ไดฟูกุชาเขียวไส้ถั่วแดงกวน

จุ๋มก็เพิ่งรู้จักขนมไดฟูกุไม่นานมานี้เองค่ะ มีอยู่วันนึงไปร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่แถวเสนา วันนั้นมีโอกาสได้เจอคนชื่อ "จุ๋ม" เหมือนกัน แต่เขาเป็นรุ่นพี่และแอบอ่านกระทู้เราอยู่ ตอนแรกเขาไม่รู้หรอกค่ะว่าจุ๋มคือจุ๋ม บังเอิญเจอกันที่ร้านนั้นแล้วเค้าก็ถามความรู้เกี่ยวกับการทำขนมนิดหน่อย แล้วก็บอกว่าอ่านพันทิป อ่านกระทู้แม่สลิ่ม ตอนนั้นขำในใจไม่กล้าขำนอกใจ ฮิฮิ พี่จุดใต้ตำตอเสียแล้ว และพอดีบ้านอยู่ไม่ไกลกัน บ้านพี่เค้าอยู่แถว ๆ บ้านหน่องค่ะ จากนั้นเค้าก็จะโทรหาเป็นระยะ เค้าบอกว่ามีเพื่อนเค้าทำไดฟูกุขาย อยากแบ่งมาให้กิน ตรูละงง ไดฟูกุ คือไรฟะ

จนพี่อรมาเล่าให้ฟัง พี่อรชอบไปเที่ยวเมืองยุ่น พี่อรชอบบอก น้องจุ๋มพี่ชอบกินโมจิญี่ปุ่น มันมีหลายไส้ และของญี่ปุ่นอร่อยมาก พูดซะจนเราต้องไปหาซื้อกิน แฮะ มันอร่อยจริงนะแหละ แป้งจะหนึบ ๆ แต่โดยรวม ๆ กันจะหวาน ในสยามพารากอนมีของญี่ห้อนึง ไส้ข้างในเค้าจะผสมวิปครีมด้วย แต่ลูกนึงแพงค่ะ ปกติไส้พวกถั่วแดงอันเล็ก ๆ จะ 15 บาท แต่อันนั้นหลายสิบบาท ยังไม่เคยลองซื้อกินอ่ะ ไว้ต้องลองสักหน่อย

จนน้องมดชมพูเธอมาโพสต์ จริง ๆ จุ๋มก็มีสูตรขนมไดฟูกุอยู่สูตรนึงค่ะ ได้หนังสือทำขนมเล่มบาง ๆ มาเล่มนึง แต่ไม่เคยลองทำ หาแป้งไม่ได้ น้องมดชมพูใจดีส่งมาให้ เพิ่งได้ฤกษ์ 55555



จุ๋มใช้ถั่วแดงยี่ห้อนี้ค่ะ หลายคนคงคุ้นเคยกันดี ราคาจำไม่ได้ค่ะ เป็นประเภทซื้อของพอหลายวันแล้วลืมราคาหมดเลย

เคยคุยกับคนขายน้ำถั่วเหลืองแถวตึกทรู ตรงรัชดา ถามเขาตรง ๆ ว่าถั่วแดงที่ใส่ในน้ำถั่วเหลืองนั้นต้มเองหรือเปล่า เขาต้มเองค่ะ ถามว่าต้มนานหรือเปล่า เขาบอกไม่นานเท่าไร แช่น้ำก่อนคืนนึง แต่อย่างนึงที่จะทำให้เสียเวลามากน้อย เขาบอกว่าขึ้นกับว่าถั่วเก่าหรือถั่วใหม่ด้วยค่ะ เขาบอกว่าต้มถั่วแดงง่ายกว่าต้มเม็ดบัว เขาไม่เคยต้มเม็ดบัวได้นิ่มเลย ต้องซื้อจากเยาวราชทุกที และลองต้มแล้วเสียไปเยอะ เลยไม่ต้มเม็ดบัวเอง

คนขายน้ำถั่วเหลืองถั่วใหม่สีจะแดงสด ถั่วเก่าสีจะแดงคล้ำ ถั่วแดงใหม่ต้มนิ่มง่ายและใช้เวลาน้อยกว่าถั่วแดงเก่าค่ะ

เป็นความรู้ที่ได้เพิ่มมาอีกอย่างจากการไปนั่งกินน้ำถั่วเหลือง พอดีเขาฟังรายการวิทยุที่ไปจัดอยู่ค่ะ เลยนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย แม้กระทั่งการทำเฉาก๊วย



ตลาดบางใหญ่ก็มีแต่ถั่วแดงแบบนี้นะ ถั่วแดงหลวงเม็ดใหญ่ ๆ บิ๊ก ๆ ไม่มีค่ะ และถั่วแดงแบบญี่ปุ่นที่เม็ดมันจะเล็ก ๆ ขนาดใหญ่กว่าถั่วเขียวนิดหน่อยก็ไม่มี สงสัยต้องไปเดินห้างในเมือง คงจะพอหาได้

ถุงนี้ 500 กรัม จุ๋มแบ่งทำครึ่งนึง แกะถุงแล้วเลือกดูหากมีเม็ดเสีย ๆ เลือกออกไป ใส่ภาชนะทนความร้อนไว้ เมลามีนเลี่ยง ๆ หน่อยนะคะ



ต้มน้ำหนึ่งหม้อ ปริมาณน้ำกะว่าให้ท่วมถั่วแดงมาประมาณ 1 นิ้ว ต้มให้เดือดจัดไปเลย ไม่ต้องเอานิ้วลงไปจุ่มทดสอบนะ เดือดร้อนนิ้วพองอีก เค้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย อย่าเอาเค้ามาเกี่ยวข้องเลย



น้ำเดือดจัดแล้วก็เอาไปเทใส่ในกะละมังถั่วแดงเลยค่ะ ปล่อยเค้าไปตามยถากรรม 1 คืน ขยันไหม เที่ยงคืนไม่หลับไม่นอน มาทำเนี่ย



ปล่อยไปตามยถากรรม 1 คืน คนทำอาบน้ำนอนได้ สาย ๆ วันนี้ดูถั่วแดงที่นอนรอเรา บวมอืดขึ้นมา



จริง ๆ บางคนบอกให้เอาไปคั่วให้ถั่วแดงร้อนก่อนแล้วนำมาแช่น้ำ 1 คืน กับแช่น้ำร้อน 1 คืน ก็น่าจะคือ ๆ กัน

ตอนแรกที่เราเทน้ำร้อนใส่ถั่วแดง ถั่วแดงเม็ดจะเหี่ยว ๆ นะคะ ลืมบอก พอเช้ามามันเต่งตึงสวยงามดี



เอาถั่วแดงที่แช่ไว้เทน้ำทิ้งให้หมด ล้างน้ำผ่าน ๆ 2-3 น้ำ แล้วเทใส่หม้อ ใส่น้ำให้ท่วม จุ๋มใส่ 2 ข้อนิ้วจุ๋มค่ะ ตั้งไฟแรง หากมีหม้อสแตนเลสใช้หม้อสแตนเลสเถอะนะ หรือใช้หม้ออลูมิเนียมก็อยากจะแนะนำให้ใช้เนื้อหนา ๆ หน่อย เพราะบางทีเราต้มเคี่ยวอะไรนาน ๆ ขนาดนี้ หากหม้อบางบางทีมันทนทานความร้อนไม่ได้ หม้อเสียรูปทรงไปบ้างก็มีขนาดไม่ได้ทำตกหล่น



พอดีว่าลืม ตั้งหม้อเสร็จไปล้างจานต่อ จะทำตั้งแต่หลังเติมน้ำเปล่าลงในหม้อถั่วแดงก็ได้นะคะ ตักโซดาทำขนมใส่ไปเกือบ 1 ช้อนชาได้ค่ะ พอดีไม่ได้ตวงกะเอาตามช้อนนี้ โยนช้อนสแตนเลสใส่ไปด้วยเลย 1 คัน ใส่ไปดองกับถั่วแดงในหม้อเลยค่ะ



พอเดือดจัดแล้วลดไฟลงอ่อนเหมือนเราเคี่ยวเนื้อสัตว์เลยค่ะ ต้มไปเรื่อย ๆ เอาใจใส่มันบ้างบางเวลา หาทัพพีคนก้นหม้อบ้างกันก้นหม้อไหม้ ไหม้แล้วไม่คุ้มกัน เสียทั้งถั่วแดง แถมต้องมาขูดก้นหม้ออีก



ระหว่างที่ต้มลองตักมาดูเป็นระยะก็ได้ค่ะ การสังเกตเป็นสิ่งที่ดีมากอย่างหนึ่ง ผ่านไปประมาณ 40 นาทีได้ค่ะ ถั่วแดงนิ่มพอที่จะกินได้แล้ว หากว่าจะทำแบบต้มน้ำตาลจุ๋มจะปิดเตาก่อน แล้วเทน้ำที่ต้มถั่วแดงออก เหลือแต่ถั่วแดง เทใส่ชามไว้ แล้วต้มน้ำให้เดือดเอาถั่วแดงใส่ไป เติมน้ำตาลให้ได้ความหวานตามชอบค่ะ อย่าได้ใส่น้ำตาลไปก่อนถั่วแดงนิ่มเป็นอันขาด น้ำตาลจะรัดตัวถั่วแดง และมันจะไม่มีทางนิ่มเลย หรือหากจะใส่น้ำถั่วเหลืองถึงเวลานี้ก็ใช้ได้แล้ว เวลาอาจจะน้อยหรือมากกว่านี้คงขึ้นกับปริมาณถั่วแดงและโซดาที่ใส่ด้วย ถ้าน้ำงวดมากไปก่อนที่ถั่วแดงจะนิ่มจนพอใจ เติมน้ำได้ทีละ 1/2 ถ้วยค่ะ



ชิมตั้งแต่ผ่านไป 30 นาทีก็ได้ค่ะ หากไม่แน่ใจ ขออภัย ภาพสีสันผิดความจริง เตาอยู่ใต้กันสาดสีเหลืองค่ะ



เอาเป็นว่าจุ๋มต้ม 1 ชั่วโมงพอดีนับจากลดไฟลงอ่อนนะคะ ถั่วแดงจะเปื่อย ๆ แบบนี้ เอาไปบดง่ายหน่อยค่ะ



ได้ถั่วแดงนิ่ม ๆ ไม่แข็งเลยค่ะ ใครมีหม้ออัดความดันจะใช้หม้ออัดความดันก็ตามสะดวก แต่ใครไม่มีหม้ออัดความดันก็วิธีนี้เลยค่ะ เชื่อว่าคนไม่มีหม้ออัดความดันมีเยอะกว่าคนมีหม้ออัดความดันค่ะ 55555



ทำไส้ก่อนค่ะ ถั่วแดงกวน

ถั่วแดงที่ต้มไว้จนนิ่ม
น้ำตาลทราย
เกลือป่น
แป้งกวนไส้ (ในรูปไม่มี)
น้ำมันพืช
น้ำเปล่า



ถั่วแดงที่ต้มไว้ ที่จุ๋มต้มแทบไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่นะ ลองชั่งดูจำเพาะเนื้อถั่วหลังต้มประมาณ 660 กรัมค่ะ



เอาถั่วแดงใส่เครื่องปั่น เติมน้ำนิดหน่อยพอให้ปั่นได้ง่าย ใบมีดจะได้ไม่พังไว ปั่นให้ละเอียดหากชอบถั่วแดงกวนเนื้อเนียน ๆ



หากเครื่องปั่นเล็กก็แบ่งถั่วแดงปั่น 2 ครั้งนะคะ ถนอม ๆ เค้าหน่อย แล้วเทใส่กระทะทองเหลือง หากไม่มีก็ใช้หม้อเทฟล่อนแทนได้ หากใช้หม้ออลูมิเนียมหรือสแตนเลสจะไหม้ง่ายกว่า บางตำราเขียนว่าหากกลัวของกวนไหม้ ให้ล้างเหรียญสลึงหรือสองสลึงโยนใส่ไปในก้นกระทะด้วย แต่จุ๋มไม่เคยทำเลยค่ะ อ่านเจอมาก็เก็บมาบอก เผื่อใครจะไปลองนะคะ



ใส่น้ำตาลทรายมากน้อยตามชอบ จุ๋มใส่ 1/2 ถ้วยตวงก่อนค่ะ นำร่อง



เติมเกลือป่นไป 1/4 ช้อนชาก่อน



น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ



คนพอเข้ากันค่ะ



เอาไปตั้งไฟกลาง ๆ ก่อนค่ะ กวดให้พอข้นขึ้น เวลากวนให้กวนไปทางเดียวกัน ไม่ใช่เดี๋ยววนซ้าย อีกรอบวนขวา จะวนซ้ายก็เลือกซ้าย หรือจะวนขวาก็เลือกขวา วนไปวนมามันจะไม่เหนียวค่ะ



สักพักมันจะเดือดปุด ปุด กวนสม่ำเสมอเรื่อย ๆ ไม่กวนเดี๋ยวติดก้นกระทะไหม้พอดีค่ะ อย่าตกม้าตายตอนจบเชียวนะ



อ้อ ลืม พอกวนไปจุ๋มชิมไปด้วยค่ะว่ารสชาติมันได้ตามต้องการหรือเปล่า มันอ่อนไป เลยเติมน้ำตาลไปอีก 1/4 ถ้วยและเกลือป่นอีก 1/4 ช้อนชา สรุปถั่ว 1/2 กิโลที่ต้ม พอต้มแล้วได้น้ำหนักประมาณ 660 กรัม ใส่น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย เกลือป่น 1/2 ช้อนชานะคะ ยังไงหากทำลองใส่น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย และเกลือป่น 1/4 ช้อนชาก่อน แล้วชิมแล้วค่อยเติมได้ค่ะ หากว่าหวานไปไม่รู้จะแก้ยังไงเลย ต้องไปต้มถั่วมาเพิ่ม เสียเวลาอีก กวนจนพอเริ่มข้น พอดีจุ๋มปิดเตาก่อนนะ มันเลยไม่เดือดปุด ๆ กลัวก้นกระทะไหม้ค่ะ



เติมแป้งกวนไส้ลงไป จุ๋มใส่ 2 ช้อนโต๊ะค่ะ จริง ๆ แนะนำให้ละลายน้ำนิดหน่อยจะดีกว่านะคะ เพราะพอถั่วแดงกวนเริ่มข้นแล้วใส่ของแห้งลงไป หากทำไม่ดีแป้งจะเป็นเม็ดค่ะ ผสมน้ำพอให้แป้งละลายกับน้ำ น้ำไม่ต้องมากมาย แล้วเทใส่ไปในกระทะถั่วแดงกวนค่ะ หรืออีกทางเลือกใส่ตอนถั่วแดงกวนยังไม่ข้นมากค่ะ



พอใส่แป้งแล้วจุ๋มลดไฟลงอ่อนหน่อย กวนต่อไปอีกค่ะ เปลี่ยนโลเคชั่นนะ พอดีฝนตก



คราวนี้กวนจนถั่วแดงกวนล่อนจากกระทะทองเหลืองค่ะ มันจะได้ที่พอดี ไม่แห้งไป ไม่เหลวไป พักไว้ให้อุ่นรอปั้น ตักใส่กล่องไว้ก็ดีค่ะเพราะหากถูกลมโกรกนาน ๆ มันจะแห้ง ปั้นแล้วไม่สวย ผิวแตก ๆ หากกวนถั่วข้นมากไป ไส้จะแข็งไม่นิ่มนวล หากกวนถั่วเหลวไปเวลาปั้นจะปั้นยากค่ะ



ใส่กล่องไว้นะ รอมันอุ่นแล้วปิดฝากล่อง ปิดตอนร้อน ๆ เดี๋ยวไอความร้อนมันออกจะหยดใส่ลงไปในถั่วแดงกวนพอดีกัน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่นตามที่บอกไม่หวานมากค่ะ



ปั้นไส้รอไว้เลยค่ะ จุ๋มปั้นลูกไม่ใหญ่มากนะ ไดฟูกุที่จุ๋มทำกิน 2 คำหมดค่ะ รวมน้ำหนักไส้และเปลือกไม่เกิน 35 กรัมค่ะ คือบอกตรง ๆ แบบลองชั่งเลย ไส้ลูกนึงประมาณ 15 กรัม เปลือกลูกนึง 16-17 กรัมค่ะ ยังใหญ่กว่าที่เค้าขายอันละ 15 บาทนิดนึงเลยค่ะ ที่เค้าขายอันละ 15 บาท น่าจะรวมเปลือกและไส้แล้วประมาณ 28-30 กรัม (เดานะคะ) ไม่น่าจะเกิน 30 กรัมค่ะ

มีลูกเนียนสวยกับมีลูกผิวแตกระแหงเห็นไหม เพราะมันอยู่ผิวบน ถูกลมค่ะ



ล้างกระทะทองเหลืองไว้ด้วยนะ

คราวนี้ทำแป้งนวลก่อนค่ะ แป้งสำหรับทำตัวไดฟูกุทำสุดท้ายเลยค่ะ

แป้งนวลจุ๋มก็ใช้แป้งมันสำปะหลังแบบน้องมดเลยค่ะ เทมา 1/4-1/3 ถุงได้ค่ะ ร่อนเสียนิดหน่อยสัก 2 ครั้ง แป้งทุกแป้งเก็บไว้นาน ๆ มันจะมีตัวแมลงกินแป้ง เพื่อความมั่นใจ ร่อนเถอะค่ะ



เทแป้งมันที่ร่อนไว้ใส่กระทะทองเหลือง เอาตั้งเตา เปิดไฟอ่อน ๆ ใช้พายไม้พลิกแป้งไปมา คั่วแป้งให้สุก ลองใช้มือจับแป้งสัมผัสด้วยมือดูค่ะว่าก่อนคั่วแป้งแป้งมีลักษณะอย่างไร มันจะฝืด ๆ พอแป้งสุกสัมผัสจะเปลี่ยนไป แป้งจะลื่น ๆ ไม่ติดนิ้วมาก คั่วแป้งด้วยไฟอ่อน ๆ จนแป้งสุกนะคะ ประมาณ 8-10 นาที ไฟอ่อนมาก ๆ ไม่เช่นแป้งแป้งจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน ๆ ถ้าไม่มีกระทะทองเหลืองใช้กระทะอลูมิเนียมหรือกระทะเทฟล่อนเอาตามสะดวกนะคะ



แป้งมันที่คั่วสุกแล้ว พักไว้ก่อนค่ะ

ก่อนไปตัวแป้ง มีเวปน่าสนใจให้ดูค่ะ

1. สารพัดขนมญี่ปุ่น มีรูปประกอบ คำบรรยายให้น้ำลายไหลเล่น //www.dek-d.com/board/view.php?id=669941

2. วิธีทำไดฟูกุของเวปแม่บ้าน //www.maeban.co.th/show_topic.php?id=72

3. วิธีการขึ้นรูปไดฟูกุ จุ๋มดูจากอันนี้เป็นหลักค่ะ //www.bbznet.com/scripts2/view.php?user=recipes2friends&board=1&id=236&c=1&order=lastpost อันนี้แนะนำให้ดูเลย ให้ 5 ดาวค่ะ

4. วิธีการทำแป้งไดฟูกุและการขึ้นรูป กดเดินหน้าย้อนหลังนะคะ มันจะมี 10 ภาพ //japanesefood.about.com/od/japanesecake/ss/makingdaifuku_10.htm

5. วิธีการขึ้นรูปไดฟูกุ แต่ไม่ชัดเท่าอันที่ 3 //farm1.static.flickr.com/15/90007602_c1f655b4af.jpg?v=0



capture ภาพมานะคะ อันที่ 3 ที่จุ๋มดูเป็นแนวทางหลัก จะเห็นชัดเจนถึงแม้จะไม่ได้เป็นภาพเคลื่อนไหว



คราวนี้มาดูจุ๋มทำ 55555

จริง ๆ สูตรของเปลือกไดฟูกุก็แตกต่างกันไป บางสูตรถึงขนาดระบุความเข้มข้นของแบะแซเลยก็มี แต่อันนี้จุ๋มทำตามสูตรที่น้องมดให้มานะคะ copy น้องมดมาเลยค่ะ

มดลองทำครึ่งสูตร ใช้
1. แป้ง 250 กรัม
2. แบะแซ 425 กรัม
3. น้ำ 175 กรัม
4. เนยขาว 75 กรัม
5. แป้งเค้ก 1/2 ช.ต (อันนี้เป็นออฟชั่น ที่โพยหลังถุงบอกว่าถ้าอยากให้ขนมออกมาเหนียวนุ่มให้ใส่..มดก็เลยใส่ด้วย)

แต่พอทำแล้วคิดว่าน้ำเปล่ามากไป น่าจะลดลงเหลือแค่ 150 กรัม และเนยขาวควรลดเหลือ 60 กรัมค่ะ

เพราะไม่งั้นแป้งจะเหลวไป และ เนยขาวจะเหลือจนทำให้แป้งมันมาก
เพื่อน ๆ คนไหนลองทำ ได้ผลยังไงบอกด้วยนะคะ

จุ๋มทำเปลือกเป็นชาเขียว สัดส่วนอื่นตามด้านบนจุ๋มเตรียมแบบน้องมดบอก เพิ่มผงชาเขียว 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ ไม่ขมค่ะ และหอมดี ตอนแรกหยิบสีเขียวแก่เพิ่มเข้ามา จริง ๆ ไม่ได้ใช้เลย สีขนมที่เห็นจากผงชาเขียวล้วน ๆ ค่ะ



นี่เจ้าแป้งสำหรับทำไดฟูกุโดยเฉพาะ ที่น้องมดชมพูใจดีส่งมาให้ จุ๋มเคยถามหาตามร้าน แทบไม่เจอเลยค่ะ แต่ที่แน่ ๆ ดีเค มีค่ะ เดี๋ยวจุ๋มจะบอกให้พี่นุชเจ้าของร้านชวนชมเอามาขายบ้างค่ะ 55555

แต่หากลองหาอ่านดูแล้ว หลายเวปบอกว่าแป้งที่ทำไดฟูกุคือแป้งข้าวเหนียวนั่นเอง คราวหน้าลองแป้งข้าวเหนียวของไทยดีกว่า แต่ที่ไม่รู้คือ แป้งนี่เค้าคั่วไฟอ่อน ๆ มาให้แป้งสุกหรือยัง จุ๋มไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ



ของแห้ง ตามน้องมดบอก

แป้งสำหรับทำไดฟูกุ 250 กรัม
แป้งเค้ก 1/2 ช้อนโต๊ะ
ที่จุ๋มเพิ่มไปผงชาเขียว 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ ร่อนรวมกัน 2-3 ครั้ง



ถ้ามีเครื่องตีรุ่น 4.5-5 ลิตร แนะนำให้ใช้เครื่องตีได้เลยค่ะ ที่มีหัวใบพัดนะคะ เครื่องตีไข่รุ่นมือถือและรุ่นเล็ก ๆ ไม่แนะนำ แป้งจะหนืดมากค่ะ

เอาของแห้งเทใส่โถผสม เตรียมหัวตีใบพัดรอไว้ หากไม่มีเทแป้งใส่ชามผสมคนให้เข้ากัน ทำหลุมตรงกลางเหมือนทำชิฟฟอนรอไว้ค่ะ



ของเหลว แบบที่น้องมดบอก

แบะแซ 425 กรัม (จุ๋มใช้ 420 กรัมเองค่ะ รูดหมดถุงแล้ว ไม่อยากแกะถุงใหม่เพิ่มเพื่อ 5 กรัม)
น้ำ 175 กรัม (น้ำ 150 กรัม ตามแบบที่น้องมดให้ลด)
เนยขาว 75 กรัม (น้องมดบอกใช้แค่ 60 กรัมน่าจะพอ จุ๋มใช้นิดเดียวเองค่ะ 20-25 กรัมเอง)

แบะแซและน้ำเทใส่หม้อรวมกัน

บางสูตรเขาจะใส่เนยขาวครึ่งนึงลงไปต้มพร้อมกับน้ำและแบะแซเลยค่ะ อีกครึ่งไว้ใส่ทีหลัง ไว้จุ๋มจะลองทำแบบนี้บ้าง ครั้งนี้ขอแบบน้องมดก่อนนะ



นำหม้อไปตั้งไฟ จุ๋มใช้ไฟกลางค่ะ



ตอนแรกมันจะยังไม่เข้ากันดี เอาพายไม้หรือทัพพีคนช่วยได้ค่ะ



ปล่อยให้มันเดือดพักนึงแล้วปิดเตา จริง ๆ น่าจะบอกว่าเดือดกี่องศาด้วยจะดีมากเลย มันควบคุมความหนืดลำบากค่ะ บางสูตรเขาจะระบุความเข้มข้นของแบะแซเลยว่ากี่เปอร์เซนต์ คงมีผลต่อความเหนียวของขนมด้วยค่ะ จุ๋มยังไม่รู้เลยว่าแบะแซที่มีอยู่มันเข้มข้นกี่เปอร์เซนต์



ของแห้งที่เตรียมไว้ ปั่นวืด ๆ ความเร็วต่ำ 2 ที พอเข้ากัน



แล้วค่อย ๆ ตักของเหลวที่เตรียมไว้ใส่ลงไปทีละทัพพีหรือช้อน เดินเครื่องด้วยความเร็วต่ำไปเรื่อย ๆ ค่ะ หากไม่มีเครื่องตีไข่รุ่นใหญ่ ใช้พายยางผสมไปเรื่อย ๆ นะคะ แต่จะเมื่อยสักหน่อยเพราะแป้งจะเหนียวหนืดค่ะ แรก ๆ อาจจะยังไม่เหนียวเพราะของเหลวยังน้อย แต่พอของเหลวมากขึ้นจะเหนียวมากขึ้นเยอะค่ะ

บางสูตรจะเอาของแห้งเทใส่ของเหลว แบบนั้นก็เสี่ยงหากเหลวไปทำไงดี

จุ๋มไม่แน่ใจเลยว่าแล้วแป้งมันสุก 100 เปอร์เซนต์ หรือเปล่า



ปั่นวืด ๆ ไปด้วยเรื่อย ๆ หมั่นสังเกตแป้งที่ได้ จะต้องไม่แห้ง แป้งจะเหลวขนมถึงจะนิ่มนะคะ แต่ของเหลวอาจจะไม่ต้องใส่หมด หากใส่หมดแป้งจะเหลวมาก และหวานคอดค่ะ



ของจุ๋มประมาณเท่านี้ค่ะ แต่คราวหน้าจะลองเหลวกว่านี้หน่อย ของเหลวจุ๋มเหลือนะคะ แต่ไม่ได้ตวงแน่นอนว่าเหลือกี่กรัม อาศัยดูแป้งเอาค่ะ แป้งจะไม่ล่อนจากโถค่ะ ติดก้นโถหนืบหนับ



คราวนี้เติมเนยขาว คงช่วยให้มันไม่ติดมือมากค่ะ จุ๋มใส่ 20 กรัมได้ค่ะ



ปั่นวืด ๆ ความเร็วต่ำต่อ ให้ส่วนผสมเข้ากัน



คราวนี้ความหนืดเหลือเท่านี้ค่ะ เป็นภาพที่จุ๋มถ่ายไว้เมื่อวาน จุ๋มแนะนำให้เด็ดแป้งมาลองนวด ๆ นิดหน่อยแล้วชิมดูค่ะ ว่ามันได้ความนิ่มและความหนืดเท่าที่เค้าขายไหม ถ้าแข็งไปเติมของเหลวค่ะ ตอนที่ทำจริงจุ๋มเติมของเหลวและเนยขาวอีกนิดหน่อย เด็ดแป้งดูติดหนึบหนับ แต่เดี๋ยวเรามีนวลแป้งช่วยค่ะ ตามความคิด ถ้าอยากให้ขนมนิ่ม แป้งที่ได้ต้องเหลวนิดหน่อย ติดมือหนืบ ๆ ไม่ติดเลยมันแห้งไป ขนมกระด้างแน่นอนค่ะ



ก่อนปั้นเตรียมพื้นที่ค่ะ แป้งนวลกองแบบหย่อม ๆ บนโต๊ะหรือภาชนะอะไรตามสะดวก



เอามือแตะแป้งพอเป็นนวล อย่ามากมายเกินไป หากมากไปเคาะออก อย่าลืมล้างมือก่อนนะคะ ไดฟูกุเป็นขนมที่กินขี้มือตัวเองค่อนข้างเยอะเลย



ใช้มืดเด็ดแป้งออกจากโถ หรือจะใช้อะไรตักก็ได้ค่ะ ตักออกมากองเป็นอัน ๆ ขนาดก็ต้องกะให้สมดุลย์กับไส้ที่ปั้นรอไว้นะ กะว่าให้หุ้มไส้มิด แต่อย่าหนามากเลยค่ะ อ้วน เหอ ๆๆ



จับแป้งโยนไปบนนวล



2 ด้านเลยค่ะ เพื่อช่วยไม่ให้มันติดมือเรามากมาย



แล้วก็ใช้มือรีบแผ่ ๆ แป้งให้บางและกว้างพอที่จะเอาไส้ที่ปั้นไว้ใส่ลงไปได้แล้วหุ้มไส้มิดค่ะ ไม่ต้องนวดแป้งกับนวลแป้งให้มันเข้ากันนะคะ มันจะทำให้ขนมกระด้างค่ะ



หยิบไส้ใส่ลงไปลูกนึง จริง ๆ ก่อนเอาไส้วาง เอามือหรือแปรงปัดแป้งนวลส่วนเกินออกจะดีมากค่ะ พอดีอันนี้ลูกแรก ๆ ลืมคิด 55555



แล้วก็ใช้มือรวบแป้งหุ้มไส้ให้มิดค่ะ จริง ๆ แป้งมันจะติดมือหนืบหนับบ้างนะคะ เรื่องปกติ เราก็เด็ด ๆ เช็ด ๆ มันออกไป ข้าง ๆ ควรมีผ้าเช็ดมือสะอาด ๆ สักผืน



แล้วก็ทำการเก็บรายละเอียดค่ะ บีบให้ชิดกัน ตอนทำลูกแรก ๆ อาจจะกะลำบากว่าควรเด็ดแป้งมาแค่ไหนดีถึงจะไม่หนาหรือไม่บางเกินไป ทำหลาย ๆ ลูกจะกะได้เองค่ะ แต่พยายามปั้นไส้ให้ลูกเท่า ๆ กันนะคะ



เอามือแตะ ๆ ให้ผิวขนมเรียบค่ะ แต่ไม่ถึงกับต้องปั้นให้กลม ๆ ดิ๊กเป็นลูกฟุตบอลนะ



แล้วหากชอบแบน ๆ นิด ๆ ก็เอามือกดให้แบนลง ขนมจะกว้างขึ้นแต่ไม่สูงเท่าตอนแรก รูปทรงอื่นก็มีค่ะ รี ๆ ยาว ๆ แล้วแต่ด้วยว่าจะสอดไส้ผลไม้ด้วยหรือเปล่า หาดูตามเวปได้เลยค่ะ



แล้วก็เอาไปคลุกแป้งนวลให้ทั่วกัน เป็นอันเสร็จแล้วค่ะ ทำไปเรื่อย ๆ จนหมด



กัดโชว์









ใครที่ชอบกินไดฟูกุ หรือชอบขนมแป้งหนืบ ๆ แล้วมีไส้สารพัดไส้ ลองทำดู จะได้ขนมที่ไม่หวานเท่าที่เค้าขายกันด้วย เราควบคุมได้ จบโดยสมบูรณ์แล้วนะคะ ลองทำดู คราวหน้าจุ๋มจะใส่ไส้แบบผลไม้บ้างค่ะ อาจจะเป็นบลูเบอรี่หรือสตอเบอรี่ค่ะ :))))))))))

Create Date : 27 ตุลาคม 2551 Last Update : 29 ตุลาคม 2551 4:13:01 น. Counter : 11035 Pageviews.		37 comments
Share Tweet