Group Blog
 
All blogs
 
นิยายYuri วุ่นนัก...หลงรัก ซุปเปอร์สตาร์ 6(รีไร้ท์)

 Vicinity

ใกล้

เบลลงจากรถไฟฟ้าเมื่อถึงสถานีสยามที่นี่เป็นแหล่งรวมวัยทีนมานานนมนับสิบๆปี มีร้านรวงแฟชั่นมากมายสำหรับสาวนักศึกษาถ้ามีโอกาสและเวลา เธอจะมาเดินที่นี่บ่อยๆ เพื่อสำรวจแนวโน้มแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงรวมไปถึงเธอจะแวะไปนั่งสมาธิสักชั่วโมงสองชั่วโมง ที่วัดปทุมวนาราม ซึ่งภายในวัดมีบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบแทบจะเป็นโลกอีกใบหนึ่งทั้งๆที่อยู่ท่ามกลางตึกระฟ้าและแหล่งศูนย์การค้าหรูๆมากมาย แต่วันนี้เธอคงไม่มีโอกาสเข้าวัดเพราะเวลางวดเข้ามา ไม่เป็นไร ตัวไม่ได้เข้าวัดแต่ใจอยู่ที่นั่นก็พอเมื่อลงบันไดเลื่อนจากสถานีรถไฟฟ้าก็ใกล้เวลานัดหมายแล้วเธอไปนั่งรอที่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งที่คนไม่พลุกพล่านมากนักสักพักก็มีเสียงไลน์ดังขึ้น

Pollybellisario “อยู่ไหนแล้วจ๊ะ”

Bellejubjub “นั่งรอที่....ค่ะ”

Pollybellisario “แปป”

Pollybellisario “เจอละ”

สองสาวเจอกันและได้สบตากันทำเอาสาวที่อายุน้อยกว่าเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เช่นกันกับซุปตาร์สาวเธอดังต้องมนต์สะกดจากสาวน้อย เด็กอะไรหน้าใสชะมัด แถมพูดจาฉะฉานดูฉลาดกว่าเด็กวัยรุ่นสมองกลวงทั่วๆไปเธอรู้สึกว่าเบลท้าทายและน่าค้นหามาก ทั้งสองจ้องตากันและกันอยู่นานจนกระทั่งเซเลบสาวรู้สึกตัว

“รอนานมั้ยหาที่จอดรถยากหน่อย”

“ไม่ค่ะสวัสดีค่ะ” เบลยกมือไหว้สวยงามด้วยกริยาอ่อนช้อยตามตำรับสาวเหนือ

“ทีหลังห้ามไหว้นะยังไม่ได้แก่ขนาดนั้น”

พอลลี่ตอบและรับไหว้ระหว่างนั้นก็มีลูกค้าโต๊ะข้างๆมาขอถ่ายรูปและลายเซ็นต์ตามประสาคนดังไม่เว้นแม้แต่เด็กเสริ์ฟและเจ้าของร้านโดยเซเลบชื่อดังก็ให้ความร่วมมือและความเป็นกันเองปราศจากอาการเกี่ยงงอนหรือทำท่าทำทางว่าเบื่อหน่ายเลยจนพอใจกลุ่มผู้คนที่รายล้อมก็ปล่อยทั้งคู่เป็นอิสระตามลำพัง สองต่อสอง เมื่อปลอดคนเบลก็เริ่มใจเต้นอีกครั้ง เด็กสาวพยายามหายใจลึกๆ ช้าๆ จนพอลลี่สังเกตเห็น

“เป็นไรมั้ยสาวน้อย”

“เปล่าค่ะก็แค่...หายใจไม่ทัน” เด็กสาวรุ่นตอบพาซื่อทำให้ผู้ฟังจับทางได้และยิ้มออกมาโดยไม่ไปเซ้าซี้ต่อเพราะไม่อยากไปสร้างความประหม่าเพิ่มให้กับสาวน้อยจอมกระชากใจผู้นี้ ความจริงเธอก็ตื่นเต้นที่ได้เจอเด็กสาวตรงหน้าเช่นกันแต่ชั่วโมงบินพอมี ทำให้ประคับประคองเอาตัวรอดพอได้

“คุณพอลลี่มีธุระอะไรเหรอคะ”บุญยกรถามเข้าเรื่อง

“สั่งอะไรมากินกันก่อนนะชั้นร้อน” ร้อนอะไร? แอร์ออกจะเย็นเบลคิดในใจ

“ค่ะคุณพอลลี่อยากทานอะไร เดี๋ยวเบลสั่งให้”

“ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมากมายหรอกอีกอย่างเลิกเรียกคุณได้แล้ว มันดูห่างเหินกันเกินไป” ห่างเหิน? แล้วเราจะสนิทใกล้ชิดกันทำไมวัยรุ่นไม่เข้าใจแต่ก็ยอมไหลตามน้ำ

“ได้ค่ะคุณเอ้ย งั้นขออนุญาตเรียกพี่นะคะ” สาวน้อยยังเกรงใจและไม่ชินปาก

“อนุญาตให้เรียกมากกว่านั้นอีก”เซเลบสาวพูดกำกวมแบบให้คนฟังไปจิ้นต่อเอง เด็กสาวยิ้มแหยไปต่อไม่เป็น

“หมายถึงจะเรียกอะไรก็ตามใจแต่ห้ามเรียกป้า เข้าใจมั้ย” สาวน้อยยังยิ้มไม่หุบปาก เป็นปลื้มกับความขี้เล่นและไม่ถือตัวอย่างที่เธอเคยเข้าใจก่อนหน้า

เซเลบสาวหัวใจแหวว สั่งไอศกรีมแบบถ้วยใหญ่มีหลายสกู๊ป มาแบ่งกันกินเธออยากได้ฟิลลิ่งแบบเด็กมัธยมที่แย่งกันกิน มันน่าสนุกดี

“คืองี้พี่อยากได้ทีมงานมาช่วยเป็นอาสาสมัคร โครงการช่วยช้างพิการเจ็บป่วยและเร่ร่อนของพี่เราพอจะช่วยได้มั้ย” พอลลี่เปิดประเด็นและเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกตัวเธอสาววัยทีนไม่คิดนานและตอบไป

ได้สิคะแล้วคุณ เอ้ยพี่ต้องการกี่คน แล้วต้องทำอะไรบ้างคะ อีกอย่างพี่ก็พอรู้เบลคงให้เวลาพี่ได้แค่วันที่ไม่มีเรียนกับไม่มีงานนะคะ ถ้าจะให้ช่วยแบบเต็มเวลาเบลเกรงว่าจะไม่สะดวก” สาวหน้าใสออกตัว

“ไม่ขนาดนั้นหรอกใช้เวลาไม่มาก แต่ว่าต้องมีไปต่างจังหวัดเยี่ยมช้างป่วยที่โรงพยาบาลช้าง และปางช้างบ้างนานๆทีน่ะ”ดาราสาวเว้นจังหวะจิบกาแฟดำก่อนอธิบายต่อ

“พี่ต้องการทีมงานประมาณ 3-4 คนไม่เอาเยอะ วุ่นวายเน้นคุณภาพ ยิ่งรู้จักเป็นเพื่อนกันยิ่งดีเพราะต้องทำงานกันเป็นทีม”

“ค่ะ เบลพอเห็นภาพแล้ว” บุญยกรพอจะผ่านงานแบบนี้มาบ้าง เธอเคยออกค่ายอาสาตอนอยู่ปี1ปี 2

“ส่วนรายละเอียดเข้าไปดูในเฟสนะมีข้อมูลทุกอย่าง ส่วนเรื่องรายละเอียดกิจกรรมไว้ค่อยมาคิดกันอีกที ตอนนี้อยากหาทีมงานให้ครบก่อน”

“ค่ะแล้ว...”เด็กสาวสงสัยแต่ไม่กล้าถาม

“แล้วอะไร”พอลลี่ซักเมื่อเห็นเด็กสาวประหม่าอาย

“เอ่อ...แล้วทำไมถึงเลือกเบลมาเป็นทีมงานทั้งๆที่ พี่พอลลี่น่าจะมีกลุ่มแฟนคลับที่อาสาอยู่แล้วเอ่อ..ไม่ใช่ว่าเบลไม่เต็มใจนะคะ แค่อยากรู้” เด็กสาวรวบรวมความกล้าถามออกไปจริงที่พอลลี่มีมือไม้พร้อมช่วยเหลือเธอ เจอคำถามนี้ไปดาราสาวนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนตอบ

“นั่นสินะ ไม่รู้ว่าทำไม แต่พอนึกโปรเจคออก เมื่อเช้าพี่ก็คิดถึงเธอเป็นคนแรก”

พอลลี่ตอบตามจริง เพราะเธอขี้เกียจเล่นละครและซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองคำตอบนี้ทำเอาเบลตะลึงงัน คำว่า ‘คิดถึงเธอเป็นคนแรก’ทำเอาเธอสติแทบแตก หูอื้อตัวเบามือไม้ไร้เรี่ยงแรง ทำอะไรไม่ถูก เธอไม่แน่ใจว่าเซเลบสาวกำลังทำอะไรกับเธอ ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่า เขาจะมาจีบเด็กกะโปโลอีกอย่างเท่าที่เธอรู้มา พอลลี่ก็มีคุณยุทธนาเป็นคู่ควงอยู่ เธอไม่น่าจะเป็น...

“อีกอย่างพี่อยากทำพวกของที่ระลึกมาขาย พวกเสื้อหรือกระเป๋าหารายได้เข้าโครงการได้ยินมาจากเจ๊อั้มว่า เธอเรียน fashion design มาและชอบทำบุญคิดว่าน่าจะพอช่วยพี่ได้มาก” พนิตพิชาอธิบายความตั้งใจ เบลยิ่งตกใจนี่เค้ารู้รายละเอียดของเธอมากกว่าที่เธอรู้จักตัวตนของดาราสาวเสียอีกด้วยความเป็นคนละเอียด สาวรุ่นรีบหยิบแทบเล็ตขึ้นมาจดรายละเอียดที่ ซุปตาร์อธิบาย

“พี่อยากได้เสื้อยืด ทีเชิร์ตธรรมดาๆ แต่ขอผ้าแบบพิเศษ แบบเดียวกับ Versace ซักแล้วไม่หดไม่เป็นขุย ไม่ซีด เอาคอวีแต่ไม่ลึกมาก แบบทั้งชายและหญิง ผู้หญิงขอเข้ารูปไม่มีกระเป๋าเอาสองสี ดำกับขาว สกรีนข้อความชัดๆแบบนูน ด้านหน้า แล้วก็ที่แขนเสื้อส่วนแบบที่จะสกรีนไว้ค่อยคิดกันอีกที พี่อยากทำสักพันตัวคละไซส์มา”เด็กสาวจดตามและอัดเสียงไว้ด้วยเพื่อกันพลาด

“ส่วนกระเป๋าเอาแบบง่ายๆไม่ต้องหรูมากเอาเป็นช็อปปิ้งแบคพี่ชอบผ้าดิบขนาดพอใส่เอกสารเอสี่ได้ แต่เน้นว่าสกรีนออฟเซ็ทสี่สีไม่ลอกกระเป๋าอยากทำสัก สองพันใบโครงการมีปลายเดือนหน้าแต่พี่อยากทำออกมาขายก่อนให้เร็วที่สุดจะได้เป็นการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าด้วย” พอลลี่ให้รายละเอียด

“เจ็ดวันก็เสร็จค่ะ หลัง approve แบบเบลมีรุ่นพี่คนนึงแกเป็นเจ้าของโรงงานเองเลย ทำผ้าส่งฮ่องกงอยู่”

“ดีมาก เจอกันครั้งหน้าจะได้สรุปทีมงานแล้วก็แบบของที่ระลึก”พอลลี่สรุปงาน ขณะที่สาวน้อยจดรายละเอียดอยู่ก็โพล่งออกมาตามประสาสาวเปิ่น

“เออ! อุ๊บส์” บุญยกรเผลออุทานพร้อมปิดปาก

“อะไรจ๊ะ ยุงกัดเหรอ” พอลลี่กระเซ้า

“ป...เปล่าค่ะ นึกขึ้นได้ว่าลืมขอบคุณพี่เรื่องยาเมื่อเช้า” สาวน้อยจอมโก๊ะยกมือไหว้อีกครั้ง

“ไม่เป็นไร ก็ขอบคุณมาทางไลน์แล้วนี่”

“ไม่ได้ค่ะ ต้องขอบคุณต่อหน้า ก็คนให้เขาอุตส่าห์ดีซะขนาดนี้”เบลตอกย้ำความต้องการ

“อือ วันหลังก็หัดยืดอกพกร่มบ้าง บ้านเรามันเมืองร้อนชื้นยิ่งเป็นช่วงฤดูฝนยิ่งต้องพกติดตัว แต่ว่าวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ชอบพกร่มใช่มั้ยกลัวเชยสิ ไว้เดี๋ยวพี่จะหาร่มสวยๆเก๋ๆมาให้จะได้ถือแล้วไม่อายใคร” พอลลี่กำชับ

“ค่ะ ว่าแต่...เอ่อ” เด็กสาวหยุดความคิดของตนที่อยากรู้อยากเห็นไปเพราะเกรงว่าจะไม่เหมาะ แต่ดาราสาวเจ้าเล่ห์ก็ดักทางทัน

“พี่รู้ที่อยู่จากเจ๊อั้ม สาวน้อย” เฮ้อผู้หญิงคนนี้ฉลาดเป็นกรดจริงๆอ่านใจเราออกอีก บุญยกร คิดในใจ

“ค่ะ” เบลไม่รู้จะพูดอะไรต่อก้มหน้าก้มตากินไอศกรีมที่สั่งมาหลายสกู๊ป ถ้ากินไม่ทันจะละลาย ด้วยความซุ่มซ่ามและประหม่าจึงเผลอทำไอศกรีมช๊อกโกแลตชิปหกใส่เสื้อยืดสีขาวเลอะเป็นรอยด่างเซเลบสาวหัวเราะท้องคัดท้องแข็งกับยัยโก๊ะด้านเบลก็ตกใจที่ตัวเองทำสิ่งที่น่าละอายต่อหน้าซุปตาร์ เธอรีบเอาทิชชู่มาเช็ดแต่ด้วยความลนลานยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะ แถมที่มุมปากก็ยังเปรอะไปด้วยคราบไอศกรีมอีกพอลลี่เห็นท่าจะไม่รอดจึงขยับตัวมานั่งฝั่งเดียวกันและหยิบทิชชู่ซับน้ำมาช่วยเช็ดเสื้อให้เด็กน้อยเบลตกใจที่อยู่ๆโดนจู่โจมจากเซเลบสาวที่ชอบสร้างความหวั่นไหวครั้นจะเอามือปัดก็เกรงจะไม่งาม จึงทำได้เพียงสมยอมโดยดี

“มา พี่ช่วยเช็ดให้ ดูสิเลอะหมดแล้ว” ซุปตาร์เอาทิชชู่อีกแผ่นมาเช็ดบริเวณที่เปื้อนซึ่งมันใกล้กับ...หน้าอกอึ๋มของสาวรุ่น ทำเอาเธอกระดากอายเพิ่มขึ้นเป็นกำลังสองเมื่อเรียบร้อย พอลลี่ก็เอาทิชชู่อีกแผ่นมาเช็ดที่มุมปาก สองสาวสบตากันอีกครั้ง เบลหัวใจแทบหยุดเต้น

“ทีหลังอย่ากินเลอะแบบนี้อีกนะ พี่ไม่อยากเห็นใครมาเช็ดให้”หญิงสาวหน้าแดงกล่ำเป็นมะเขือเทศ เธอไม่เคยรู้สึกหวามไหวเช่นนี้มาก่อน

“เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวเบลเข้าห้องน้ำไปจัดการเองค่ะ”เด็กสาวรีบหาทางชิ่ง อยู่ต่อไปอีกสามวินาที เธอคงขาดใจตาย

“ไม่ต้อง เสร็จแล้ว” พูดจบพอลลี่ก็กลับไปนั่งที่เดิมเธอเองก็ไม่ไหวเช่นกัน แก้มใสๆแบบนี้ยั่วยวนเธอยิ่งนักเด็กสาวค่อยหายใจหายคอสะดวกขึ้น ก้มมองดูผลงานงามหน้าพร้อมยิ้มออกมาแหยๆ

“ไง สาวน้อยภูมิใจละสิ ไปเดี๋ยวไปหาซื้อเสื้อใหม่เปลี่ยนกัน “

“ไม่เป็นไรค่ะ นิดหน่อยเอง” สาวรุ่นเกรงใจ

“เอ๊ะ เธอนี่ ซุ่มซ่ามเป็นที่หนึ่งแล้วยังจะดื้ออีก อย่าชุ่ยสิไม่ต้องห่วงเดี๋ยวซื้อให้” เซเลบเริ่มขึ้นเสียงสูง สาวน้อยบังอาจขัดใจเธอ

“คิดเงินด้วยค่ะ” เซเลบสาวให้สัญญาณมือเรียกพนักงานเสริ์ฟมาเก็บเงิน พนักงานสาวเดินมาและพูดกับพอลลี่

“พี่ผู้จัดการบอกว่า ขออนุญาตไม่คิดเงินค่ะ เพราะถือว่าเป็นการโปรโมทให้ทางร้านเราที่มีคนดังมานั่งทานที่นี่

“เหรอจ๊ะ งั้นขออนุญาตให้ทิปนะคะ”พนิตพิชาตอบกลับพร้อมควักแบงค์สีม่วงไปให้หนึ่งใบยังไงร้านก็มีต้นทุนเธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าไปกินของใครฟรีๆพนักงานสาวหาเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ได้ จึงรับเงินมา พอลลี่สำทับ

“ครั้งหน้าต้องคิดเงินนะคะพอลลี่จะมาจัดปาร์ตี้มีทติ้งแฟนๆที่ร้านนี้”

“ค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ” พนักงานรับคำและเดินกลับไป

“ไป ดูเสื้อผ้ากัน”

“ค่ะ”บุญยกรไม่อยากขัดใจและเธอก็อยากรู้รสนิยมเรื่องแฟชั่นของเซเลบสาว สองสาวเดินออกจากร้านคุยกันไประหว่างทางก็มีผู้คนมารุมดูนางฟ้าเดินดินบ้างก็ควักมือถือมาถ่ายรูป บ้างก็วิ่งเข้ามาขอลายเซ็นต์ ซึ่งเป็นภาพปกติที่พอลลี่เจอทุกวี่วันแต่สาวน้อยไม่ชิน และออกจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดด้วยซ้ำ

“ไม่เบื่อเหรอคะ ต้องคอยตามใจผู้คนดูไม่อิสระเลย”

“แล้วเข้าใจหรือยังล่ะ ว่าทำไมพี่ต้องการคนมาตามใจพี่บ้าง” นั่นโดนอีกดอก เด็กสาวยิ้มขวยเขิน

“บางทีก็เบื่อนะ แต่ทำไงได้ เราเป็นคนของประชาชนไม่มีพวกเขาพี่ก็อยู่วงการนี้ไม่ได้ น้ำพยุงเรือให้ลอยและแล่นไปได้น้ำก็จมเรือได้เช่นกัน” เซเลบสาวพูดเป็นเชิงเปรียบเทียบ ดาราจะอยู่ได้มีชื่อเสียงก็ต้องการคนสนับสนุนหากไม่มีกลุ่มแฟนๆ ดาราก็กลายเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีความพิเศษอะไรซึ่งนั่นก็ทำให้สถานภาพความเป็นดาราสิ้นสุดลง

“ถ้าเราหมางเมินต่อผู้คน เขาก็จะเอาเราไปพูดได้ว่าเราหยิ่งแล้วก็ต้องมาเป็นข่าว แก้กันอีกไม่รู้จบ บางวันพี่รมณ์บ่จอยรู้สึกแย่ๆก็ต้องฝืนยิ้มไปถ้าหัวเสียมากๆก็ต้องเก็บตัวไปไกลๆหรือไม่ก็ต้องหาที่เงียบๆอยู่”พอลลี่เล่าถึงความยากลำบากในการสะกดอารมณ์ เด็กสาวฟังอย่างเห็นอกเห็นใจและเข้าใจในชีวิตที่ไม่อภิรมย์อีกด้าน

“อีกอย่างวันนี้ พี่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะ...” พอลลี่หยุดประโยคไว้แค่นั้นอยากให้อีกฝ่ายถามกลับ ดังบทรักที่กำลังเข้าไคล เด็กสาวก็รับลูกไม่ทันบทเกี้ยวสาว

“เพราะ?” เยส! บอลกลิ้งมาหน้าประตูแล้ว

“เพราะมีคนที่อยากเจอมาเดินอยู่ข้างๆนี่ไง” พอลลี่หยอด เบลทำเป็นดูโน่นนี่นั่นไปตามเรื่องพยายามไม่สบตา เธอเริ่มกลัวใจตัวเอง เซเลบสาวยิ้มในความไร้มารยาของสาวน้อยทั้งสองเดินมาหยุดที่ร้านเสื้อแห่งหนึ่งเบลสะดุดตากับแบบเสื้อที่แทบจะเลียนแบบแบร์นด์ดังมาเลยทีเดียวเด็กสาวแฟชั่นดีไซน์เดินไปจับเนื้อผ้าตามสัญชาติญาณ พอลลี่ก็เข้ามาดูด้วยเบลเดินเข้าไปในร้านขอลองและตัดสินใจซื้อทันที และเช่นเคยที่เจ้าของร้านลดราคาให้เป็นพิเศษเพราะมีเซเลบชื่อดังมาเป็นลูกค้าพอลลี่หยิบเครดิตการ์ดขึ้นมาและยื่นให้เจ้าของร้าน เบลทำหน้าไม่เห็นด้วยแต่ถูกปรามไว้ก่อนหน้า เธอเลยไม่อยากขัดใจ ระหว่างรอรูดการ์ดสาวน้อยก็พูดขึ้น

“เป็นดารานี่ดีจังนะคะ มีอภิสิทธิ์ทุกที่เลย” เบลกระเซ้า

“จะว่างั้นก็ได้ แต่ว่าถ้าวันนึงตกกระป๋องขึ้นมา เรามันก็แค่ โนบอดี้”พอลลี่กล่าวแบบไม่ทนงในชื่อเสียงของตน เธอรู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จีรังยั่งยืนอะไร

“เอ่อ เดี๋ยวเบลมานะคะ ขอไปดูคอร์สเรียนพิเศษให้น้องแปปพี่พอลลี่ไม่ต้องไปหรอก ตรงนั้นเด็กเยอะ จะวุ่นวายเปล่าๆ” เบลเอาเรื่องคนมาอ้างปิดทางไม่ให้เซเลบสาวตามมา เพราะเธอมีภารกิจลับบางอย่าง

“อย่าไปนานนะ พี่เหงา” พอลลี่หยอดเล็กตอดน้อยหวังทำแต้มไปเรื่อย

“ค้า เดี๋ยวมา” พุดจบสาวน้อยก็เดินดุ่มๆออกไป ทิ้งให้ เซเลบเซลฟี่และคุยกับเจ้าของร้านอย่างถูกคอ

ราวๆ 10 นาทีเด็กสาวก็กระหืดกระหอบกลับเข้ามาในร้าน

“เสร็จแล้วค่ะ”

“พอลลี่ไปนะคะ คราวหน้าจะแวะมาอุดหนุนใหม่ขายดีๆนะคะเสื้อร้านนี้สวยถูกใจพอลลี่มาก” เจ้าของร้านยิ้มแก้มปริดีใจที่ร้านตัวเองจะดังก็คราวนี้

“พี่พอลลี่เก่งจังนะคะ รู้เรื่องแฟชั่นมากกว่าเบลอีก” สาวน้อยชม

“แหงซิหล่อน ก็พี่น่ะเด็กฝรั่งเศสนะจ๊ะเรียนอยู่ที่นั่นตั้งสองปี” พอลลี่เล่า

“ว้าว! ประเทศในฝันของเบลเลยนะนั่น เรียนจบเบลตั้งใจจะเก็บเงินสักก้อนต้องไปเที่ยวให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต”สาวน้อยตั้งเป้าหมายให้ชีวิตตัวเอง คนเรามีสิทธิ์ฝันและสร้างมันให้เป็นจริงมีแต่คนที่ตายไปแล้วเท่านั้นที่ปราศจากความฝัน

“แล้วต้องการไกด์กิติมศักดิ์มั้ย” พอลลี่ถามนัยน์ตาคล้ายบอกความในใจ

“ถึงตอนนั้น เราอาจไม่ได้เจอกันแล้ว” บุญยกรตอบตามที่เธอรู้สึก ก็จริงสาวสูงศักดิ์อย่างพนิตพิชาคงจะไกลจากเธอไปเรื่อยๆพอเธอหมดประโยชน์หรือไม่ได้ช่วยเจ๊อั้มแล้วก็คงไม่มีโอกาสจะเจอกันอีกต่อไป

“แต่...พี่ชอบเบลจริงๆนะ...จริงๆ อยากคบกันไปอย่างนี้นานๆ”ในที่สุดเซเลบสาวก็บอกความในกับสาวกะโปโลตรงหน้า บุญยกรอึ้งไปกับคำพูดนี้ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากดาราสาว เธอนี่นะจะมีอะไรให้เขามาชอบแม่เซเลบอาจกำลังปากหวานเพื่อหวังใช้งานเธอล่ะมากกว่าเบลพยายามไม่จริงจังกับคำพูดลมๆ

“เอ่อ...งั้นเดี๋ยวเบลเดินไปส่งพี่ที่รถนะคะแล้วเราค่อยแยกย้ายกัน”สาวรุ่นเปลี่ยนเรื่อง

“อ้าว ว่าจะชวนไปเดินเล่นต่อ วันนี้พี่ว่างนะนานๆที เหงาด้วยไม่มีใครเลย” ซุปตาร์สาวเปิดทางพิเศษ easy pass เด็กสาวสะดุดกับคำว่าไม่มีใครเริ่มต้นประโยคซะสวยหรูแต่คำจบนี่ทำเอาจุกเลย เชอะ เห็นเราเป็นแค่คนแก้เหงา แต่ก็เอาวะยังพอมีเวลากว่าพี่ต้นจะเลิกงานก็ค่ำมืดอีกตั้งหลายชั่วโมง เธอคิดในใจและเหลือบดูนาฬิกา

“แล้วคุณพี่อยากไปไหนล่ะคะ” สาวน้อยเอ่ยวจี

“ไม่รู้สิ ไม่ค่อยได้ไปไหนไม่ค่อยรู้จักกรุงเทพเท่าไหร่ด้วย”เซเลบสาวไม่ได้แอ๊บ เพราะตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกเธอก็ทำแต่งานงานตลอด ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเป็นการส่วนตัวเลย บุญยกรหยุดเดินและหันมามองหน้าซุปตาร์

“งั้น...ไปภูเขาทองกันมั้ยคะไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัย” เด็กสาวเสนอความเห็นเพราะแถวนั้นมันใกล้ๆกับถนนข้าวสาร ก็เธอมีนัดแฟนหนุ่มที่นั่น

“อะลองซี” บุญยกรทำหน้างงๆไม่เข้าใจ

“let’sgo จ๊ะ เป็นภาษาฝรั่งเศส” พอลลี่เฉลย ทั้งคู่ยิ้มหวานให้กันเนิ่นนานที่เซเลบสาวไม่ได้สดชื่นเช่นนี้เด็กน้อยเข้ามาทำให้โลกของเธอเปลี่ยนสีไปจริงๆพนิตพิชายอมรับว่าสาวมหัศจรรย์คนนี้มีอิทธิพลต่อเธอ

“ค่ะ ไปแอ่วกันเต๊อะ” สาวสวยตอบกลับเป็นภาษาเหนือทำเอาพอลลี่หัวเราะลั่น

ในรถพอลลี่เปิดเพลง เรโทรอย่างเคย ทั้งคู่ร้องเพลงกันอย่างเพลิดเพลินเบลเริ่มยอมรับแล้วว่าเซเลบสาวผู้นี้ทำให้เธอรู้สึกวาบหวาม ตื่นเต้นเธอชอบ...พอลลี่ ส่วนดาราสาวเองก็ตั้งใจไว้ว่าจะเรียนรู้สาวน้อยผู้นี้ให้มากขึ้น

“พี่พอลลี่คะ เบลมีอะไรจะให้” สาวรุ่นพูดขึ้นและหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋าออกมามันคือซีดีเพลง

“เอ๋ ซีดี” พอลลี่ทำหน้าสงสัย

“คือ...เมื่อกี้ตอนเบลไปดูที่เรียนพิเศษให้น้อง พอดีผ่านร้านเพลงมีแผ่นเก่าๆเลยตั้งใจซื้อมาให้พี่เป็นการตอบแทน”

“เหรอดีจัง ขอบใจนะจ๊ะ” ดาราสาวรับแผ่นซีดีมาอ่านดูและยื่นกลับไปให้เด็กน้อย

“อ้าว ทำไมเหรอคะ ไม่ชอบ? หรือว่าหนูซื้อมาซ้ำ”เบลชักใจแป้ว เธอรับแผ่นคืนมาแบบเซ็งปนเศร้า

“แกะแล้วเปิดให้หน่อยสิ” อ้าวหักมุมอีกแล้ว ตามไม่เคยทันเล้ยบุญยกรสาวรุ่นบ่นตัวเองในใจ เธอแกะปกพลาสติกและสอดเข้าเครื่องเล่น เพลงแรกคือเพลง โอ้ยโอย ของแจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ และถูกนำมาขับร้องใหม่ในอีกหลายๆเวอร์ชั่น พอลลี่ร้องจนจบเพลง และเพลงถัดๆไปก็ล้วนแตเป็นเพลงที่เธอชอบทั้งสิ้น

“เอ้ อัดเองรึเปล่าเนี่ย ทำไมเป็นเพลงที่พี่ชอบทั้งนั้นเลย”พอลลี่กระเซ้าก่อนจะเปลี่ยนโหมดเป็นจริงจัง

“ขอบคุณจริงๆนะ...ที่รู้ใจ...ชอบมาก”

“เบลดีใจนะคะที่พี่ชอบ ตอนแรกตกใจแทบแย่นึกว่าพี่จะไม่รับซะละ”

“ใครเขาจะใจร้าย ไม่รับของที่คนเขาตั้งใจอยากจะให้ได้ลงแล้วรู้เหรอว่าชอบอะไร” ดาราสาวเจ้าบทบาทส่งสายตาหวานซึ้งให้คล้ายคล้ายฉากตอนอยู่กับพระเอกในละครอย่างไงอย่างงั้น ตอนนี้ถ้ามีคนดูคงนั่งจิกหมอนกันอยู่

“เอ่อ...” สาวน้อยไปไม่เป็นเอาปกซีดีขึ้นมาดูกลบเกลื่อนอาการขวยเขิน

“ชอบเธอไง...เบล พี่ชอบคนให้ ชอบเพลง” เซเลบสาวชัดเจนเธอบอกชอบเด็กกะโปโลแล้วถึงสองครั้งในวันเดียวกันและสองวันหลังจากคุยกันจริงจังเรื่องของหัวใจและความรู้สึกไม่มีคำว่าเร็วช้า วินาทีเดียวมันอาจบอกได้ทั้งชีวิต

“เบลก็ชอบพี่พอลลี่ค่ะ ชอบผลงาน ชอบในความคิดของพี่”เด็กสาวตอบแก้เก้อ เขินสุดประมาณ

“ว้าย เลย เลยแล้ว!!”เซเลบสาวเบรครถตัวโก่งตบเข้าเลนซ้ายพร้อมเปิดไฟฉุกเฉินดีที่รถคันขางหลังทิ้งระยะพอสมควร ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้สองสาวอยู่ที่หน้าลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์บริเวณที่เป็นที่ตั้งเดิมของโรงหนังศาลาเฉลิมไทยที่ปัจจุบันไม่หลงเหลือแม้แต่ซากเบื้องหน้าเป็นวัดราชนัดดารามมีโลหะปราสาทโบราณสถานตั้งเด่นอยู่

“คือมันเลยแล้วค่ะขอโทษจริงๆหนูชวนคุยเพลินไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรเราเข้าอีกทางก็ได้”เบลรู้ทางแถวนี้ดีเพราะติดสอยห้อยตามแฟนหนุ่มมาถ่ายรูปบ่อยๆทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรออก

“เดี๋ยวพี่หาที่จอดรถแถวนี้ก็ได้ค่ะ เบลจะพาไป”สองสาวหาที่จอดรถไม่ไกลจากบริเวณนั้น เบื้องหน้าคือถนนราชดำเนินกลางถนนสายประวิติศาสตร์ของกรุงเทพฯ

“นี่ รู้มั้ยว่า ถนนราชดำเนินสร้างขึ้นตามแบบถนนอะไร”พนิตพิชาถามความรู้รอบตัวสาวน้อย

“น่าจะเป็น ช็องเซลีเซ ในปารีสใช่มั้ยคะ” เบลตอบแทบไม่ต้องคิด

“เก่งมาก สาวน้อยแล้วยังไงต่อ”

“สร้างขึ้นในสมันรัชกาลที่ 5 เอ่อ ก็รู้แค่นี้ค่ะ”เซเลบสาวพยักหน้า

“อาฟว์นูวเดช็องเซลีเซ Avenue des Champs-Élysées คือชื่อเต็มจ้ะเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก และเป็นถนนที่ตั้งของ ประตูชัย อาร์ก เดอ ทรียงฟ์ เดอเลตวล Arc de triomphe de l'Étoileส่วนของบ้านเราก็มีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอยู่ตรงนี้ไง” พนิตพิชาอธิบาย

“ค่ะ ว่าแต่พี่เดินไหวมั้ยไกลอยู่นะ” เด็กสาวเป็นห่วงเพราะกลัวดาราสาวจะลำบาก

“นี่ อย่าดูถูกกันสิจ๊ะ เด็กนอกเดินเก่งกว่าคนกรุงเทพฯนะแข่งกันมั้ยล่ะ” เซเลบสาวคงลืมไปว่า เมืองนอกเขาเดินกันไกลๆก็จริงแต่อากาศมันเย็นสบาย ที่นี่มันกรุงเทพฯทั้งร้อนทั้งควันพิษบุญยกรเป็นห่วงกลัวว่าจะไปได้ไม่กี่น้ำ 




Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2558 22:56:05 น. 0 comments
Counter : 782 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.