ปากเปื่อย
แผลในปากอาทิตย์นี้เหมือนกันกับอาทิตย์ที่แล้ว ขึ้นในปาก ขึ้นที่ลิ้น ขึ้นในช่องคอเหมือนกัน
แต่ แผลพวกนี้กลับกันไปขึ้นที่อื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งของผู้ชายไปขึ้นที่อวัยวะสืบพันธุ์ (เพนนิส) และผู้หญิงก็บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ (วาไจนา) เช่นกัน แถมยังมีแถวบริเวณใกล้ๆทวาร หนักอีกด้วย
นอกจากอวัยวะเบื้องล่างแล้ว บางคนก็มีแผลที่นิ้วมือและที่อื่นๆซึ่งใกล้เคียงกันก็มี
ลักษณะของแผล ตามขอบแผลจะ
ค่อนข้างแข็ง แต่ตรงกลางจะอ่อนและบางทีก็เป็นแผลอักเสบ ที่ค่อนข้างแปลกก็คือ
บริเวณแผลเหล่านี้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่จะรู้สึกชาๆด้านๆ
นอก ไปจากนี้ ยังมีอาการเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลืองตามที่ต่างๆด้วย ต่อมน้ำเหลืองใต้คางและบริเวณขาหนีบมักจะบวมโต และที่แปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต่อมน้ำเหลืองเหล่านี้ไม่ยักเจ็บปวด มีแต่รู้สึกว่ามันบวมโตขึ้นมาเฉยๆ
ตกลงอาการของแผลแบบหลังนี้ ไม่เจ็บทั้งแผลและทั้งต่อมน้ำเหลืองที่บวมโต
นั่นเป็นอาการของขั้นที่หนึ่ง ซึ่งแสดงว่าเมื่อมีขั้นที่หนึ่งแล้วก็ต้องมีขั้นที่สองตามมา
อาการ ตอนนี้จะเริ่มด้วยอาการผื่นคันตามผิวหนัง ผื่นคันเหล่านี้ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่คัน และอาจจะเป็นอย่างนั้นเป็นเวลานาน บางคนก็เป็นอยู่เป็นเดือนๆก็มี
ที่จะมีเพิ่มเติมเป็นพิเศษสำหรับขั้นที่สองหรือระยะที่สองนี้ก็คือ มักจะมี ไข้ มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดด้วย
ใน ขณะเดียวกัน แผลในปากที่ว่าไม่เจ็บ ตอนนี้ก็จะเจ็บขึ้นมาแล้ว ต่อมน้ำเหลืองจะบวมโตมากขึ้นไม่แต่บริเวณ คอ-ขาหนีบ แต่จะบวมและ โตตามบริเวณอื่นๆทั่วตัว
ที่น่าห่วงอีกอย่าง ก็คือ ตาสองข้างก็จะบวมโตและอักเสบ มักจะมองอะไรก็มืดๆมัวๆไปหมด แถมยังมีอาการปวดบวมตามข้อต่อ เคลื่อนไหวไม่สะดวก เดินไม่ถนัด
ตาก็จะเหลือง ตัวก็จะเหลือง ซึ่งเป็นอาการของดีซ่าน อาการที่จะตามมาก็คือ ปวดหัวเป็นประจำ คอแข็ง และบางคนก็ตามด้วยหูหนวก
มี อาการตามมาอีกอาการหนึ่ง ซึ่งคงต้องเรียกเป็นภาษาแพทย์ว่า CONDYLOMATA ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดกับบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนๆ เช่น ปลายอวัยวะเพศ (ผู้ชาย) หรือเนื้ออ่อนของผู้หญิงบริเวณอวัยวะสืบ พันธุ์ เนื้ออ่อนเหล่านี้จะกลายเป็นเนื้อแข็ง และบางครั้งก็มีก้อนเล็กๆ แข็งๆเกิดขึ้นลักษณะคล้ายๆหูด
จากอาการของขั้นที่สองนี้ ถ้าผู้ป่วย ไม่ได้รับการรักษา ก็จะมีอาการต่อไปถึงขั้นที่สาม ซึ่งขั้นที่สามนี้ก็เป็นขั้นสุดท้าย ถ้าร้ายแรงมากขึ้นก็ต้องเสียชีวิต
ฉะนั้นจะยังไม่พูดถึงขั้นที่สามในตอนนี้
แต่จะขอคุยกับท่านผู้อ่าน โดยเฉพาะท่านที่ติดตามเรื่องปากเปื่อยจากฉบับอาทิตย์ที่แล้ว เสียก่อน
อยาก จะถามว่า คุณผู้อ่านเห็นหรือยังครับว่าปากเปื่อยซึ่งเป็นเรื่องเล็กๆและเป็นธรรมดา เพราะมีคนเคยเป็นมากรายนั้น เอาเข้าจริงๆอาจจะไม่ใช่ปากเปื่อยเรื่องเล็กๆก็ได้
แต่อาจจะเป็น เรื่องใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ปากเปื่อย ธรรมดา แต่ยังมีแผลที่อื่น แผลตามตัว ตามอวัยวะเพศ และยังมีอาการประกอบเป็นขั้นที่หนึ่ง ขั้นที่สอง และคงจะถึงขั้นที่สาม ซึ่งทำให้ เป็นเรื่องร้ายถึงแก่เสียชีวิตได้
นี่เป็นเรื่องของปากเปื่อย เรื่องใหญ่ ไม่ใช่ ปากเปื่อยธรรมดา และไม่ใช่เรื่องเล็กๆเสียแล้วใช่ไหมครับ
ตอน นี้หลายท่านคงจะถอนหายใจออกมาได้เฮือกใหญ่แล้วว่า เราไม่ต้องห่วงแล้ว เพราะเราเป็นแต่ปากเปื่อยแบบเรื่องเล็ก ไม่ใช่ปากเปื่อยเรื่องใหญ่ถึงตายแน่นอนแล้วใช่ไหมครับ
เอาละ ตอนนี้เราคงคุยกันได้แล้วว่า ปากเปื่อยเรื่องใหญ่นั้น มันโรคอะไรกันแน่
เคยได้ยินชื่อโรคซิฟิลิสไหมครับ?
ซิฟิลิส ก็คือโรคสำคัญโรคหนึ่งของกามโรค
กามโรคก็คือโรคซึ่งติดต่อกันได้จากการร่วมประเวณี เราเรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่าโรคบุรุษก็มี โรคผู้หญิงก็มี โรค ซุกซนก็มี
ทั้งชื่อเหล่านี้ดูแล้วอาจจะรู้สึกว่าเป็นโรคเบาๆนะครับ อย่างชื่อสุดท้ายว่าโรคซุกซนนั้น ออกจะฟังดูน่าเอ็นดูดีด้วยซ้ำ
แต่ อย่าไปสบายใจว่ามันน่าเอ็นดูเลยนะครับ เพราะมันเป็นโรคติดต่อร้ายแรง อย่างซิฟิลิสนี่ ถ้าคุณผู้หญิงเป็นขณะตั้งครรภ์ด้วย ลูกที่อยู่ในท้องก็จะเกิดอาการพิการตั้งแต่ยังไม่เกิด และเมื่อเกิดมาแล้วก็ยังสามารถแพร่เชื้อโรคต่อไปถึงลูกหลานได้อีกหลายต่อ
กามโรค ซึ่งรวมทั้งโรคซิฟิลิสอยู่ด้วยนี้ จริงๆแล้วมีอยู่หลายโรค แต่ที่จะเขียนถึงโรคซิฟิลิสนี้ก่อน ก็เพราะอาการอย่างที่คุณสมชายเป็นและมาถามผมดูอย่างเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้ถึง เรื่องปากเปื่อยนั้น มันเป็นเรื่องเล็กๆได้ก็จริง แต่มันก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำคัญถึงเสียชีวิตได้ อย่างซิฟิลิสนี้ เป็นต้น
จึง เอาเรื่องปากเปื่อยทั้งที่เป็นเรื่องเล็กและเป็นเรื่องใหญ่ได้ทั้งหมดนี้มา เปรียบเทียบ และเอามาคุยกัน ถ่ายเทความรู้ให้เพื่อนๆชีวจิต ได้ทราบกัน
การ ป้องกันนั้นทำได้ง่ายและราคาถูก คือ การร่วมประเวณีกันทุกครั้ง ฝ่ายชายควรจะใช้ถุงยางหรือคอนดอมทุกครั้งนั้น เป็นการป้องกันอย่างศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน
แต่ถ้าเกิดพลั้งเผลอขึ้นมา ก็ให้สังเกตดูอาการตามที่เล่ามานี้ ตั้งแต่ขั้นที่หนึ่งไปจนถึงขั้นที่สอง
และ อย่ารอไปจนถึงขั้นที่สาม เป็น อันขาด เพราะนั่นเป็นขั้นสุดท้ายซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต และก่อนจะถึงชีวิตก็เจ็บปวดทรมานแสนสาหัสด้วย
การที่จะทราบว่าป่วย เป็นซิฟิลิสหรือเกี่ยวข้องกับซิฟิลิสนั้นไม่ยาก คงต้องพบแพทย์ ตรวจดูอาการและตรวจเลือดดูเสียหน่อยหนึ่ง ก็จะทราบว่าป่วยเป็นซิฟิลิสหรือไม่
การรักษาก็ไม่ยากเย็น ยาปฏิชีวนะขณะนี้ มีตัวดีๆมากมายหลายตัว และสามารถแก้ไขรักษาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
อย่าปล่อยให้ถึงขั้นที่สาม เพราะตอนนั้นจะยากเกินแก้.
Create Date : 19 มีนาคม 2553 |
Last Update : 19 มีนาคม 2553 12:06:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 320 Pageviews. |
|
|
|
| |