ครัวแม่เนื้ออุ่น
Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
25 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Vanilla Ice Cream




ไม่กี่วันก่อนเพิ่งลอกการบ้านพี่หน่อง ส่งการบ้านพี่ปุ๊กไปใน "Cookies & Cream Ice Cream" ผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้มั่นใจขึ้นเยอะเลยค่ะว่าเราสามารถทำไอศกรีมได้ถึงแม้ว่าจะไม่มีถังปั่น

ทีแรกมีโครงการจะซื้อถังปั่นไอศกรีมเล็กๆ แหละค่ะ อยากปั่นไอศกรีมเอง แต่พอรู้ว่าสามารถทำไอศกรีมได้โดยไม่ต้องใช้ถังปั่น ก็พับโครงการนี้เก็บไป ประหยัดเงินได้อีกหน่อย ^^ เพราะเราคงไม่ได้ปั่นไอศกรีมกินบ่อยๆ นานๆ ทีทำก็ใช้แรงมือนี่แหละเนอะ

แต่ช่วงนี้คงเป็นนานๆ "ถี่" เพราะกำลังสนุกกับการทำไอศกรีมเลยค่ะ ^^

สูตรนี้เซฟเก็บไว้นานแล้วอีกเช่นกัน เริ่มหัดทำไอศกรีม คิดว่าควรจะเริ่มจากรสที่พื้นฐานที่สุดก่อนก็คือรสวานิลานี่แหละค่ะ เพราะน่าจะดัดแปลงไปเป็นรสอื่นๆ ได้อีก สูตรนี้ของน้องแอมน่าอร่อย (เป็นพี่หรือเปล่าไม่รู้ ไม่ทราบอายุ เรียกพี่ไว้ก่อนละกัน ฮิๆ) และมีหลายๆ คนมาคอนเฟิร์มแล้วว่าอร่อยจริง แม่เนื้ออุ่นก็เลยต้องขอลองทำบ้างนะคะ

ลิงค์ต้นฉบับค่ะ

//topicstock.pantip.com/food/topicstock/2008/04/D6541754/D6541754.html

มาดูส่วนผสมและวิธีทำกันก่อนนะคะ



Vanilla Ice Cream

ส่วนผสม

- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
- แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
- นมสดจืด 1 ถ้วย
- วิปปิ้งครีม 2 ถ้วย
- เกลือ 1 หยิบมือ
- Pure Vanilla Extract 1 ช้อนชา
- Vanilla Pod 1 ฝัก

วิธีทำ

1. เทนมสดจืดใส่หม้อ กรีดฝักวานิลาใส่ตาม ตั้งไฟอ่อนๆ พยายามคนให้วานิลาส่งกลิ่นหอม อย่าให้นมเดือด แค่ให้มีไอร้อนบางๆ ก็ยกลงจากเตาได้ พักไว้ให้อุ่น

2. ตอกไข่ใส่ชามผสม ใช้ตะกร้อมือหรือเครื่องตี ตีด้วยความเร็วสูงจนตีจนกว่าไข่ไก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองครีมและมีฟองที่นวลละเอียด

3. เทนมที่พักไว้ให้อุ่นๆ ลงในไข่ที่ตีไว้ (อย่าให้นมร้อนเพราะจะทำให้ไข่สุก) ระหว่างเทใช้ตะกร้อมือตีไข่ไปด้วย

4. เติมน้ำตาล เกลือ และแป้งข้าวโพดลงไป ผสมให้เข้ากัน

5. นำไปกวนแบบ Double Boiled กวนจนเริ่มข้นเห็นรอยตะกร้อ ยกลงจากเตา คนต่อจนเนื้อเนียนและคลายร้อน

6. เมื่อ Custard เย็นแล้ว ใส่วิปปิ้งครีมลงไป คนให้เข้ากัน

7. นำไปแช่ช่องแข็งประมาณ 2 ชั่วโมง นำออกมาตีเพื่อสลายเกล็ดน้ำแข็ง เติม Pure Vanilla Extract คนให้เข้ากัน แล้วนำไปแช่แข็งประมาณ 5 ชั่วโมงขึ้นไป



ไอศกรีมรอบนี้ไม่มีฝักวานิลาค่ะ (เคยซื้อแต่ไปเก็บไว้ที่ไหนก็ไม่รู้แล้ว หาไม่เจอ -_-") Vanilla Extract ก็หมดไปตั้งแต่ตอนใช้ทำ Coffee Brownie & Cheese เมื่อวันก่อน ยังไม่ได้ซื้อเหมือนกัน

ก็มีแต่วานิลาผงนี่แหละค่ะ ใช้ไปก่อนก็แล้วกันเนอ



ตวงนมสดจืด 1 ถ้วย (ตวงเกินอีกแระ แหะๆ)



เทใส่หม้อ ตามด้วยผงวานิลา

แหม .. เสียใจจริงๆ น่าจะมีฝักวานิลามาให้กรีดบ้าง



ตั้งไฟอ่อนๆ จนนมร้อนขึ้นแต่ไม่ถึงกับเดือด ยกลงจากเตา



เทใส่ภาชนะอื่นไว้ก่อนค่ะ หม้อในห้องมีใบเดียว เดี๋ยวต้องเอาไปใช้งานต่อ

แต่การเทใส่ภาชนะอื่นก็มีข้อดีนะคะ ทำให้นมเย็นเร็วลง เพราะไม่มีความร้อนจากตัวหม้อ



เติมน้ำลงไปในหม้อ ตั้งไฟรอไว้ เตรียมทำ Double Boiled กันต่อค่ะ (มักง่ายด้วยแหละ ไม่ได้ล้างหม้อ น้ำเลยมีสีขุ่นๆ ของนมนะคะ)



กลัวนมจะคลายร้อนช้าก็ใช้ตะกร้อมือช่วยคนเพื่อระบายความร้อนด้วยนะคะ



ตอกไข่ใส่โถผสม 2 ฟอง

สูตรนี้ดีจังใช้ไข่ทั้งฟอง ไม่งั้นต้องกลุ้มอีก ไม่รู้จะเอาไข่ขาวไปทำอะไรดี



จากกระทู้ทำไอศกรีมคราวก่อน ได้รับคำแนะนำจากพี่ Pastel pied ว่า

"ในขณะที่เทนมร้อนใส่ลงไปในส่วนไข่แดง ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องตีไข่นะคะ ให้ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันก็พอ เพราะความร้อนจากนมมารวมกับการตีอย่างแรงของเครื่อง ทำให้ไข่เกิดการขยายตัวมากเกินไป เลยทำให้เกิดฟองมากกว่าปกติ น่าจะเป็นส่วนที่ทำให้มีปัญหาต่อเนื้อของไอศกรีม"

รอบนี้เลยใช้ตะกร้อมือค่ะ สารภาพว่าตั้งแต่ทำขนมมา เพิ่งใช้ตะกร้อมือตีไข่ให้เป็นเรื่องเป็นราวครั้งนี้ครั้งแรก อิอิ เมื่อยนิดๆ

ตีๆๆๆ จนได้ฟองหยาบๆ แบบนี้มาก่อน



ตีต่อไปจนสีของไข่อ่อนลงและฟองละเอียดขึ้น

ละเอียดยัง? สีอ่อนลงยัง? เริ่มเหนื่อยแล้วนะ เอาแค่นี้แหละ แฮ่กๆ



เทนมที่อุ่นๆ ลงไปผสม

อุ่นทิ้งไว้จนมันอุ่นค่อนไปทางเย็นเลยล่ะค่ะ

ระหว่างที่มือหนึ่งเทนมลงไปผสม อีกมือก็ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันไปด้วยนะคะ

ไม่ได้ถ่ายรูปตอนคนส่วนผสมมา เพราะไม่เหลือมือจับกล้องถ่ายรูปแล้วง่ะ



คราวนี้ก็ Double Boiled กันเลยค่ะ

เอ๊ะ ..

จ๊ากกกกก ยังไม่ได้เติมน้ำตาล เกลือ กะ แป้งข้าวโพดเลย เอาลงมาก๊อนนนน !!!!!!!!!



เติมน้ำตาล 3/4 ถ้วยค่ะ

วิธีการตวงน้ำตาล 3/4 ถ้วยก็คือ

ตวงน้ำตาลใส่ลงไปก่อน 1/2 ถ้วย



แล้วตามด้วยน้ำตาล 1/4 ถ้วย ก็จะได้น้ำตาล 3/4 ถ้วยพอดีเลยค่ะ



ใส่แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะและเกลือ 1 หยิบมือ

เกลือ 1 หยิบมือของอุ่นก็คือใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้นี่แหละค่ะหยิบเกลือขึ้นมา หยิบได้แค่ไหนก็ใส่ไปแค่นั้นแหละ ถ้าจะให้ประมาณก็น่าจะประมาณ 1/8 ช้อนชานะคะ



คนให้เข้ากันแล้วยกขึ้นไปตั้งบนหม้อหุงข้าวเพื่อกวนแบบ Double Boiled (คราวนี้เริ่มกวนจริงๆ แล้วนะคะ)

สังเกตฟอง น้อยกว่าคราวก่อนที่ทำเยอะเลย



กวนไปช้าๆ เรื่อยๆ การกวนแบบ Double Boiled ต้องใจเย็นๆ ค่ะ เพราะส่วนผสมมันจะไม่สัมผัสความร้อนโดยตรง แต่จะค่อยๆ ร้อนจากไอน้ำของหม้อที่อยู่ข้างล่าง

กวนจนคัสตาร์ดเริ่มข้น สังเกตเวลาคนจะเริ่มหนืดๆ ลองยกตะกร้อขึ้น หากเห็นเป็นรอยตะกร้อแบบนี้ก็ยกลงจากเตาได้เลยค่ะ



ตอนยกลงจากเตา ฟองจะยังเยอะอยู่นะคะ แต่ไม่เป็นไร เมื่อคัสตาร์ดข้นแล้วก็ต้องยกลงค่ะ เดี๋ยวมันจะข้นมากเกินไป



และแม้ว่าเราจะยกคัสตาร์ดลงจากเตาแล้ว ความร้อนที่มีอยู่ในคัสตาร์ดก็จะทำให้มันสุกต่อ ดังนั้นเราต้องใช้ตะกร้อมือคนช้าๆ เพื่อให้คลายความร้อน ฟองที่ยังเหลือในคัสตาร์ดก็จะค่อยๆ หายไปเองค่ะ



คนต่อไปเรื่อยๆ เอานิ้วจิ้มดูดเป็นระยะ (อิอิ) ยังร้อนอยู่ ก็คนต่อไป



พอคัสตาร์ดเริ่มเย็น เนื้อก็เริ่มเนียนขึ้นค่ะ คนช้าๆ เบาๆ นะคะ จะได้ไม่เพิ่มอากาศเข้าไปในคัสตาร์ด เราคนเพื่อช่วยให้มันเย็นเร็วขึ้นแค่นั้นเอง



จริงๆ ในขั้นตอนกวนคัสตาร์ดให้เย็นนี้ จะเร่งให้เย็นได้ด้วยการเอาไปกวนในอ่างที่มีน้ำเย็นหรือน้ำแข็งแช่อยู่นะคะ

แต่อุ่นไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะกะละมังใบที่เคยเอาใช้แช่น้ำแข็งทุกทีมันร้าวค่ะ ยังไม่ได้ซื้อใหม่ ถ้าใช้คงมีน้ำรั่วเป็นทาง ก็เลยต้องใช้ความอดทน คนจนกว่ามันจะเย็น

เนื้อเนียนขึ้นแล้วค่ะ

อุ่นชอบรูปนี้จัง มันให้ความรู้สึกโฮมเมดยังไงไม่รู้ (รู้สึกไปเอง ^^")



วิปปิ้งครีม 2 ถ้วยตวง



เทลงไปในคัสตาร์ดที่เย็นแล้วเลยค่ะ



คนให้เข้ากัน



เติม Pure Vanilla Extract 1 ช้อนชา

อุ่นไม่มีนะคะ นึกขึ้นได้ว่ามีกลิ่นวานิลาของ Winner เหลืออยู่ก็เลยเอามาใส่ แหม .. แต่กลิ่นมันคนละเรื่องกันเลยนะคะ กลิ่น Pure Vanilla Extract จะหอมหวาน แต่กลิ่นวานิลาสังเคราะห์มันจะหอมเอียนๆ ชอบกล

แต่ก็ใช้ไปก่อนตามที่มีในห้องแหละค่ะ



คนให้กันแล้วก็พร้อมจะเอาไปแช่ช่องแข็ง



อุ่นใช้ฟอยล์คลุมไว้ด้วยค่ะ ป้องกันการดูดกลิ่นอื่นที่อยู่ในช่องแข็ง



น้องแอมแช่ช่องแข็งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ของอุ่น 3 ชั่วโมงค่ะ ตรงขอบๆ เริ่มแข็งแล้ว



ใช้ช้อนหรือส้อมข่วนๆ เอาเนื้อไอศกรีมที่แข็งตัวตามขอบๆ ลงมาค่ะ



จริงๆ ควรให้มันแข็งมากกว่านี้อีกหน่อยเนอะ แต่ตอนนั้นอุ่นเริ่มง่วงแล้วแหละ อิอิ อยากทำให้เสร็จๆ



คราวนี้ต้องใช้เครื่องทุ่นแรงหน่อยค่ะ เพราะง่วงแล้ว ตาจะปิด



ปั่นเพื่อสลายเกล็ดน้ำแข็งให้ได้เนื้อเนียนละเอียดแบบนี้เลยค่ะ



ย้ายภาชนะแล้วส่งเข้าช่องแข็งยาวไปเลยค่ะ อย่างต่ำ 5 ชั่วโมง อุ่นเข้านอนไปเลยแหละ



ขนเอาไอศกรีมมาแจกพี่ๆ ที่ทำงานค่ะ ที่ทำงานอุ่นอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ทั้งเล่มห่อกล่องไอศกรีม ใช้เวลา 15 นาทีเดินทางมาถึงที่ทำงาน ไอศกรีมก็เลยยังไม่ละลาย

ตักเสิร์ฟ จะมีใครสังเกตไหมว่า ใช้ถ้วยใบเดิมกะที่ใช้ใส่ไอศกรีม Cookies & Cream เลย



เนื้อไอศกรีมยังมีเกล็ดน้ำแข็งอยู่นิดๆ ถ้าช่วงที่แช่แข็งได้ออกมาปั่นอีกสักรอบสองรอบคงเนียนกว่านี้นะคะ

ถ้าจะทำรอบหน้า อุ่นคิดว่าทำกลางวันดีกว่า จะได้มีเวลาดูแลไอศกรีมทั้งวัน และความอดทนจะสูงขึ้นด้วยเพราะไม่ง่วงนอนเหมือนตอนทำกลางคืน



ซอสบลูเบอรี่สูตรแม่เดียร์เหลืออยู่ในตู้เย็น เลยเอามาราดเป็นฟิลลิ่งซะเลย



รีบถ่ายรูปแล้วก็รีบเสิร์ฟให้พี่ๆ ที่ทำงานค่ะ



อีกถ้วยตักเสิร์ฟให้หนุ่มน้อย หลานชายของพี่คนหนึ่งที่ปิดเทอมแล้วก็เลยเอามานั่งเล่นที่ทำงานด้วย



หยอดซอสบลูเบอรี่เยอะไปหน่อย เป็นปื้นเชียว แหะๆ ไม่สวยเลย

ขอบคุณน้องแอม Calamity มากนะคะสำหรับสูตรไอศกรีมแสนอร่อยและทำง่ายมากๆ (แต่ต้องใช้ความอดทนเล็กน้อย) กะว่าจะหาโอกาสทำอีกครั้งแล้วเติมช็อกโกแลตเข้าไป จะได้กลายเป็นไอศกรีมช็อกโกแลต ไว้ทำเมื่อไหร่จะมาแปะกระทู้รายงานนะคะ.



Create Date : 25 กันยายน 2551
Last Update : 3 กันยายน 2552 22:08:46 น. 1 comments
Counter : 1683 Pageviews.

 
เย่!! มากินคนแรกเลยครับท่าน อยากกินแบบราดบลูเบอร์รี่อะครับ ไม่สวยไม่เป็นไร น้องหลั่มกินได้ซำเหมอ!!


โดย: หลั่มหมั่นเหม่ง วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:18:22:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่เนื้ออุ่น
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ถ้าใครมีคำถามอยากพูดคุยแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะกับเมนูที่ไม่ได้โพสต์เป็นหน้าแรกของบล็อก รบกวนส่งข้อความมาทางหลังไมค์ดีกว่านะคะ เพราะอุ่นจะไม่ได้เข้าไปดูบล็อกหน้าเก่าๆ ว่ามีใครฝากคำถามใหม่ๆ เอาไว้หรือไม่ กว่าจะได้เข้าไปดู บางทีก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน -_-

หรือถ้าไม่มีล็อกอินพันทิป ส่งหลังไมค์ไม่ได้ ก็รบกวนฝากคำถามไว้ที่หน้าแรกของบล็อกนะคะ อุ่นจะได้เห็นและตอบได้ทันใจค่า
Friends' blogs
[Add แม่เนื้ออุ่น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.