ผู้แต่ง: Di Fer ผู้แปล: พิมพพิศา เอี่ยมทิพย์
สำนักพิมพ์: springbooks
พิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม 2555
ราคา 179 บาท
หมีเท็ดดีี้ขี้เหร่ตัวหนึ่งนอนอยู่ใต้แสงจันทร์อย่างเงียบๆ
รอคอยให้ใครสักคนมาพบว่ายังมีเขาอยู่บนโลก
แล้วเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งก็มาพบเขา
ใช้น้ำตาตัวเองปลุกให้ตื่นขึ้นมาและส่งเขาไปรอบโลก
เพื่อให้เท็ดดี้ช่วยทำฝันของเธอให้เป็นจริง และแล้วเท็ดดี้ก็เดินทางจนรอบโลก
ขึ้นเขาลงห้วง ถูกโลมาไล่งับ ถูกแมวดำกัด สุดท้ายยังเกือบ "ตายในต่างแดน"
เช่นนี้แล้ว คุณอยากรู้ไหมว่าเท็ดดี้ไปไหนมากันแน่
เล่มนี้เป็นแนว warm hearted ที่ใช้ได้เล่มนึงค่ะ
เรื่องเล่าจากมุมมองของตุ๊กตาหมีตัวหนึ่ง มันถูกวางขายพร้อมเพื่อนๆ ที่มีคนเลือกหยิบไปทีละตัวสองตัว จนเหลือแต่หมีเท็ดดี้ตัวนี้ที่ขายไม่ออก เพราะมันเป็น "ของมีตำหนิ" นั่นคือเย็บมาไม่เรียบร้อย ตาจะหลุดมิหลุดแหล่ ขาไม่เท่ากัน และลงเอยด้วยการลงไปอยู่ในกะบะลดราคา จนวันหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งหยิบมันขึ้นมาพินิจดูราคา และซื้อมันกลับไป คุณย่าเย็บซ่อมแซมสภาพให้มัน และวางมันทิ้งไว้หลายวัน..กว่าเท็ดดี้จะได้พบกับ "อายาโกะ"
แม่ของอายาโกะบาดเจ็บจากแผ่นดินไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา พ่อต้องทำงานหนักมาใช้หนี้ค่ารักษาพยาบาล ทำให้พ่อเองก็ล้มป่วยลงหลังจากซื้อเท็ดดี้มา เท็ดดี้ได้อยู่กับอายาโกะตอนที่เธอไปเยี่ยมพ่อ ได้ฟังคำสัญญาว่าพ่อจะพาอายาโกะไปเที่ยวรอบโลก จากนั้น พ่อก็เสียชีวิตไปอีกราย อายาโกะเสียใจและเศร้าตลอด เธอมักจะไปยืนมองคนต่างชาติและพยายามพูดด้วย แต่มักสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง จนได้พบกับ "อเล็กซานเดอร์" ที่ยอมรับฟังคำขอของเธอ ด้วยการนำเท็ดดี้ออกไปท่องเที่ยวตามที่พ่อกับเธอเคยฝันเอาไว้
เรื่องราวหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้คนที่เท็ดดี้ได้พบ โลกต่างแดนและประสบการณ์ใหม่มากมายที่หมีตัวหนึ่งได้เข้าไปรับรู้ เพราะผู้คนมากมายที่ได้พบล้วนแต่น้ำตาไหลซาบซึ้งเมื่อได้ฟังความเป็นมาของตุ๊กตาตัวนี้ และต่างก็ยอมช่วยกันส่งมันเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ...แม้ว่าจะมีเรื่องเกินคาดโผล่มาบ้าง เช่น ตกทะเลไปเจอโลมา โดนแมวฟัดแล้วคาบหนีไป หรือแม้แต่โดนขโมยไปทิ้งในซอย
ระหว่างที่อ่าน จะมีประโยค(พยายาม)ซึ้งๆ อยู่บ้าง เช่น
"ในปัจจุบันผู้คนต่างก็ต้องการของที่เพอร์เฟ็กต์ด้วยกันทั้งนั้น แต่กลับไม่รู้เลยว่าในบางครั้ง ของมีตำหนิก็เป็นของหนึ่งเดียวในโลกที่ไม่ซ้ำกับใคร หาซื้อที่ไหนก็ไม่ได้"
"บ่อยครั้งที่พวกเรามักเอาแต่เรียกร้องและหวังอยากให้คนอื่นจดจำเราได้ แต่แท้จริงแล้ว ขอเพียงพวกเราเป็นฝ่ายสามารถจดจำพวกเขาได้ เท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว
เท็ดดี้ นี่แหละที่เรียกว่าความรัก เธอเข้าใจไหมจ๊ะ"
...จขบ. ให้คะแนนความซึ้งแค่ B ค่ะ คือมันไม่ถึงกับ 'โดน' น่ะ
อีกอย่าง น้ำเสียงของหมีเท็ดดี้บางครั้งก็กระฟัดกระเฟียดเหมือนวัยรุ่นในบางช่วง ไม่ได้ออกแนวละมุนละไมไม่ตกร่องแบบนิยายญี่ปุ่นแนวนี้ (ซึ่งมีนับนิ้วได้ที่เขียนดีจริงๆ)
เรื่องราวและตัวละครที่ใส่มาช่วงแรกเขียนไว้ค่อนข้างละเอียด อ่านช้าๆ ทีละนิดแล้ววาง อีกหลายวันกลับมาก็อ่านต่อติดได้ แต่พอเริ่มเข้าครึ่งหลังของเล่ม เท็ดดี้ก็เริ่มจะได้ผจญภัยหวาดเสียวขึ้น และได้เจอคนนิสัยแย่ๆ บ้าง (ขอบอกเลยว่าคนเขียนเลือกให้เป็นชาวอังกฤษ) บทพูดของตัวละครที่พูดในผับตรงนั้นสะใจดี เรียกได้ว่าเป็นฉากที่เพิ่มมิติให้เรือ่งนี้ได้มาก เพราะไม่งั้นมันจะ "โลกสวย" เกินไป
แน่นอนว่าเรื่องจบลงอย่างน่าประทับใจค่ะ ทำให้จขบ. นึกถึงเพื่อนบล็อก/เพื่อนเฟซหลายคนที่บางครั้งหอบเอาหมีไปถ่ายรูปต่างประเทศขึ้นมานิดหน่อยด้วย อิอิ
แต่ความซึ้งให้แค่B อย่างนี้ต้องลองอ่านแล้วล่ะ
หนังสือแบบนี้ชอบมีมุมน่ารัก มุมซึ้ง แต่อยากว่ามุมซึ้งจะขนาดไหน อิอิ
พกหมีเท็ดดี้ไปถ่ายรูปเหมือนมีเพื่อนเดินทางเลยนะคะ
***************
อยากอ่านแล้วล่ะ ถ้าได้อ่านแบบเต็มๆแล้วจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะคะ