงเป็นภาพลวงตา พวกเขาพร้อมที่จะหักหลังและถีบส่งเพื่อนเพื่อเอาตัวรอดเสมอ

ด้านการแสดงถือว่าเป็นทีมนักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ แซม คลาฟลิน เล่นได้โดดเด่น เก๋า กร่าง กวน สมบทบาทจนทำให้ผู้ชมเกลียดขี้หน้า บางคนอาจถึงกับลุ้นให้เขาได้ชดใช้กับสิ่งแย่ๆที่เขาทำในหนัง ขณะที่ แม๊กซ์  ไอร์ออนส์ เล่นเบาไปหน่อย ควรจะทำได้ดีกว่านี้กับบทนักแสดงนำ ผิดกับ ดั๊กลาส บูธ ที่เป็นตัวรองแต่ดูมีอะไรกว่า ฝ่ายนักแสดงหญิง ฮอลิเดย์ เกรนเจอร์ กับบท ลอเรน แม้หน้าเธอจะสวยเหมือน ดรูว์ แบร์รี่มอร์ แต่เธอยังดูไม่ค่อยมีสเน่ห์เท่าไหร่จึงสร้างความสงสัยกับคนดูว่า ไมลส์ มาหลงใหลอะไรในตัวเธอ และทำให้ เจสสิก้า บราวน์ ฟินด์เลย์ ที่เล่นเป็น ราเชล ลูกสาวเจ้าของร้านอาหารขโมยซีนไปได้

ตอนจบน่าผิดหวังเล็กๆที่ โลน เชอร์ฟิก ซึ่งเคยสร้างชื่อจากหนังรักนํ้าดีอย่าง One day ไม่ได้สื่ออะไรออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน เพียงแต่ขับเน้นด้านมืดของสังคมชั้นสูงและสร้างอำนาจเพิ่มให้กับ ไรออทคลับ เท่านั้น เธอสรุปเรื่องแบบขาดชั้นเชิงทั้งๆที่ปูพื้นมาดีมาก ทุกอย่างเลยพังทลายลงหมด อย่างไรก็ตาม ขอปรบมือให้กับความกล้าในการวิพากย์วลี เงินซื้อได้ทุกอย่าง จนเผ็ดร้อนชนิดหลายคนสะดุ้งจากเก้าอี้

คะแนน 6.5/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/168829/?link=4




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2558 18:20:24 น.
Counter : 1968 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Song One เสียงแห่งความทรงจำ


Song One เป็นภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรกของ เคท เบเกอร์ ฟรอยแลนด์ ผู้กำกับสาวที่น่าจับตามอง ตัวหนังพูดเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวและดนตรีโฟล์คซอง โดยได้ จอห์นนี่ ฟลินน์ นักดนตรีแนวอินดี้มารับบทที่แทบจะเป็นตัวเอง ประกบคู่กับ ดาราสาวมากความสามารถอย่าง แอน แฮทธาเวย์

ตัวหนังเล่าถึง แฟรนนี่ สาวมั่นที่กำลังเขียนงานอยู่ที่ประเทศโมร็อคโค เธอถูกเรียกกลับมานิวยอร์คบ้านเกิดหลังจากน้องชายนักดนตรีข้างถนนประสบอุบัติเหตุจนโคม่านอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียง แฟรนนี่ ต้องกลับมาอยู่บ้านกับแม่ที่เป็นนักเขียนอีกครั้ง ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ เช่นเดียวกับน้องชายของเธอ แฟรนนี่ ทะเลาะกับเขาเรื่องไม่ยอมเรียนต่อและไม่ได้พูดกันนานนับปี

แฟรนนี่ อ่านไดอารี่และฟังเพลงของน้องชายเพื่อเต็มความทรงจำที่ขาดหายไป รวมถึงพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างให้เขาฟื้น หนึ่งในนั้นคือการเดินไปหา เจมส์ ฟอร์เรสเตอร์ ศิลปินหนุ่มที่บังเอิญเดินทางมาแสดงโชว์ในเมืองแล้วบอกว่าน้องชายเธอชื่นชอบเพลงของเขามากๆ นั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์อันแสนเหงาของ แฟรนนี่ กับ เจมส์ 

หนังเรื่องนี้ดูเหมือนเป็นการผสมรวมกันของ Inside Llewyn Davis กับ Begin Again เรื่องแรกคล้ายในแง่ดนตรีที่เป็นแนวโฟล์คซอง เรื่องหลังคล้ายในประเด็นดราม่าชีวิตกับความรัก กระนั้น Song One จัดว่าอยู่ในจุดครึ่งๆกลางๆ ไปไม่สุดสักทาง การเดินเรื่องเป็นไปแบบราบเรียบ มีเสียงดนตรีและเสียงเพลงสอดแทรกเป็นระยะ ออกอินดี้หน่อยๆ ใครที่ไม่ชอบหนังโทนบรรยากาศเงียบๆเหงาๆอาจมีวูบหลับ

บทค่อนข้างเบาไปหน่อย ขาดความเข้มข้น ไม่มีซีนที่เป็นไฮไลต์ ฉากจบก็เรียบง่ายซะจนคนดูเกือบเหวอ ส่วนที่จับต้องได้จริงจังมีเพียงประเด็นความสัมพันธ์อันเปราะบางของสามแม่ลูก แต่จุดเด่นของหนังคือการถ่ายทอดภาพเมืองนิวยอร์คตอนกลางคืนออกมาได้อย่างสวยงาม ขณะที่เพลงประกอบก็เพราะมาก จอห์นนี่ ฟลินน์ โชว์ความสามารถร้องและเล่นดนตรีอย่างเต็มที่ และในเนื้อเพลงแต่ละเพลงก็แฝงความหมายกับข้อคิดดีๆเอาไว้ในรูปแบบของการเปรียบเปรยตามแนวเพลงโฟล์คซอง

แอน แฮทธาเวย์ ในลุคผมสั้นไม่ต่างจากเรื่อง One day แต่ครั้งนี้คาแร็กเตอร์เธอดูทะมัดทะแมงกว่า แม้ว่าจะไม่ใช่งานแสดงที่ดีที่สุดของเธอ แต่ก็นับว่าเป็นผลงานที่น่าจดจำ เธอทั้งสวยมีสเน่ห์ เข้าถึงอารมณ์ตัวละคร เป็นตัวเดินเรื่องที่ดี สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้เยี่ยม จอห์นนี่ ฟลินน์ มาดเซอร์ได้ใจสุดๆ ด้วยบุคลิกตัวละครที่ใกล้กับตัวจริงทำให้เขาแทบไม่ต้องแสดงอะไรมาก ถือว่า จอห์นนี่ เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่สาวๆจะคลั่งไคล้ หลงใหล โดยเฉพาะยามที่เขามีเครื่องดนตรีติดตัว ทว่าเคมีของเธอกับเขาไม่ค่อยเข้ากันนัก ความรักของ แฟรนนี่ กับ เจมส์ จึงดูประดักประเดิด ไม่หวานซึ้งแบบที่ควรจะเป็น

ภาพยนตร์เรื่อง Song One นำเสนอแนวคิดที่ว่าคนเราแต่ละคนมักมีความจำฝังใจต่อบทเพลงที่ชอบ ไม่ว่าเนื้อหามันจะเศร้าขนาดไหนและไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร เพลงๆนั้นจะยังคงเป็น เสียง ที่ดังอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป

คะแนน 7/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/164837/?link=4




 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2558 18:16:58 น.
Counter : 2117 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Unbroken ชีวิตที่แสนจะ อด และ ทน


น่าเสียดายที่ หลุยส์ ลูอี้ แซมเพอรินี นักกีฬาโอลิมปิกและผู้รอดชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่ Unbroken ภาพยนตร์ชีวประวัติของเขาจะเข้าฉายเพียง1ปี ชีวิตของเขานั้นช่างโลดโผน น่าอัศจรรย์ไม่แพ้ใครในประวัติศาสตร์โลกจริงๆ เขาทั้งเคยเป็นหัวขโมยติดเหล้า เคยได้เหรียญกีฬาโอลิมปิก เคยรอดจากเครื่องบิน เคยลอยคออยู่กลางทะเลกว่า47วัน และเคยตกเป็นเชลยสงครามโดนใช้แรงงานอยู่ในค่ายกักกันประเทศญี่ปุ่นนานถึง2ปี 

เนื้อหาของหนังเล่าตั้งแต่ หลุยส์ แซมเปอรินี เด็กชาวอิตาเลียนที่เติบโตในสหรัฐฯไต่เต้าจากนักวิ่งบ้านนอกจนได้มาวิ่งในกีฬาโอลิมปิกและกลายเป็นฮีโร่ที่คว้าเหรียญได้สำเร็จ ด้วยความรักการผจญภัย หลุยส์ สมัครเป็นทหารเพื่อรบในสงครามโลกครั้งที่2 เขาถูกส่งตัวมาประจำที่กองบินในทะเลแปซิฟิก 

ต่อมาในภารกิจกู้ภัย เครื่องบินที่ หลุยส์ นั่งกลับตกลงเสียเอง เขาและเพื่อนทหารอีกสองคนรอดตาย ทว่าก็ต้องใช้ชีวิตบนเรือยางกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ยาวนานวันแล้ววันเล่า หลุยส์ เสียเพื่อนไปอีก1ก่อนที่จะได้ขึ้นฝั่ง กระนั้นก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้ คนที่มาพบพวกเขาคือทหารญี่ปุ่นที่เป็นศัตรูกัน หลุยส์กับเพื่อนจึงถูกส่งไปเป็นเชลยในค่ายที่ญี่ปุ่น ประเทศที่เขาฝันว่ามาตลอดจะได้มาวิ่งในกีฬาโอลิมปิกครั้งถัดไป ซึ่งถูกยกเลิกเพราะเกิดสงครามขึ้น

ด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศคือชีวิตจริงอันแสนทรหดของ หลุยส์ แซมเพอรินี่ บทหนังจึงทำออกมาให้เข้มข้นได้ไม่ยาก สะท้อนความโหดร้ายของสงครามผ่านมุมมองของเชลย(แน่นอนว่าเป็นมุมมองด้านเดียวเหมือนเคย) และชีวิตยากแค่ไหนก็ไม่เกินความอดทน คล้ายๆกับเรื่อง The Railway Man รวมถึงยังคาราวะหัวใจนักสู้ของเขา ดูแล้วให้กำลังใจพอสมควร เพราะเรื่องราวที่ หลุยส์ พบเจอในชีวิตนั้นมันช่างหนักหนาจนปัญหาชีวิตของเราๆกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย 

การเดินเรื่องใช้วิธีตัดสลับ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ทำให้เนื้อหาขาดตอนในบางช่วง ตอนท้ายใช้เวลาที่ค่ายกักกันมากไปหน่อยจนหนังดูยืดและเนือย ผู้ชมบางคนอาจเบื่อ ด้านโปรดักชั่นงานสร้างจัดว่าสมจริงตามมาตรฐานฮอลลีวู้ด ผลงานการกำกับหนังเรื่องที่สองของ แองเจลินา โจลี จึงถือว่ามีพัฒนาการขึ้นมาก

แจ็ค โอ ดอนเนลล์ กับการแสดงเป็น หลุยส์ แซมเพอรินี่ ถือว่าทำได้ดี เข้าถึงบทบาท ถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสายตาได้เก่ง อีกคนที่เด่นคือ มิยาบิ หรือ ทากามาซะ อิชิฮาระ มือกีตาร์ซามูไร นักดนตรีชื่อดังของญี่ปุ่นกับบท ไอ้นก ผู้คุมจอมโหดที่ตามจองล้างจองผลาญ หลุยส์ ตลอดเวลาที่เขาอยู่ญี่ปุ่น การแสดงของ มิยาบิ ช่วยสร้างสีสันและส่งให้ แจ็ค ได้ใจผู้ชมมากขึ้น

Unbroken ย่อยชีวิตของ หลุยส์ แซมเพอรินี่ ออกมาได้ค่อนข้างกลมกล่อม แม้จะมีบางส่วนที่เรากังขากับเรื่องเล่าจากปากของชายคนนี้บ้าง ว่าเรื่องราวของเขาเกินจริงไปหรือไม่ แต่สิ่งที่คนดูไม่อาจกังขาได้เลยก็คือ ความอดและทนของเขา และเหนืออื่นใด การยอมให้อภัยกับทุกเรื่องที่เขาเคยถูกกระทำ

คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/134060/?link=4




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2558 18:17:32 น.
Counter : 1770 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

mninho
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




นกไซเบอร์ วิจารณ์หนัง
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mninho's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.