มีบุตรยาก...แก้ไขได้ไม่ยากอย่างที่คิด
"ภาวะมีบุตรยาก" เป็น ปัญหาที่พบมากขึ้นในคู่สมรสยุคปัจจุบัน อาจด้วยสาเหตุหลายประการ เช่น การแต่งงานช้า อายุที่มากขึ้น ความเครียด มีโรคประจำตัว เป็นต้น ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการวางแผนมีบุตรเพื่อเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับครอบ ครัว วิธีการฉีดเชื้อผสม เทียมในโพรงมดลูก (Intrauterine Insemination) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “IUI” สำหรับคู่สมรสที่ประสบปัญหามีบุตรยากบางคู่คงเคยคุ้นหูบ้าง แต่อาจเกิดความข้องใจว่าจะช่วยรักษาภาวะมีบุตรยากได้จริงหรือ?
นายแพทย์ธีรยุทธ์ จงวุฒิเวศย์ สูตินรีแพทย์ เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลเวชธานี ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า ภาวะของการมีบุตรยากคือ การที่ผู้หญิงกับผู้ชายที่อยู่ด้วยกันโดยไม่ได้คุมกำเนิดและมีเพศสัมพันธ์ สม่ำเสมอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปีแล้วยังไม่มีการตั้งครรภ์ก็จะถือว่ามี “ภาวะมีบุตรยาก” เกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้วสาเหตุของภาวะนี้อาจเกิดได้จากทั้งฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง หรืออาจเกิดจากทั้งสองฝ่ายร่วมกัน โดยปกติคู่สมรส 100 คู่ จะมีภาวะมีบุตรยาก 10-15% ดังนั้น เมื่อคู่สมรสทราบว่าตนเองมีภาวะนี้เกิดขึ้นแล้ว ควรเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาภาวะนี้ต่อไป
การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรง มดลูก (IUI) คือ การฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรงโดยใช้ท่อพลาสติกเล็กๆ สอดผ่านปากมดลูกแล้วฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในช่วงที่มีหรือใกล้กับเวลาที่มีไข่ ตก การทำ IUI จึงเป็นวิธีช่วยการเจริญพันธุ์วิธีหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้ผลดีในระดับหนึ่ง ปลอดภัย และเสียค่าใช้จ่ายไม่มาก
วิธี นี้จะมีการเตรียมน้ำอสุจิโดยคัดเอาเฉพาะตัวอสุจิที่ยังมีชีวิตและเคลื่อนที่ ได้ดีแล้วนำไปฉีดในโพรงมดลูกโดยที่ตัวอสุจิไม่ต้องว่ายผ่านปากมดลูก ทำให้มีตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวจำนวนมากเข้าไปในโพรงมดลูกและพร้อมที่จะผสมกับ ไข่ ดังนั้นการทำ IUI จึงมักทำกับคู่สมรสที่หาสาเหตุของภาวะมีบุตรยากไม่พบ ฝ่ายชายที่มีเชื้ออสุจิต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการหลั่ง อสุจิในช่องคลอด หรือฝ่ายหญิงที่มีปัญหาเรื่องภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มีปัญหาเรื่องการตกไข่ เป็นต้น ยกเว้นในกรณีมีการอุดตันของปีกมดลูกทั้งสองข้างหรือเชื้ออสุจิมีคุณภาพต่ำ มาก
นายแพทย์ธีรยุทธ์ อธิบายต่อถึงขั้นตอนการทำ IUI ว่า ขั้นตอนในการเตรียมฝ่ายหญิง แพทย์จะทำการกระตุ้นรังไข่ให้มีการเจริญเติบโตของฟองไข่ในรอบเดือนนั้น ๆ หลาย ๆ ใบ โดยใช้ยาฉีดหรือยารับประทานซึ่งมักจะเริ่มในวันที่ 3 ของรอบเดือน หลังจากนั้นจะมีการนัดตรวจอัลตร้าซาวด์ เพื่อติดตามดูขนาด จำนวนของฟองไข่ และความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อฟองไข่มีขนาดพอเหมาะ แพทย์จะทำการฉีดยากระตุ้นให้มีการตกไข่ หลังจากนั้นประมาณ 36-40 ชั่วโมงจะเป็นเวลาที่มีการตกไข่ แพทย์จะทำการนัดอีกครั้งเพื่อทำการฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกในวันที่ไข่ตก เห็นไหมครับว่าการทำ IUI นั้นไม่ยากอย่างที่คิดใช้เวลามาพบแพทย์เพียง 3 ครั้งต่อการทำในรอบหนึ่งๆเท่านั้น
ส่วน ขั้นตอนในการเตรียมอสุจิของฝ่ายชายนั้นง่ายกว่าฝ่ายหญิง โดยที่ฝ่ายชายต้องมาพบแพทย์ในวันที่นัดทำ IUI และจะต้องงดเพศสัมพันธุ์ 2-7 วัน เพื่อเก็บน้ำอสุจิ แล้วนำมาส่งภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจะนำอสุจิที่ได้มาทำการคัดกรอง เลือกเฉพาะตัวอสุจิที่ยังมีชีวิตและเคลื่อนไหวดี เพื่อให้แพทย์นำมาฉีดกลับเข้าไปในโพรงมดลูก ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาเตรียมประมาณ 1-2 ชั่วโมง
ขั้นตอนการฉีดอสุจิ เข้าสู่โพรงมดลูกนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะเมื่อเตรียมอสุจิเรียบร้อยก็จะนำเอาน้ำเชื้ออสุจิบรรจุลงในท่อพลาสติก ปราศจากเชื้อขนาดเล็กๆ แล้วแพทย์จะทำการสอดท่อขนาดเล็กนี้ผ่านปากมดลูกอย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงทำการฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูก ดังรูป โดยใช้เวลาในการทำไม่กี่นาที ไม่เจ็บ และหลังทำ IUI แล้วท่านสามารถปฏิบัติตัวได้ตามปกติ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
โดยทั่วไป แล้วหลังฉีดเชื้ออสุจิจะให้นอนพักประมาณ 30 นาทีแล้วให้กลับบ้านได้ งดเพศสัมพันธ์ในวันที่ทำ IUI และหลังจากนั้นสามารถมีเพศสัมพันธุ์ได้ตามปกติ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ แล้วจะมีการนัดหมายเพื่อมาตรวจการตั้งครรภ์ภายหลังทำการฉีดอสุจิในระยะ 2 สัปดาห์
“อัตราการตั้งครรภ์ภายหลังการฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก” โดยทั่วไปแล้วอัตราความสำเร็จของการกระตุ้นให้มีการตกไข่และการทำ IUI อยู่ระหว่าง 10 – 20 เปอร์เซ็น ต่อรอบการรักษา ซึ่งมีข้อมูลจากการศึกษาในผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ พบว่าใน การทำ IUI จะมีโอกาสตั้งครรภ์มากกว่าโอกาสตั้งครรภ์โดยรอบธรรมชาติประมาณ 2 เท่า แต่ถ้าทำ IUI ร่วมกับกระตุ้นรังไข่ด้วยยารับประทานจะเพิ่มโอกาสมากขึ้นประมาณ 3 เท่า และถ้ากระตุ้นรังไข่ด้วยยาฉีดจะมีโอกาสมากขึ้นเป็น 4-6 เท่าเมื่อเทียบกับรอบธรรมชาติ
โดยที่อัตราการประสบความสำเร็จของการ ฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูกจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างคือ อายุของฝ่ายหญิง จำนวนไข่ที่สมบูรณ์พอที่จะทำให้เกิดการปฏิสนธิได้ ความเข้มข้นของจำนวนอสุจิที่ใช้ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก และความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกในวันที่ฉีดอสุจิ แต่อย่างไรก็ตามแพทย์จะทำการควบคุมปัจจัยดังกล่าวให้เหมาะสมที่สุดเพื่อจะ ได้มีโอกาสในการตั้งครรภ์สูงสุด
โดยสรุปแล้วการทำ IUI เป็นวิธีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายวิธีหนึ่ง มีอัตราความสำเร็จมากพอสมควร ปลอดภัย และเสียค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่หากทำวิธีข้างต้นแล้วฝ่ายหญิงยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แพทย์จะนำเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์วิธีอื่นมาใช้ในการรักษาต่อไป เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว การทำอิ๊กซี่ เป็นต้น
Create Date : 19 มีนาคม 2553 |
Last Update : 19 มีนาคม 2553 12:01:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 484 Pageviews. |
|
|
|
| |