จุดที่ดูจะวุ่นวายสุดน่าจะเป็นจุดรายงานตัว เด็กๆเดินไปมาพลุกพล่าน
อาจารย์บางโรงเรียนมาหนึ่งหรือสองท่านพาเด็กมาประมาณยี่สิบถึงสามสิบคน
หน้าที่ของเก๋กับเป้คือ พาตัวนักกีฬาจากจุดรายงานตัวเข้าสนามแข่ง....ระยะทางห่างกันเล็กน้อย
เราต้องพาตัวนักกีฬาเข้าไปเพราะไม่อนุญาตให้อาจารย์หรือคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าในสนาม
พอนักกีฬาแข่งเสร็จถึงจะเดินออกมาหาอาจารย์ หรือบางคนที่ดูแล้วจะไม่สามารถหาอาจารย์เองได้เราก็จะพาน้องกลับมาหาอาจารย์
อาจารย์ก็ไม่ได้อยู่กับที่ เพราะต้องพาเด็กคนอื่นๆไปรายงานตัว หรือต้องคอยไล่จับเด็กที่แตกกลุ่มไป
...จับปูใส่กระด้งเป็นแบบนี้นี่เอง
วิธีการพาน้องเข้าสนามก็คือ ดูป้ายชื่อน้องที่แขวนอยู่ที่คอว่าตรงกับใบรายงานตัวรึเปล่า
แล้วก็จับมือน้องข้างละคน เดินเข้าสนาม
ถ้าไม่จับมือ...น้องบางคนก็ไม่เดินตามเรามา น้องหายก็ต้องไปตามหา
แต่จุดที่แข่งขันบอชชี่ไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไรมาก น้องๆที่แข่งกีฬาประเภทนี้ค่อนข้างจะสื่อสารกันได้เข้าใจเพราะบอชชี่เป็นกีฬาที่มีกติกา
ในระหว่างที่เดินจูงมือพาน้องเข้าสนามก็จะพูดคุยให้น้องๆหายตื่นเต้น
น้องๆที่มาแข่งค่อนข้างจะตื่นเต้นและกดดัน
เพราะน้องๆที่มาได้รับการคัดเลือกระดับภาคมาแล้ว ครั้งนี้เป็นการแข่งขันระดับประเทศเพื่อคัดตัวน้องๆไปแข่งที่ต่างประเทศ
บางคนมือเย็นเฉียบ บางคนก็ดูออกว่าเค้าค่อนข้างกังวล
เราก็ชวนคุยให้เค้ารู้สึกผ่อนคลายลง
บางคนก็ขออนุญาตเดินไปหาอาจารย์ให้อาจารย์เป่ากระหม่อม เรียกขวัญกำลังใจ
มีคนนึงเอาพระที่แขวนอยู่ที่คอออกมายกมือไหว้...ออกแนวเล่นของ
เป้เชียร์เด็กที่มาจากใต้...บอกน้องให้สู้ๆ...
..เป็นกรรมการแต่แอบมีลำเอียง
การเป็นพี่เลี้ยงให้กับน้องๆในวันนี้เป็นอะไรที่รู้สึกมีความสุข
ถึงจะเหนื่อยและร้อนที่ต้องเดินไปเดินมากลางแดดทั้งวัน
แต่ก็หายเหนื่อยเมื่อเห็นเด็กๆทุกคนสนุกสนาน
ถึงแม้เด็กบางคนจะมาด้วยความรู้สึกกดดันหรือกลับไปด้วยความผิดหวังบ้าง
แต่มันก็เป็นช่วงเวลานึงที่เค้าจะได้ออกมาต่างสถานที่
...ได้มาพบกับเพื่อนๆต่างโรงเรียน
...และแสดงความสามารถให้ทุกคนได้เห็น
เก๋เชื่อว่าน้องๆทุกคนภาคภูมิใจที่ได้เข้าร่วมกีฬาระดับประเทศ
พาไปดูอีกหนึ่งกีฬา
.
.
สนามของเราอยู่ใกล้สนามวิ่งแข่ง
ตรงเส้นขัยจะต้องมีพี่เลี้ยงยืนอยู่เพื่อบอกให้น้องทราบว่าเข้าเส้นชัยแล้วให้หยุดวิ่ง
มีรอบนึงที่พี่เลี้ยงจับตัวน้องไม่ทัน น้องก็วิ่งอยู่แบบนั้นเลยเส้นชัยไปแล้วก็ยังไม่หยุด
พี่เลี้ยงต้องวิ่งไล่ตามให้น้องหยุด วิ่งไล่ตามกันเป็นพรวน ...ตลกดี
มีภาพนึงที่เก๋ประทับใจมาก
น้องนักกีฬาวิ่งคนนึงแขนขาลีบเล็กกว่าปกติ
เมื่อเริ่มออกสตาร์ท เค้าวิ่งได้ช้ากว่าคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
คนที่ขาปกติก็จะมีกำลังขามากกว่า ทุกคนวิ่งทิ้งห่างน้องคนนั้นไป
ถึงจุดที่คนอื่นๆเข้าเส้นชัยไปหมดทุกคนแล้ว...น้องคนนี้ก็ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆมุ่งหน้าสู่เส้นชัยอยู่
ภาพที่เราเห็นเค้าวิ่งช้าๆ ....แต่คงเป็นการวิ่งที่ไวที่สุดของเค้าแล้ว
หน้าของเค้ามีแต่ความมุ่งมั่น เก๋เข้าใจแล้วว่า "หัวใจ" ที่ชนะร่างกายเป็นยังไง
จะมีซักกี่คนที่ไม่รู้สึกท้อจนหยุดวิ่ง...เมื่อเห็นเพื่อนๆเข้าเส้นชัยไปลิบๆแล้ว
...แต่เค้ายังคงวิ่งต่อไปถึงเส้นชัยของตัวเอง
ในหนึ่งวันนี้ให้อะไรสำหรับเก๋มากมาย
เก๋รู้สึกได้ว่าน้องๆเหล่านี้รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างเด็กทั่วไป
เด็กๆเหล่านี้ว่าง่ายเชื่อฟังไม่ก้าวร้าว ไม่ดื้อเหมือนเด็กปกติในวัยเดียวกัน
สิ่งที่เค้าขาดทำให้เค้ารู้สึกไม่มั่นใจ
การได้เข้ามาแข่งขันกีฬาระดับประเทศจะทำให้เค้ารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้แสดงความสามารถให้ทุกๆคนได้เห็น
เพื่อสร้างและสนับสนุนความมั่นใจในการใช้ชีวิต...และโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
หวังว่าน้องๆทุกคนจะได้รับความสุขจากการเข้าร่วมกิจกรรมนี้
เหมือนๆกับพี่ๆที่ได้รับความสุขจากน้องเช่นกัน :)
ปล. นำรูปมาลงเพิ่มเติมค่ะ
ภาพบรรยากาศวันเปิดงาน ซึ่งเก๋ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วม
ขอบคุณภาพจาก: //www.facebook.com/unicefthailand