Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [? ]
ข้าพเจ้าเป็นสุข และเชื่อว่าใครก็ตามซึ่งมีรสนิยมในการอ่านหนังสือดี ย่อมสามารถทนต่อความเงียบเหงาในทุกแห่งได้ -- วาทะของท่านมหาตมะ คานธี Book Archive by Group หมายเหตุ: โซน Romance และ การ์ตูน ยังไม่ทำเพราะมีน้อย
1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30
กันยา..หาเรื่อง
28-29 กันยายน สืบเนื่องมาจากกระทู้ ปิดฉากมหากาพย์คดีห้างทอง ธรมมวัฒนะ...ศาลสั่งยกฟ้องนายนพดล พร้อมประกาศฟ้องกลับหมอพรทิพย์ สรุปสั้น ๆ >> ศาลตัดสินว่านายนพพล จำเลยคดีฆ่านายห้างทอง "ไม่ผิด" นายนพพลประกาศฟ้องแพทย์หญิงพรทิพย์และคณะสืบสวนทั้งชุดกลับ ข่าวว่าเรียกค่าเสียหาย 2 พันล้านด้วย ไม่อยากเม้าท์เรื่องข่าว เพราะไม่ติดตามอยู่แล้ว (แป่ววว) แต่อยากบอกว่า นิติวิทยาศาสตร์ คือวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง ซึ่งคนมักจะไม่ตั้งคำถาม หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว มันผิดได้ (โว้ย) Case Study 1: Myth: ในการสืบคดีลอบวางเพลิงในห้องปิด สมัยก่อน เขาดูที่ pour pattern (รอยไหม้ที่พื้น อันแสดงว่ามีคนเทสารกระตุ้นลงที่พื้นเพื่อจุดไฟ) กับ crazed mirror (กระจกร้าวแต่ไม่แตก สมัยก่อนเชื่อว่าความร้อนที่เพิ่มขึ้นช้า ๆ คือต้นเหตุการร้าว) Proven Fact: - ATF เคยทดลองแล้วว่า pour pattern อาจเกิดจากรูปแบบการไหม้ที่เรียกว่า flashover (เวลาไฟไหม้ ก๊าซลอยขึ้นไปหาออกซิเจนด้านบน พอออกซิเจนข้างบนหมด ก็ตรงดิ่งลงล่าง และก่อเกิดสิ่งที่ดูคล้าย pour pattern) - crazing เกิดจากกระจกที่ร้อนมากถูกทำให้เย็นกะทันหัน ไม่ว่าจะค่อย ๆ ร้อนหรือร้อนจัดทันที กระจกก็ไม่ร้าว แต่พอราดน้ำปุ๊บ จะร้าวทันที ดังนั้น จึงใช้เป็นหลักฐานการวางเพลิงไม่ได้ ด้วยหลักฐาน (ที่พิสูจน์แล้วว่าเชื่อไม่ได้ 100%) สองอย่างนี้ คาเมรอน ท็อด วิลลิงแฮม ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานวางเพลิง "ฆ่าลูกสาวตัวเองสามคน" ในปี 1992 และรับโทษประหารชีวิตในปี 2004 ด้วยวัย 36 ปี เสริม: แม้แต่การพบร่องรอยของ inflammable stimulant ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นการวางเพลิง สารพวกนี้มีอยู่ในน้ำยาหลายอย่าง น้ำมันก๊าด ยาฆ่าแมลงหรือน้ำยาต่าง ๆ ที่อาจเป็นสารสามัญในโรงรถหรือในบ้าน การพบสารกระตุ้นในซากไฟจึงควรพิจารณาว่า..มันอยู่ผิดที่ผิดทางรึเปล่า ไม่ใช่พบสารก็แปลว่าวางเพลิงโดยอัตโนมัติ --- Case Study 2: Myth: "ตะกั่วในกระสุนทุกนัดมีลักษณะทางเคมีเหมือนกัน ถ้าตะกั่วในกระสุนสองนัดตรงกัน ก็แปลว่ากระสุนผลิตจากตะกั่วก้อนเดียวกัน aka มาจากกระสุนกล่องเดียวกัน" วิธีตรวจสอบเพื่อการเปรียบเทียบตะกั่วในกระสุนปืน (CBLA) คือ นำกระสุนไปแช่น้ำกรด ให้ความร้อนและตรวจวัดธาตุด้วยสเปคโทรโฟโตมิเตอร์ ซึ่งใช้ wavelength บอกว่ามีธาตุใดอยู่แค่ไหนบ้าง ถ้าผลของกระสุนสองนัดออกมาเหมือนกัน สรุปได้ว่ากระสุนสองนัดนี้มาจากแหล่งเดียวกัน Fact: CBLA สันนิษฐานว่ากระสุนที่ผลิตจากตะกั่วรุ่นเดียวกันจะให้ผลเหมือนกันเปี๊ยบตั้งแต่นัดที่ 1 จนถึง 3 พันล้าน แต่ข้อมูลจากโรงกลั่นตะกั่วเพื่อทำกระสุน พิสูจน์แล้วว่าตะกั่วมีการปนเปื้อนเสมอ และธาตุต่าง ๆ กระจายตัวไม่สม่ำเสมอในตะกั่ว (ศัพท์โลหะวิทยาเรียกว่า "การแยกตัว" --คิดว่างั้น จำศัพท์ e ไม่ได้แล้ว) ผลคือ กระสุนสองนัดที่หล่อจากตะกั่ว batch เดียวกัน ก็อาจมีค่าธาตุต่าง ๆ ไม่เหมือนกันได้ เทคนิคที่เอฟบีไออวดอ้างมา 3-4 ทศวรรษว่าบอกได้กระทั่งกระสุนมาจากกล่องเดียวกันนี้...ไม่มีเหตุผลรองรับในแง่วิทยาศาสตร์ FBI ประกาศเลิกใช้เทคนิคนี้ในปี 2005 (แน่นอนว่าเคยมีคนโดนตัดสินโทษเพราะเทคนิคนี้มาแล้ว) --- Case Study 3: Myth: การตรวจสอบคราบเขม่าดินปืน (gun shot residue) บอกได้ว่าใครเป็นคนยิงปืน Fact: เขม่าดินปืนเดินทางได้ 3 ฟุตและลอยในอากาศได้ 3 นาที ดังนั้น เขม่าอาจติดอยู่ตามตัวคนที่ยืนอยู่ใกล้มือปืน..หรือเข้าไปในที่เกิดเหตุหลังการยิงไม่นาน นอกจากนี้ ตามตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือสถานีตำรวจยังเต็มไปด้วยอนุภาคเขม่าดินปืน การถูกจับเป็นผู้ต้องสงสัยก็อาจเป็นเหตุให้ตัวเขามีเขม่าดินปืนได้ สรุปว่าเขม่าดินปืนไม่ใช่หลักฐานเอาผิดได้ 100% เหมือนดีเอ็นเอ!! และรู้สึกว่า FBI จะแอบยกเลิก GSR analysis นี้แล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2006 (ข้อมูลนี้ยังไม่ได้เช็ค ฟังมาอีกที) - - จ บ - - ประเด็นก็คือ Is it a science? Is it a good or bad science? เคยมีใครตั้งคำถาม ตรวจสอบความถูกต้องของศาสตร์ที่ใช้กันอยู่ไหม? อิสรภาพ/ชีวิตคน VS ระบบยุติธรรม เชียวนะ (วันนี้ซีเรียส เพราะอ่านคห. ในกระทู้แล้วพบว่าหลายคนเชื่อศาสตร์นี้กันจริง ไม่รับรู้เลยว่าวิทยาศาสตร์ก็ผิดได้ และนิติวิทยาศาสตร์เป็น human-related มาก) --------------- วันนี้ทำตัวเป็นกระจิบข่าววุ้ย มาทู้นี้บ้าง*+*+*+*+*รวบ! สาวท้วมขายบริการ ลวงหนุ่มกรรโชกทรัพย์*+*+*+* ครือ... ขอบอกว่าเคยเห็นแอดของเจ๊แกล่ะ (คิดว่าใช่นะ) จขบ. จำได้ว่ารูปที่โพสต์ก็อวบอ้วนแบบนี้แหละ บอกด้วยว่าขาวอึ๋ม รูปเห็นทั้งตัว ไม่ได้เอารูปสาวหุ่นเพรียวลมมาโกหก สรุปว่าข่าวนี้ก็...ไงล่ะ..เขียนให้ดูหวือหวาเหมือนสาวอ้วนฉุดหนุ่ม แต่จขบ. คิดว่าหนุ่มคงเจอตัวจริงแล้วเอาไม่ลง สาวโมโห (หลังโดนเบี้ยวมาเยอะ) เลยแย่งมือถือมา จบ ...สาเหตุที่จำได้เพราะอ่านแล้วยังนึกเลยว่า "เออเว้ย หุ่นแบบนี้ก็กล้ามาประกาศขายบริการทางเพศนะ" (ขออภัยสาวอวบทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยเด้อ) อีกจุดที่จำได้คือเจ๊แกโพสต์ติด ๆ กันสองหรือสามทู้ เนื้อหาห้วนสั้น ตรงจุดไม่แอ๊บแบ๊ว (จขบ. ชอบไปอ่านเด็กแอ๊บแบ๊วหาเสี่ยเลี้ยง หรือเสี่ยประกาศอุปการะเด็ก ...สนุกแปลกดี) โพสต์อันหลังเน้นทำนองว่า "ขอคนสนใจจริง ไม่เอาจริงไม่ต้องติดต่อมา" คือ อ่านแล้วรู้สึกว่าคงมีคนโทรไปหรือไปเจอตัวแล้วไม่เอาจริงบ่อย เจ๊เลยเน้นเหลือเกิน ความเห็นส่วนตัว: กรณีนี้เห็นใจสาวอ้วนนะ เธอขายเงียบ ๆ ไม่ได้หลอกลวงนี่นา ผิดตรงไหน? เมืองไทยน่าจะมีโสเภณีจดทะเบียนไว้บริการหนุ่มโสดโดยเฉพาะนะ น่าจะแก้ปัญหาอัดอั้นของชายหนุ่มได้รึเปล่า สาวก็ได้รายได้ด้วย ไม่ต้องไปบีบบังคับ ฉุดคร่ามาสนองตัณหาชายอย่างที่ระยะหลังเห็นข่าวกันเหลือเกิน (ที่พิมพ์แบบนี้ ก็เพราะเห็นว่าพวกสาว ๆ ที่ไปเสนอขายตามเว็บน่ะ อายุ 10 กว่า ๆ ไปจนถึงมหาลัย เวลาอ่านข่าวเด็กดีโดนรุมโทรมก็เลยอนาถใจ ทำไมไม่ไปฉุดพวกที่อยากอยู่แล้วฟร่ะ?) วันนี้ซีเรียสวุ้ย 28 กันยายน สองเดือนที่ผ่านมา มือขึ้นเรื่องหนังสือชำรุด เจอกำลังภายในที่เปิดมาแล้วสันแบะ (อ่านได้ ไม่หลุด แต่อยากได้ไม่แบะอ่ะ) เจอ "ลมซ่อนรัก" ที่กระดาษพับขึ้นแล้วเครื่องไสกาวเข้าเล่มทั้งอย่างนั้น เจอนิยายของแอลลี่ที่หน้าหาย (เวร กำลังอ่านสนุก ๆ อยู่ งอนเฟ้ย) เจอ "เกมรักแรงปรารถนา" หน้าหาย ..รู้สึกจะมีนิยายคัมออนที่กระดาษย่นด้วย แต่จำเรื่องไม่ได้แล้ว คงช่างมันไป ส่วนเพื่อนเจอ "คลื่นลวง" หน้าหายเช่นกัน แค่แบกไอ้พวกที่จะไปเปลี่ยนนี่ก็หนักแล้ว โคตรเซ็ง มาตรฐานการพิมพ์แย่ลง หรือดวงเราดีผิดปกติเองหว่า???? 27 กันยายน พิมพ์บ่น อาทิตย์ที่ผ่านมา โดนยุงหรือแมลงลึกลับกัดวันละ 1-4 แห่ง..ทุกวัน แล้วก็คันมาก ทั้งที่ปกติ จขบ. ไม่ค่อยเกาแผลยุงกัด มีช่วงนี้แหละที่เผลอเกาจริง ๆ (มาคิด ๆ ดูแล้ว แผลคันช่วงนี้เท่ากับแผลในสองสามปีรวมกันได้เลยนะ) ช่วงแรก พิษดูจะแรงยังไงไม่รู้ แผลเป็นรอยแดงเห็นชัด--เหมือนเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตกน่ะ ขนาดเท่าเหรียญ 25 สต. ล่าสุดอัพเกรดเป็นเหรียญ 1 บาทแล้ว (ยังดีที่แผลระยะหลังคันและแดงน้อยลง) บางที่ ค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นยุง เพราะเห็นตัวไม่นานก็เริ่มคัน แต่บางที่ที่โดนกัดเยอะ เช่น ง่ามนิ้วเท้า--ทั้งนิ้วโป้ง นิ้วนาง นิ้วก้อย หรือแม้แต่ใต้ฝ่าเท้า ง่ามนิ้วมือ ฝ่าเท้า หลังมือแล้วก็ฝ่ามือ ...ไอ้พวกนี้นี่ไม่แน่ใจแฮะ ที่บ้านยุงเยอะงี้เลยเหรอ? วันก่อน โมโหจัด เลยเอายากันยุง (ที่ทุกทีไว้วางหน้ากรงหมา) มาจุดวางในห้อง ฉีดยากันยุงรมอีกตลบ ปิดประตูมิดชิด ...แล้วเผลอล้มตัวนอนหลับตลอดบ่ายจนถึงเย็น เพราะวันสองวันนั้นปวดหัวมาก ตื่นมาแล้วพะอืดพะอมนิดหน่อย ถ้าไม่ใช่เพราะอาการต่อเนื่องจากไมเกรนก็คงเพราะนอนดมยา (ฆ่ายุง?) วันนี้มีธุระที่โรงพยาบาล ไม่แน่อาจลองถามหมอดู ...แต่ไม่ค่อยแน่ใจแฮะว่าหมอจะตรวจได้รึเปล่า กลัวว่าจะแค่ได้ยาแก้คันมาน่ะ ว่าจะไปเดินดูงานคอมพิวเตอร์ที่พาราก้อน ..อยากได้แล็บท็อป เผื่อมีรุ่นดีและถูก อยากไปดูทวิภพ (วันนี้วันสุดท้าย สำหรับเรื่องนี้) สงสัยคงแห้ว เพราะกว่าจะไปรพ. ไปตามนัดกับญาติ ก็คงเย็นไปสำหรับการเลือกซื้อคอมหรือจองตั๋วหนัง สังเกตมานานแล้วว่า วันไหนที่มีตารางกิจกรรมแบบที่ต้องทำวันนั้นเท่านั้น งานอื่น (ที่ทำวันอื่นได้ แต่เผอิญทำวันนั้นสะดวกที่สุด) จะมะรุมมะตุ้มเข้ามาทันที ทีวันไหนว๊างว่าง ก็จะว๊างว่าง บันทึกการเดินทางเข้าเมือง 15 กันยายน รู้สึกว่า "ที่นั่งสำหรับพระสงฆ์" บนรถประจำทางเป็นเอกลักษณ์ไทยอย่างหนึ่ง ไม่ว่ารถจะแน่นแค่ไหน พอพระขึ้นมา คนจะลุกทันที ถ้าเป็นผู้หญิงนั่งชิดริมหน้าต่าง แล้วไม่ลุก (คงกำลังใจลอย ไม่ทันมอง) กระเป๋ารถจะร้องเรียกให้ลุกให้ได้ ใครไม่ลุก..อาจโดนรังสีพิฆาตจากรอบตัวได้ --- วันนี้นั่งรถเมล์ช่วงสั้น ๆ แล้วเจอรถติด ข้างขวาเป็นแม่จับลูกชายอายุประมาณ 4-5 ขวบนั่งตัก ได้ยินเสียงจุ้กจิ๊กทำโน่นทำนี่ให้ลูกตลอด (น่าจะเป็นการชงนม) จขบ. ก็นั่งมองฝั่งซ้ายใจลอยไปเรื่อยเปื่อย พอ 6 โมงเย็น เสียงเพลงเคารพธงชาติดังก้องรถ หนูน้อยข้างตัวก็เริ่มร้องคลอดังลั่น "ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย.." จบเพลงชาติแล้วยังร้องเพลงอื่นเกี่ยวกับในหลวงได้ด้วย สงสัยจะฟังวิทยุคลื่นนี้บ่อย จขบ. อารมณ์ดีทันทีที่ได้ยินเด็กร้องเพลง เออ ออกเสียงควบคล้ำได้ดีด้วย ไม่ได้กระดกลิ้นเป็นลิ้นฝรั่ง (อย่างหลานตัวเอง) สังเกตให้ดีก็รู้สึกว่าสำเนียงเด็กคนนี้เป็นสำเนียงไทยชัดเจนดี ...อยากให้หลานตัวเองเป็นแบบนี้จัง แอบหันไปมองแม่ลูก น่าจะเป็นคนฐานะปานกลาง จินตนาการไปว่าแม่เขาคงเลี้ยงลูกสบาย ๆ เหมือนสมัยแม่เลี้ยงเรา ฟังวิทยุไทย ๆ ว่างก็เล่นแถวบ้าน ไม่ได้ประเคนขนมหรือของเล่นฝรั่งราคาแพงให้ลูก แต่ดูแลเสื้อผ้าการกินอยู่ได้ดีจนลูกอ้วนท้วนสมบูรณ์ เด็กคนนี้โชคดีนะ --- ซื้อเกี๊ยวลูกชิ้นทอดริมถนนมานั่งกินตรงเก้าอี้ริมทางเดินใกล้ลิฟต์สยามดิสคัฟเวอรี่ (ไม้ละ 5 บาท ทอดใหม่ร้อน ๆ กินอร่อยกว่าพวกจานละร้อยในห้างเสียอีก) ช่วงทุ่ม มีวงดนตรีเล่นอยู่พอดี นั่งกินไปฟังเพลงไป หนุ่มตาน้ำข้าวนายหนึ่งเดินเลี้ยวมาเห็นปุ๊บก็ทำหน้า "โอ๊ะ" แล้วฉีกของที่ถือมา ตอนแรกสังเกตเห็นเขาเหมือนกัน แต่คิดว่าคงไม่เกี่ยวกับเรา เลยมองไปทางอื่น จนเขาเดินมายื่นของให้ บอกว่า "ของแถมจาก Loft ให้มา แต่ผมไม่ใช้ ให้คุณละกัน" ... เหอออ มีงี้ด้วย??? แต่ก็ thank you ไป แน่นอนว่ารับของมาด้วย อิอิ กลับบ้านแกะดู เป็นสมุดบันทึกไว้จดเมมโม ที่อยู่อะไรพวกนั้นน่ะ ข้างในเป็นระบบแฟ้มเจาะห่วง เปลี่ยนกระดาษได้ ปกหนังมีสายรัด..หรูน่าใช้พอสมควร ความประทับใจอีกอย่าง: หลังฝรั่งคนนี้ไป มีเด็กสาวใส่ชุดของ Loft เดินถือถาดใส่น้ำหลายแก้วมาเสนอน้ำให้ ทั้งที่ตอนนั้นนั่งอยู่คนละด้านกับมุมกิจกรรมเลย (อยู่ที่ sony center) จขบ. ปฏิเสธไป เธอก็เดินถือถาดเอาน้ำไปเสนอให้พนักงานทำความสะอาดอีกคน ...บริการไม่แบ่งชนชั้นจริง ๆ --- วันก่อนเพิ่งบ่นว่าพูดอังกฤษไม่เป็นแล้ว วันนี้โดนตอกย้ำอีกครั้ง คราวนี้เป็นหนุ่มตี๋เอเชียถามทางไปร้านสีฟ้า จากจุดที่ยืนอยู่คือประชาสัมพันธ์ประตูใกล้ทางออกสถานีรถไฟฟ้า จขบ. ตอบไปว่า ข้ามถนนแล้ว walk a block ... ปกติพูดไทยก็สื่อสารไม่เก่งแล้ว นี่ลามไปถึงภาษาอื่นอีก เฮ้อ Personal Note: วันที่ 21-30 เดือนนี้จะเป็นสัปดาห์ภาพยนตร์ เชิด ทรงศรี มีการนำหนังเก่ามาฉายที่แกรนด์ อีจีวีค่ะ จขบ. สนใจสองเรื่อง ...หวังว่าจะตื่นไหว และว่างในวันนั้น (ว่าแต่เขาจองตั๋วกันวันต่อวันหรือข้ามวัน กลัวตั๋วที่นั่งดี ๆ หมดอะ) ทวิภพ / 2533 ฉาย 22 กันยายน14.00 / 27 กันยายน 19.00 อำแดงเหมือนกับนายริด / 2537 ฉาย 25 กันยายน19.00 /29 กันยายน 14.00 //www.thaifilm.com/newsDetail.asp?id=309 11 กันยายน หลายวันมานี้ หลานสองบ้านมารวมกันบ้านเดียวตลอดวันเพราะพ่อแม่ไปต่างประเทศยาว หลานกลุ่มที่ไม่ซนเลยซนเพราะคึก หลานสายไฮเปอร์กลายเป็นซูเปอร์ไฮเปอร์ โชคดี (?) ที่งานราษฎร์งานหลวงมากระจุกกันช่วงนี้ จขบ. เลยโบ้ยงานเลี้ยงลิงให้แม่ลิงอีกตัว ให้เขาเป็นแม่กาเหว่าไป เราจาเป็นอีกา หึหึ ช่วงต่อของการส่งงาน ว่างไปเล่นกับลิงนิดหน่อย เลยได้สอนการบ้าน ...การบ้านเด็กโคตรยากเลย!!!! อ๊ากกกก มีโจทย์ให้หาคำที่ความหมายเหมือนการบวก ให้หามา 10 คำ ตามด้วยคำที่ความหมายเดียวกับการลบอีก 10 คำ แม่กาเหว่ากับแม่อีกาคิดกันสองตัวหัวแทบแตก กว่าจะมั่วใส่ครบ ส่วนเด็กเจ้าของการบ้าน (6 ขวบ) นั่งตาปรือ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ...แบบนี้มันผิดหลักนา แต่ถ้าให้เด็กคิดเอง มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย หลานคนนี้เรียนแบบบูรณาการมา สะกดคำอ่านยังไม่คล่องเล้ย จะไปสรรหาคำมาจากไหน หลานอีกคนต้องทำการบ้านหาคำ โจทย์เป็นรูปกิ่งดอกไม้ 2 ดอก แต่ละดอกมีสองกลีบกับหนึ่งเกสร ครูให้หาคำหลักมาใส่ตรงเกสรแล้วหาคำที่เข้ากันมาใส่ที่กลีบ (เข้าใจว่างั้นนะ) เช่น ดอกที่หนึ่ง-เกสรใส่คำว่า "เย็น" กลีบใส่คำว่า "ชืด" กับ "ชา" ดอกที่สอง-เกสร "เย็น" กลีบ-"จิต" "ใจ" จากนั้น เอามาสรุปอีกช่อง เป็นดอกไม้สี่กลีบ เกสร-"เย็น" กลีบ-ชืด, ชา, จิต, ใจ ... แล้วก็มีดอกไม้นี่เป็นเล่มเลยอ่า การบ้านเด็ก 6-7 ขวบเองนะ เด็กในระบบบูรณาการเหมือนกัน ขนาดหลานคนนี้อ่านคล่องพูดเก่ง ยังแย่ไปเหมือนกัน (จับเด็กอ่านกลอนน่าจะช่วยได้นะ ... แต่เด็กคงไม่สนหรอก) มาดูการบ้านเด็กที่เรียนระบบธรรมดาบ้าง โอเค ง่ายหน่อย ทำเลข อ่านหน้านั้นถึงหน้านี้ ระบายสี สอนผูกเชือกรองเท้า ฯลฯ ...ง่าย แต่เยอะจิ๊บเป๋ง ขนาดเด็กแฝดยังการบ้านคนละอย่าง แทนที่จะรวบสอนทีเดียว เลยต้องมาสอนทีละราย ซึ้งใจแม่กาเหว่าเสียจริง (มันทนได้ไงฟระ เป็นตูส่งลูกเข้าโรงเรียนวัดไปแล้ว ไม่มานั่งจี้หรอก) ซาบซึ้ง ณ บัดนี้ที่ย่างเข้าวัยชรา ไม่ต้องผ่านอะไรแบบนี้อีก เฮ้อออ (แต่อีกใจก็แอบวิตก ... ตูโง่ลงใช่ไหม? กลายเป็นยัยเฒ่าเต่าล้านปีที่ไม่มีวิวัฒนาการแล้วเหรอ? ฮือออ) สังเกต/บ่น: ก็รู้มานานแล้วล่ะว่าสมัยนี้ โรงเรียนเขาให้พ่อแม่มีส่วนในการบ้านมาก ๆ ตอนแรกที่ได้ฟังก็ชอบนะ ครอบครัวจะได้ใกล้ชิดและรู้จักลูกดี แต่หลังจากสังเกตสถานการณ์ของหลานมาสักพักก็ชักไม่แน่ใจ ขนาดครอบครัวหลานเขามีพ่อหรือแม่ว่างมารับส่งและสอนลูกนะ ยังเวลาไม่พอเลย แล้วครอบครัวที่พ่อแม่ต้องทำงานทั้งคู่ล่ะ? เขาทำไงกัน? นี่ยังไม่รวมถึงลักษณะการสอนของพ่อแม่นะ ตัวอย่างเช่นพี่เราเนี่ย อารมณ์ร้ายและปากร้ายมาก เสียงดังด้วย เวลาสอนลูกไปนาน ๆ แล้วเด็กเอ๋อ ทำไม่ได้เสียทีเนี่ย ...โคตรน่ากลัวเลย บางทีอยู่คนละชั้นยังได้ยินเสียงตวาดเหมือนคนมีเรื่องกันน่ะ เปิดประตูมาฟัง ..อ๋อ สอนการบ้าน แล้วพอหงุดหงิด การสอนมันก็กลายเป็นการบ่นด่าลูกว่าโง่บ้าง ไม่พยายามเลยบ้าง ฯลฯ บางทีก็สงสัยว่า..หลานตูจะเกลียดการเรียนก็เพราะพ่อรึเปล่าเนี่ย? สงสัยต่อ.. แล้วทำไมต้องจี้ให้เด็กทำการบ้านให้หมดฟะ? ถ้าจี้สักพักแล้วเด็กไม่ทำสักที ก็ให้มันค้างไว้งั้นเด่ะ เขียนรายงานไปเลยว่า "ลูกฉันหมดสมาธิ ไม่ยอมทำต่อแล้ว ทำได้แค่ข้อ 4" อะไรแบบเนี้ย คือ ให้เด็กมันอายตอนไปโรงเรียนแล้วมีการบ้านส่งครูไม่ครบ แล้วจะได้รู้จักสำนึก ละอายและกระตุ้นตัวเองไง (หรือถ้ามันอยากเป็นคนทำอะไรไม่ครบแบบนั้นก็ปล่อยมันไป ชีวิตมัน) ไม่ใช่ให้พ่อแม่จ้ำจี้จ้ำไช เด็กก็ร่วมมือบ้างไม่ร่วมมือบ้าง เห็นและลองเป็นคนจี้มาแล้ว..คิดว่าเสียเวลาผู้ใหญ่ว่ะ ง้อมากเด็กเคยตัวเปล่า ๆ << คิดแบบอีกาจริง ๆ นะเนี่ย 6 กันยายน ร้าน 50% ตรงซอยข้างเมเจอร์ปิ่น ย้ายไปอยู่ในกลิ่นสีพลาซ่า แถมยังเป็นห้องลึกสุด (ในอาคารขนาดกลางที่เป็นห้องซอยย่อยสองฟาก) ... แบบนี้จะมีคนมาขายหนังสือไหมเนี่ย? ทำเลไม่น่าแวะเลย ถ้าไม่ใช่คนแถวนี้คงไม่รู้แน่ว่ามีร้านนี้อยู่ เวลาเซ็ง ๆ อยากรื้อหนังสือมือสองเล่น คงไม่มีที่แวะที่สะดวกอีกแล้ว เศร้า (ตั้งแต่นี้ คงต้องอัพเลเวล ลุยร้านในเมืองแทน ฮา) โน้ตบอกตัวเอง: หนังสือที่อ่านจบแต่ยังไม่เขียนบล็อก - Killer Dreams, How to Be Popular, เที่ยวพิพิธภัณฑ์ต่างแดน หนังสืออ่านค้าง - Deja Dead, Brief History of the Dead, Interpretation of Murder (เบสสอง, เบสสอง, ยังไม่ถึงเบสหนึ่ง) 2 กันยายน เพิ่งรู้ว่าแอร์ในห้องนอนมีปัญหา สายไฟแอร์ที่อยู่ด้านนอกมีประกายไฟแปล๊บ ๆ ตั้งแต่วันศุกร์ ช่าง A มาตรวจจนเจอแล้วก็กลับ (เออ ดีนะ) จุดที่มีประกายไฟเป็นระเบียงตากผ้า คนใช้ในบ้านเลยฮือฮา คุยต่อจนรู้เรื่องกันทั้งบ้าน--ยกเว้นเจ้าของห้องที่ช่วงนี้ออกเช้ากลับค่ำทุกวัน และยังเปิดแอร์นอนอยู่ทุกคืน! ...เวรจริง ๆ โชคดีนะไม่ไฟลุก (ในห้องเป็นหนังสือเกือบครึ่งห้อง ถ้าไฟลุกก็บอกลากันได้เลย) พี่ชายเพิ่งโทรจิกช่างคนนี้ สรุปได้ความว่าช่าง A กวนทีน โบ้ยให้ไปติดต่อช่างแอร์ ซึ่งเปลี่ยนแอร์มาหลายปี..จำไม่ได้แล้วว่าช่างคนไหน พอซักไซ้ ไอ้คุณช่าง A ถึงบอกว่าเขาก็ซ่อมได้ แต่ผมไม่ว่าง อีกสองวันค่อยมา ระหว่างนี้ จขบ. คงเหมือนนอนหลับในนรก เพราะห้องอับมาก แล้วก็ติดนิสัยเปิดแอร์นอนอ่ะ ไม่เปิดแอร์นอนไม่หลับ (เป็นคุณหนูค่ะ) ตอนนี้ บ้านมีปัญหาซ่อมนู่นนี่เยอะมาก บางที่น้ำรั่วจากฝ้า ช่างมาเจาะฝ้าไว้แล้วก็หายศีรษะไปเลย ดีนะที่เฉลียวใจเอากระดาษมาปิดรูไว้แต่แรก ไม่งั้นป่านนี้หนูคงร่วงลงมาเพ่นพ่านเต็มบ้านแล้ว (บ้านนี้มีหนูบนฝ้า ...คิดว่าหนูนะ) --- สองสามวันมานี้ ทำตัวเป็นเจนเนอรัลเบ๊ให้ญาติ เนื่องจากเบื่อสภาพติดแหง่กในบ้าน ทำงาน (?) หน้าคอมทั้งวัน ลองเปลี่ยนบรรยากาศดีกว่า ไปเป็นแม่ค้าเฝ้าร้านขายของ วันหนึ่งไปเจเจ อีกวันไปสำเพ็งวันที่ไปเฝ้าเจ.เจ.มอลล์: เห็นนักเรียนวัยรุ่นเดินพอประปราย โคตรเสียดายที่ไม่ได้หยิบพวกนิยายโนเนะที่เพิ่งอ่านจบไปวางขายครึ่งราคา จะได้กำจัดทิ้งให้หมด ๆ ไป ...แต่อาจขายไม่ได้ก็ได้ เพราะกลุ่มลูกค้าดูเป็นพวกไม่ค่อยมีตังค์อ่ะ เดินดูไปดูมา เลือกแล้วเลือกอีก ซื้อชิ้นเดียว--คนขายเครียดเฟ้ย! สรุปว่า..ร้านนี้ไปเฝ้าได้ คนน้อยดี มีคอมด้วย แต่เสียค่าเน็ตแบบรายชั่วโมง ข้อเสียคือไกลชะมัด แอร์ในห้างหนาวมากกกกกก อ้อ หลงทาง (ในห้าง) ง่ายด้วย ไปมาสองครั้ง หลงทางทั้งสองครั้งเลย จุดหนึ่งที่ไม่รู้จะขำหรืออะไรดีคือ ในร้านไม่มีน้ำเปล่าฟรี ไอ้เราเห็นน้ำเปล่าขวดใหญ่สองขวดในร้าน เลยแวะเซเว่นซื้อกาแฟ กินหมดก็ว่าจะเติมน้ำเปล่าเสียหน่อย เด็กหน้าร้านบอก "ขวดนี้ของหนู" ... ร้านนี้เขาแยกน้ำใครน้ำมัน คนเฝ้าร้านเฉพาะกิจอย่างเราเลยจ๋อยไป (น่าจะบอกก่อน จะได้ซื้อจากเซเว่นมาแต่แรก)วันที่ไปสำเพ็ง: เพิ่งรู้ตัวว่าภาษาอังกฤษของเราคืนอาจารย์ไปแล้ว ไม่สามารถพูดกับลูกค้าฝรั่งอย่างเป็นเรื่องเป็นราวได้ อายมาก เลยแกล้งทำเป็นพวกอาซิ้มอาซ้อที่พูดฝรั่งได้ฟิชฟิชสเนคสเนค ลูกค้าพูดจีนกลางก็มี ไม่สามารถคุยได้เช่นกัน แต่พอฟังออกเลยตอบคำถามเขาถูก ฟู่ว์ หน้าไม่แตก เฝ้าร้านที่สำเพ็งจะสนุกกว่าเจเจ เพราะคนซื้อเยอะกว่า แต่ก็มีเดินเข้ามาดูแล้วเดินออกเยอะไม่แพ้กัน ไอ้เราก็เชียร์ของไม่เป็นซะด้วย ประกอบกับไม่ชอบเชียร์ คิดว่าลูกค้าอาจอึดอัดถ้าเดินเข้ามาปุ๊บแล้วโดนประกบหรือจ้องตามตลอดน่ะ (ข้ออ้างในการไม่มองลูกค้า แต่ก้มหน้าอ่านหนังสือแทน) เฝ้าไปครึ่งวันก็อ่านหนังสือเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของคุณเพลงดาบฯ จบ เลยแปะขาย 80 บาทไว้ที่โต๊ะ (ราคาปก 150 กว่ามั้ง) ... ไหงไม่มีใครสนใจเลยอ่า หนังสือใหม่และดีน๊า แสดงว่ากลุ่มลูกค้าตรงนี้มีตังค์ แต่ไม่ใช่พวกนักอ่าน? ทั้งที่เป็นนักศึกษาแน่นอน (วันที่ไปเฝ้าเป็นช่วงนศ. มาหาของขวัญรับปริญญา) ขนมสำเพ็งไม่มีที่น่ากินและอยากกินเลย ปลาหมึกย่างไหม้กระดำกระด่าง ขนมแป้งจี่เหนียวและเย็นชืด ผัดไทยไท้เฮงก็งั้น ๆ (พอดีไม่นิยมผัดไทยอยู่แล้ว) เป็นการเฝ้าร้านที่..หิวโหยจนหน้ามืด กว่าจะรู้ตัวว่าหิวก็โลกหมุนแล้วอ่ะ ร้านนี้ก็งงกับเรื่องน้ำอีกแล้ว ตอนแรกซื้อน้ำหวานจากเซเว่นมาเหมือนกัน แต่พอร้องหาน้ำเปล่า เด็กคนหนึ่งบอกไม่มีคูลเลอร์ ต้องกรองน้ำเอง เด็กอีกคนบอกต้องไปซื้อ (แต่เขายอมวิ่งไปซื้อให้ ต่างกับเจเจที่ตัวใครตัวมัน) .. กำลังสงสัยว่าร้านค้าสมัยนี้เป็นงี้หมดรึเปล่า? สมัยก่อน น้ำเปล่านี่ไม่ใช่ปัญหาเลยนะ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาวอรี่เวลาไปเฝ้าร้านเลย นาน ๆ เปลี่ยนบรรยากาศก็แปลกดีเหมือนกัน แต่ออกข้างนอกแบบนี้ก็ล้าเหมือนกันแฮะ เสียตังค์มากกว่าการอยู่กับบ้านแบบทุกทีด้วย ...ไว้ต้องหาที่เปลี่ยนบรรยากาศ แบบไม่เสียตังค์เพิ่มและไม่ล้า
Create Date : 04 กันยายน 2550
Last Update : 29 กันยายน 2550 8:12:44 น.
59 comments
Counter : 1594 Pageviews.
โดย: TopFeeKIVI วันที่: 4 กันยายน 2550 เวลา:4:19:03 น.
โดย: แฮมสเตอร์ วันที่: 4 กันยายน 2550 เวลา:7:49:26 น.
โดย: JewNid วันที่: 4 กันยายน 2550 เวลา:11:09:12 น.
โดย: Clear Ice วันที่: 4 กันยายน 2550 เวลา:12:40:31 น.
โดย: พัท (Il Maze ) วันที่: 5 กันยายน 2550 เวลา:15:20:36 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 5 กันยายน 2550 เวลา:17:35:18 น.
โดย: พัท IP: 85.73.251.171 วันที่: 5 กันยายน 2550 เวลา:19:45:28 น.
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:14:27:31 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:16:00:05 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:23:44:02 น.
โดย: คิดนาน IP: 124.120.81.227 วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:21:07:07 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 8 กันยายน 2550 เวลา:1:00:05 น.
โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 125.25.138.245 วันที่: 8 กันยายน 2550 เวลา:21:36:18 น.
โดย: ahiruno007 วันที่: 9 กันยายน 2550 เวลา:0:33:11 น.
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 9 กันยายน 2550 เวลา:21:37:12 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 10 กันยายน 2550 เวลา:16:17:49 น.
โดย: mamamodern วันที่: 10 กันยายน 2550 เวลา:18:19:04 น.
โดย: ลวิตร์ วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:0:19:13 น.
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:16:33:02 น.
โดย: ทินา IP: 58.64.71.171 วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:20:49:18 น.
โดย: พัท (Il Maze ) วันที่: 12 กันยายน 2550 เวลา:23:12:22 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:0:14:51 น.
โดย: ahiruno007 วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:12:17:34 น.
โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:9:39:03 น.
โดย: กีกี้ IP: 203.131.210.149 วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:13:14:07 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:10:00:07 น.
โดย: กีกี้ IP: 61.91.163.177 วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:10:34:35 น.
โดย: Mutation วันที่: 23 กันยายน 2550 เวลา:13:45:18 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 23 กันยายน 2550 เวลา:21:56:42 น.
โดย: กีกี้ IP: 203.131.210.149 วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:11:40:18 น.
โดย: ทินา IP: 203.155.231.113 วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:22:49:01 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:22:33:05 น.
โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 125.25.145.121 วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:18:34:08 น.
โดย: เคียว IP: 128.86.158.253 วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:0:17:07 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:9:03:27 น.
โดย: ทินา IP: 203.155.231.95 วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:22:06:16 น.
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:4:06:22 น.
โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 125.25.202.175 วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:11:15:20 น.
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.15.142 วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:17:25:23 น.
โดย: สุ IP: 203.209.124.111 วันที่: 29 กันยายน 2550 เวลา:19:48:42 น.
โดย: grappa วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:5:41:29 น.
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:21:17:50 น.
โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.131.243 วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:1:44:16 น.
โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:9:06:11 น.
โดย: ahiruno007 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:14:27:40 น.
โดย: BrandonLah IP: 51.210.176.129 วันที่: 18 เมษายน 2567 เวลา:2:24:12 น.
หวัดดีก่ะแวะมาเที่ยวจ้า
ยังดีนะเนี่ยที่ห้องไม่ติดไฟอะพี่ยาคูลย์
ไม่อย่างเงียดายหนังสือแย่ถ้าติดขึ้นมา
พูดเล่นก้าบแค่พี่ยาคูลย์ปลอดภัยก็ดีแล้วก่ะ