|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
5 เมษายน 2554
|
|
|
|
ฝ่าน้ำท่วม...กรุงเทพฯ-สงขลา 29 มี.ค.- 3เม.ย.
จากข่าวการจากไปของย่า...ทำให้เก๋ต้องกลับบ้านที่สงขลาอย่างกระทันหัน โดยที่ได้ยินข่าวแว่วๆมาว่าเส้นทางลงใต้บางจุดมีน้ำท่วมสูง และอาจส่งผลให้รถผ่านไม่ได้
แต่ถึงยังไงเก๋กับน้องชายก็อยากเสี่ยงลงไปดู เพราะเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้เราดั้นด้นไปก็คือพ่อ พวกเราอยากยืนอยู่ข้างๆในวันที่พ่อต้องพบกับการสูญเสีย
เย็นวันอังคารที่ 29 มี.ค. หลังเลิกงานเก๋รีบขึ้นรถแท็กซี่มุ่งหน้าไปสู่สถานีขนส่งสายใต้ ซึ่งนัดหมายกับน้องชายไว้ เราไม่ได้ซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้าเพราะไม่มั่นใจเรื่องเส้นทางว่าจะสามารถผ่านได้หรือไม่
ระหว่างนั่งรถก็ฟังข่าวจากวิทยุเกี่ยวกับสภาพเส้นทางที่จะไป มีประกาศแจ้งเตือนว่าน้ำท่วมสูงบริเวณ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ผู้กำกับการในพื้นที่ให้สัมภาษณ์ว่ารถเล็กไม่สามารถผ่านได้ แต่รถใหญ่ยังสามารถผ่านได้อยู่
ซักครู่น้องชายที่ไปถึงสายใต้ก่อนเก๋ก็โทรมาบอกว่าตอนนี้ตั๋วลงไปสงขลาเต็มทุกค่าย เราจึงตัดสินใจซื้อตั๋วไปลงที่นครศรีธรรมราช แล้วค่อยหารถนั่งต่อไปที่สงขลาอีกที โดยที่ปกติระหว่างนครศรีธรรมราชและสงขลาจะใช้เวลาเดินทางประมาณสามชั่วโมง
เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยพวกเราทานข้าวและเข้าไปหาซื้อน้ำและขนมไว้เป็นเสบียงสองถุงใหญ่จาก 7-Eleven เพราะความไม่มั่นใจเส้นทางข้างหน้าว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน หรือบางทีรถอาจจะข้ามไปไม่ได้ แต่เราก็ยังมีอาหารสำรองไว้กับตัว กองทัพเดินด้วยท้องประมาณนั้น
รถทัวร์ที่เรานั่งเริ่มออกเดินทางเวลา 21:30 น. รถทัวร์น่าจะเดินทางไปถึงนครโดยใช้เวลาประมาณ 10 ชม.
เช้าวันที่ 30 มี.ค. เราเข้าจุดที่มีปัญหาตรง อ.ไชยา ทราบได้ทันทีว่าเข้าเขตที่มีปัญหาแล้ว เพราะรถติดยาวมาก ช่วงเส้นทางที่รถติดยาวประมาณ 50 เมตร ใช้เวลาเคลื่อนตัวผ่านจุดนั้นไปประมาณ 1 ชม. ส่วนถนนอีกฝั่งที่ไว้ให้รถขาขึ้นกรุงเทพ ตอนนี้ไม่มีรถวิ่งเลย เพราะน้ำท่วมสูงมากจนเส้นทางถูกปิดไว้ไม่ให้รถวิ่งผ่าน
เมื่อรถผ่านไชยาไปได้ เราก็โล่งใจเพราะไม่คิดว่าจะมีตรงช่วงไหนมีปัญหาอีก
แต่ในระหว่างที่รถเข้าสู่ จ. นครศรีธรรมราช
เราเริ่มเห็นข้างทางเต็มไปด้วยน้ำ บ้านเรือนสองข้างทางถูกน้ำท่วม ถึงหลังคาก็มี บางบ้านก็พยายามนำรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์มาจอดไว้บนถนนเพื่อไม่ให้โดนน้ำท่วม เพราะถนนดูจะมีระดับที่สูงกว่าระดับบ้านสองข้างทาง แต่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่พยายามพารถไปจอดหนีน้ำไว้ตามที่สูง เพราะส่วนใหญ่ต้องปล่อยให้รถจมอยู่ใต้น้ำ พร้อมๆกับข้าวของในบ้านที่ตอนนี้ต่างก็ต้องยอมทำใจให้น้ำท่วมไปโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
บางช่วงก็จะเห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่นั่งๆยืนๆอยู่บนถนน เมื่อรถเข้าไปใกล้ๆก็เห็นชัดเจนว่าบริเวณนั้นเป็นจุดให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คนที่บ้านถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถอยู่ในบ้านได้ก็จะต้องมาอยู่ที่นี่ ฟังจากวิทยุท้องถิ่น บางคนไม่ได้กลับบ้านมาสองวันแล้ว เพราะน้ำท่วมสูงถึงหลังคา ต้องรีบออกมา ต่างก็บอกว่าในนาทีนี้ต้องทำใจ ข้าวของในบ้านคงเสียหาย แต่ก็ต้องเอาชีวิตรอดไว้ก่อน
ตรงจุดที่พักของผู้ประสบภัยจะมีข้าวและแกงที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้สำหรับผู้ที่ไปอยู่ได้ทานกัน คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นมีแต่ตัว ข้างๆตัวไม่มีข้าวของอะไรที่ขนออกมาจากบ้านได้เลย
น้ำที่ไหลมาเป็นลักษณะน้ำไหลเชี่ยวไหลตัดกับถนนจากด้านซ้ายไปขวาบ้าง บางจุดก็ขวาไปซ้าย ดูเหมือนจะเป็นน้ำป่าที่ไหลมาจากภูเขา
บางจุดน้ำไหลแรง เซาะดินพังจนกลายเป็นขั้นน้ำตก (ดูแล้วก็คิดถึงแฟน เพราะแฟนชอบน้ำตกเป็นชีวิตจิตใจ แต่น้ำตกที่ถนนตอนนี้เป็นสีเหมือนชาเย็น)
น้ำแรงมากจนทำให้กำแพงของวัดนึงที่ผ่านล้มพังไปทั้งแถบ
ช่วงที่มีสะพานคอนกรีตเล็กๆ น้ำไหลเชี่ยวเต็มจนถึงคอสะพานเกือบทุกสะพาน ถ้าไหลแรงถึงคอสะพานนานกว่านี้ ไม่นานสะพานคงขาดเป็นแน่แท้ ภาวนาในใจว่า ช่วยไปให้ถึงที่หมายไวๆก่อนสะพานพวกนี้หมดอายุขัยหน่อยเถอะ
ตอนนี้สภาพถนนบางช่วงมองเห็นพื้นถนนได้ลางๆ แต่บางช่วงน้ำลึกเกือบถึงหน้ากระโปรงรถกระบะ มองไม่เห็นพื้นถนน มีเพียงรถที่วิ่งตามๆกันไป และอาศัยการสังเกตุไม้ที่ปักไว้เป็นจุดๆเพื่อให้เห็นได้ว่านี่คือขอบถนน หากพลาดออกไปนอกหลักไม้ รถก็อาจจะพลิกไปตกอยู่ในคูที่ขุดไว้แทนเกาะกลางได้...ไม่อยากจะนึกภาพเลย
เส้นทางที่เราผ่านได้แก่ ศิชล ท่าศาลา ซึ่งมาทราบทีหลังว่าเป็นจุดหนักๆที่น้ำท่วมสูง
แล้วรถก็เข้าสู่ตัวเมืองด้วยความทุลักทุเล...คนขับคงเหงื่อตก และเดาได้ว่าถ้ากลับบ้านไปคงวิ่งไปหากระปุกยาพารามาทานแก้ปวดหัว
รถเข้าสู่ตัวเมืองนครเวลาประมาณ 12:00 น. ...โดยที่พวกเราค่อยๆทานเสบียงจนร่อยหรอไปเรื่อยๆ ส่วนคนอื่นๆก็ดูอ่อนเพลียจากการเดินทางรวมเกือบ 15 ชม.
รถจอดให้เราลงตรงแยกไหนซักแยก และบอกพวกเราว่า รถไม่สามารถเข้า บขส. ปลายทางที่เราต้องการไปได้แล้ว เพราะตอนนี้น้ำท่วมสูง
พวกเราหลายๆคนหน้าเหวอ....เพราะบางคนเพิ่งมานครศรีฯ เป็นครั้งแรก หลายคนใช้วิธีคล้ายๆกับเราคือไปให้ถึง บขส. นครก่อนแล้วที่นั่นจะมีรถให้เราไปจังหวัดที่ต้องการได้
แต่ที่นี่ไม่ใช่ บขส. แล้วเราจะนั่งรถอะไรกลับบ้าน? แถมยังไม่รู้ด้วยว่าที่คือจุดไหนของนคร
เก๋คิดจะไปถามพนักงานของรถว่าเราสามารถเดินทางไปหารถต่อไปที่สงขลาได้ยังไงบ้าง แต่ก็มีคนชิงตัดหน้าถามไปก่อน และได้คำตอบจากพนักงานว่า เค้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน และไม่แน่ใจด้วยว่าจะมีรถที่เราต้องการรึเปล่า เพราะตอนนี้น้ำท่วมในตัวเมือง อาจไม่มีรถวิ่ง แล้วรถทัวร์ก็ทิ้งพวกเราไป ปล่อยให้คนหน้าเหวออีกประมาณสิบกว่าคนยืนหันรีหันขวางอยู่ตรงข้างทาง
ซักครู่ก็มีรถสองแถวผ่านมา เราคาดว่าจะเป็นรถที่วิ่งเข้าสู่ตัวเมืองนคร(ดูจากป้าย) เลยไปถามคนขับเพื่อความแน่ใจ คนขับบอกกับเราว่าจะพาไปส่งตรงคิวรถตู้ที่จะเดินทางไปจังหวัดสงขลา
พวกเราเลยวิ่งกรูกันขึ้นไปนั่งบนรถ ยัดตัวเองเข้าไปให้ได้ ข้างละประมาณแปดถึงเก้าคน เพื่อไม่ให้มีใครตกหล่นอยู่ตรงนั้น
เก๋โทรศัพท์ไปบอกแม่ถึงการมาถึงนครแต่ไม่ได้ลงตามจุดที่ต้องการ...แม่มีท่าทีกังวล แต่เก๋ก็หัวเราะตอบแม่ไปเสียงเจื้อยแจ้วว่า แม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็หาทางไปได้อยู่ดี นครแค่นี้เอง สบายมาก
ในตัวเมืองนคร ตอนนี้น้ำท่วมสูงเลยเข่า เกาะกลางเป็นพื้นที่สูงหน่อย เลยเป็นทำเลดีกลายเป็นที่ขายผัก ผลไม้ของแม่ค้าไป ทุกคนยังมีสีหน้าไหวอยู่ ส่งเสียงตะโกนทักทาย ถามความเป็นอยู่กันกันโหวกเหวก แต่ฟังไปฟังมาดูท่าจะไม่รู้จักกันก็มี เป็นเสน่ห์ของเมืองใต้ พวกเรามักจะรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน เป็นพี่น้องกัน โดยที่ไม่จำเป็นว่าเราจะรู้จักกันรึเปล่า
และแล้วเราก็มาถึงคิวรถตู้ และได้นั่งรถกลับถึงสงขลาเวลาประมาณ บ่ายสามโมงกว่าๆ รวมเวลาเดินทาง กทม.- สงขลา 18 ชม. (จากปกติ 12 ชม.)
บ้านเก๋ฝนตกฟ้าครึ้มสลับกับฟ้าโปร่งบ้าง แต่ยังไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม เพราะอยู่ใกล้ทะเล น้ำจึงสามารถระบายลงทะเลได้อย่างรวดเร็ว
และแล้วก็มาถึงตอนขากลับ ที่ลุ้นหนักกว่าขามา เราต้องดูข่าวทุกวันเพื่อตรวจสอบว่าจะสามารถนั่งรถกลับกรุงเทพได้รึเปล่า
วันพฤหัสที่ 31 มี.ค. เราขับรถไปที่หาดใหญ่เพื่อซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้เดินทางวันที่ 1 เม.ย. แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าขายตั๋วให้ล่วงหน้าไม่ได้ ช่วงนี้ต้องมาดูวันต่อวัน
วันศุกร์ที่ 1 เม.ย.
เราเก็บเสื้อผ้าเตรียมพร้อมเดินทางกลับ กะว่าซื้อตั๋วที่หาดใหญ่ ได้ตั๋วก็จะขึ้นรถเลย
แต่ก็ต้องจ๋อยอีกรอบเพราะวันนี้ตั๋วเต็มแล้ว เราเลยขอซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ยอม เพราะเรามาสองรอบแล้ว อ้อนวอนนิดนึง บ้านไม่ได้ใกล้หาดใหญ่ด้วย(บ้านเก๋อยู่ห่างจากหาดใหญ่เดินทางประมาณ 1:30 ชม.) เลยได้ตั๋วตอนเก้าโมงเช้าของวันเสาร์ที่ 2 เม.ย.
วันเสาร์ที่ 2 เม.ย. รอบที่สามของการมาหาดใหญ่เพื่อหารถกลับกทม. กะว่ารอบนี้ไม่พลาดแน่เพราะมีตั๋วอยู่ในมือ
แปดโมงครึ่งเตรียมของทุกอย่างมาพร้อม มาถึงท่ารถ อ้าวไม่เห็นมีรถทัวร์ เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ ได้คำตอบว่า วันนี้เส้นทางน้ำท่วมสูง รถไม่สามารถผ่านได้แล้ว ให้เราเลือกได้ว่าจะคืนตั๋ว หรือเลื่อนเวลาเดินทาง
ก็เลยถามว่ารถจะวิ่งได้อีกทีเมื่อไหร่ เค้าก็บอกว่าไม่แน่ใจต้องมาเช็คเป็นระยะ ขึ้นอยู่กับระดับน้ำ
นั่นก็หมายความว่า ถ้ารอต่อไป พวกเราก็ไม่ชัวร์ว่าจะได้กลับกทม.วันไหน
พวกเราจึงตัดสินใจขับรถกระบะของที่บ้านขึ้นมากทม. รถที่บ้านเป็นรถกระบะสี่ประตูตัวรถค่อนข้างสูง คิดว่าน่าจะไหวสำหรับการลุยน้ำ
แต่... พ่อกับแม่เป็นห่วงเลยไม่อยากให้เรามากันตามลำพัง เก๋ไม่อยากให้ท่านมานั่งรถลำบาก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง เกลี้ยกล่อมกันอยู่พักนึงว่าพวกเราไปกันตามลำพังได้ ท่านก็ไม่ยอม สุดท้ายเลยยอมให้ท่านมาด้วยกัน พ่วงชิสุมาด้วยหนึ่งตัว..ลูกรักของแม่
เราเดินทางออกจากบ้านเวลา 13:00 น. ก่อนออกเดินทางได้ลองโทรไปตามเบอร์สอบถามเส้นทางของทางหลวง แต่รู้สึกว่าสายจะฮอตมาก โทรไม่ติดเลย
สิ่งที่ทำได้ก็คือการช่วยเหลือตัวเอง...กางแผนที่ เราคิดกันไว้ว่าจะขับรถอ้อมไปทางฝั่งตะวันตก (บ้านเก๋ภาคใต้ฝั่งตะวันออก) เพื่อหนีเส้นทางสุราษฎร์ ที่มีปัญหาน้ำท่วมอยู่
เป็นเส้นทางที่เราเพิ่งลองมาครั้งแรก
เก๋ไม่แน่ใจว่าตอนนี้รถที่วิ่งระหว่างสงขลา-กรุงเทพเปิดให้ใช้เส้นทางได้ตามปกติแล้วรึเปล่า แต่ถ้าใครที่กำลังหาเส้นทางที่ไม่เสี่ยงกับการติดน้ำท่วม สามารถใช้เส้นทางเดียวกับเก๋ได้ค่ะ ลองมาแล้วผ่านตลอด ไม่เจอฝนหรือน้ำท่วมเลย แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจากฝั่งตะวันออกที่มืดครึ้มและมีฝนตกตลอดเวลา
เรากางแผนที่และใช้เส้นทาง จากสงขลา --> ระโนด --> เชียรใหญ่(นครศรีฯ)--> ทุ่งสง(นครศรีฯ ) -->จ.กระบี่--> จ.พังงา-->จ.ระนอง แล้วตัดเข้าชุมพร ก็เข้าสู่เส้นทางสายหลักของถนนสายเอเชียตามปกติค่ะ
จะเป็นเส้นทางที่อ้อมข้ามนครศรีฯ กับสุราษฎร์ไป แล้วไปโผล่ที่ชุมพรเลย
แผนที่จากเว็บไม่ชัดนะคะ เอามาให้ดูจะได้นึกภาพออก
จากแผนที่ก๊องแก๊งของเก๋จะเห็นว่าเส้นทางที่เคยไปตามปกติ จะเป็นเส้นสีส้มหรือสีน้ำเงินผ่านนครศรีฯและสุราษฎร์ฯ
แต่เส้นทางใหม่ที่เลือกไปเป็นเส้นสีแดง เป็นภาคใต้ฝั่งตะวันตก ใช้สีเขียววงจังหวัดที่ผ่านไว้
เส้นทางนี้ค่อนข้างอ้อม ระยะทางไกลกว่าถนนสายเดิม ส่วนใครที่ลัดเลาะได้เก่งก็สามารถหาทางลัดตัดในแผนที่ที่แต่ละคนมีได้ค่ะ
** หากใครจะวิ่งเส้นนี้แนะนำให้ไปตอนกลางวัน เพราะถนนเป็นทางขึ้นลงเขาโค้งหักศอกเยอะมาก ถนนแคบ โดยเฉพาะช่วงพังงาและระนอง ไปตอนกลางวันจะปลอดภัยกว่าตอนกลางคืน และไม่แนะนำสำหรับคนที่ขับรถยังไม่เก่งค่ะ
แม่ให้เก๋เขียนหมายเหตุทำดอกจันไว้สองอัน ตัวโตๆ เขียนว่า เส้นทางอันตราย ควรหลีกเลี่ยง(รอบหน้าไม่ขอผ่าน)
แม่เก๋กลัวมาก แต่เก๋กับน้องชายรู้สึกว่ายังไม่น่ากลัวมากหากเราขับด้วยความระมัดระวัง
ถนนเส้นนี้ทำให้รถของเราคลัชพังไปเลย แต่คาดว่าคลัชเราน่าจะใกล้หมดอยู่ก่อนแล้ว พอเจอเส้นทางหินเข้าก็เลยสิ้นใจไปเลย เป็นช่วงเวลาดึกพอดี ทำเอาพวกเราใจตุ๊มๆต่อมๆ
น้องชายประคับประคองรถมาด้วยความเร็ว 60 กม/ชม. โดยพยายามขับยาวๆไม่เปลี่ยนเกียร์เพื่อให้เข้าเขตเมืองและหาศูนย์ซ่อมได้
ในที่สุดเราก็เจอศูนย์ที่หัวหินที่เปิดทำการวันอาทิตย์ ซึ่งตอนนั้นรถเข้าเกียร์สี่ไม่ได้แล้ว
พอมาจอดก็เจอเพื่อนหัวอกเดียวกัน อาการคลัชพังเหมือนกัน แล้วก็ผ่านเส้นทางระนองเหมือนๆกับที่พวกเรามา
เรามาจอดซ่อมอยู่ประมาณห้าชั่วโมง (นั่งจนม๋าทำหน้าเซ็ง)
สุดท้ายก็เดินทางมาถึงกทม. ซึ่งเป็นวันอาทิตย์เวลาประมาณสองทุ่ม
รวมเวลาเดินทางทริปนี้ 31 ชม.(รวมซ่อมรถ 5 ชม.)
กลับถึงห้องปวดเมื่อยไปหมดเลย...แต่ก็ยังสดชื่นได้อยู่ดี เพราะได้เจอยิ้มใสๆจากใครบางคน
ขอจบทริปหฤโหดไว้เพียงแค่นี้ค่ะ
เก๋ไม่แน่ใจว่ามีใครสนใจจะไปเส้นทางลงใต้แบบหนีน้ำท่วมตามที่เก๋ไปรึเปล่าคะ ถ้าสนใจบอกได้ค่ะเก๋จะได้เขียนเส้นทางที่ผ่านให้ละเอียดกว่านี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับความห่วงใยจากทุกคนที่คอยมาถามข่าวคราวค่ะ
แล้วก็ขอส่งกำลังใจไปให้ผู้ประสบภัยทุกคนค่ะ.. ขอให้ฝนหยุดตกในเร็ววัน..เหตุการณ์ต่างๆจะได้คลี่คลายลง
Create Date : 05 เมษายน 2554 |
|
14 comments |
Last Update : 5 เมษายน 2554 13:17:27 น. |
Counter : 3686 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: ดวงลดา 5 เมษายน 2554 11:28:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: คิคูจิโร IP: 125.25.30.175 6 เมษายน 2554 17:58:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: -..- (tictin ) 6 เมษายน 2554 23:45:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: พีช IP: 180.183.149.68 10 เมษายน 2554 12:43:17 น. |
|
|
|
| |
|
|
sea_story |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]
|
ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางที่จะเดินได้
ถ้าเชื่อมั่นว่ากำลังทำสิ่งดี
..ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองเราไม่ดี
คิด..พูด..ทำ.. ในสิ่งที่เชื่อว่าดีที่สุด
แล้วทุกอย่างจะดีเอง
|
|
|
โดนน้ำท่วมด้วยป่าว แต่ดูข่าวสงขลาไม่ท่วม แวะเข้ามาดู
ถึงที่บ้านน้ำไม่ท่วม แต่คุณเก๋ก้อต้องกลับบ้านในช่วงภาวะนี้
ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของคุณย่าด้วยนะค่ะ
อ่านการเดินทางของคุณเก๋ในช่วงภาวะแบบนี้แล้ว เหนื่อยเลยนะ
แต่ยังงัยเราก้อไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยสวัสดิภาพ
ทั้งไปและกลับนะค่ะ คุณเก๋เล่าได้ละเอียดดีค่ะ
สงสารคนที่โดนน้ำท่วมนะค่ะ หมดตัวกันเลย
ดูข่าวแล้วได้แต่ส่งกำลังใจไปให้ค่ะ กว่าจะฟื้นตัวได้
ไม่รู้จะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนนะค่ะ