Flashbacks of a Fool คนโง่รำลึก
Flashbacks of a Fool
คนโง่รำลึก
พล พะยาบ
หลังจากเป็น เจมส์ บอนด์ หูกางแต่เซ็กซี่ได้ใจสาวๆ แถมยังดิบเถื่อนไม่เหมือนใครในหนังชุด 007 เวอร์ชั่นล่าสุดซึ่งฮิตระเบิดทั่วโลก พระเอก แดเนียล เคร็ก อาจเกรงว่าบทบาทสายลับจะกลายเป็นภาพจำของแฟนหนังกระทั่งสลัดไม่หลุดเหมือนเช่นบอนด์รุ่นพี่บางคนเคยประสบมาก่อน ช่วงเวลาระหว่างสองภาคของหนัง 007 เราจึงได้เห็นเขาเล่นหนังในบทบาท-รูปแบบที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะเป็นบทวิ่งหนีมนุษย์ต่างดาวใน The Invasion (อันที่จริงเรื่องนี้ถ่ายทำก่อน Casino Royale) ผจญภัยแฟนตาซีใน The Golden Compass รวมทั้งเล่นบทดราม่าเต็มตัวใน Flashbacks of a Fool
อย่างไรก็ตาม เฉพาะเรื่องหลังสุดนี่เองที่กล่าวได้เต็มปากเต็มคำว่า แดเนียล เคร็ก ไม่ใช่แค่ เจมส์ บอนด์
ไม่ใช่เพราะบทหรือแนวหนังดราม่าที่พลิกไปคนละขั้ว แต่ด้วยการแสดงตามบทบาทซึ่งเคร็กทำได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แววตาสีฟ้าที่ได้เห็นในหนังเรื่องนี้เป็นคนละคู่แววตากับสายลับนักฆ่าฉายาดับเบิลโอ-เซเวนเลยทีเดียว
Flashbacks of a Fool (2008) เป็นหนังอังกฤษ ผลงานเขียนบทและกำกับของ เบลลี่ วอลช์ พล็อตเรื่องตรงตามชื่อหนังคือเป็นเรื่องราวรำลึกอดีตอันผิดพลั้งของใครคนหนึ่ง หนังจึงแบ่งเป็นสองช่วงเวลาคืออดีตกับปัจจุบัน จุดที่ดูแตกต่างจากหนังแนวนี้หลายเรื่องอยู่ที่หนังไม่ใช้วิธีตัดสลับภาพในอดีตกับปัจจุบันให้ผู้ชมค่อยๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวความเป็นมา แต่ใช้วิธีย้อนอดีตรวดเดียวคั่นกลางระหว่างเหตุการณ์ปัจจุบันในช่วงต้นกับช่วงท้ายของหนัง ซึ่งวิธีดังกล่าวน่าจะเป็นเจตนาของผู้สร้างที่ต้องการสื่อให้เห็นว่าตัวละครในปัจจุบันได้หันหลังและตัดขาดจากอดีต
จุดเด่นอย่างหนึ่งของหนังคือเพลงประกอบอาร์ทร็อคยุค 70 ของไบรอัน เฟอร์รี่ แห่งร็อกซี่ มิวสิค และเดวิด โบวี่ โดยเฉพาะรายแรกกับเพลง If There Is Something ซึ่งหนังใช้เป็นเพลงเอกและเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในฉากไคลแม็กซ์
หนังเล่าเรื่องราวของ โจ สก็อตต์ (เคร็ก) ผู้ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงทั้งยาและเซ็กซ์ตามประสาดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ตามลำพังโดยมีแม่บ้านผิวสีชื่อ โอฟิเลีย คอยปรนนิบัติดูแล เช้าวันนี้เขาได้รับข่าวร้ายจากแม่ว่าเพื่อนสนิทในวัยเยาว์ชื่อบูทส์เสียชีวิตกะทันหันและเขาควรจะกลับไปร่วมพิธีศพที่บ้านเกิด
ข่าวนี้ทำให้โจช็อคและดูหงุดหงิดงุ่นง่านไปตลอด กระทั่งการนัดหมายคุยเรื่องงานกับผู้กำกับหนังต้องล่มกลางคัน ทั้งยังทะเลาะรุนแรงกับเอเยนต์จนถูกตอกใส่หน้าว่าเขาหมดสภาพดาราหนุ่มขายได้มานานแล้ว โจขับรถไปชายทะเล หิ้วขวดเหล้าเดินโซซัดโซเซ ก่อนจะกระโจนลงไปในท้องน้ำกว้างใหญ่
ย้อนกลับไปเมื่อสามสิบปีก่อน ณ บ้านริมทะเลในอังกฤษ โจขณะเป็นวัยรุ่นอาศัยอยู่กับแม่ น้า และน้องสาวตัวน้อย มีเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอคือบูทส์ รูปร่างหน้าตาของโจดึงดูด เอฟเวอลิน หญิงสาวมีครอบครัวแล้วที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงเสนอตัวเป็นประสบการณ์รักบทแรกให้โจแต่ยังไม่สบโอกาสเหมาะสักที ระหว่างนั้นโจเกิดปิ๊งสาวรุ่นราวคราวเดียวกันชื่อรูธ และดูท่าว่าฝ่ายหญิงจะสนใจโจเช่นกัน
ทั้งสองตกลงนัดเดทเป็นครั้งแรก กระนั้นผลลงท้ายซึ่งควรจะหวานชื่นกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวขมขื่นเจ็บปวดเนื่องจากโจ เถลไถล กับเอฟเวอลินเสียก่อน เขาถูกรูธปฏิเสธไม่ไยดีทั้งยังทะเลาะชกต่อยกับบูทส์ จากนั้นผลต่อเนื่องของการเถลไถลยังก่อให้เกิดเรื่องเลวร้ายครั้งใหญ่จนโจไม่อาจทนอยู่กับมันได้อีก กระทั่งเป็นที่มาของการตัดขาดจากอดีตและบ้านเกิดตลอดระยะเวลา 30 ปี
การเสียชีวิตของเพื่อนสนิทในวัยเยาว์จึงใช่เพียงขุดค้นความทรงจำเก่าร้างขึ้นมา แต่ยังได้ลากจูงโจให้กลับไปเผชิญหน้ากับอดีตอันเลวร้ายอีกครั้งหนึ่ง
นอกเหนือจากเนื้อหาเรื่องราวแล้วหนังจัดวางองค์ประกอบหลายอย่างเพื่อบ่งบอกการพยายามตัดขาดจากอดีตของตัวละครโจ เช่น การเป็นดาราที่ต้องแสดงตามบทบาทต่างๆ ก็เหมือนกับการหันหลังให้ตัวตนของตนเอง
บ้านหลังใหญ่ของโจอยู่บนภูเขาเหนือทะเลเบื้องล่างราวกับการวางตนถอยห่างหลุดพ้นจากอดีต ณ บ้านริมทะเล เช่นเดียวกับฉากในร้านอาหารที่โจไปพบเอเยนต์และผู้กำกับหนังเป็นร้านบนภูเขามองเห็นทะเลอยู่เบื้องล่างไกลๆ อย่างไรก็ตาม ทะเลซึ่งสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนอาจคิดไปได้อีกนัยหนึ่งว่าถึงอย่างไรตัวละครก็หนีอดีตไม่พ้น
ฉากที่โจดื่มเหล้าบนชายหาดก่อนจะกระโจนลงไปแหวกว่ายน้ำทะเลจึงราวกับเป็นการเดินทางย้อนกลับไปยังบ้านเกิดและเปิดทางให้อดีตได้รื้อฟื้นเรื่องราวขึ้นอีกครั้ง
ตัวละครโจในวัยผู้ใหญ่คือผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและใช้ชีวิตเต็มที่จากความสำเร็จนั้น เขาปล่อยตัวไปกับเพศรส(ฉากเปิดเรื่องโจมีเซ็กซ์กับผู้หญิงสองคนในคราวเดียว) และหาซื้อยามาเสพ กระทั่งถึงจุดที่ความสำเร็จกำลังจะผ่านเลยไปถ้าเขาไม่หยุดตั้งหลักเสียก่อน การเสียชีวิตของเพื่อนสนิทในวัยเยาว์และได้กลับคืนบ้านจึงเป็นโอกาสดีให้โจหยุดคิดและเริ่มต้นใหม่
สำคัญคือ เป็นโอกาสให้คนที่ยึดเอาตัวเองเป็นใหญ่มาตลอดชีวิตได้หันกลับไปใส่ใจคนอื่น โดยเฉพาะคนที่โจได้ทำผิดบาปเอาไว้แล้วหนีไปอย่างขลาดกลัว
คนหนึ่งเป็นเพื่อนรัก อีกคนเป็นรักครั้งแรก...
น่าสนใจตรงที่ความผิดของโจในอดีตเกี่ยวข้องโดยตรงกับประสบการณ์ทางเพศกับผู้หญิงคนแรก ในวันที่โจนัดเดทกับรูธ เขาถูกเอฟเวอลินขอร้องให้แวะไปสนุกที่บ้านของเธอก่อนจนเป็นเหตุให้โจพลาดนัดและเสียรูธไป นั่นเท่ากับว่าสวรรค์อันงดงามที่โจใฝ่หาต้องมลายลงเพราะเขาเลือกขึ้นสวรรค์ผิด
แย่กว่านั้นคือสวรรค์ผิดๆ ได้กลายเป็นนรกเมื่อเกิดเหตุเลวร้ายระหว่างการเริงรักครั้งที่สองของโจกับเอฟเวอลิน กระทั่งโจต้องหนีออกจากบ้านพร้อมกับพกเอานรกติดตัวไปด้วย
นรก..ซึ่งหมายถึงความเลวร้ายอันเนื่องจากประสบการณ์ทางเพศกับผู้หญิงคนแรก!
คงเพราะเหตุนี้ โจจึงกลายเป็นคนหมดเปลืองกับเซ็กซ์เช่นที่เห็นในฉากเปิดเรื่องที่โจควบผู้หญิงสองคนในคราวเดียว ราวกับว่าเขากำลังเฝ้าค้นหาสวรรค์ที่แท้จริงเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากนรกเสียที
แย่ตรงที่ครั้งแรก-คนแรกสำหรับผู้ชายทุกคนมักจะถูกบรรจุในเมมโมรี่ชนิดที่ยากจะลบล้างออกได้
การกลับไปยอมรับความจริงและแก้ตัวจากความผิดพลาดเท่าที่ทำได้อย่างที่โจตัดสินใจกระทำ จึงน่าจะพอเยียวยาให้เขาได้เห็นสวรรค์ที่แท้จริงสักที
แม้จะมาช้าไปกว่าครึ่งชีวิตก็ตาม
มาช้า ดีกว่าไม่มา ^_^
เรื่องนี้ป่ะคะที่ว่าพี่เค๊กอวดบั้นท้าย ...