สังคมของ...บรรพกาล
เครื่องมือการผลิต อุบัติขึ้นมาพร้อมกับการเกิดขึ้นของมนุษยชาติ ในสังคมมนุษย์ยุคบรรพกาล หรือยุคดึกดำบรรพ์ บรรพบุรุษของเราใช้กิ่งไม้ ก้อนหินเป็น " เครื่องมือการผลิต " ด้วยวิธีเอากิ่งไม้กับก้อนหินเป็นเป็นเหลี่ยม ๆ หรือมีรูปร่างตามที่ต้องการมาทำการดัดแปลงให้แหลมคมยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นโดย ธรรมชาติหรือไม่ก็อาจจะนำเอาไม้กับหินผูกติดเข้าด้วยกัน มีรูปร่างเหมือนกับหอก ขวาน หรือค้อน ซึ่งกว่าจะสามารถทำได้เช่นนั้น ก็ต้องผ่านการทดลองทำดูแล้วนับเป็นเวลาอันยาวนานหลายปีหลายเดือน ความจำเป็นในการดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ได้บีบบังคับให้พวกเขาต้องทำการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือต่างๆ ขึ้นมาช่วยในการผลิต เครื่องมือการผลิตในยุคนั้น โดยพื้นฐานแล้วพูดได้อย่างมากก็เป็นเพียงสิ่งที่ได้มาจากธรรมชาติโดยตรง และมีการดัดแปลงอย่างหยาบ ๆ สำหรับให้เกิดความเหมาะสมกับความต้องการของมนุษย์ การใช้แรงงานของมนุษย์ยุคนั้นเป็นการกระทำต่อธรรมชาติโดยตรง นั่นคือการเอาจากธรรมชาติเพื่อทำการบริโภคโดยตรง การใช้แรงงาน (ต่อสู้กับธรรมชาติเพื่อความอยู่รอด) ของมนุษย์ยุคนั้นจำเป็นจักต้องร่วมกันทำ อาศัยการรวมตัวกัน ผนึกกำลังกันไปต่อสู้กับธรรมชาติ ด้วยเครื่องมือการผลิตหยาบ ๆ ที่ตนประดิษฐ์คิดขึ้น จึงสามารถล่าสัตว์ได้ เพื่อการบริโภคของตน การ "ห่มหนัง กินเนื้อ ดื่มเลือด" เป็นเนื้อหาของการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์สมัยนั้น
ในตอนปลายยุคบรรพกาล มนุษย์เริ่มหัดใช้ท่อนไม้ขว้างปาหรือเกี่ยวเอาผลไม้ มารับประทานแสวงหาอาหารจำพวกพืชมากิน หรือไม่ก็อาศัยการจับปลาดำรงชีวิตของตน การทำการผลิตระยะนี้ได้มีความสลับซับซ้อนขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว
เนื่องจากว่าเครื่องมือการผลิต และสิ่งอุปโภคบริโภคของมนุษย์สมัยนั้น ล้วนได้มาจากธรรมชาติโดยตรง มนุษย์ยุคนั้นจึงมีชีวิตรวมหมู่อย่างไม่สามารถจะแยกออกจากกันได้ เครื่องมือการผลิตทุกอย่างไม่ได้ขึ้นต่อใคร ไม่เป็นส่วนตัวของใครทั้งนั้น หากแต่เป็นของส่วนรวม มีเท่าไหร่เป็นของส่วนร่วม เพื่อการบริโภคของส่วนร่วมทั้งนี้เพราะการทำงานอย่างสุดความสามารถของพวกเขา ในวันหนึ่ง ๆ นั้น สิ่งที่ได้มาก็เพียงแต่สามารถสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของสมาชิกทุกคนเท่า นั้น กินกันพออิ่มไม่อดตายเท่านั้น เครื่องมือการผลิตที่ล้าหลัง ความจำเป็นที่จะต้องอยู่รอด ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องผนึกกำลังกันเข้า แยกกันไม่ได้แม้แต่นิดเดียวถ้าแยกออกมา ก็หมายถึงความตาย เมื่อกินกันพอดิ่มไปวันหนึ่ง ๆ แล้ว ก็พากันหลบเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่สามารถหลบแดดหลบฝนได้ ยึดเป็นที่พักพิง เนื้อหาของการใช้ชีวิตมนุษย์ยุคนั้นทั้งหมดก็คือการผลิตและบริโภค ถึงคราวที่ดินฟ้าอากาศแปรเปลี่ยน จำนวนสัตว์ป่าน้อยลง หรือไม่ก็เนื่องจากสาเหตุอื่น ๆก็จะยังผลให้มนุษย์ล้มตายกันทีละมาก ๆ หรือไม่ก็พากันอพยพโยกย้านกันไปหากินที่อื่นที่เหมาะสมแก่การดำรงชีวิตที่ดี กว่าที่เดิม
มนุษย์ยุคนั้นไม่มีคำว่าชีวิตส่วนตัว ไม่มีชีวิตครอบครัว ( เพราะยังไม่มีครอบครัวเกิดขึ้นทุกคนอยู่ร่วมกัน ) มีแต่การสมสู่ที่เป็นไปตามความต้องการอย่างธรรมชาติ ปนเปกันโดยไม่มีการเลือกคู่ เพื่อการสืบพันธุ์ให้เกิดลูกหลานของมนุษย์ต่อไป
นอกจากการผลิตและการบริโภคแล้ว ก็ไม่มีชีวิตทางสังคมหรือชีวิตทางด้านอื่นใดเลยไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีชั้นบนไม่มีชั้นล่าง ทุกคนมีฐานะเหมือนกัน เสียงที่เปล่งออกมาในขณะที่กำลังทำงานร่วมกันอยู่นั้นก็คือ ภาษาของพวกเขา เช่น "เอ้าเฮ" เป็นเสียงที่เปล่งออกมาโดยธรรมชาติในขณะที่กำลังทำงานใช้แรงงานพร้อม ๆ กัน เสียงเหล่านี้ เป็นเสียงที่เกิดขึ้นอย่างธรรมชาติ จนกระทั่งกลายเป็นภาษาที่เป็นระบบในเวลาต่อ ๆ มา
Free TextEditor
Create Date : 19 มีนาคม 2553 |
Last Update : 19 มีนาคม 2553 11:14:03 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1866 Pageviews. |
|
|
|
| |