30 พฤศจิกายนลัดดา จี้ตำรวจถล่มการ์ตูน! ล่าสุด สันติบาลบุกจับการ์ตูนเกย์"ร้านมดดำ"กลางสยาม !ไม่เคยซื้อร้านนี้หรอก เข้าไปแล้วไม่รู้จักสักเรื่อง ราคาเล่มนึง 230 up พอจะหยิบก็เกิดเสียงแห่งเทพเจ้าเกลือดังขึ้นในใจ "ซื้อนิยายธรรมดาที่รู้จักคนแต่งดีกว่าไหม?" อย่างไรก็ตาม มันก็เซ็งนะ เพราะถ้าเบื่อ ๆ ขึ้นมาก็ซื้ออ่านเหมือนกันร้านในห้างแถวบ้านเลิกขายไปแล้ว มดดำเป็นที่พึ่งสุดท้ายร้านอื่นใกล้กัน...ไปไม่ทันเขาปิดร้านน่ะ 27 พฤศจิกายนห้องที่เพิ่งจัดเมื่อ..สองสามเดือนก่อน? (ตอนที่แอร์เสีย) เดิมหลังจัดเสร็จ มีแค่ตู้พลาสติกสี่ชั้น 2 ตัว แต่ตอนนี้มีถุงหนังสือกองซ้อนด้านหน้าและด้านข้างมา 2-3 ชั้นแล้ว ...คาดว่าอีกไม่เกินครึ่งปี มันจะกลับสู่สภาพคล้ายกับที่เคยถ่ายภาพมาให้ดู นั่นคือมีที่ให้เดินเป็นจุด ๆ ห้ามเหยียบพลาด ไม่งั้นจะล้มต้องรีบอ่าน ๆ ให้หมดไปซะ (ดันมีน้ำเน่าอ่า อ่านมากกว่านี้ไม่ไหวแหล่ว)---สุดเสียดาย ไม่ได้ไปเดินงาน Magazine Fair ที่พารากอนน่าจะจัดสุดสัปดาห์นี้นะ เสาร์อาทิตย์ก่อนต้องรีบปั่นงาน ไม่ว่างไปไหนเลย...แต่ก็ดีไปอย่าง ประหยัดตังค์ไปในตัว ถ้าไปเดินเจอราคาลดแบบงานหนังสือ คงซื้อนิยายรักมาอีกแน่---ความใฝ่ฝันช่วงสามสี่วันนี้:อยากเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ มีสามตา ตาที่สามอยู่ที่มือ ระหว่างนอนหลับก็เอามืออ่านหนังสือ ดูทีวีหรืออ่านอะไรในเน็ต ถ้าตานี้ยืดมือของตัวเองมาทำอะไรได้ด้วยยิ่งดี ถ้าย้ายตำแหน่งตัวเองได้ด้วยก็ยิ่งแจ๋ว (ได้ไอเดียจากการ์ตูนสมัยเก่า ลืมชื่อไปละ มอนสเตอร์..มั้ง)มนุษย์ต่างดาวขา โปรดลงมาสิงร่างฉันที---เคยแอบนึกอยากให้นักเขียนที่เน้นขายวัยรุ่นต้น ๆ เขียนอะไรที่ล่อแหลมน้อยลง เพิ่มความละเมียดละไมในงานบ้าง อย่าเอาแต่โลดโผนอย่างเดียว...แต่มานึก ๆ แล้ว งานเขียนมันก็ต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เหมือนภาษา จะไปซีเรียสทำไมวันก่อนอ่าน xxx พูดถึงงานเขียน นักอ่านและสังคมรวม ๆ ว่างานเขียนสะท้อนให้เห็นความเชื่อและค่านิยมของยุคสมัย เช่น วรรณคดีเก่า ๆ จะตอกย้ำค่านิยม 'คนดีผีคุ้ม' 'ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้'นักอ่านรับเอาค่านิยมและความเชื่อนั้นมาหล่อหลอมเป็นของตัวเอง โดยไม่มีโอกาสส่งเป็น input กลับเข้าไป ในขณะที่นักเขียนหรือกวีเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ คือรับเอาค่านิยม (input) นั้นมาสื่อในงานตนเอง ค่านิยมในงานเขียนนั้นกลายเป็น output ส่งให้นักอ่านดังนั้น หากยึดหลักนี้ แล้วสมมติว่านิยายค่ายวัยรุ่นเกิน 80% เขียนฉากพระเอกกอดจูบนางเอกเป็นเรื่องปกติ น่ารักน่าเอ็นดู ฉากพระเอกข่มขืนนางเอกเป็นปมที่จะนำไปสู่ฉากจบสุขสันต์วันวิวาห์ ... คงไม่แปลกถ้าผู้หญิงที่อ่านหนังสือพวกนี้จะเฉย ๆ กับความรักที่เริ่มจากการข่มขืน หรือลวนลามกันก่อนทางแก้ คือ ให้วัยรุ่นชายอ่านพวกนี้ด้วย เพื่อปลูกฝังค่านิยมแบบเดียวกันว่าลวนลามได้ตามสบาย..แต่ต้องรักผู้หญิงหรือสำนึกผิดทีหลัง อันจะนำไปสู่จุดจบแฮปปี้เอนดิ้งแบบในนิยาย ตรงกลางจะฆ่าจะข่มก็ช่างมัน...เหมือนจะมีสาระ แต่ออกนอกทางอีกแล้วเรา 21 พฤศจิกายน - บันทึกความชั่วช้า ครั้งที่..3?มีงานต้องส่งวันนี้ ตอนนี้ 5:55 am ยังไม่เริ่มแม้แต่ 0.0001%ทั้งที่ว่างทำตั้งแต่ต้นอาทิตย์ก่อนแน่ะ มัวแต่อ่านหนังสือลั๊ลลาแล้วตบท้ายด้วยการงัด "เจาะเวลาหาจิ๋นซี" 8 เล่มมาอ่านผลคือ เวลาเข้า/ตื่นนอนรวนไปหมด ช่วงนี้ตื่นเที่ยงคืน ทุกทีตื่นตอนเย็นยังแว่บไปซื้อขนมปังหรืออาหารที่ห้างได้ เมล์ไปบอกเจ้านายว่าเมื่อกี้ว่าขอเลทนะค้า แต่ถ้าสมมติว่ามันเป็นงานที่ 'เลทไม่ได้เด็ดขาด' ขึ้นมาล่ะก็ ... (รู้สึกผิดเพราะงานชิ้นก่อนหน้านี้ก็เลท เลทสองชิดติดกันแล้วนะเนี่ย)มีความรู้สึกว่ายิ่งแก่ นิสัยยิ่งเลวร้าย เฮ้อออ 17 พฤศจิกายน วันก่อนเพิ่งช็อคที่เจอมาลัยสามชายครึ่งราคา วันนี้เจอเล่มแปลของ the Guardian สภาพใหม่ปิ๊ง ครึ่งราคา แต่ซื้อมาจากในงานแล้วเหมือนกัน อ๊ากกกก อยากจะคลั่งตาย...นี่ถ้ายังไม่ได้ซื้อ แล้ววันนี้ได้เล่มนี้ จะยิปปี้ยูเรก้ามากเลยนะหนังสือมติชนกับจขบ. มีอาถรรพ์ประหลาดอย่างนึง คือ เล่มที่อยากได้มากๆๆๆ แล้วอดใจไม่ซื้อทันที จะไม่เคยเจอลดถูก ๆ หรอก ตย. เช่น ยอดตุลาการ เดอะเวดดิ้ง ความตายของวิษณุ ... ไม่เคยเจอครึ่งราคาเลย แปลกเป็นบ้า (บางเล่มอยากได้จนหายอยากไปเลยแหละ) แต่ถ้าเลิกงก ซื้อเล่มไหนลด 15% ปุ๊บ มักจะเจอ 50% ภายใน 1-2 เดือนหลังจากนั้น นี่เป็นสาเหตุหลักที่เลิกซื้อหนังสือใหม่ของมติชนในงานมาปีสองปีแล้ว (งอนเฟ้ย) ระยะหลังจะรอสักครึ่งปี ถ้ายังไม่เจอครึ่งราคา ค่อยไปซื้อลด 20% ทีหลังก็ได้...ได้ลดเพิ่มด้วยอย่างไรก็ตาม ปลอบใจตัวเองว่าได้ 1421 มาครึ่งราคาเมื่อวานแล้ว นี่คือตัวอย่างของเล่มที่อยากได้เก็บไว้เพราะหนังสือน่าจะดี แต่ไม่ใช่เล่มที่อยากได้มากๆๆๆ พวกนี้มักจะเจอครึ่งราคาเวลาฟลุ้ค ๆ แฮะวันนี้ไปธุระที่อนุสาวรีย์ ไปถึง 2 ทุ่มครึ่ง คว้าหนังสือสองเล่มแล้วรีบจับรถเมล์ไปสยาม โชคดีร้านแถวนั้นปิดดึกกว่าปกติ เลยได้นิยายใหม่ของแจ่มใส ไฟน์บุ๊ค บลิส หรรษามาอย่างละเล่ม การ์ตูนอีกนิดหน่อย (ได้ "กฏเหล็กของหัวใจ" เล่ม 7 ที่หาอยู่ ครบชุดแล้ว เย้!) ค่อยคุ้มค่ารถหน่อยร้านหนังสือน่าจะเปิดถึงห้าทุ่มน้อ ---รู้สึกชีวิตช่วงนี้ไม่มีอะไรเลย ถ้าไม่ไปซื้อหนังสือ ตารางกิจกรรมนี่โล่งโจ้งเลยนะเพื่อนสนิทอยู่ต่างประเทศ เป็นพวกบ้างานกันหมด เซ็งชะมัด (ไอ้พวกที่อยู่กรุงเทพก็มัวแต่ไปจีบหนุ่ม เฮ้อ) 16 พฤศจิกายน ช็อค! วันก่อน น้องในร้าน 50% ชวนคุยและบอกว่ามี "มาลัยสามชาย" เข้าที่อีกสาขา สองก๊อปแน่ะ ซื้อแล้วอ่ะ วันนี้พี่ชายกับพี่สะใภ้เพิ่งกลับจากจีน ไปกันตั้งแต่จันทร์ ตามหลักการเป็นคุณน้าที่ดี จขบ. ควรจะดูแลหลาน ปรากฏว่าช่วงนี้ตื่นสามถึงสี่ทุ่มอ่ะ เด็กหลับแล้ว ตอนเช้าเด็กไปโรงเรียน เราเพิ่งเตรียมเข้านอน ... รู้สึกผิดเล็กน้อย (พี่กลับ ต้องสลับใช้คอมอีกแล้ว แอบเซ็งงงง)ปัญหาชวนปวดกบาลตอนนี้คือเน็ตต๋อย ไม่ก็เต่า อย่างเมื่อคืน เข้าเว็บอะไรก็ไม่ได้ ทั้งที่มีสัญญาณ ความเร็วก็พอ ๆ กับปกติที่เคยต่อได้ ไม่น่าเกียวกับสายไฟด้วยเพราะเป็นไวร์เลส สรุปว่าคืนก่อนลองทั้งคืนก็ต่อเน็ตไม่ได้ แต่พอคืนนี้ ไม่ได้แก้ไขอะไร กลับเข้าเน็ตได้ปกติ...เป็นแบบนี้หลายครั้งแล้ว บางทีต่อเน็ตได้สักพักถึงเป็น บางทีต่อเน็ตไม่ได้เลย แต่สักสามสี่ชม. ก็ต่อได้ คนใช้หงุดหงิดมาก โคตรอยากเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เปลี่ยนแพ็คเกจเลย เผื่อจะดีขึ้น 11 พฤศจิกายน รายชื่อหนังสือใหม่ที่เจอในร้าน 50% หลังวันที่ 8 จนถึงวันนี้- เพลงรักริมขอบฟ้า- เรียลลิตี้โชว์ ไฮโซปลอดสารพิษ- คลื่นลวง 2 ครั้ง- ผู้กล้าอาชาเหล็ก- เชอร์ล็อกโฮมส์ แบบกล่องของสร้างสรรค์ ใหม่เอี่ยม- อาหรับราตรี (ณ วันอาทิตย์ตอนสามทุ่ม ยังเหลืออีกเล่มที่อนุสาวฯ)- Only Love (ใครไปสยามพรุ่งนี้ ได้เจอแน่ วันอาทิตย์เขายังไม่ขาย)- ทับตะวัน เรือนจันทรา- เกาทัณฑ์สะท้านภพ เล่ม 1- เรื่องแปล Coffin Dancer จำชื่อไทยไม่ได้- เรื่องแปล Deadrun จำชื่อไทยไม่ได้กำลังบอกตัวเองว่า..ถึงร้านใกล้บ้านจะปิด ก็ยังเจอหนังสืออยู่น่าบางเล่มมีแล้ว บางเล่มเห็นแต่ไม่ได้ซื้อ บางเล่มเห็น..แต่ซื้อไม่ได้ด้วยเหตุนี้ จึงร่ายรายชื่อมาให้ใครที่หลงมาอ่านคลั่งแค้นใจ (อย่างตัวเอง) บ้าง 5555 8 พฤศจิกายน -- อยู่ในอารมณ์เขียนไดอารี่รู้สึกตั้งแต่เดือนก่อนแล้วว่า "ดวงไม่ค่อยดี" (ย่างเข้าเบญจเพส )ถ้าไม่จิตตกเพราะป่วย ก็จะหงุดหงิด สมองไม่แจ่มใส ทำอะไรติดขัดนึกว่าเดือนนี้จะพ้น ปรากฏว่ายังไม่แฮะเริ่มจากร้าน 50% ใกล้บ้านที่มีหนังสือเยอะ ปิดร้านสองสัปดาห์ปกติเวลาทำงานหมดล็อต ก็จะไปร้านนี้ ได้อะไรติดมือมาอ่านเพลิน ๆ (ในราคาไม่แพง) เหมือนเป็นการให้รางวัลตัวเอง หรือไม่ก็หลบงานเครียด ๆ ไปสร้างอารมณ์ลั๊ลลาให้กับชีวิตแล้วสองอาทิตย์เนี่ยจะไปฆ่าเวลาที่ไหนดีล่ะ ขืนเข้าร้านปกติ กระเป๋าย่อยยับหมดแน่(( สิ่งเดียวที่มันไม่นึก คือ บ้านมันก็ร้านหนังสือย่อม ๆ แล้ว 555 ))เรื่องหนังสือโรมานซ์ก็...อ่ะนะ คงไม่กลับสู่สภาพเดิมแล้วความจริง ยังมีร้าน 50% อีกร้านที่อยู่ใกล้บ้านขนาดเดินไปได้ทุกวันแต่ร้านนี้ระยะหลังไม่ค่อยมีอะไรใหม่เลย เดินแล้วยิ่งเครียดเพราะพอเข้าบ่อยก็จะเกรงใจ อยากอุดหนุน พยายามคิดว่าซื้ออะไรดีน้อบางวันต้องยอมแพ้ ส่องไม่เจออะไรน่าซื้อจริง ๆ(ร้านนี้ก่อนเปลี่ยนเจ้าของและย้ายที่ตั้ง เป็นเหมือนสวรรค์ เข้าไปเม้าท์เรื่องจิปาถะกับคนขายได้ หรือจะนั่งอ่านแช่แอร์ก็ได้ หนังสือใหม่เข้าเยอะ สภาพใหม่เอี่ยม ... แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว)เมื่อวานไปเอาหนังสือถุงใหญ่ที่ฝากไว้ร้านหนังสือมือสองไกลบ้านอีกร้านซื้อช่วงงานมหกรรมฯ แล้วฝากไว้เพราะจะไปเดินงานต่อ...ปรากฏว่าหนังสือที่ซื้อเพิ่มอีกจึ้กก่อนออกจากร้าน หายไปสองเล่มเดี๋ยววันนี้จะโทรไปคุยกับคนที่รับฝากว่าเขานึกอะไรออกไหมเมื่อวานเจออีกคน เขารื้อออกมาดูแล้ว เห็นถุงใหญ่ แต่ไม่เห็นถุงเล็ก(ดันหายเล่มแพงด้วย ลดครึ่งราคาแล้วยัง 350 บาทอ่ะ)และเพราะมัวแต่รื้อหาของร้านนี้ แผนการหาหนังสือถูกกลางเมืองจึงพังหมดอุตส่าห์เจียดวันว่างเข้าเมืองเชียวนะ กะลั๊ลลาเต็มที่ แต่ไม่ได้อะไรเลย (อือม์ จริง ๆ ก็ได้แหละ แต่ไม่ใช่เล่มที่กรี๊ดอยากได้มาก)---จบเรื่องหนังสือ มาดูเรื่องเที่ยว-ทำบุญตารางทำบุญกี่จังหวัด กี่วัดกี่วา เป็นอันว่าพับเก็บหมดเดือนสองเดือนก่อน แม่ชวนไปจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ อย่างน้อยก็ 3 จว.แต่แผนค่อย ๆ ล้มไปทีละราย นั่งรถไกลไปไม่ไหวบ้าง เราติดธุระเองบ้างเมื่อกี้พ่อก็ชวนไปพิษณุโลก ไปเช้าเย็นกลับ แต่ตอนนี้เป็นเวลานอนอ่าเพิ่งมาชวนแบบนี้ ปรับเวลานอนไม่ทันเด้อ แล้วก็ต้องตื่นมาทำงานต่อด้วยเดือนก่อน กลุ่มเพื่อนนัดกันดิบดีว่าจะไปนอนค้างชะอำกันแล้วก็ยกเลิกเหมือนกัน ไม่ได้เที่ยวกันเกือบปีแล้วนะ เพื่อน---เรื่องเงิน เอ่อ.. คงเดากันได้ เครื่องอะไรทั้งหลายแหล่ที่พังไปและต้องซ่อม/ซื้อใหม่ ยังอยู่สภาพเดิมอาศัยหน้าด้าน หยิบยืมชาวบ้านมาใช้ไปก่อน ด้วยเหตุนานาดังนี้ จึงอยู่ในช่วงเฉา ไร้จิตไร้ใจมากค่ะจริง ๆ ถ้าหยุดทำงาน พักยาว กินนอนเล่นอ่านจนพอใจน่าจะช่วยได้แต่เพราะกำลังทรัพย์จาง เลยทำไม่ได้ เจ้านายจ่ายงานมาอีกรอบโดยไม่ได้ต๊าอ่วยกันก่อนด้วยตอนแรกตั้งท่าว่าจะอู้สักวันสองวัน อดเลยตู ต้องคืนเขาไปชิ้นด้วยแหละ ไม่อยากเสียวไส้กลัวทำไม่ทันเดดไลน์หรือเลื่อนส่งสองรอบแบบเดือนก่อน เพราะงานอีกสายหนึ่งก็เลทนรกแตกอยู่เนี่ย เพิ่งทำเสร็จเองตอนนี้ก็ได้แต่ทำงานก๊อกแก๊กไปแบบหุ่นยนต์ใกล้หมดลาน(แอบกลัวว่าจะป่วย สองวันนี้ตื่นมาก็โทรมเลย หลับไม่สนิทอีกแล้ว)หมายเหตุ: กำลัง down ตอนเขียน มันจะฟื้นตัวได้โดยเร็ว ขอให้เจอยีสต์อารมณ์ก่อน 5 พฤศจิกายนบ่น:รำคาญพวกขายของริมทางที่ปูผ้ากินที่ทางเดินไปอย่างน้อยก็หนึ่งเมตรมากใครอยู่แถวเมเจอร์ปิ่นเกล้า คงนึกออกว่าพอลงสะพานลอยหินแล้วเดินมาทางเมเจอร์ จะเป็นทางเดินไม่กว้าง พอให้เดินสวนสองเลนได้สบายๆ ระหว่างทางมีต้นไม้แล้วก็พื้นไม่เรียบด้วย เดินไม่สะดวกนิดหน่อย ไฟก็ไม่ได้สว่างมากระยะหลัง มีพวกแม่ค้าปูผ้ากับพื้นทางเดินแล้ววางของขาย ริมซ้ายมีเยอะมาก ริมขวามีประปราย ทำให้ทางแคบลงสองเท่า เดินยากกว่าเก่าอีก (อันที่จริง ปัญหาหลักคือตรงลานโล่งข้างหน้า เชิงสะพานลอยเหล็ก ที่มีตั้งแผงขายเครื่องเขียนและขนมปังและอื่น ๆ ตรงนั้น เสาร์อาทิตย์จะเห็นชัดเลยว่าตรงนั้นมีคนไปกระจุกเป็นคอขวด ทั้งคนรอข้ามถนน/คนขึ้นลงสะพาน/คนที่เดินมาจากสะพานลอยหิน ตัวกินที่หลักคือร้านพวกนี้แหละ ยังดีที่วันธรรมดาไม่ค่อยแน่นเท่า เพราะตรงนั้นที่กว้างมาก)วันนี้จะรีบเดิน ต้องมาต่อแถวคนเดินเอื่อย ๆ มองไปทางขวา โล่งขนาดเดินได้อีกสายสองสายเลย แต่แม่ค้าปูผ้าแบเสื้อโชว์หราอยู่ แหมมม โคตรอยากจะเดินย่ำลงไปเลย ... ก็ทางเดินอ่ะ เจือกเอาของมาวางบนทางเดิน ป้าแก่แล้วไม่ทันมอง ก็นึกว่าผ้าขี้ริ้ว เหยียบได้เด่ะ คือ ถ้าตั้งราววางโชว์เยอะ ๆ ขายเป็นล่ำเป็นสันแบบบนทางเท้าสยามตอนดึก ยังดีกว่าเลย นี่ขายเสื้อสามสี่ห้าตัว นับดูมีคนขายไม่เกินสิบราย แต่กินที่ทางเดินไปครึ่งแถบ! คนเป็นร้อยที่เดินต้องอุทิศที่ให้คนขายเห็นแก่ตัวพวกนี้ อุบาทว์มาก ไม่รู้เหมือนกันว่าทางเท้านี้มีครอบครัวพ่อค้าแม่ขายเหล่านี้ช่วยออกเงินสร้างหรือว่าอะไร พวกท่านจึงมีอภิสิทธิ์ขนาดนี้ และทำไมตำรวจจึงได้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้ขนาดนี้ (อีกสาเหตุที่ฉุน เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ด้วยนะ)ยอมรับ: วันนี้อยู่ในโหมดปากหมาลำเอียงด้วย ถ้าเป็นรถเข็นขายของกินจะไม่บ่นเลย ใจดำ รู้..ว่าคนจะทำมาหากิน แต่ถ้าคิดแต่จะหากินแล้วไม่สนว่าตัวเองเบียดบังทำใครลำบากเพิ่มรึเปล่า ก็แสดงว่าเอ็งเป็นพ่อค้าแม่ค้าแบบที่ข้าไม่อยากอุดหนุน แถมยังแช่งและอยากแกล้งด้วย หึหึ---อ่านจบแล้ว: ชุดจอมโจรยูเจนิดิสเล่มแรก...ยืดชิบเป๋ง แต่จบได้สะใจมาก เป็นม้าตีนปลายเล่มสอง...จับไต๋ได้แต่ต้น รู้สึกว่าคนเขียนใจร้าย แต่ก็อ่านติดหนึบ ไม่วางเล่มสาม...เข้มข้นที่สุด เดาทางยากที่สุด อ่านแล้วเสียดายจอมโจรที่สุดBe My Man ของแอลลี่ .... พระเอกนี่ แบบว่า--ป๋ามากค่ะ นางเอกพระเอกไม่ใช่สเป็คเท่าไหร่ แต่อ่านแล้วกรี๊ดนะ (ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเล่มไหนมาก่อนเล่มไหน คู่กันยังไง งงชะมัด)เกาทัณฑ์..สะท้านภพมั้ง จำชื่อไม่ได้เพิ่งเล่มแรก ยังฟันธงไม่ได้ เล่มนี้เน้นฝึกวิชา ฮานิดๆ รอดูต่อไป(ไอ้พระเอกนี่เป็นแบบที่จะเหลิงในตอนท้ายได้นะ)((กำลังด่าตัวเองว่าดันไปเปิดอ่านทำไม น่าจะรอให้ครบก่อน))คำถามประจำวัน: อ่านไรก่อนดีน้า?(ตอบตัวเอง--ทำงานเฟ้ย! ทำงานก่อนนนน!!!)
แต่ไม่รู้เมื่อไหร่