ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา...พ่อกับแม่ขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพ
หลังจากทำธุระเสร็จเราก็เริ่มตะลอนเที่ยวไปตามจังหวัดใกล้เคียง
จากที่ขับรถมาราธอนกันมาทั้งวัน
จนถึงเวลาค่ำ...เราก็เลือกที่จะขับต่อไปที่ชะอำเพื่อหาอาหารทะเลทานและนอนพักที่นั่น
เรามาถึงชะอำประมาณสามทุ่มกว่า..แล้วก็เริ่มขับตระเวนเข้าไปถามหาที่พักว่าง
น่าตกใจที่คืนนี้ที่พักเต็มหมด คงเพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว คนในกทม.ต่างหลั่งไหลมาเที่ยวที่นี่
เราวนหาที่พักอยู่จนถึงเที่ยงคืน..
ไปตามถนนที่ไม่ได้ติดทะเลก็ไม่มีที่ไหนว่าง
สุดท้ายเลยตัดสินใจไปหาข้าวทาน..และขับไปหาที่พักตามถนนเส้นหลักที่จะมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ
เที่ยงคืนกว่า...เรายังคงขับหาที่พัก หลังจากออกมาจากชะอำซักพักก็เจอที่พักอยู่ติดถนนเส้นหลัก
ที่แรก...ที่พักเต็ม
ที่ที่สอง...ที่พักเต็ม
ในระหว่างที่ออกมาก็เห็นรถเข้าไปสอบถามหาที่พักเหมือนกัน แสดงว่าคนที่ล้นมาจากชะอำหลายคนก็กำลังขับหาที่พัก ทำให้ที่ๆอยู่แถวนี้เต็มหมด
เวลาผ่านไปจนเกือบตีหนึ่ง...รถบนถนนเริ่มน้อยลง
เราเจอป้ายของที่พักแห่งนึง
พอเห็นป้ายก็เริ่มชะลอรถ..ตีเข้าช่องซ้ายสุด..เพื่อมองหาทางเข้าที่พัก
อยู่ๆก็มีรถเก๋งคันหนึ่งขับแซงจากด้านขวา...เลี้ยวซ้ายตัดหน้ารถของเรา เข้าซอยไปอย่างกระทันหัน
พ่อถึงกับบ่น...กับการขับรถตัดหน้า
เราต่างคิดว่าคงเป็นรถที่กำลังขับหาที่พักเหมือนกัน พอเห็นป้ายก็รีบแย่งเข้าซอยไป
รถของเราค่อยๆชะลอเพื่อจะเลี้ยวซ้ายตามเข้าไปในซอย
แต่แล้วก็ต้องรีบจอดรถ...เมื่อพบว่าทางที่กำลังจะเลี้ยวเข้านั้นไม่ได้เป็นซอย
แต่กลับเป็นทางเข้าบ้านหลังหนึ่งที่ตัวบ้านอยู่ด้านในเข้าไป
ตัวบ้านเปิดไฟหน้าบ้านไว้
หน้าบ้านมีประตูเหล็กบานใหญ่ปิดทางเข้า
แล้วรถที่เลี้ยวเข้ามาก่อนเราเมื่อกี้ไปไหน?
ทุกคนถึงกับงงในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีทางที่รถคันนั้นจะเปิดประตูและเลี้ยวเข้าไปได้ทันในระยะที่ขับตามกันมาติดๆ
เก๋สงสัยจนถึงกับกดกระจกลงมองไปรอบๆเพื่อมองหารถคันนั้น
บรรยากาศข้างนอกเงียบสนิท รอบๆบ้าน และพื้นที่รอบๆไม่มีทางไหนที่รถคันนั้นจะไปได้เลย
เก๋กดเลื่อนกระจกขึ้น ไม่กล้าพูดอะไรต่อกลัวแม่จะกลัว
พ่อทำหน้างง
แล้วเราก็เริ่มทบทวนเหตการณ์ด้วยกัน ทุกคนเห็นรถคันนั้นขับตัดหน้าเหมือนกัน แล้วรถก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำเอางงกันไปตามๆกัน
หลังจากนั้นเราก็ขับรถต่อ
เรายังคงเห็นป้ายที่พักแห่งนี้เป็นป้ายที่สอง มีต้นไม้เล็กๆเลื้อยอยู่บนป้าย เหมือนขาดการดูแล
และเห็นป้ายที่พักเดิมเป็นป้ายที่สาม ในระยะที่ห่างกันพอสมควร
แต่ในตอนนั้นพวกเราไม่กล้าที่จะเลี้ยวรถเข้าไปตามป้ายนั้นได้อีกแล้ว
เวลาผ่านไปจนตีหนึ่งกว่า...เราหาที่พักริมถนนได้แห่งหนึ่งเพื่อให้นอนพักเอาแรงเพื่อจะเดินทางต่อไปได้ในเช้าวันรุ่งขึ้น
ตอนเช้าแม่พูดถึงเหตุการณ์ที่รถหายไปเมื่อคืน แม่บอกว่าตอนนั้นรู้สึกขนลุก คงจะเจออะไรบางอย่างเข้าแล้ว
ส่วนพ่อซึ่งเป็นคนไม่กลัวเรื่องพวกนี้ ก็ยังสันนิษฐานว่ารถที่เราเห็นอาจจะเคยเลี้ยวตัดหน้ารถคันอื่นจนเกิดอุบัติเหตุแถวๆนี้ และมาปรากฏให้เราเห็นอยู่แบบนั้น
ก็เป็นเหตุการณ์งงๆที่มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นอะไร
แต่ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดกับคนที่ขับรถคนเดียว...ก็คงเสียวสันหลังวาบเหมือนกันนะคะ
สงสัยจะโดนเข้าให้แ้ล้วค่ะพี่เก๋
ยามวิกาลเที่ยงคืนขนาดนั้น ได้ที่พักแบบไหนก็พักแล้วล่ะค่ะ
ดีไม่ดี ตีรถเข้ากรุงเทพดีกว่า
หากปอยนั่งมาด้วย สงสัยขนหัวตั้งแน่ๆ