Ben X ...ซับซ้อนและเปราะบาง
Ben X
ซับซ้อนและเปราะบาง
พล พะยาบ
คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 18 พฤษภาคม 2551
หนังเรื่อง Ben X มีพล็อตน่าสนใจเกี่ยวกับเด็กออทิสติกผู้มีโลกส่วนตัวในเกมออนไลน์ อาร์คลอร์ด เริ่มต้นจากนิยายขายดีของ นิค บาลธาซาร์ หนุ่มใหญ่ชาวเบลเยี่ยมซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงเกี่ยวกับเด็กออทิสติกที่โดนรังแกจนฆ่าตัวตาย จากนั้นบาลธาซาร์ดัดแปลงเป็นบทหนัง และลงมือกำกับฯเองทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำหนังมาก่อน
ผลคือ Ben X กลายเป็นหนังฮิตประจำปี 2007 ของเบลเยี่ยม ได้เป็นตัวแทนชิงออสการ์หนังภาษาต่างประเทศ และคว้ารางวัลสำคัญจากเทศกาลภาพยนตร์ที่อิสตันบุลและมอนทรีออล
หนังเริ่มต้นด้วยภาพหญิงวัยกลางคนพูดในลักษณะให้สัมภาษณ์ว่าต้องมีใครสักคนเสียชีวิต มิเช่นนั้นจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากนั้นเป็นภาพจากเกมออนไลน์ ตัวละครในเกมรูปร่างหน้าตาแบบอัศวินบุกตะลุยดินแดนแฟนตาซี จัดการวายร้ายอัปลักษณ์มากมายกระทั่งได้พบกับเจ้าหญิง ทั้งสองสนทนากันราวนัดพบกันไว้ โดยชื่อผู้ส่งข้อความของอัศวินคือ เบ็นเอ็กซ์ ส่วนข้อความของเจ้าหญิงคือ สการ์ไลท์
ในโลกของเกมออนไลน์ เบ็นเอ็กซ์คือเซียนเกมผู้แข็งแกร่งกว่าใคร แต่ในความจริง...เบ็นหรือเบ็นนี่คือเด็กหนุ่มออทิสติก (หนังระบุว่าเป็นกลุ่มอาการแอสเพอร์เกอร์) นักเรียนระดับมัธยมปลายที่อายุมากกว่าเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เขาไม่ได้กร้าวแกร่งเตะต่อยใครได้เหมือนในหนัง(ไทย)บางเรื่อง แต่เบ็นเคลื่อนไหวช้า พูดติดๆ ขัดๆ มีบุคลิกแปลกแยก อยู่ในโลกส่วนตัว และดูหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา ยกเว้นทุกเช้าที่เขาได้เข้าไปปลดปล่อยตนเองในเกมออนไลน์ และได้พบกับสการ์ไลท์ หญิงสาวที่ชื่นชมในตัวเขา
ด้วยความอ่อนแอไม่สู้คนและเป็นตัวประหลาดในสายตาคนอื่น เบ็นจึงถูกเด็กหัวโจก 2 คน กลั่นแกล้งเสมอ โดยครั้งล่าสุดเบ็นถูกจับถอดกางเกงต่อหน้าเด็กร่วมชั้นนับสิบที่ส่งเสียงเชียร์และใช้มือถือถ่ายวิดีโอ ก่อนที่ภาพน่าอับอายซึ่งถูกบันทึกไว้นั้นจะถูกโชว์หราบนอินเตอร์เน็ต หนำซ้ำวันต่อมาสองหัวโจกยังตามมาทำร้ายร่างกายเบ็นและยัดยากล่อมประสาทใส่ปาก
นี่คือจุดแตกหักทางความรู้สึกของเบ็น กระทั่งนำมาซึ่งความสูญเสียที่ไม่มีใครคาดคิด
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เบ็นจะตัดสินใจทำอะไรลงไป เขาต้องไปพบกับสการ์ไลท์ตามที่หญิงสาวได้ส่งข้อความนัดหมายเสียก่อน
คำให้สัมภาษณ์ของหญิงวัยกลางคนในฉากแรกที่ภายหลังรู้ว่าเป็นแม่ของเบ็น กับของพ่อ ครูใหญ่ เพื่อนนักเรียน และบุคคลแวดล้อมอื่นๆ เกี่ยวกับเบ็นและเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่ถูกใส่แทรกเข้ามาตลอดทั้งเรื่อง สร้างความฉงนหวาดหวั่นให้แก่ผู้ชมมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่มออทิสติกผู้น่าสงสารคนนี้
หนังมีแง่มุมเรื่องราวหลากหลายให้เก็บงำคิดตามจนยากจะเจาะจงลงไปว่า Ben X เป็นหนังเกี่ยวกับอะไร บางคนอาจมองว่านี่คือหนังว่าด้วยผู้ป่วยออทิสติก บ้างว่าเป็นหนังที่สะท้อนอิทธิพลของเกมออนไลน์หรือสะท้อนปัญหาวัยรุ่น และแน่นอนว่าการฆ่าตัวตายที่เป็นแรงบันดาลใจเริ่มต้นของหนังย่อมเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ นอกจากนี้ยังมีอีก 2-3 แง่มุมที่หนังสอดแทรกไว้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าผู้สร้างเน้นแก่นสารหลักอยู่ 2 ประการ หนึ่งคือการทำความเข้าใจถึงโลกส่วนตัวของผู้ป่วยออทิสติก บางครั้งอาการออทิสติกเป็นปัญหาของคนรอบตัว หาใช่ปัญหาสำหรับผู้ป่วยแต่อย่างใด
อีกแก่นสารหนึ่ง...หนังชี้ว่าการยุติชีวิตไม่ใช่ทางออกของนักสู้ และทุกคนควรจะใส่ใจปัญหานี้ให้มากขึ้น
พ้นจากระดับแก่นสารลงมา จุดที่น่าสนใจคือแง่มุมเรื่องราวหลากหลายดังกล่าวถูกนำมาผสมรวมกันภายใต้เนื้อหาว่าด้วย ความจริงลวง ได้อย่างกลมกลืน
คือ ความจริง และ ความลวง ที่ซ้อนทับกันทั้งในเกมออนไลน์กับโลกความจริง (สัมพันธภาพ-ตัวตน-ความรุนแรง) อาการออทิสติก (การรับรู้ของเบ็นถูกแทนที่ภาพจากเกมออนไลน์) และสุดท้าย...ความจริงลวง นี้จะเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด
และเป็น ความจริงลวง สำหรับผู้ชมเช่นกัน
ชื่อหนัง Ben X จากชื่อล็อกอินในเกมออนไลน์ของเบ็น สามารถถอดเสียงและแปลความหมายจากภาษาดัตช์ได้ว่า I am nothing (ไม่มีอะไร/ศูนย์/อากาศธาตุ) ก็น่าจะสอดคล้องกับสถานะของตัวละครและเรื่องราวแห่ง ความจริงลวง ได้อย่างดี
สำหรับนัยยะที่หนังแฝงไว้คือแง่มุมทางคริสต์ศาสนา นอกจากจะมีพระเยซูถูกตรึงกางเขนเป็นองค์ประกอบสำคัญอยู่หลายฉากแล้ว เรื่องราวชะตากรรมของเบ็นยังสอดคล้องกับเรื่องราวบางบทตอนของพระเยซูในพระคัมภีร์
เริ่มจากฉากที่เบ็นถูกเด็กร่วมชั้นถอดกางเกง รุมโห่ฮา และถ่ายวิดีโอ ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ การล้อเลียนพระคริสต์ ที่พระเยซูถูกทหารรุมเฆี่ยนตีและถอดฉลองพระองค์ แล้วใช้ผ้าแดงคลุมร่าง-สวมมงกุฎหนามเพื่อล้อเลียน เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของพระมหาทรมาน ซึ่งในชั้นเรียนก่อนที่เบ็นจะถูกแกล้งนี้อาจารย์ก็ได้กล่าวถึงพระมหาทรมานเช่นกัน ในตอนที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนและกล่าวคำพูดว่า พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย
ด้านหลังเบ็นขณะโดนเพื่อนรุมล้อมกลั่นแกล้งจึงมีตัวหนังสือเขียนบนกระดานดำราวกับเป็นคำพูดของเบ็นว่า พระเจ้าอยู่ไหน
ขณะที่เหตุการณ์สำคัญในฉากไคลแม็กซ์ใกล้เคียงอย่างยิ่งกับ การฟื้นคืนพระชมม์ ของพระเยซู
อีกนัยยะหนึ่งซึ่งมองเห็นได้คือ ตลอดทั้งเรื่องราวตัวละครเบ็นผูกติดจนขาดไม่ได้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฮเทคที่แม่ของเขาจัดหามาให้ ทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ กล้องวิดีโอดิจิตอล และเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา แต่สภาพของเขากลับย่ำแย่ลงทุกขณะ ต่อเมื่อเบ็นเริ่มปลดเปลื้องสิ่งของเหล่านี้ อะไรๆ ก็ดูจะผ่อนคลายลงไป กระทั่งฉากสุดท้ายเบ็นได้เข้าใกล้ธรรมชาติมากกว่าครั้งใด เขาดูเป็นอิสระและมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เหมือนหนังให้เราปลดปล่อยตนเองจากโลกยุคใหม่ที่ซับซ้อนและเปราะบาง แล้วหันเข้าหาธรรมชาติที่แท้จริงกันบ้าง