31 ธันวาคมอัพส่งท้ายหน่อย พรุ่งนี้เช้าจะไปเที่ยวจีน (ตามปกติ) งวดนี้แม่เหมือนจะตื่นเต้นกับการถ่ายรูป เลยไซโคขอยืมกล้องจากพี่บ้าง น้องบ้าง ทีนี้ กล้องพี่ตัวที่ออโต้จริงๆ มันโดนขโมยไป เหลือแต่แบบต้องปรับ ซึ่งจขบ. ก็รีบบอกเลยว่าไม่เอา ถ่ายไม่เป็น ยิ่งเวลาเที่ยวต้องรีบถ่าย ไม่สามารถค่ะสรุป เมื่อวานน้องเลยเอา Canon Ixus 85 IS มา นัยว่าลูกค้าเพิ่งเอามาให้ ขนาดน้องยังไม่เคยใช้เลย จขบ. เปิดดูคู่มือแล้วก็มึนๆ พิกล เมื่อกี้ไปเสิร์ชอากู๋มาถึงรู้ว่าความละเอียดตั้ง 10 MegaPix แน่ะ (สเป็คฉันเลย )แล้วเลยไปพลิกดูยี่ห้อกล้องตัวเก่า ...ซึ่งไม่เคยดูยี่ห้อหรือรุ่นมันเลย... ปรากฏว่าตัวเก่าคือ Casio Exilim แต่รุ่นไหนไม่รู้ จำได้ว่าพี่ซื้อมาราวสองหรือสามปีก่อน เป็นท็อปสเป็คตอนนั้น แต่ยังไงก็คงไม่ถึง 10 Megapix มั้งตอนแรกที่เล่นตัวนี้ ถ่าย 10 ใบจะสวยแบบโชว์ได้แค่ 2 ใบ เจ๊งสนิทอีก 3 (มือสั่นมากถึงมากที่สุด เป็นต้น) ที่เหลือแค่พอถูไถ ความประทับใจจากกล้องนี้ตอนแรกคือ "เอาแน่กับมันไม่ได้ ขนาดตอนถ่ายตั้งใจสุด ๆ ก็อาจออกมาเสียได้" แต่ไม่รู้เพราะอะไร สองสามครั้งหลังที่ใช้งาน ภาพจะออกมาดีกว่าที่คิด ขนาดกดแบบไม่คิดอะไรยังออกมาโอเคเลย ทั้งที่นาน ๆ หยิบมาถ่าย--เฉพาะตอนจะไปเที่ยวนั่นแหละ อย่างล่าสุด งานเยี่ยมชมบ้านจักรพงษ์เนี่ย ขนาดภาพดอกไม้ที่เคยถ่ายแล้วมันไม่โฟกัส ยังออกมาดูรู้เรื่องเลย (ไม่ได้ปรับอะไรทั้งนั้น) เหมือนกับว่าอยู่ด้วยกันนาน ๆ มันจูนเข้ากันได้เอง (ไม่ได้อ่านคู่มือหรือศึกษาอะไร เพราะถ้าไม่เที่ยว ก็วางกล้องทิ้งไว้งั้นแหละ) หรือว่ากล้องมันมีวิญญาณฟะ? ... จริงๆ แล้วเริ่มรักกล้องตัวนี้ด้วยนะ เคยดูรูปคนอื่นที่ซื้อกล้องไม่นาน (แปลว่าสเป็คน่าจะสูงกว่าเรา) แต่กลับไม่ชอบภาพที่ออกมา ไม่คม ไม่สีสันเท่าภาพที่ได้จากตัวนี้ แม้จะรู้ดีว่ามันชักตกรุ่นแล้ว ตอนถ่ายจริงมันรู้สึกได้ว่ากล้องคนอื่นเจ๋งกว่า เก็บภาพได้กว้างกว่า ลุยถ่ายจริงได้นานกว่า ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้กล้องใหม่ไม่พยศเหมือนรุ่นพี่ กลัวถ่ายคนออกมาแล้วโฟกัสประหลาดๆ จังเลย (ประเภทฉากชัดแจ๋ว ตัวคนตรงกลางดันเบลอ แบบนั้นอ่ะ)ปล. อยากอุ๊บอิ๊บกล้องตัวใหม่นี่มาใช้เองจังเลย แต่คงยากแฮะ 26 ธันวาคมวันนี้ไปส่งไปรษณีย์ (ที่คั่งค้างมานาน) แล้วเลยแวะไปสำนักพิมพ์ฟิสิกส์เซ็นเตอร์ เพื่อซื้อหนังสือในราคาลด 30% รายละเอียดดูได้ใน PC ทำดีปีใหม่ 2009เพิ่งรู้นี่แหละว่ามันอยู่ใกล้ขนาดนี้ จากไปรษณีย์พระปิ่นเกล้า (ตรงแยก 35 โบวล์) ข้ามสะพานลอยมา เดินเข้าซอยที่อยู่ระหว่างธ.กสิกรกับกรุงศรีฯ เดินนิดเดียวก็ถึงหนังสือที่บริจาคจะมีกี่เล่มก็ได้ และจะซื้อกี่เล่มก็ได้จขบ. เลยเหมาพวกที่ออกเดือนนี้มาเรียบ ... จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แต่พอได้ซื้อหนังสือใหม่ลด 30% มันรู้สึกดีจังเลย ถ้าทุกสนพ. ทำแบบนี้ปีละครั้งก็คงดี (เริ่มละโมบ เหอๆ)อ้อ ใครเป็นแฟนหนังสือ 'จอมนางคู่บัลลังก์' รีบไปซื้อเดือนนี้ก็ดีนะ เพราะของแถมจะเยอะเป็นพิเศษ วันนี้ได้ที่คั่นมาครบลาย ปฏิทินอีกสองลาย สมุดโน้ต แล้วก็กระจก 22 ธันวาคมตอนเช้าตื่นมาก็โทรหาน้องคิดนาน (ซึ่งมาตอบเมื่อคืนว่าจะไปบ้านจักรพงษ์วันนี้) น้องเขาอยู่ที่นั่นแล้ว เอิ้กส์...ว่าจะเกลี้ยกล่อมให้ไปพรุ่งนี้แล้วไปด้วยกันเสียหน่อย เอาฟะ ไปวันนี้เลยก็ได้รีบแต่งตัว ชาร์จกล้องแล้วบึ่งไปทัน 10.30 พอดี เสียดายไม่รู้ก่อน จะได้ยืมกล้องน้อง (ที่ตั้งใจจะเอาไปถ่ายตอนเที่ยว) มาลองใช้ให้ชินมือก่อน ตกลงเลยเอากล้องอีแก่ตัวเก่าไปตามเดิมดูภาพที่นี่ เนื่องจากช่วงหลัง พอเอาการ์ดกล้องใส่ card reader เสียบคอม คอมไม่ยอมโผล่หน้าต่างถามว่าจะให้ทำยังไงกับรูป เลยโหลดรูปเข้าเครื่องไม่ได้ การรีเฟรชหน้าจอทั่วไปก็ช้ามาก บางครั้งกว่าจะเปิดหน้าต่างได้ต้องรอเกือบสองนาที สรุปคือเครื่องอืดหนืดมาตลอดโดยไม่รู้จะทำไงกับมันดีวันนี้ไปล้างรูป (ค้างไว้ตั้งแต่ต้นปีแน่ะ) เลยลองถามเขา เขาบอกว่ามีไวรัสที่เครื่อง (เขาเจอในการ์ดกล้องด้วย)... งานเข้าแล้วตู จะยกไปจัดการที่ไหนได้ฟะ 21 ธันวาคม - memoวันนี้ประมาณเที่ยงครึ่ง มีเบอร์ไม่รู้จัก 083222902 โทรเข้ามือถือบทสนทนาเป็นดังนี้...ชาย: ไม่ทราบว่านั่นเบอร์ใครครับ?จขบ: นรานันค่ะ (นามสมมติ)ชาย: (ทำเสียงอึกอักเหมือนกำลังหามุก) นี่โทรจากบริษัทโอ๋นะครับ ไม่ทราบว่าเรียนสายใครอยู่ครับ?จขบ: (สะดุดชื่อโอ๋มาก เพิ่มระดับ Alert หนึ่งเลเวล) นรกนันค่ะ ชาย: อ้อ ผมจะโทรหาคนชื่อ นรก น่ะครับ ... แล้วก็วางสายไปเฉย ๆ ....บอกก่อนว่ามีคนรู้เบอร์มือถือจขบ. น้อยมาก คนโทรเข้ายิ่งน้อยกว่าเปอร์เซ็นต์ของการโทรผิดต่ำมากซึ่งจริงๆ มันก็เป็นไปได้ แต่มาสะดุดตรงที่คนโทรมาพูดชื่อโอ๋ออกมา (ชื่อเล่นโอ๋จะตรงกับยี่ห้อลูกอมยี่ห้อนึง สะดุดหูมาก)ตอนแรกคิดว่าโอ๋ไม่มีเบอร์เรา แต่มาคิดๆ แล้ว ไม่กี่เดือนก่อน พวกช่างเพิ่งมาซ่อมทีวีในห้อง ช่วงนั้นโอ๋สัญญาจะมาซ่อมแล้วก็หายไปนาน จขบ. เลยโทรไปตามเพื่อนัดวันให้รู้เรื่อง ดังนั้น โอ๋น่าจะมีเบอร์ล่าสุดของจขบ.ก่อนหน้านี้ มีคนโทรเข้าบ้าน เด็กในบ้านรับสาย คนโทรมาบอกว่าเป็นตำรวจ จะขอสายพี่ แล้วก็ถามว่า..คุณเป็นใคร เด็กก็บอกว่า "แม่บ้านคนใหม่" แล้วก็ให้เบอร์มือถือพี่ไป...จะว่าไป เราก็ไม่เคยเช็คเลยว่าวันนั้น ตำรวจโทรมาจริงรึเปล่าตอนนี้ จขบ. ชักสงสัยว่าตำรวจจะโทรมาขอเบอร์พี่ทำไม ในเมื่อระหว่างการสืบสวน มีขอเบอร์พี่ชาย-พี่สะใภ้ไว้แล้ว ต้องโทรติดตามผลกันตลอด ไม่น่าจะต้องขอเบอร์อีกนี่นามีบางอย่างแปลกๆ แฮะ(บันทึกไว้ก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวพอมีเรื่องขึ้นมา จะลืมรายละเอียด) 18 ธันวาคม - มีเซอร์ไพรซ์!ขอมอบเหรียญข่าวไวดีเด่นให้หมีมหาภัยกับคุณเที่ยงวันค่ะ กำลังว่าจะมาอัพเล่าเสียหน่อย มีคนรู้ก่อนเรียบร้อยแล้วการตามของ: วันที่ 17 (เมื่อวาน) พี่ชาย พี่สะใภ้กับแม่เขาลุยไปร้อยเอ็ดเพื่อตามไถ่ของในส่วนของการสืบสวน สน. บางยี่ขันให้ความช่วยเหลือดีมาก ส่งลูกทีมนั่งรถไปถึงร้อยเอ็ด 4 นายก่อนหน้านั้นแล้ว ในส่วนของที่พัก(และเส้น) โชคดีมากที่บ้านเราเผอิญมีญาติฝ่ายสะใภ้ที่แต่งกับลูกชายลุง พี่บอกว่าพวกคุณพ่อคุณแม่ทางโน้นน่าจะกว้างขวางเป็นที่นับถือในจังหวัดพอดู เดินไปไหน บางทีก็มีคนไหว้ ร้านโน้นร้านนี้เป็นญาติกับเขา การตามไถ่ของหรือสืบหาข่าวเลยไม่มืดมนและไม่ต้องกลัวโยกโย้ ทุกอย่างราบรื่น เพียงแต่ของบางชิ้น เช่น สร้อยทองของคุณแม่พี่สะใภ้..โดนจับแยกส่วนหลอมไปแล้ว หรือต่างหูโดนแกะเพชรไปหมดเหลือแต่โครง อันนี้ก็ถือว่าซวยไปการจับกุม:ช่างโอ๋กับลูกน้อง 3 คนที่สมรู้ร่วมคิดกันอยู่พร้อมหน้าในบ้านของผู้หญิงที่น่าจะเป็นเมียน้อยของโอ๋ ตำรวจบุกเข้าไปรวบตัวได้หมดในทีเดียว พบทรัพย์สินหลายชิ้นในบ้านนี้ ภายหลังสืบพบว่าตัวเมียน้อยกับเมียลูกน้องช่วยกันเอาของไปปล่อยตามร้านทองหรือโรงรับจำนำประมาณ 10 แห่ง ให้เพื่อนบ้านไปช่วยปล่อยด้วย (สามัคคีกันดีจังนะ) ส่วนเซฟโยนทิ้งคลองตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งตำรวจก็ไปงมขึ้นมาเป็นหลักฐานสงสัย:จขบ. นึกถึงหมอดูที่บอกว่า "งานนี้มีผู้หญิงด้วย เธอเป็นคนวางแผน" แล้วก็แอบซุบซิบกับพี่ทีหลังว่าดีไม่ดียัยเมียน้อยนี่แหละตัวการ แต่ตำรวจไม่ตั้งข้อหาเธอ คงเพราะเธอให้ความร่วมมือช่วยชี้ที่ซ่อนทรัพย์สิน แล้วก็อ้างไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น พวกเครื่องเพชรเนี่ย.."พี่เขาเอามาเป็นของหมั้น" (เอ่อ.. แต่หล่อนกับเพื่อนบ้านรีบช่วยกันเอาไปปล่อยขายเนี่ยนะ? ฟังขึ้นที่ไหน)ดังนั้น ยัยเมียน้อยนี่เป็น 'ตัวการ' แน่ อย่างน้อยก็ในแง่ที่ช่างโอ๋มาหลงเธอจนอยากได้เงินก้อนโตมาเสวยสุขกับเธอน่ะ ...น่าสงสารเมียหลวง ตัวเองนั่งเลี้ยงลูกอยู่ดี ๆ ผัวก็นอกใจแถมหาเรื่องซวยใส่ครอบครัวซะงั้น ลูกสองคนกลายเป็นลูกโจร งามหน้าไหมล่ะปลาหลุดเบ็ด:ก่อนหน้านี้ ตำรวจบอกว่าในวันที่เกิดเหตุปล้น ก่อนหน้านั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง มีโทรศัพท์นิรนามโทรเข้า 191 และบอกว่า "มีคนจะปล้นบ้านแถวธนบุรี ผมไม่มีส่วนด้วยนะ" (จำไม่ได้ว่าเขาระบุชื่อหมู่บ้านหรือแค่บอกเขต)ตำรวจสงสัยว่าจะเป็นพวกเด็กในร้านอาหารที่กลุ่มช่างโอ๋แวะไปประจำ เพราะโจรคนหนึ่งที่เข้ามาบ้านไม่ใช่ช่าง แต่เป็นคนในร้านอาหารนี้ ซึ่งเราก็ได้รูปถ่ายกับชื่อเขามาแล้ว ปัจจุบันรู้ว่าเขาแบ่งของกับพวกช่างแล้วแยกหนีไปอีกจังหวัดเมื่อวาน พี่สะใภ้บ่นว่าของที่เจอ (ประมาณ 50-60%) ไม่ใช่ของแพง พวกของแพงจริงๆ ยังไม่เจอเลยสักชิ้น เช่น จี้ครุฑ(อะไรสักอย่างที่รู้สึกจะหายาก แม่ต้องไปขอแบ่งซื้อมา)สั่งล้อมเพชรพิเศษ หรือแหวนหมั้น พี่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าอยู่กับโจรที่หนีรอดไปได้รายนี้แน่เลย เซอร์ไพรซ์:วันนี้ตอนเช้า ตำรวจมาทำแผน หลังจากนั้นก็กลับสถานี จัดแถลงข่าว ฯลฯตอนจะกลับ พี่ชายควักมือถือมาถ่ายรูปเซฟที่ถูกแงะตรงบานพับด้านล่าง จนเป็นมุมเผยอรูปสามเหลี่ยม..พอให้ล้วงมือไปกวาดของออกมาได้พี่สะใภ้มองเซฟ ใจนึกถึงของแพงที่อยู่ในลิ้นชักด้านบนของเซฟ แล้วก็เอะใจว่าถ้าโจรล้วงมือไปหยิบของจากมุมล่าง มันจะเข้าถึงลิ้นชักที่ต้องเปิดมาข้างหน้าได้ไงฟะ? เลยล้วงมือไปในเซฟจับ ๆ ดู ปรากฏว่าลิ้นชักยังอยู่ค่ะ! ตำรวจทั้งสน. มาลุ้น+ช่วยกันงัดประตูเซฟอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง พอเปิดได้ เห็นลิ้นชักและเครื่องเพชรในนั้นที่ยังอยู่ครบทุกชิ้น ทุกคนก็ปรบมือ เฮลั่น สรุปข่าว:พี่บอกว่าได้ของคืนน่าจะ 80-90% ซึ่งจขบ. เองคิดว่าได้ระดับนี้ก็โชคดีมากแล้ว หลังจากนี้คงต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจกันยกใหญ่ Afterthoughts:โดยส่วนตัว จขบ. แอบข้องใจนิดหน่อยว่า มูลค่าของหาย + เงินที่ต้องจ่ายไถ่ของหรือซื้อคืน กับรายจ่ายเบี้ยบ้ายรายทาง รวมแล้วมันคุ้มแน่อ่ะแล้วหลังจากนี้ การตามเรียกค่าเสียหายจากโจรเนี่ย ต้องจ้างทนายมาตามเรื่องอีกรึเปล่า? ต้องคอยเช็คว่ามีใครพ้นโทษมาแล้วจะมาจองเวรครอบครัวเรารึเปล่า? ญาติพี่น้องเขาจะอาฆาตเราไหม? ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อารมณ์แบบว่าโล่งอก จบเสียที ดีใจที่ได้ของคืน ปลื้มที่มีคนช่วยเหลือมากมายและเจอแต่คนดี ถ้าพูดแบบงมงายหน่อย ก็ต้องบอกว่าพระคุ้มครองจริงๆ 16 ธันวาคมตำรวจเจอตัวโจรแล้วค่ะเย็นนี้โดนเรียกไปให้ปากคำเพิ่ม เพราะสำนวนคดีมีจุดหละหลวมนิดหน่อยตอนนี้การสืบสวนใกล้ได้ผล เพราะตำรวจเจอตัวช่างที่เข้ามาขโมยของอยู่แถวร้อยเอ็ด พี่สะใภ้กับพี่ชายแล้วก็แม่ของพี่สะใภ้เพิ่งนั่งรถทัวร์ไปที่สถานีโน่นเลยเพื่อตามของให้ครบ (ตอนบอกรูปพรรณทรัพย์สิน จะขาดข้อมูลส่วนของคุณแม่เขา พี่สะใภ้กลัวว่าจะได้คืนมาเฉพาะชิ้นที่บอกไป)ตอนนี้ข้อมูลยังสับสนว่าเจอตัวกี่คนกันแน่ ผู้หมวดบอกว่า 4-5 คนเนี่ยเจอหมด แต่ตอนให้ปากคำ ลองถามดูก็พบว่าเจอตัวช่างที่เข้ามาในบ้านคนเดียว ซึ่งพอออกจากห้องสอบสวน สารวัตรอีกคนก็บอกว่าผู้ต้องหาให้การซัดทอดผู้ต้องหารายต่อไปนั้น อาจไม่ได้ผลเพราะศาลไม่รับฟังคำพูดของผู้ต้องหา (แปลว่า ต่อให้ช่างคนที่ขโมยบอกว่าช่างโอ๋วางแผนอยู่เบื้องหลัง แต่ถ้าไม่เจอหลักฐานเอาผิดชัดเจน ก็ทำอะไรโอ๋ไม่ได้)... พอกลับบ้าน คุยกับพ่อซึ่งคุยกับคนโน้นคนนี้หลายต่อ พ่อบอกว่าเขาเจอโอ๋ จขบ. ที่สองวันนี้หมกตัวทำงานเลยงง ๆ ว่าตกลงเจอใครกันแน่ฟะระหว่างที่โจรหลบหนีเนี่ย เขาเอาของบางส่วนไปจำนำแล้ว ทีนี้ จุดที่แปลกคือพี่สะใภ้ต้องไปไถ่ของออกมาเอง จะยึดคืนมาเลยไม่ได้พวกเราก็งง ๆ ว่าทำไมต้องเสียเงินไถ่ของที่โดนขโมยไปด้วยล่ะไม่รู้ว่ากฎหมายคุ้มครองโรงรับจำนำมากกว่าเจ้าทรัพย์ หรือเพราะตำรวจไม่อยากบาดหมางกับโรงรับจำนำ เพื่อขอความร่วมมือในการตามของครั้งหน้า... คล้าย ๆ กับเคยอ่านเคสนี้ในกระทู้ไหนก็ไม่รู้ ลืมข้อสรุปไปแล้วอ่ะ อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ จขบ. คงได้ไปชี้ตัวกดดันเล็กน้อย เพราะเป็นพยานรายเดียวที่บอกได้ว่าโจรเข้าไปในห้องถ้าชี้ผิด อาจโดนคนที่บ้านสหบาทาหรือไม่ก็ฆ่าหมกบ้าน ฮาอือม์ แบบนี้ถือว่าหมอดูก็เกือบ ๆ แม่นนะ(ป.ล. แก้ไขข้อมูล ตกลงหมอดูอยู่วงศ์สว่าง 21 ค่ะ บล็อกก่อนจำผิด) 13 ธันวาคมทดสอบตัวตนกัน สนุกๆ มาลองของญี่ปุ่นกันมั่ง จขบ. เป็นพวก อุอุ (มิน่าชอบพิมพ์เสียงหัวเราะแบบนี้เวลาตอบทู้ เอิ้กส์)บอกนิสัยได้ค่อนข้างตรงนะ ส่วนที่บอกว่าเป็นพวกใช้สมองซีกขวามากกว่า ตรงยิ่งกว่าตรง 11 ธันวาคมกำลังสงสัยว่าหนังเรื่องนี้เข้าฉายในไทยรึยัง?The Curious Case of Benjamin Buttonหนังดัดแปลงจากเรื่องสั้นของฟิตซ์เจอรัล เป็นธีมที่จขบ. เคยสนใจหาอ่าน หลังจากได้หนังสือ The Confessions of Max Tivoli มา เท่าที่ค้น มีแค่สองเรื่องนี้เองที่เขียนตัวละครแบบนี้(จขบ. ชอบเล่ม Confessions มากกว่าตรงที่มันมาเฉลยเกือบจบว่ามีความรักสีม่วงอยู่ในเรื่องด้วย) อ่าน Curious Case of Benjamin Button ได้ที่นี่พอมีหนังให้ตั้งตารอดูแบบนี้ ชีวิตเหมือนจะสดใสขึ้นยังไงไม่รู้แฮะ 10 ธันวาคมเดือนนี้ยุ่งวุ่นวายมากค่ะ มีแต่เรื่องน่าปวดหัวเรื่องส่วนตัวก็ไม่มีอะไรน่าสุนทรีย์ เล่นเน็ตก็เจอเรื่องร้อนอีกอะไรกันนักหนา -_-aเรื่องขโมย: ขอบคุณทุกท่านที่สนใจไถ่ถามนะคะ สถานการณ์ไม่คืบหน้าค่ะ มีแต่โดนเรียกไปถามเพิ่ม เป็นอีกสาเหตุที่เครียด เพราะปกตินอนสลับเวลากับมนุษย์ปกติ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากเปลี่ยนเวลานอนบ่อยๆ หรอกนะหนูจ๋ามาอีกแล้ว:ความจริง ช่วงต้นเดือนนอนแบบปกติแล้ว แต่อยู่ ๆ ที่ห้องก็มีกลิ่นหนูตายอีกแล้ว คราวนี้หวยออกห้องจขบ. โป๊ะเชะเลย ช่วงหลายเดือนก่อน พี่ชายให้คนวางยาหนู หนูมาตายบนฝ้า ต้องเจาะหาศพกันวุ่นวาย ตอนนั้นแอบดีใจว่าไม่มีห้องเราเลย รอดปลอดภัยไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ... มาตอนนี้ รู้สึกว่าไม่น่ารอดเลย เพราะถ้าเหม็นหลายห้องจะได้เจาะหาให้จบ ๆ ไป ไม่ใช่เหม็นอยู่ห้องเดียว..แล้วขี้เกียจจัดการ (เพราะต้องย้ายหนังสือวุ่นวาย) เลยนั่งนอนดมกลิ่นไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่กลิ่นแรงมาก ขี้เกียจจัดการแค่ไหนก็ทนไม่ได้แล้วดังนั้น ห้องสุสานหนังสือที่ไม่เคยเปิดม่าน/หน้าต่างให้ลมหรือแดดเข้ามากร้ำกรายทำลายสภาพหนังสือ จึงได้เปิดรับแสงรับลมเต็มพิกัดเป็นครั้งแรก..ตั้งแต่โดนจขบ. ยึดห้อง(โปรดสังเกต มันยังไม่คิดจะให้ใครเข้าห้องเช่นเคย )ข้อดีคือช่วงนี้อากาศเย็นเหมือนเปิดแอร์ ห้องจขบ. กับห้องแม่เวลาเปิดหน้าต่าง/เฉลียงทั้งคู่ ลมจะโกรกผ่านตรง ๆ คนอยู่เลยได้สูดอากาศสดชื่นกว่าปกติ เวลานอนก็ไม่ต้องเปิดแอร์หรือพัดลม เย็นสบายดี ประหยัดไฟอีกต่างหากข้อเสียคือ..เวลานอนต้องสลับไปนอนห้องแม่ที่อยู่ติดกัน เพราะถึงกลิ่นจะจางลงมาก มันก็ยังมีกลิ่นอ่ะ ใครจะอยากนอนดมล่ะ ดังนั้น จขบ. เลยต้องนอนตอนเช้า รอให้พ่อกับแม่ออกจากห้องไปก่อน ทำให้วงจรนอนกลายเป็นนอนเที่ยงตื่นทุ่ม ตามเคยข้อเสียอีกอย่างคือ หนวกหูอ่ะ นอนเปิดหน้าต่างจะได้ยินเสียงหมาเห่า เสียงโน่นนี่ตลอด หลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ ตื่นมาใช้ชีวิตแบบโทรมๆ พอโทรมหลายวันก็จะหลับเป็นตายซะหนึ่งวัน จากนั้นก็หลับไม่สนิทอีกหลายวัน แล้วก็น็อคหลับสนิท เป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ... ช่วงนี้เลยค่อนข้างหงุดหงิด ขาดสมาธิ ชีวิตไร้สุขยังไงไม่รู้ ยังไง ๆ เราก็เหมาะกับชีวิตแวมไพร์แฮะ Twilight:ไปดูมาตั้งแต่วันพฤหัสแรกโน่น ไม่ได้เห่อและไม่รู้ด้วยว่าคนเขากรี๊ดดารากัน แต่พอดีว่าง เลยเลือกโปรแกรมที่ดูเข้าท่าที่สุด พอดูหนัง (ที่คล้ายมินิคอนเสิร์ต?) จบ เลยไปรื้อฉบับแปล "แรกรัตติกาล" กับ "นวจันทรา" มาอ่านแรกรัตติกาล - แปลดีนะ สำนวนเข้ากับสไตล์เรื่องรักโรแมนติก อ่านแล้วไม่สะดุดอะไรนวจันทรา - เอ่อ บอกตามตรงว่าหลังจากอ่านไปไม่กี่สิบหน้าแรก ถึงกับกุมกบาลถามตัวเองว่า "สำนวนแปลจะเป็นงี้ไปจนจบเล่มไหมเนี่ย?" คือ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องรักพาฝัน เล่าด้วยน้ำเสียงนางเอกที่กังวลเรื่องรักเสียส่วนใหญ่ สำนวนแปลควรจะฟุ้ง ๆ แบบแปลนิยายโรมานซ์ โทนหญิงๆ ไม่ใช่สำนวนแปลนิยายแอ๊คชั่นหรือแนวเหนือจริงไฮโซน่ะ ตัวอย่างง่าย ๆ เช่นคำว่า "โปรด" (ที่แปลว่า ชอบ) บางจุดใช้คำว่า "ชอบ" ปกติก็ได้ แต่สังเกตว่าทั้งบทบรรยาย บทพูดของคนปกติก็ยังใช้คำว่า "โปรด" ตลอด ..อ่านแล้วไม่เห็นด้วยกับการใช้คำเท่าไหร่หรือแม้แต่การแปลว่า "กรีดปากเป็นเส้น" (อะไรประมาณนี้) อ่านแล้วเส้นประสาทโป่งพอง ไม่ต้องแปลตรงตัวงั้นก็ด้ายยยย กำลังเตรียมอินกับเรื่องรักน้ำเน่าต่อจากเล่มแรก เจอแล้วต่อมจิ้นกระจาย ดับไปเลยด้วยเหตุนี้ เลยไปขวนขวายหา e-book มาอ่านจนจบเล่ม 4 ไปอย่างเมามันส์ (งานการช่างหัวมันก่อน) สนุกดีอ่ะ คนแต่งผูกเรื่องโคตรเข้าข้างนางเอก พระเอกดีจนไม่อยากเชื่อว่าผู้ชาย--หรือแวมไพร์--ไหนจะดีได้ขนาดนี้ แล้วก็ขำกลิ้งกับฉากที่เอ็ดเวิร์ด เบลล่ากับเจค็อบนอนเต้นท์ร่วมกันในเล่มสาม แบบว่าให้อารมณ์ "สามคนผัวเมีย" มากมาย (ปมรักสามเส้าในเรื่องนี้เป็นอะไรที่เล่าซ้ำซาก วกไปวนมา จนน่ารำคาญมาก แต่หยวนๆ ว่ามันเป็นน้ำเน่า พยายามไม่คิดมาก)อย่างไรก็ตาม เล่มสี่มาแปลกที่สุด ทั้งเปลี่ยนวิธีการเดินเรื่อง ทั้งใส่ฉากชวนเหวอ สัตว์ประหลาดสุดๆ ถ้าเป็นคนรับอะไรแปลกใหม่ได้ยาก..คงอ่านครึ่งแรกของเล่มนี้ไม่สนุกแน่เลย แต่จขบ. ชอบของแปลกอยู่แล้วเลยโอเค ครึ่งหลังถึงขั้นสนุกเลยด้วย มีแอ๊คชั่นและเป็นแฟนตาซีไฟท์ติ้งมากกว่าเล่มอื่น (ที่เป็นเรื่องรักมากกว่าเรื่องแฟนตาซี)... คนแต่งน่าจะเดินเรื่องต่อนะ ให้กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ไปเลย อุตส่าห์สร้างตัวละครใหม่ไว้เยอะแยะ ไหงหันหัวเรือกลับไปโหมดรักน้ำเน่า เล่าเรื่องเก่าซ้ำในเล่มใหม่ Midnight Sun ฟะ ฮึ่ม (บ่นไปงั้นแหละ เดี๋ยวพอหนังสือออก ก็จะดื่มด่ำกับแวมไพร์ต่อ ฮี่ๆ)ข่าวใหม่ >> เห็นว่าสนพ. จะออกฉบับแปลเล่ม 2 กับ 3 ช่วงกลางถึงปลายธันวา และจะมีการปรับปรุงสำนวนใหม่ เอ่อ เอาเล่มเก่าไปแลกเล่มใหม่ได้ป่าวอ่ะ? (ถ้าเรียบเรียงแล้วดีขึ้นนะ)เพื่อความยุติธรรม... ต้องอธิบายหน่อยว่าเล่ม 2 ไม่ได้แปลผิดร้ายแรง ห่วยแตกมากมายนะ ยังอ่านรู้เรื่องจนจบ ความจริง เราคิดว่าแปลเดินเรื่องได้ลื่นกว่าเล่มแรกนิดนึงด้วย เพียงแต่โทนเสียงมันไม่เข้ากับสไตล์ของเรื่อง ...ยิ่งเวลาอ่านต่อเนื่องกับเล่มแรก มัน contrast กันเลย แล้วแฟนหนังสือชุดนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ชอบเรื่องรัก อยากอ่านไปเพ้อฝันไป ซึ่งสำนวนคุณนพดลมันไม่ใช่เลย ยิ่งคนคาดหวังกับชุดนี้เพราะชอบมาก จุดที่ไม่ใช่ก็เลยยิ่งชัดเจน ขนาดแปลไม่ได้ดั่งใจแค่นิดเดียวก็ทำให้ระคายใจน่ะ (ใครเคยมีหนังสือเรื่องที่ชอบมากๆๆๆ แล้วไม่ชอบฉบับแปล คงเข้าใจดี)เกือบลืมเรื่องหมอดู: ง่า.. คิดว่าไม่แม่นนะ พี่ดอกไม้ไม่ถูกหวยต้นเดือน แต่พี่สะใภ้กลับถูกเลขท้ายสองตัวแทน ส่วนของที่หายไม่ได้คืนมา ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าทำใจแล้วว่าคงหายไปไม่กลับมาแล้วล่ะเหลือเรื่องเดียวให้พิสูจน์ คือ จขบ. จะของหายระหว่างไปเที่ยวช่วงต้นปีไหม (ในกรณีนี้ หมอดูไม่แม่น ดีแล้วล่ะ)คุยเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับหนังสือใหม่ที่ไปเปิดๆ มานิดหน่อยมีเล่มนึง-ค่ายพืชไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง เห็นชื่อคนแต่งไม่คุ้น เลยไปเปิดอ่านเล่น แล้วก็ขำกลิ้งกับสำนวนบรรยายฉากโยคะร้อน ประมาณ.. "จงอางพ่นพิษ" "มังกรเข้าถ้ำ(หรือบ้านนี่แหละ)" ... โอ้ เหมือนอ่านหนังสือสำหรับผู้ชายมากกว่านะเนี่ย เสียดายเล่มนี้ดันซอยแบ่งเป็นเรื่องสั้นตั้ง 5 เรื่อง เลยไม่ซื้อ ทั้งที่สนใจสำนวนการเขียนนะ มันดิบดี แบบนี้เขียนแนวเรทเน้น ๆ ไปเลยเหอะอีกเล่มเพิ่งออกไม่นาน-ค่ายตกหลุมรัก แนวแฟนตาซี อ่านแล้วถูกใจ๊ถูกใจนางเอก เธอเป็นสาวบริสุทธิ์ ตกลงปลงใจว่าอยากมีอะไรกับพระเอก เพราะแต่ละฝ่ายมีพันธะแต่งงานวุ่นวาย เพื่อความชัวร์ว่าพระเอกจะเป็นของเธอแน่ๆ เธอเลยวางยาพระเอก เขาฟื้นมาอีกทีก็นอนอยู่บนเตียง มือโดนมัดไว้เหนือหัว นางเอกยั่วไปยั่วมา ป้อนยาจนเขาทนไม่ไหว เสร็จเธอจนได้... อ่านต่อไป ทั้งคู่ไปเจอกันพร้อมรู้สถานะจริงของอีกฝ่าย เธอเล่นละครบีบน้ำตา กล่าวหาว่า "เขาข่มเหงข้า" ซะงั้น 555 หล่อนแรงจริงๆ (ยังไม่แน่ใจว่าจะชอบนางเอกแบบนี้ดีไหม เดี๋ยวไว้ไปเปิดต่ออีกนิดแล้วค่อยตัดสินใจละกัน)News:เผื่อใครไม่ทันอ่าน เป็นทู้แนะนำห้องสมุดตอนนี้ บทเรียนสำคัญของนักเขียน ไม่คิดว่าสนพ.ชื่อดังจะทำกับนักเขียนแบบนี้... (แต่ต้นเรื่องจริง ๆ อยู่ใน Dek-D อ่านในนั้นดีกว่า)อยากให้นักเขียนที่เจอเรื่องแบบนี้หัดโวยแบบน้องเขานะ ไม่ใช่มีเรื่องอะไรก็เก็บซุกเข้าใต้พรม คนซื้อก็ซวยไป คนได้เปรียบก็ได้เปรียบต่อไป ความจริง นักเขียนแนวนี้ส่วนใหญ่เป็นเด็ก (ถ้าเทียบกับจขบ.) แฟนตาซีสมัยนี้มันเหมือน "เด็กเขียนให้เด็กอ่าน" น่ะ สนุกมากบ้างน้อยบ้าง คละกันไป แต่จขบ. ก็หวังเสมอนะว่าจะมีนักเขียนที่พัฒนาฝีมือ หรือเขียนต่อเนื่องเพื่อเป็นนักเขียนตรงตามความหมาย 'นักเขียน' จริงๆ ไม่ใช่นักเขียนสไตล์ one-hit wonder หรือ neverending-story ^^ แบบหลังนี่คือพวกวางพล็อตไว้อลังการเป็นมหากาพย์ สี่ห้าภาค ผ่านไปสองปี ยังแต่งไม่ถึงครึ่ง ส่วนเจ้าตัวผ่านพ้นวัยมีไฟเขียน เริ่มเรียนหนักขึ้นหรือทำงาน ... คนอ่านก็ได้แต่ลุ้นว่าจะได้อ่านจนจบไหมเนี่ยแล้วค่ายนี้ก็ดันออกเล่มแรกของซีรี่ส์ใหม่-นักเขียนใหม่มาได้ทุกครั้งที่จัดงานสัปดาห์หรือมหกรรมหนังสือ บางทีก็หงุดหงิดนะ อยากโวยว่าออกเรื่องเก่าให้จบก่อนได้ไหม แต่ก็รู้ว่าคนเขียนเขายังเขียนไปไม่ถึงไหน เลยได้แต่ทำใจให้ปลง (แล้วก็เผลอซื้อเล่มแรกที่ว่านั่นไป เพราะเป็นพวกแพ้ของใหม่ ฮา)อย่างไรก็ตาม มีบางเรื่องที่เขียนไปตั้งเยอะแล้ว แต่สำนักพิมพ์เขาไม่พิมพ์จริงๆ ด้วยนะ ที่เห็นชัด ๆ เลยคือเรื่อง "มังกรเจ้าปฐพี" ของคุณหลานหลิง ค่ายนี้ออกมา 2 เล่ม จขบ. เคยนึกว่าคนเขียนเลิกแต่งไปแล้ว วันก่อนไปค้นเด็กดี อ้าว...เขาแต่งจนจะจบเล่ม 5 แล้ว ทำไมไม่พิมพ์ล่ะ? เรื่องนี้สนุกด้วยนะ หรือเพราะเป็นแนวกำลังภายใน ยอดขายสู้แนวรักแฟนตาซีไม่ได้ เลย... ????? ... นอกเรื่องมาคุยเรื่อง มังกรฯ บ้าง ...(ยัยนี่นอกเรื่องตลอด)แนวกำลังภายในที่จขบ. อ่านในเด็กดีแล้วชอบ มีเรื่อง "มือปีศาจ" กับ "มังกรฯ" นี่แหละ เรื่องแรกแต่งเข้าข้างพระเอกเสียจนเก่งเลิศเลอไปหน่อย แต่มันเป็นสไตล์สุขนิยมที่ชอบพอดี การเดินเรื่อง การสร้างรายละเอียดกับสำนวนแจ่มมาก จัดเป็นเรื่องดีเรื่องนึง ถ้าไม่ติว่าไคลแมกซ์อ่อนไปนิด ส่วน "มังกรเจ้าปฐพี" นี่พล็อตยอกย้อนวกวนกว่า มีฉากให้ตัวละครเข้าใจผิดกลายเป็นโศกนาฎกรรม (ที่สุดท้ายคลี่คลายเป็นสุขนาฏกรรม) ดังนั้น จึงมีทั้งช่วงที่อ่านแล้วได้อารมณ์คล้ายงานของโกวเล้งนิดนึง มีฉากแอ๊คชั่น สืบสาวไปมาให้ลุ้น จัดเป็นกำลังภายในที่สมบูรณ์ทั้งในแง่เนื้อหาและสำนวนถ้าจะให้หาเรื่องติ ก็คือสร้างรายละเอียดวิชาฝีมือ การต่อสู้หรือค่ายสำนักในบู๊ลิ้มไว้น้อยไปหน่อย--ถ้าเทียบกับมือปีศาจอ่ะนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สไตล์การเขียนตอนนี้นับว่าลงตัวดีแล้ว โฟกัสเรื่องมันต่างกัน
หมู่นี้คุณยาคูลท์ไม่ค่อยอัพอะไรใหม่เลย
ส่วน Twilight ขี้เกียจไปดูค่ะ หนังสือก็สนุกดี
แต่...มันติดจะเพ้อๆ ช่วงนี้เข้าโหมดโหดร้ายทารุณ
อ่านแต่อะไรเลือดสาดๆ เจอน้ำตาลเข้าเลยขอบายไปก่อน
ไว้บิวท์อารมณ์หวานๆได้ ค่อยมาว่ากันใหม่ (ฮา)