|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
ความเดิมตอนที่แล้ว ย้งสอบติด มช. คณะวิศวะ คณะเดียวกับพี่ยุนพี่ชายที่สนิทกันมากๆ แต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่คาด เพราะแทนที่จะได้ใช้ชีวิตอิสระกับพี่ พี่ยุนก็มีชีวิตของตัวเอง จนย้งมารู้ความจริงว่า พี่ยุนไม่ได้เรียนวิศวะ แต่เรียนสถาปัตย์
อ่าน EP.1 ได้ตรงนี้ครับ Click!- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -ไม่ได้ผิดไปจากที่พี่ยุนบอกกับน้องชายอย่างย้งเพราะแค่ 1 ปีผ่านไป ย้งใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่เชียงใหม่ ชอบอาหารเหนือ อู้คำเมืองได้ มีบ้านหลังที่ 2 ชื่อ WARM UP มันมีเพื่อนเยอะ เพราะเป็นคนจริงใจ รักเพื่อนรักฝูง และให้ใจเพื่อนเต็มร้อย และสิ่งที่มันได้มาจากการ เรียน เล่น เต้นในวอร์มอัพ คือมันกินเหล้าแข็งมาก เรียกว่าอ้วกไม่นับ หลับแพ้ แต่ก็ได้การสูบบุหรี่มาจากเพื่อนๆ รอบข้าง และการกินดื่ม และด้วยความที่มันเป็นตี๋ทรงแบด สาวก็ไม่ขาดมือเหมือนกัน
ไม่ใช่แค่ย้งที่สาวเยอะ แต่พี่ชายอย่างพี่ยุนก็ไม่น้อยหน้า ด้วยความเป็นหนุ่มตี๋ขาว ใส่แว่น หุ่นแน่น วันดีคืนดี สองพี่น้องก็นัดดื่มด้วยกันที่วอร์มอัพ หรือไม่ก็ ท่าช้าง ซึ่งย้งพบว่า ชีวิตมันดีอย่างที่ฝัน และมันมีความสุขมากๆ กับชีวิตที่เชียงใหม่
แต่แล้วในช่วงค่ำของวันธรรมดาวันหนึ่ง ในปีที่ 2 ของการเรียน ผมไม่แน่ใจว่ามันไปทำอะไรมา กำลังจะไปดื่มหรือดื่มมาแล้ว หรือไปทำอย่างอื่น ผมจำไม่ได้
ย้งและเพื่อนอีก 2 คนขี่มอร์เตอร์ไซค์ซ้อนสามกันมา เพื่อนขับ ส่วนย้งซ้อนเป็นคนสุดท้าย เนื่องจากตัวสูง ไม่รู้ทำไม วันนั้นมันถึงไม่ขับเอง แต่เลือกที่จะเป็นคนซ้อน อยู่ๆ รถกระบะคันหนึ่งก็พุงเข้าใส่พวกเค้าด้วยความเร็วสูง ทั้ง 2 คันชนประสานงากันอย่างจัง และสิ่งเดียวที่ย้งรู้คือ มันที่นั่งท้ายสุด ลอยข้ามรถคันนั้นก่อนกระแทกลงพื้น
ร่างของย้งกลิ้งต่อไปพอสมควร โดยที่รู้สึกว่าตัวเองน่าจะหมดสติไปครู่หนึ่ง และเมื่อรู้สึกตัว ความเจ็บปวดก็พุ่งเข้าโจมตีอย่างรุนแรง ชนิดที่มันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเจ็บได้ขนาดนี้ หูมันแทบไม่ได้ยินอะไร อื้อไปหมด เสียงรอบข้างดังวุ่นวายจับใจความไม่ได้ ย้งไม่พยายามขยับตัว เพราะไม่รู้ว่าร่างกายเสียหายแค่ไหน และจำคำพูดของอาจารย์ตัวเองได้ว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุ ห้ามเคลื่อนย้ายหรือขยับสุ่มสี่สุ่มห้า พลเมืองดีเข้ามาดูอาการพร้อมเรียกรถกู้ภัยมาช่วยคนทั้ง 3
"เป็นไงบ้างน้อง อดทนไว้นะ เดี๋ยวรถมาแล้ว มองหน้าพี่ไว้นะ" ด้วยความเจ็บปวด ย้งตอบอะไรไม่ได้เลย และควบคุมร่างกายไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเปียกไปหมดซึ่งน่าจะเป็นเลือด เดาได้จากกลิ่น รู้สึกหัวใจเต้นเร็วขึ้น เร็วขึ้นในจังหวะแปลกๆ สูดลมหายใจเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม ความกลัวพุ่งเข้ามาเต็มหัวใจ ย้งรู้ว่าตัวเองคงจะอาการหนักมากแน่ๆ ด้วยอาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเริ่มคลื่นไส้ มึนหัว โฟกัสภาพไม่ได้ เสียงต่างๆ เริ่มฟังไม่รู้เรื่อง "ช่วย...ด้วย..." ย้งพยายามพูดทั้งที่แทบไม่มีเสียงออกจากปาก "มอ...ชอ....ตะวัน....รถ....พยาบาล" สิ่งที่พยายามสื่อสารคือเพื่อบอกว่าตัวเองเป็นใคร คนอื่นจะได้ช่วยเหลือได้ เพราะเด็ก มช จะมีประกันอุบัติเหตุของมหาลัย "กู้ภัยกำลังมาน้อง ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งหลับนะ มองพี่ก่อน" "รถ...พยาบาล" คือมันต้องการรถพยาบาลจริงๆ ไม่ใช่กู้ภัย ซึ่งตอนนี้ก็มีคนเรียกรถพยาบาลจริงๆ มาให้เพราะดูแต่ละคนอาการหนัก
แต่ทุกอย่างในร่างกายมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนย้งตั้งหลักตั้งสติไม่ทัน เพราะมันกำลังหายใจไม่ออก เหมือนคนกำลังจมน้ำ รู้สึกทรมานอย่างมาก และที่สำคัญที่สุด มันรู้สึกว่า เหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น "น้องอดทนไว้นะ รถมาแล้วๆ หายใจไว้" เสียงคนข้างๆ พยายามพูดกับมัน
หรือเราอาจจะกำลังจะตายจริงๆ ..... ในหัวย้งคิดแบบนั้น ความกลัวตายยิ่งถาโถมเข้ามา ย้งตัดสินใจพยายามใช้แรงทั้งหมดขยับแขนหยิบมือถือออกมา ก่อนจะสู้กับความเจ็บปวด กดโทรหาคนคนเดียวที่มันนึกออก นั่นก็คือ พี่ยุนตื้ดดดดด ตื้ดดดดด ตื้ดดดดดด
เสียงเรียกดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่มีการตอบรับจากปลายสาย ย้งยังคงกดซ้ำๆ มากที่สุดเท่าที่ยังมีสติทำได้ ในใจร้องรนอย่างมาก อย่างน้อยๆ เค้าอยากติดต่อพี่ชายให้ได้ เค้าไม่อยากตายโดยไม่มีใครรู้ หรือไม่ได้พูดบอกอะไรกับใครเลย สำหรับย้ง คนคนนั้นคือพี่ยุน
"ยุน.....พี่ยุน...." ย้งพูดทั้งๆ ที่ปลายสายไม่ได้รับครั้งแล้วครั้งเล่า "น้อง น้อง อดทนหน่อย หมอมาแล้ว!!!" หูของย้งไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว เหมือนกับภาพตรงหน้าที่กำลังจะเลือนหายไป รถพยาบาลและหมอประจำรถมาถึง พร้อมรถกู้ภัยหลายคัน หมอรีบไปดูเพื่อนคนขับที่กำลังถูกปั๊มหัวใจเป็นคนแรก เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยห้ามเลือดให้ย้ง ซึ่งย้งมันไม่รู้ตัวตอนนั้น แต่กำลังทุรนทุรายเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจเรากำลังจะตาย....สำนึกสุดท้ายที่ย้งรับรู้ได้ เค้ายื่นมือถือตัวเองให้กับใครซักคนข้างๆ หวังว่ามันจะทำให้ครอบครัวรู้ "ยุน...." คำพูดสุดท้ายพร้อมน้ำตาหยดใหญ่ ไหลออกมาจากหางตาย้งหมดสติ และหยุดหายใจ"ฮาโหลย้ง มีไรวะ...ย้ง...ไอ่ย้ง นี่อยู่ไหนวะ" ส่วนนั่นก็เป็นทันทีที่ยุนกดรับสายเป็นครั้งแรก แต่ย้งก็ไม่ทันได้รู้ เค้ารู้แต่ว่า สำนึกสุดท้ายของเค้าคือ ความว่างเปล่า
หมอต้องเลือกผละมาจากคนขับที่หัวใจหยุดเต้นมานานและหน้าเขียวแล้ว เพื่อช่วยชีวิตย้งยังมีโอกาสรอดแทน ย้งถูกนำตัวขึ้นรถส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน และมือถือของมันก็อยู่ในมือเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่จึงเช็คเบอร์สุดท้ายที่ย้งกดโทรซ้ำๆ ไม่หยุด และเป็นเบอร์ที่โทรเข้ามือถือย้งไม่หยุดเช่นกันในตอนนั้น
"เอ่อ เป็นญาติเจ้าของเบอร์นี้ไหมครับ นายตะวันน่ะครับ" "ใช่ครับ ผมเป้นพี่ชาย มีอะไรหรอครับ น้องผมละ เกิดอะไรขึ้นครับ" "ช่วยมาที่โรงพยาบาล(ผมจำไม่ได้)ด่วนเลยนะครับ ตะวัน (ตามด้วยนามสกุล) เกิดอุบัติเหตุครับ มาด้วยนะครับ น้องอาการหนัก"
พี่ยุนฟังแล้วหน้าชาไปหมด มือสั่นทำอะไรไม่ถูก คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นปวนไปหมด เค้ารีบคว้ากุญแจมอร์เตอร์ไซด์ขับออกจาก หอพักของแฟนสาวแถว ม.แม่โจ้ ทันที
ใช่ครับ....พี่ยุนอยู่กับแฟนที่แม่โจ้ เลยไม่รับสายที่ย้งโทรไปในตอนนั้นเมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทุกอย่างที่เห็นทำเอาพี่ยุนแขนขาอ่อน เพราะมีทั้งครอบครัวผู้บาดเจ็บ และตำรวจอยู่ที่โรงพยาบาล ครอบครัวหนึ่งกำลังร้องไห้อย่างเสียสติ เพราะลูกชายของเค้าเสียชีวิตคาที่ นั่นก็คือเพื่อนคนขับ ซึ่งเสียทันทีที่เกิดการชน ส่วนย้งกับเพื่อนอีกคนบาดเจ็บสาหัส และยังไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ ที่โรงพยาบาลเพื่อนของพี่ยุนและอาจารย์ที่ปรึกษาของย้งตามมาพอดี เพื่อช่วยกันในยามที่พี่ยุนไม่มีสติ
พี่ยุนพยายามตามถามหา ตะวัน กับเจ้าหน้าที่ทุกคน ว่าน้องเป็นยังไงบ้าง "พี่ครับๆ น้องผม ตะวัน เป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรมากไหมครับ" "พี่ครับตะวันไม่เป็นไรใช่ไหมครับ เค้าอยู่ไหนครับ น้องผมอยู่ไหนครับพี่" แต่คำตอบเดียวที่พี่ยุนได้คือ "คุณหมอกำลังช่วยอยู่นะคะ ญาติรอฟังนะคะ"
พี่ยุนรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นลม หัวตื้อไปหมด ได้แต่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่พื้น โดนมีเพื่อนที่พยายามถามหาข่าวให้
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่พี่ยุนรู้สึกว่ามันนานมากๆ คุณหมอก็เรียกพี่ยุนพบเพื่อแจ้งอาการของย้ง พี่ยุนถึงได้รู้ว่า ย้งอุบัติเหตุหนัก กระดูกไหปลาร้าหัก 2 ข้าง แขนท่อนบนหัก ขาหัก 1 ข้าง ข้อเท้าหัก 1 ข้าง กระดูกซี่โครงหัก 4 ซี่ ทะลุปอด มีเลือดออกในช่องอกจำนวนมาก เลือดออกบางๆ ที่สมอง ตอนนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และใส่ท่อระบายเลือด ถึงจะมีชีพจรกลับมาอีกครั้งได้ แต่ย้งไม่รู้สึกตัว อาการยัง 50/50พี่ยุนแทบทรุด กลัวมากว่าจะต้องเสียน้องชายไปและเริ่มโทษตัวเองที่ไม่รับโทรศัพท์ของย้งในตอนนั้น พี่ยุนรวบรวมสติ จะต้องโทรบอกพ่อกับแม่ แต่จะบอกยังไงให้เค้าตกใจน้อยที่สุด เพราะตอนนั้นก็ปาเข้าไปตี 1 แล้ว เค้าจึงตัดสินใจจะบอกพ่อแม่แต่เช้าแทน เพราะอย่างน้อยน้องก็อยู่ในมือหมอแล้ว
แต่เรื่องมันไม่ได้เป้นอย่างที่พี่ยุนคิด พยาบาลวิ่งเข้ามาหาพี่ยุน และถามว่าตัดสินใจได้แค่ไหน พ่อแม่จะถึงเมื่อไหร่ ติดต่อได้หรือยัง เพราะย้งอาการไม่สู้ดี ต้องตัดสินใจว่าจะช่วยแค่ไหนหากเกิดอะไรฉุกเฉิน ซึ่งพี่ยุนทำได้แค่บอกว่ายังไงก็ขอให้ช่วยน้องเต็มที่ และต้องตัดสินใจโทรบอกพี่บ้านทันที เพราะกลัวว่าย้งจะรอไม่ไหว
อีกครอบครัวก็หนักหนาไม่แพ้กัน เพราะอีกคนต้องผ่าตัดสมอง และหมอแจ้งว่า ถ้ารอดก็อาจไม่เหมือนเดิม
พ่อแม่ น้องสาว บินมาเชียงใหม่แต่เช้ามืดด้วยเที่ยวบินเที่ยวแรก โดยอาจารย์ของย้งขับรถไปรับมาโรงพยาบาล วันเช้าวันนั้นพี่ยุนก็ได้เห็นหน้าย้งเป็นครั้งแรก หลังจากเห็นสภาพน้องชาย พี่ยุนร้องไห้พูดอะไรไม่รู้เรื่องเหมือนคนเสียสติ นั่งกอดพ่อกับแม่ เสียใจที่มีกัน 2 คนที่เชียงใหม่ แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้กับย้ง พี่ยุนไม่รู้เลยว่าจะได้น้องชายกลับบ้านในสภาพไหน ในเวลาที่เค้านอนกับผู้หญิงอยู่แม่โจ้ ย้งต้องเจ็บแค่ไหน และจาก missed call นับ 10 ย้งคงเรียกหาเค้าในช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดในชีวิต
โชคดีที่อาจารย์ที่ปรึกษาของทั้ง 3 คนดูแลดีมากๆ อาจารย์และอาจารย์ที่คณะช่วยกันทำเรื่องต่างๆ ให้ นศ ทั้ง 2 คนที่บาดเจ็บ และ 1 คนที่เสียชีวิต
คุณหมอขอพบญาติและแจ้งอาการของย้งอีกครั้ง ว่าตอนนี้ปอดและเยื้อหุ้มหัวใจมีเลือดออกเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะห้ามเลือดไปแล้ว ย้งไม่สามารถหายใจได้แน่ๆ และกำลังเกิดอาการช็อตจากการเสียเลือดมาก โอกาสหัวใจหยุดเต้นสูงมาก แต่ถ้าประคับประคองไปไหว ก็มีโอกาสเสียมือหรือเท้า จากเลือดไม่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลาย ทุกอย่างดูสิ้นหวังไปหมด พ่อกับแม่ทำใจแล้วว่าขอแค่ได้ย้งกลับมา จะสภาพไหน มีแค่ไหน ก็โอเคทั้งนั้น และหลังจากได้สถาพร่างกายของลูกชายในตอนนี้ พ่อกับแม่ก็แจ้งว่า ถ้าย้งไหวก็ไปต่อเต็มที่ แต่ถ้าไม่ไหวและหัวใจหยุดเต้นอีก จะไม่ปั๊มให้ต้องเจ็บปวดอีกแล้วในยามที่สิ้นหวังที่สุด พ่อกับแม่ก็อยากไปทำบุญหรือดูดวงซักอย่าง เผื่อมีทางไหนจะช่วยย้งได้รอดชีวิตได้ อาจารย์ของย้งแนะนำให้ไปไหว้พระที่นับถือรูปหนึ่ง และเมื่อไปพบแล้วเล่าเรื่องราวให้ท่านฟัง ท่านก็ให้ทำบุญทำสังฆทาน ประพรมน้ำมนต์ ก่อนจะบอกว่า หากตะวันหมดอายุขัยแล้ว ที่พอจะช่วยได้ ก็ให้เปลี่ยนชื่อจากตะวันเป็นชื่ออื่น ก่อนที่ท่านจะดูวันเดือนปี เวลาเกิด แล้วคำนวน และให้ชื่อใหม่มาว่า ปุญญพัฒน์หลังจากนั้นก็ทำพิธี เผาแผนดวง นายตะวัน พร้อมสวดเหมือนสวดคนตาย แล้วสวดอะไรซักอย่างให้พรกับแผ่นดวงใหม่ ในชื่อ ปุญญพัฒน์ ก่อนแม่จะเอาแผ่นดวงนั้นไปใส่มือย้งแล้วเรียกด้วยชื่อใหม่ ....อะไรทำนองนี้....
ปล. บอกก่อนว่า ผมไม่ชัวร์นะว่าชื่อมันเขียนแบบนี้รึเปล่า เพราะเขียนยากมาก... ปกติพวกผมใช้ภาษาอังกฤษอย่างเดียว เลยเขียนไทยไม่ได้ครับ
ปล.2 รายละเอียดตรงนี้ ก็ไม่ชัวร์ว่าจริงแค่ไหน เพราะไอ่ย้งก็ไม่รู้เรื่องแล้ว1 พี่ยุนก็ไม่รู้เรื่องอีก1 ฟังเค้าเล่ามาอีกทีจากแม่พูดดีอกดีใจ อาจใส่ไข่ใส่สีได้ อันนี้ผมไม่ได้ว่าแม่มัน แต่ไอ่ย้งมันพูดเองว่าแม่มันอาจใส่ไข่พิเศษ------ TO BE CONTINUE ------
Create Date : 22 มกราคม 2567 |
Last Update : 23 มกราคม 2567 21:54:13 น. |
|
34 comments
|
Counter : 556 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณกะว่าก๋า, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณทนายอ้วน, คุณThe Kop Civil, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณnonnoiGiwGiw, คุณtuk-tuk@korat, คุณmultiple, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณปัญญา Dh, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณSweet_pills, คุณkae+aoe, คุณtanjira, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ |
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:14:30:17 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:15:06:40 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:15:16:36 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:17:26:21 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:19:32:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:19:43:50 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:22:38:42 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:5:10:02 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:7:00:00 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:11:48:24 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:15:40:16 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:19:42:13 น. |
|
|
|
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:20:28:15 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:22:17:59 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:22:26:55 น. |
|
|
|
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:22:30:48 น. |
|
|
|
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:22:32:53 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:23:15:44 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:23:16:43 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 24 มกราคม 2567 เวลา:0:13:16 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มกราคม 2567 เวลา:5:09:43 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 24 มกราคม 2567 เวลา:13:26:06 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
อ่านเรื่องราวตอนเกิดอุบัติเหตุ
นึกภาพตามได้เลย
แล้วเรื่องจริงก็คือ มีนักศึกษาเสียชีวิตทุกปีจากอุบัติเหตุ
จากการดื่ม
เรียกว่ามีข่าวทุกปีครับ
รออ่านบล็อกต่อไปนะครับ
ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาหลังจากนั้น
หมิงชอบดูคลิปในยูทูปครับ
พี่ก๋าเดาว่าน่าจะมีคลิปอะไรสักคลิปที่เค้าพูดถึงนักเขียนรัซเซีย
แต่ก่อนรัซเซียนี่ อยู่ๆก็มาชวนพี่ก๋าคุยเรื่องปรัชญาเอกซ์ซิสเทนชั่นนิส
พี่ก๋าเคยมีหนังสือแต่อ่านไม่รู้เรื่องหรอก 555
ก็เลยบอกลูกว่าลองไปหาหนังสืออ่านเอาเองล่ะกัน
ลูกอ่านเสร็จ พ่อก็ต้องไปหาอ่านในกูเกิ้ลว่ามันคืออะไร 555
จากนั้นก็มาอ่านวรรณกรรมรัซเซีย วรรณกรรมฝรั่งเศสนี่ล่ะครับ
แต่หมิงจะอ่านเป็นภาษาอังกฤษครับ ที่พี่ก๋ามีจะมีแต่แบบแปลไทย
มีศิลปะหลายแขนงมากที่พี่ก๋าอยากเรียนรู้
แต่ไม่มีเวลาไปฝึก ไปเรียนรู้เลย
ยิ่งตอนนี้เปิดร้าน ก็เฝ้าร้านทุกวันนี่ล่ะครับ