lliliil Work it harder, Make it better, Do it faster, Make us Stronger liilill
space
space
space
<<
มกราคม 2567
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
18 มกราคม 2567
space
space
space

ตะวันตัดบูรพา EP.1


ตั้งหมวดไม่ถูกเลยครับ 5555
เอาเป็นว่าเรื่องด้านล่างคือ เรื่องจริง ที่เอามาเรียบเรียงใหม่นะครับ






จำเพื่อนในแผนกของผมที่ชื่อ ย้ง ได้ไหมครับ



ย้ง กับผมเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ ในปีเดียวกัน หลังผม 3-4 เดือน
แต่เข้ามาให้ตำแหน่งการตลาด แล้วทำงานตรงนั้นอยู่ราวๆ ปีกว่าๆ
ก่อนที่คุณ VP จะเรียกให้มาทดลองงานในตำแหน่งวิศวกร เหมือนกับผม
ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาทำงานด้วยกัน ผมกับย้งมีคุยกันนิดหน่อย
เพราะอายุเท่ากัน เข้ามาปีเดียวกัน และบ้านอยู่ใกล้บ้านแฟนผม

 



เราเติบโตในหน้าที่การงานมาพร้อมๆ กัน ช่วยเหลือกันมาตลอด
จนตอนนี้ผมกับย้งคือคนที่อยู่ในตำแหน่ง
รองผู้จัดการ และ Team leader
แต่บุคลิกย้งค่อนข้างโผงผาง ไฝ้ได้ไฝ้ ตีได้ตี ไม่ได้คือไม่ได้ ไม่ยอมคือไม่ยอม
ซึ่งต่างกับผมแบบหน้ามือหลังมือ ผมเป็นสายประณีประนอม นิ่งๆ พูดน้อยๆ
แต่จจริงๆ แล้ว ย้งเป็นคนอ่อนไหว เครียดง่าย และมีน้ำใจมาก
ส่วนผม...ผมเป็นคนถ่อยคนนึง...พูดได้แค่นี้ครับ 5555555

 




ขออธิบาย ย้ง หน่อย เพื่ออถรรสในการรับชม
 



ย้ง อายุเท่ากับผม (เดี๋ยวผมเฉลยในเรื่องอีกที) ผิวขาวววววว ขาวซีดเลยครับ
เป็นคนผอมที่มีโครงสร้างร่างกายที่ดูแข็งแรง  สูง 183 ตาตี่กว่าผมเยอะ 55555
ผมเส้นเล็ก และชอบทำสีประหลาดๆ ...
แน่นอนกว่าประหลาดกว่าหัวผม
เช่น ดำประกายน้ำเงิน  น้ำตาลอมส้ม  ทองที่อมเขียวๆ .... เป็นต้น.....

 

ย้งตั้งใจทำงานและทุ่มเทมาก ติดแค่ปากไม่ค่อยดี
ทำให้เกือบมีเรื่องกับไนท์ที่ตัวเลือดร้อนอยู่บ่อยๆ ที่แรงที่สุดคือมันจะต่อยกัน
ดีที่ย้งมันโตแล้ว 30 แล้วเหมือนผม พอถึงจุดที่ดูควบคุมไม่ได้ มันคุมอารมณ์ได้
แล้วนิ่งไม่ตอบโต้ ก่อนถอยออกจากเหตุการณ์ แบบกุไม่ได้กลัว แต่กุไม่ใช่เด็กแล้วงี้ครับ

และด้วยความปากไม่ค่อยดี พูดไม่ค่อยเข้าหู ทำให้ย้งกับที่แผนกไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่
ยกเว้นกับผม และพี่ผจก









 

เมื่อช่วง กลางปีที่ผ่านมา
อยู่ๆ ย้งก็เดินเอาเอกสารชุดหนึ่งมายื่นให้ผมที่โต๊ะ

“รบกวน....โปรเจคที่ นครนายก ปริ๊นซ์สะดวกไหม กูส่งเมลล์มาให้เมื่อกี้”
ผมเปิดอ่านดู คือมันเป็นโปรเจคแนวของผมครับ แต่เป็น Account ของย้ง

“เมิงคุยยัง”      ผมถามหลังจากอ่านคราวๆ
“คุยแล้ว คือทีมกุจะเข้าทำ A2 แต่กำหนดมันกระชั้นมาก
กุอยากให้เมิงเอาทีมเข้าอีกทีมที่ Specialize เรื่องนี้”


ผมฟังพร้อมเปิดปฎิทิน นับวัน ดูตารางงานที่มีอยู่ก่อนหน้า
“ได้ ทีมกุเข้าได้ แล้วย้งเปิดงานไปยัง คือจะให้กุทำอะไรบ้าง”
“ยัง ให้ปริ๊นซ์เปิดเลย แล้วเดินหน้าไปเลย กุบอกแล้วว่ากุจะให้หัวหน้าอีกฝั่งเข้ามาดู
แต่กุจะพาไปแนะนำ”

ผมพยักหน้ารับ อ่านe-mail แล้วเมลล์ไปแนะนำตัวกับลูกค้า
 



จนถึงวันกำหนดนัดเข้าคุยงาน ย้งบอกว่านัดคุยงานที่ร้านอาหารแถวนี้
ผมไปกับย้งแค่ 2 คน เพราะจะคุย Scoop ประเมิณก่อนแล้วค่อยลงหน้างานกันอีกที
เรานัดคุยงานกันที่สตาร์บัคแถวเกษตร-นวมินทร์  โดนที่พวกผมดังไปถึงทีหลัง
ไปถึงย้งชี้ให้ดูว่า ผู้ชายคนที่นั่งหันหลังนั่นแหละที่เราจะมาคุยงาน  ก่อนจะเดินเข้าไป




 

“หวัดดีคับ”  ย้งเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วกล่าวทักทายแบบที่ฟังแล้วดูไม่ทางการ
“เอ้า สวัสดีครับลูกพี่ จะกินอะไรเดินไปสั่งนะครับ”  ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทางกวนๆ
“อืม...ปริ๊นซ์...นี่คุณยุน Project manager ... นี่คุณปริ๊นซ์  Dep. Manager”
ผมกับคุณยุนยกมือไหว้กันและกันพร้อมแลกนามบัตร เพื่อแนะนำตัว

“ยินดีที่ได้เข้ามาดูแลครับคุณยุน”    ผมก็ไนซ์ตามมารยาท
“ผมน่าจะเป็นพี่นะ ผมแก่กว่าย้ง 2 ปี เรียกพี่ก็ได้นะครับ” คุณยุนยิ้มบางๆ ดูรักษามารยาทเช่นกัน
“งั้นขออนุญาตเรียกพี่ยุนเลยนะครับ”   ผมตอบก่อนะก้มดูนามบัตรที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ


คุณบูรพา....ชื่อเท่มากครับพี่” ผมอ่านชื่อพี่ยุนก่อนหันไปยิ้มกับย้ง
“นี่ไง....ตะวัน ตัด บูรพา พอดีเลยย้ง”  

นี่ก็พูดขำเพื่อ Ice breaking ก่อนคุยงาน
เพราะพี่ยุนเค้าดูเป็นคนมีมาดนิดนึง แถมดูกวนๆ  ยังไม่รู้ว่าควรจะเข้าทางไหน
แต่พี่ยุนนี่ตาดูยิ้มกว้างทันทีที่ผมพูด

“นี่คุณปริ๊นซ์รู้จักกับไอ่ย้งมานานแล้วหรอ ถึงได้รู้ว่ามันคือตะวัน”
หือ.....ดูแปลกๆ นะ มองไปมองมา.......ก่อนที่ผมก็ก้มลงอ่านนามบัตร

อีกครั้ง........
 



 

ข้ามเรื่องคุยงานไปเลยครับ ขอตัดมาที่ร้านอาหารที่เรามานั่งทานกันต่อตอนเย็น
“หุย! กุกว่าแล้ว!!!”   ผมอุทานเสียงดังพร้อมตบหน้าขาไอ่ย้ง
“เออ...ยุนมันเป็นพี่ชายกุ กุเป็นน้องชายมัน”
“เมิงมีพี่ชายด้วยหรอ กุรู้แต่เมิงมีน้องสาวชื่อหยก”
“ก็มันนี่ไงพี่กุ  แต่กุกับมันไม่เหมือนกัน กุเหมือนแม่ มันเหมือนพ่อ” ย้งอธิบายพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“แต่พี่แปลกใจมากนะ ตอนที่ปริ๊นซ์เรียกย้งว่าตะวัน เพราะย้งมันเปลี่ยนชื่อมานานแล้ว” พี่ยุนพูด
“ย้งเคยบอกครับพี่” 
“แต่มันไม่เคยบอกว่ามันมีพี่ว่างั้น”  พี่ยุนพูดพร้อมยิ้มแปลก ๆ ให้ย้ง
“เออ ตอนนั้นกุไม่ได้บอกใครว่ากุมีพี่อย่างเมิง”   ย้งพูดไปก้มหน้าไปเหมือนมีเรื่องอะไรมากมายแต่ไม่พูด
 



ยุน – บูรพา ชื่อจริงไม่ได้โกหกนะครับ ขออนุญาตพี่แกมาแล้ว
เป็นพี่ชายแท้ๆ ของย้ง อายุมากกว่า 2 ปี
เป็นคนขาวที่ไม่ซีด สูงซัก 180 แต่ไม่ได้ทรงผอมเหมือนย้ง
หุ่นดูมีกล้ามเนื้อ พร้อมไขมันตามสมควร 55555 แต่ไม่มากครับ ถือว่าไม่ใช่คนอ้วน
ตัดUnder cut เซตผมอย่างดี  พร้อมผมสีดำสนิท  




คุณพ่อของทั้ง 2 คนชื่อ
อาทิตย์
ลูกชายคนโต ชื่อ บูรพา - ยุน
ลูกชายคนที่ 2 ชื่อ ตะวัน - ย้ง
ลูกสาวคนสุดท้อง ชื่อ รุ่งนภา - หยก
 







 

ต่อไปจะเป็นเรื่องราวที่ผมรับฟังมาโดนตรง จากทั้ง 2 คน
แล้วจะขอเล่าในมุมมองเรื่องเล่า จากมุมมองคนนอก เพื่อเข้าใจและเห็นภาพชัดเจนขึ้น
และจะเกลาเนื้อเรื่องด้วยคำพูดที่ไม่ยุ่งเหยิงเหมือนที่ 2 คนนั้นพูดกับผมตอนเมาแล้วกัน
 
 


เมื่อเหล้าเริ่มเข้าปากพี่ยุนก็เริ่มหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ด้วยบุคลิกที่ดูเท่ๆ กวนๆ

“เมิงอย่าสูบบุหรี่ได้ไหม เสียมารยาท” ย้งพูดเบาๆ
“เดี๋ยวกุหันทางนู้นก็ได้ เมิงเอาไหม” พี่ยุนพูดพร้อมยื่นซองบุหรี่มาให้
ส่วนน้องชายก็เอามือดันหนี
“เพื่อนกุแพ้ควันบุหรี่ มันจะป่วย เมิงช่วยดับได้ไหม”
และแบบนั้นก็ทำให้พี่ยุนพยักหน้าแล้วเลือกที่จะดับบุหรี่ตามที่ย้งว่า
และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่าย้งก็สูบบุหรี่
 



ย้อนไปเมื่อ 15 ปีก่อน ย้งสอบติดวิศวะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มันดีใจมากดีใจทั้งที่ติดวิศวะสมใจ และดีใจมากกว่าเป็น วิศวะ มช.
เพราะจะได้ไปอยู่กับพี่ชายมัน...พี่ยุนที่เรียนวิศวะ มช อยู่เหมือนกัน
นอกจากบอกพ่อแม่ ก็ต้องเป็นพี่ยุน


“ยุนๆ ย้งจะไปอยู่เชียงใหม่ด้วยแล้วนะ โคตรดีใจเลย”
“หรอ ติด มช จริงดิ”

ในขณะที่น้องชายดีใจอย่างที่สุด แต่พี่ชายอย่างยุนกลับทำหน้าแปลกๆ
เมื่อรู้ว่าน้องชายสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน แถมคณะเดียวกันซะด้วย
ซึ่งย้งตื่นเต้นมาก และวางแผนไว้ว่า จะไปอยู่หอกับพี่ชาย
เพราะมันกับพี่ยุนสนิทกันมากๆ และมันก็ติดพี่ยุนมาก
พ่อแม่ก็ไม่ได้ห่วง เพราะมีพี่น้องไปอยู่ด้วยกัน ดูแลช่วยเหลือกันได้
มีแต่พี่ยุนที่ดูไม่มีท่าทีว่าจะดีใจเลยที่น้องชายจะไปอยู่ด้วย


 

พอถึงวันที่ต้องขึ้นเชียงใหม่
พี่ยุนมารับย้ง ที่พ่อกับแม่และน้องสาวขับรถขึ้นมาส่ง

พร้อมข้าวของเครื่องใช้เพื่อเตรียมเปิดเรียน
ย้งขนของเข้ามาที่ห้องของยุน อย่างรู้สึกแปลกใจนิด ๆ
เพราะดูจากข้าวของแล้ว ดูเหมือนจะมีใครอีกคนอยู่ในห้องห้องนี้
ไม่ใช่ยุนที่อยู่คนเดียว รอการมาของย้งยังไงไม่รู้ แต่ก็ไม่ได้ถาม
เพราะรักและเชื่อใจพี่ชายมาก
พ่อแม่น้องสาว มาอยู่เที่ยวด้วยพร้อมลูกชายทั้ง 2 คนอยู่ 2-3 วันก็ขับรถกลับกรุงเทพ
และเหตุการณ์แปลก ๆ ก็เริ่มขึ้น


 

“พรุ่งนี้พี่ยืมรถเพื่อนมานะ เดี๋ยวย้งย้ายของไปอีกที”
“อ้าว...เราไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอพี่ยุน”
พี่ยุนส่ายหน้า พร้อมถอยหายใจ “พี่มีเมท อยู่กันมาตั้งแต่ปี 1 แล้ว
จะให้พี่ทิ้งมันได้ไง แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่จองไว้ให้ใกล้ๆ กัน
มาหาพี่ได้ตลอด เดี๋ยวย้งก็มีเพื่อน ที่นี่โคตรสนุกนะ”


เมื่อพี่ชายที่ตัวเองไว้ใจพูดแบบนั้น ย้งก็เชื่อแล้วย้ายหอตามที่พี่ยุนบอก
แรกๆ พี่ยุนก็พาไปกินข้าว พาไปเที่ยว กินขนม ไปตลาดกันทุกที่
ย้งมีความสุขมาก เพราะนี่มันชีวิตอย่างที่ตัวเองฝันเอาไว้
ผู้ชายที่โตแล้ว ได้ออกมาใช้ชีวิตกันเอง นอกสายตาพ่อแม่ ในเมืองท่องเที่ยว
ชีวิตช่วงเดือนแรกก่อนเริ่มเปิดเรียนของย้งโคตรจะมีความสุข
 




พอเปิดเรียน น่าแปลกมากที่ย้งไม่เคยเจอยุนเลย
พวกเค้าไปเรียนพร้อมกันแค่อาทิตย์แรก หลังจากนั้น พี่ยุนก็ไปกับเพื่อน
ส่วนย้งก็เริ่มหาเพื่อนที่จะนัดไปเรียน
จนถึงวันรับน้องขึ้นดอย ย้งที่ฝันไว้ว่า
วันสำคัญของมันจะมีพี่ยุนอยู่ด้วย ก็ไม่เป็นความจริง
เพราะพี่ยุนไม่มาเจอมันเลยและหายไปดื่มกินกับเพื่อนต่อทั้งคืน
 


ยังดีที่พอใกล้สอบ ยุนยังเอาชีทเอาหนังสือ และมาติวแคลคูลัส เขียนแบบ ให้กับน้องชาย
ซึ่งย้งก็รู้สึกดีและชื่นชมพี่ชายคนเก่งมาก




ย้งมีความสุขกับชีวิตที่ มช ดีมาก
มีเพื่อนดี มีสังคมที่ดี ใช้ชีวิตได้สนุกอย่างที่ฝัน
พี่ยุนซึ่งอยู่ ปี 3 แล้วก็มีชีวิตของตัวเอง มีโทรหา แวะหาบ้าง ตามประสาเท่านั้น


จนวันนึง คณะสภาปัตย์มีงานอะไรซักอย่าง(มันไม่ได้บอก)
ย้งกับเพื่อนก็ไปเดินเล่นดู และที่น่าสนใจที่สุดคือ โชว์กลองสถาปัตย์
พวกเค้าเดินตามเสียงกลองที่เร้าใจ ไปหยุดใกล้ๆ วงล้อมที่คนล้อมดู
และสิ่งที่เห็น .....
หนึ่งในมือกลองสถาปัตย์นั้น คือ

พี่ยุน พี่ชายของมันนั่นเอง








ย้งสับสน งงไปหมด
ทำไมพี่ยุนมาตีกลองสถาปัตย์ได้
ในเมื่อพี่ยุนเรียนวิศวะ....ความคิดในหัวประมวลเรื่องราวทุกอย่างอย่างงุนงง



ทำไมถึงไม่เคยเจอพี่ยุนที่คณะ 

ทำไมถึงไม่เจอพี่ยุนในห้องเชียร์

ทำไมถึงไม่เจอพี่ยุนในวันรับน้องขึ้นดอย

และทำไมตอนนี้พี่ยุนถึงตีกลองสภาปัตย์




ด้วยอะไรไม่รู้ เมื่อมือกลองชุดแรกถอยหลังออกมาให้ชุดถัดไปเข้าแสดงแทน
ย้งก็ผละจากเพื่อน เดินแหวกฝูงคนเข้าไปหาพี่ยุนที่นั่งพักดื่มน้ำอยู่ด้านหลัง


"พี่ยุน....."
ในใจย้งก็อยากให้คนคนนั้นไม่หันตามเสียงเรียก ให้เค้าทักผิดคน
แต่ผู้ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นตามเสียง และหน้าเสียทันที่ที่เห็นหน้ามัน

"ไอ่ย้ง...."
พี่ยุนรีบลุกขึ้นยืน แล้วพยายามคว้าตัวย้งออกมาจากหมู่เพื่อน
"ยังไงนะพี่ยุน นี่งงไปหมดแล้ว สรุปพี่ยุนไม่ได้เรียนวิศวะหรอ"
พี่ยุนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หัวใจเต้นรัว ไม่รู้จะพูดยังไงหรือเริ่มยังไง
กลัวพ่อกับแม่รู้ก็กลัว แต่ก็คิดไว้แล้วแต่แรกว่าซักวันย้งจะรู้ความจริง
ว่าเค้าไม่ได้เรียนวิศวะ แต่เรียนสถาปัตย์
แต่ที่พี่ยุนบอกที่บ้านไว้แบบนั้น เพราะพ่ออยากให้เรียนวิศวะ ซึ่งเค้าไม่ชอบ





"พี่ยุน...มันยังไงวะ งงไปหมดแล้วเนี้ย นี่ป่ะ พี่ยุนถึงไม่ให้ย้งอยู่หอด้วย"
"คือ...พี่ไม่ได้อยากเรียนวิศวะตั้งแต่แรกเลยเว้ย พี่เลยมาเลือกสถาปัตย์ไกลๆ
พ่อกับแม่จะได้ไม่รู้ ย้งก็ปล่อยผ่านไปได้ไหม อีก2ปีเดียวพี่ก็จบแล้ว"

"อืม..."   ย้งขานรับด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก  "แม่งไม่เป็นอย่างที่คิดไว้เลยวะ"
พี่ยุนเอามือจับไหล่น้องชาย เค้ารู้ว่าย้งผิดหวัง 
"พี่มีเพื่อน ย้งก็มีเพื่อน คนเรามันมาติดอยู่ด้วยกันไม่ได้ เราเป็นพี่น้องกัน เราดูแลกัน
พี่ก็จะดูแลย้งเหมือนเดิม แต่เราก็ต่างคนต่างมีชีวิตในแบบของตัวเอง
มีสังคมของตัวเอง แค่ย้งจะมีพี่เสมอ และพี่จะช่วยเหลือย้งเต็มที่ที่พี่จะทำได้
พี่ขอโทษเรื่องเรียน แต่ชีวิตที่นี่จะทำให้ย้งมีความสุขได้ เชื่อพี่นะ
"
เป็นอีกครั้งที่ย้งพยักหน้ารับ คำพูดของพี่ชายคนนี้มีอิทธิพลทางความคิดต่อมันเสมอ

และมันยินดีจะทำตาม








  --------------   To be continue  EP.2   --------------


 



Create Date : 18 มกราคม 2567
Last Update : 18 มกราคม 2567 17:33:53 น. 18 comments
Counter : 560 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณnonnoiGiwGiw, คุณปัญญา Dh, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณSweet_pills, คุณกะว่าก๋า, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณThe Kop Civil, คุณkae+aoe, คุณtanjira, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณRain_sk, คุณ**mp5**, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณtoor36


 
ปริ้นเป็นคนเล่าเรื่องได้สนุกเหมือนเดิมจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 18 มกราคม 2567 เวลา:18:14:35 น.  

 
ตอนอ่านชื่อตอนครั้งแรก
ก็เดาว่า น่าจะมาเล่าเรื่อง จีบสาวคนเดียวกัน

พออ่านจบ ไม่ใช่นีน่า

รออ่านตอนต่อไปนะคะน้องปริ๊น


โดย: สมาชิกหมายเลข 7915129 วันที่: 18 มกราคม 2567 เวลา:21:01:04 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์

พี่ก๋าอ่านจนถึงชื่อคนในบ้าน
หยุดมาเม้นท์ก่อนดีกว่า 555

บ้านนี้ชื่อเท่มาก
เข้าใจตั้งชื่อมากๆ
พ่อลูกเป็นอาทิตย์ทั้งหมด
ถ้าฝั่งแม่ชื่อเกี่ยวกับจันทราด้วย
ยิ่งเท่เลยนะครับ (แต่พี่ก๋าเดาว่าไม่น่าจะใช่ครับ)

พออ่านจบหักมุมไปอีก
แต่เรื่องนี้จริงๆก็หลบยากมาก
เพราะสุดท้ายตอนจบรับปริญญา
พ่อกับแม่ก็น่าจะรู้นะครับ

แต่อารมณ์ย้งน่าจะงงมากนั่นแหละครับ
พี่ชายหายตัวไปไหน
ไม่เจอในคณะเลย 5555






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มกราคม 2567 เวลา:5:41:27 น.  

 
ตะวัน ตัด บูรพา อุ๊ยๆๆ ทีแรกนึกว่าละครซะอีกนะครับ
ที่แท้เรื่องจริง แฮ่

เอาจริงๆนี่ อาชีพในฝันของเด็กผู้ชายสมัยนั้น
ก็ต้อง สูตินรีแพทย์ นะครับ อิอิ

น้องปริ๊นซ์ตะโกนลั่น นั่นมันเอ็งคนเดียวโว้ย เดี๊ยะๆ555

คือส่วนใหญ่เด็กผู้ชายเท่ๆ ความฝันก็ต้องอยากเป็น วิศวกร กับ สถาปนิกนี่แหละนะครับ

ถ้าเก่งคำนวณ ก็ต้องเลือกวิศวะ
ถ้าเก่งทางศิลปะ ก็ต้องเลือก สถาปัตย์

แต่ตอนทำงานนี่ มันก็ต้อง co กันตลอดแหละนะครับ
อย่าง อ.เต๊ะนี่ สมัยเป็นสถาปนิก นี่
งานไหนถ้ามีวิศวกรสาวๆนี่ หูย
จะขยันตัวเป็นขน เอ๊ย ตัวเป็นเกลียว หัวเป็น bolt เลยเชียวครับ555

การได้เรียนในสิ่งที่เรารัก เราชอบนี่ ชีวิตจะมีความสุขมาก
เพื่อน อ.เต๊ะ สมัยมัธยมคนนึง เอนทรานซ์ติด คณะเกษตร
เรียนไปจน ปี3 จะจบอยู่แล้ว ยังออกมาเอน ถาปัดใหม่เลยนะครับ ยอมเสียเวลาไปหลายปี

หรือแม้กระทั่ง นศ. ในคณะ ที่ อ.เต๊ะ สอนอยู่คนนึง
เห็นเพื่อนเค้าเรียก ไอ้หมอๆ

อ.เต๊ะ สงสัย ก็เลยสอบถามดู ปรากฏว่าเค้าเคยเรียนหมอมา 2ปี เพราะ ตามใจพ่อแม่ แต่สุดท้าย ฝืนไม่ไหว
ก็มาเรียนถาปัดจนได้
ชีวิตก็มีความสุขดี ไม่ต้องฝืนใจตัวเองนะครับ

แล้วก็ เชียงใหม่นี่ เค้าบอกว่า เป็นมหาลัยที่วิวสวยมาก
ของกินอร่อย เวลาเด็กจากจังหวัดอื่นสอบติดนี่
มักจะ นั่งรถไฟไปกัน
รุ่นพี่เค้าก็จะมี ประเพณี รับน้องรถไฟ
ให้การต้อนรับ อย่างอบอุ่นเลยนะครับ

ที่สำคัญ ชีวิตเรา เราควรเลือกเองได้
พ่อแม่ก็ไม่ได้อยู่กับเราได้ตลอดไป

แต่ยังไงก็อย่าทำพลาดแบบ อ.เต๊ะ นะครับ
ทุกวันนี้ อ.เต๊ะ ก็ยังเสียใจอยู่ตลอด
ที่ไม่ได้เป็น สูตินรีแพทย์ นะครับ เย้ย 555





โดย: multiple วันที่: 19 มกราคม 2567 เวลา:12:48:38 น.  

 
"ตะวันตัดบูรพา" ชื่อคุ้น ๆ นะคะ เคยเป็นชื่อละครหรือเปล่านะ
ยังมี "ชีวิตเพื่อฆ่า หัวใจเพื่อเธอ" ชื่อเก๋เหมือนกัน

อย่างพี่ยุนนี่น่าจะเป็น "ชีวิตเพื่อข้า หัวใจเพื่อเธอ"
คือเลือกเรียนแบบที่ตัวเองชอบ ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกนะ
แต่ก็น่าจะพูดกับทางบ้านให้เข้าใจ จะได้สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย

----------

น้ำจิ้มซีฟู้ดสำเร็จรูปคงสู้ที่เราทำเองไม่ได้หรอกค่ะ
ทั้งความสดใหม่และรสชาติ ทำเองได้ดีกว่าแน่ค่ะ



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 19 มกราคม 2567 เวลา:13:17:36 น.  

 
สวัสดีครับน้องปริ๊นซ์
นึกถึงละครของเอ็กแซคท์สมัยก่อนเลยครับ สองพี่น้องต้องมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากแน่ ๆ ที่มช. น้องปริ๊นซ์ถึงมาเล่าในบล็อกแบบนี้
ตอนพี่ไปฝึกงานที่เชียงใหม่ เคยเข้าไปเล่นบาสใน มช. บรรยากาศดีมาก ๆ ทำให้เหมือนพี่พลาดอะไรไปสักอย่าง ที่ตอนเอนทรานซ์เข้ามหาฯลัย ไม่ได้เลือกที่ มช.ไว้เลย
จากบล็อก
เสื้อผ้าวิ่งนี่ใส่สบายจริง ๆ คร้บน้องปริ๊นซ์ เบาสบาย แห้งไวด้วย นุ่มมาก ๆ ครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 19 มกราคม 2567 เวลา:15:54:03 น.  

 
พี่ก๋าชอบอ่านเรื่องราวของโรนินและซามูไรมากครับ
ชอบปรัชญาที่ซ่อนอยู่ในนั้น
รวมทั้งปรัชญาจีนด้วย

ถ้าให้เลือกเรียนรู้ได้
พี่ก๋าอยากเรียนหมดเลยนะ
ฟันดาบ จัดดอกไม้ วาดพู่กัน ปั้นเซรามิก ฯลฯ
แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ทำสักอย่างเลย 5555

การจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนตาย
พี่ก๋าว่ามันเป็นหน้าที่อย่างนึงเลยนะ
ชอบตอนอาม่าพี่ก๋าจะเสียครับ
ท่านสั่งเสียไว้หมดเลยว่าให้จัดการงานศพอย่างไร
ซื้อโลงเตรียมไว้
จัดชุดที่จะใส่ในโลงเอาไว้
ทำล่วงหน้าเป็น 10 ปีเลย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มกราคม 2567 เวลา:19:32:20 น.  

 
ตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะเขียนอะไรดี 555


โดย: แค่คนธรรมดาไม่พิเศษ (สมาชิกหมายเลข 7915129 ) วันที่: 19 มกราคม 2567 เวลา:20:23:47 น.  

 
เอามาเล่าแบบนี้จะไม่มีปัญหาใช่มั้ยครับ ผมยังไม่ได้อ่านครับ (ดูคร่าวๆ ก่อน) เดี๋ยวแวะมาอีกที

ช่วงนี้แก๊งคอลเซนเตอร์โทรมาแทบทุกวันเลยครับ หลังๆ ถ้ารู้ว่าไม่น่าจะใช่คนรู้จักผมไม่รับสายเลย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 มกราคม 2567 เวลา:23:47:23 น.  

 
เรื่องนี้แปลกดี... ไม่สูบบุหรี่เพราะเพื่อนแพ้ควัน
พี่น้องคู่นี้ ท่าทางจะมีนิสัย ใจคอไม่เหมือนกัน
คาดว่าทุกคนมีเรื่องราว ประวัติทั้งที่ดีและแย่ในแนวทางของตนเอง
แต่อยากรู้ว่า วันหนึ่งเมื่อพ่อและแม่ทราบว่า ไม่เข้าคณะวิศวะ
แต่กลับไปเรียนคณะสถาปัตย์ พ่อกะแม่เขาจะพูดและรู้สึกอย่างไร


โดย: Rain_sk วันที่: 20 มกราคม 2567 เวลา:3:47:15 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มกราคม 2567 เวลา:5:39:42 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 20 มกราคม 2567 เวลา:11:54:37 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะ น้องปริ๊นซ์

นี่อ่านเพลินมากค่ะ น้องเรียบเรียงดีมาก
อยากอ่านต่อแล้วนะเนี่ย

ตอนแรกไม่คิดว่าเรียนคณะอื่น คิดว่าอยู่กับสาวแทน เลยไม่ให้น้องอยู่ด้วย
อยากรู้บุคลิกท่าทางพี่ยุนด้วยว่าสไตล์เดียวกับย้ง หรือ คนละสไตล์


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 20 มกราคม 2567 เวลา:14:45:49 น.  

 
คงตกใจและแปลกใจแหละ จะไปบอกที่บ้านก็ไม่อยากขัดใจพี่ ทำเฉยๆ ก็รู้สึกผิดกับพ่อแม่มันก็พูดลำบากครับงานนี้


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 มกราคม 2567 เวลา:11:34:11 น.  

 
แสดงให้เห็นว่าครอบครัวค่อนข้างไม่เิดกว้าง เด็กเลยไม่กล้าที่จะพูดเรื่องบ้างเรื่องกับพ่อแม่ ซึ่งเพื่อนเราก็มีพ่อแม่อยากให้เรียนหมอ ก็ไปเรียนหมอ เรียนให้มันจบๆ แล้วจบออกมาไปทำอาชีพอื่น


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 21 มกราคม 2567 เวลา:15:37:05 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องปริ๊นซ์

น่าเห็นใจคุณยุนนะคะที่ต้องปิดบังเรื่องเรียนนี้
ไม่อยากให้พ่อผิดหวัง
น้องชายก็สอบติดมาอยู่ใกล้ๆด้วย
จะรออ่านตอนไปค่ะน้องปริ๊นซ์



โดย: Sweet_pills วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:1:04:11 น.  

 
เข้ามาอ่านย้อนค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:16:30:58 น.  

 
เขียนได้สนุกมากๆเลยค่ะ
รออ่านตอนที่สามค่ะ
ตอนที่สองพี่เม้นท์ไม่ได้อ่ะ เลยมาเม้นท์ตอนนี้แทน


โดย: สมาชิกหมายเลข 7915129 วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:20:36:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

จันทราน็อคเทิร์น
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




* Engineer
* Guitar trainer
* Casual gamer



space
space
space
space
[Add จันทราน็อคเทิร์น's blog to your web]
space
space
space
space
space