เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คือเรื่องเล่าหลายๆเรื่อง..เมื่อเวลาผ่านไป
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
20 กรกฏาคม 2554

ใครฆ่าตัวตาย..ใครทำร้ายตัวเอง


"เรื่องนี้ยาว...แต่เป็นอีกประสบการณ์ที่อยากให้อ่านค่ะ คงได้ประโยชน์"




เมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนที่เก๋เรียนมหาลัยปีท้ายๆ

เวลาดึกของคืนนึง เก๋ได้รับโทรศัพท์จากพี่ผู้หญิงที่รู้จักกัน

เก๋เองไม่ค่อยทราบเรื่องชีวิตเค้ามากมายนัก เรารู้จักกันผ่านโลกออนไลน์

เราไม่เคยเจอกัน จะมีบ้างที่หลายๆเดือนผ่านไปก็จะโทรถามสารทุกข์สุกดิบกัน



คืนนั้นเก๋เป็นคนถูกโทรหา...ด้วยเรื่องที่ทำให้เก๋อึ้งไป

ประโยคแรกที่พี่บอกกับเก๋

“อยู่ข้างบนนี่ลมเย็นดี กระโดดลงไปข้างล่างคงจะสบาย”

คำพูดที่ได้ยิน ทำให้เก๋ตกใจ คล้ายๆคนที่กำลังคิดสั้นกระโดดตึก

มันคงไม่น่ากลัวถ้าน้ำเสียงเค้าจะเหมือนเดิม

จากที่ฟัง ดูอารมณ์เค้าไม่ได้ปกติ ไม่ขี้เล่น ไม่ร่าเริงเหมือนทุกๆครั้ง

เก๋เลยถามเค้าไปว่า เค้าอยู่ที่ไหน

สองสามครั้งที่เก๋พยายามพูดถาม แต่เหมือนเค้าจะไม่ค่อยตอบสนองกับคำพูดของเก๋

หลังจากพยายามถามอยู่พักนึง..เก๋ก็ได้คำตอบว่า...เค้าอยู่ที่พักของเค้าซึ่งเป็นห้องเช่าอยู่ประมาณชั้นที่ 7 หรือ 8 (เก๋ไม่แน่ใจ)



เก๋ยังชั่งใจอยู่ว่า ณ ตอนนี้เค้ากำลังคิดอะไร

เค้ากำลังคิดสั้นจริงๆ หรือแค่รู้สึกเครียดจนบ่นกับตัวเองออกมาว่าอยากตาย




จากที่ฟัง เก๋รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของลักษณะการคุยของเค้า

เหมือนเค้าไม่ค่อยตอบสนองกับการคุย การถามของเก๋

เก๋เลยเริ่มกลัวไปว่า..เค้ากำลังคิดจะทำสิ่งที่น่ากลัวอยู่จริงๆ

พอเก๋จะชวนเค้าคุยต่อเพื่อให้เค้าได้ระบายความเครียดที่มีอยู่ออกมาบ้าง

เค้าก็พูดลาขึ้นมาเพื่อที่จะวางสายจากเก๋

มันยิ่งทำให้เก๋รู้สึกกลัวขึ้นไปอีก




ตอนนั้นเก๋งงๆและตกใจ

ไม่ทันที่เค้าจะวางสาย... เก๋เรียกชื่อเค้า

"นานแล้วนะที่เรารู้จักกัน" เก๋พูประโยคนั้นไป

เก๋ถามเค้าต่อว่า “จำได้มั้ยว่าเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว?”

ไม่รู้สินะ..เก๋ไม่เคยเจอประสบการณ์ที่ใครโทรมาลาแบบนี้ เลยไม่ทราบว่าจะต้องพูดเกลี้ยกล่อมยังไง

แต่เก๋แค่ต้องการเรียกสติเค้ากลับคืนมา ด้วยคำถามที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เค้าวนเวียนคิดอยู่ตอนนั้น

เก๋คิดไปว่า คนบางคนเมื่อเครียดก็จะยิ่งปากหนัก นิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดสิ่งที่กำลังคิดอยู่ตอนนั้นออกมา

เมื่อก่อนเก๋เป็นคนประเภทนั้น ยิ่งเครียดก็จะยิ่งนั่งนิ่งไม่พูดอะไรเลย ถึงแม้เพื่อนจะถามเพื่อให้เล่าที่กำลังเก็บ ก็จะไม่สามารถพูดออกมาได้ มันเหมือนปากเราไม่ขยับ




คำถามสั้นๆของเก๋ได้ผล..เพราะเค้าคิดซักแป๊บแล้วก็ตอบเก๋

ไม่เหมือนคำถามที่ผ่านๆมา ที่ถามไปสองสามคำถาม กว่าเค้าจะตอบเก๋มาซักคำถามนึง

เก๋เลยคุยเล่าถึงสิ่งที่เก๋จำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกับเค้า

เหตุการณ์ต่างๆที่ประทับใจ ทำให้มีมิตรภาพดีๆต่อกัน

และทำเป็นจำไม่ได้บ้างเป็นบางส่วน เพื่อให้เค้าช่วยตอบ

ดูเค้ามีการโต้ตอบที่ดี ไม่เงียบจนน่ากลัวเหมือนช่วงแรกของการสนทนา แต่น้ำเสียงเค้ายังเคร่งขรึมยังคงตึงเครียดอยู่




เค้าเคยส่งจดหมายและรูปถ่ายมาให้เก๋..เรื่องราวที่เค้าอยากเล่า ...และคำอวยพรให้เก๋...

เก๋เลยหยิบเอาเรื่องจดหมายที่เก๋ประทับใจนี้มาคุย และแซวเค้าเรื่องรูปถ่ายกอดกีตาร์ของเค้า

แล้วเก๋ก็ได้รับเสียงหัวเราะจากเค้าสั้นๆ แต่เก๋ก็ใจชื้นที่เค้าลดความตึงเครียดลงบ้าง

เก๋อยากใช้มิตรภาพที่ทำให้เค้ารู้สึกว่ารอบตัวเค้ายังมีเพื่อน เพื่อดึงเค้าออกจากเรื่องเครียดที่เค้ากำลังแบกรับอยู่

และเพื่อให้เค้าไว้วางใจที่จะเล่าความทุกข์ของเค้าให้เก๋ฟังบ้าง




เมื่อการพูดคุยเริ่มราบรื่นขึ้น เค้าตอบสนองเก๋มากขึ้น เก๋เลยเริ่มถามถึงสิ่งที่เค้ากำลังคิดอยู่

เป็นคำถามเรื่องชีวิตทั่วไปว่าเค้าเป็นไงบ้าง

เริ่มจากเรื่องโน้นเรื่องนี้ ถามไปเรื่อยๆ เพื่อให้เค้าเล่าทุกสิ่งรอบด้านที่กำลังเกิดกับเค้าในตอนนี้ โดยที่ไม่ได้ถามตรงๆว่าเค้าเครียดเรื่องอะไร เพราะเค้าอาจะไม่ตอบอีก

ในที่สุดเก๋ก็ทราบว่าตอนนี้เค้ากำลังเครียดจากหลายๆปัญหาที่เค้าเจอ




เค้าโตมากับยาย และตอนนี้เค้าเลี้ยงดูยาย รวมถึงคนในบ้าน เก๋จำรายละเอียดไม่ได้แล้วว่ามีใครบ้าง

เพราะภาระที่ต้องหาเงินเลี้ยงดูอีกหลายชีวิตทำให้เค้าต้องออกจากการเรียนภาคปกติไปเป็น กศน. ทำงานไปด้วย หาเงินเรียนไปด้วย

และถึงตอนนี้เป็นจุดที่ทำให้เค้าตัดสินใจจากไป เพราะเป็นจุดที่ทุกปัญหามีเส้นตัดรวมกัน ณ จุดเดียว

เค้ามีปัญหากับยาย ถึงขั้นที่ยายไล่เค้าออกจากบ้าน

คงเป็นเพราะอารมณ์ที่กำลังร้อนทั้งคู่

เค้าเล่าพร้อมๆกับร้องไห้ และร้องไห้หนักสุดเมื่อบอกกับเก๋ว่า

ยายคือคนที่เค้ารักมากที่สุดในชีวิต เป็นคนที่เค้าสัญญากับตัวเองว่าจะเลี้ยงดูยายไปตลอดชีวิตของเค้า

แต่ตอนที่ยายไล่เค้า เค้ารู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีใครรักเค้าอีกแล้ว

และเค้าเพิ่งได้รับข่าวร้ายเรื่องผลการสอบที่อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ

รวมถึงปัญหาเรื่องเงินที่ตอนนี้เค้าเริ่มจะหามาได้ไม่เพียงพอกับคนในครอบครัว



เก๋เริ่มเข้าใจความทุกข์ของเค้า...และหันมามองตัวเองว่า ถ้าตอนนี้เราอยู่ในสถานะเดียวกัน เราก็คงทุกข์ไม่ต่างจากเค้า

สิ่งที่ทำได้ในตอนนั้นคือ ปลอบใจและบอกให้เค้าแยกปัญหาทุกอย่างออกจากกัน แล้วก็แก้ปัญหาไปทีละเรื่อง

คนเราทุกคนมีปัญหา บางทีมีหลายด้านในเวลาเดียวกัน แล้วเราก็มักเอาทุกปัญหามาคิดทีเดียวรวมกัน เพื่อขมวดปมหนักเข้าไปอีก

..สุดท้ายก็ทำให้เราท้อ



ถ้าเราแยกการมอง มองไปทีละปัญหา หาทางออกไปทีละเรื่อง มีปัญหาก็แก้ไป..แก้ไป สุดท้ายปัญหาก็จะหมดไปเอง

แต่ตอนนั้นเค้าคงเหนื่อยและท้อ เค้าเลยบอกกับเก๋ว่า เค้าอยากไปเพราะเค้าเหนื่อย

เก๋เลยคิดว่า..ต่อให้เก๋ปลอบอะไรไปเค้าก็คงฮึดไม่ไหว

ต่อให้เค้าคิดถึงคนที่เค้ารัก ที่พึ่งสุดท้ายทางใจก็คือยายของเค้าก็เพิ่งทำให้เค้ารู้สึกไม่เหลือใคร

เค้าบอกเก๋ว่าเค้าไม่รู้ว่าจะอยู่ไปเพื่อใคร

จะบอกเค้าว่าอยู่เพื่อตัวเอง ก็คงไม่ได้ ...เพราะเค้าก็บอกอยู่ว่าเค้าไม่อยากอยู่

คิดไปคิดมาก็หมดมุข




เก๋เลยขอเค้าไว้ว่า งั้นเก๋ขอให้เค้าอยู่เพื่อเก๋อีกซักคืน

ถ้าเค้าคิดจะทำร้ายตัวเอง หรือทำอะไร ขอให้ผ่านคืนนี้ไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ตื่นเช้ามาจะทำอะไรเก๋จะไม่ห้าม

“ถ้าคิดจะตาย...พรุ่งนี้ค่อยตายก็เหมือนกันนี่คะ ขอแค่อีกคืนเดียว”

คิดกลับไปแล้วก็รู้สึกว่าใช้คำพูดตลกดี

ก็ขอร้องเค้าไป

เค้าก็ไม่ได้รับปาก แต่เก๋ก็พูดโน่นนี่ โน้มน้าวไปเรื่อยๆ

สุดท้ายเค้าก็เหมือนจะอ่อนลง ยอมที่จะอยู่นิ่งๆในคืนนี้ก่อน

เลยคุยเป็นเพื่อนเค้าไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าอารมณ์เค้าเป็นปกติขึ้นเยอะ เก๋ก็วางใจขึ้น

แล้วเค้าก็ไล่ให้เก๋ไปนอนเพราะดึกมากแล้ว เก๋ก็ให้เค้าย้ำสัญญาของเค้าอีกที ก่อนที่เก๋จะวางสายไป



เก๋จำได้ว่าตอนนั้นเก๋คุยกับเค้าหลายชั่วโมง ชวนคุยไปเรื่อยๆ จนโทรศัพท์เค้าเงินหมดและตัดไป

เก๋เลยใช้โทรศัพท์มือถือเก๋โทรหาเค้าต่อ โทรไปหลายชั่วโมงของเก๋ก็เงินหมดเหมือนกัน

เก๋เลยขับมอไซค์ออกไป ใช้มือถือแบบโทรราคาถูกตามที่เค้าตั้งโต๊ะบริการอยู่ข้างถนน (จำได้มั้ยคะสมัยก่อนโน้นนนนน)

กลับเข้าบ้านตอนตีสองหรือตีสามนี่ล่ะ แม่ออกมาเทศน์เก๋ใหญ่เลย ว่าจะโทรหาเพื่อนก็ไม่รู้จักโทรให้พอดี กลับบ้านดึกดื่น

เก๋ก็ไม่ได้บอกแม่ไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เลยโดนซะยาว




วันถัดมาก็โทรไปหาเค้า...ก็รู้สึกว่าพี่เค้ามีสติมากขึ้น

เริ่มคิดว่าจะแก้ปัญหาทีละอย่างยังไง

เค้าเลยเข้าใจเก๋แล้วว่า ทำไมเก๋ถึงขอให้เค้าอยู่ต่ออีกคืนนึง

เพราะคืนนั้นเค้าไม่มีสตินั่นเอง





อีกหลายวันหลังจากนั้น เค้าโทรหาเก๋

เค้าดีดกีตาร์พร้อมกับร้องเพลงให้เก๋ฟังเพลงนึง

เป็นเพลงแสดงความขอบคุณ

เก๋ฟังไปแล้วก็ยิ้มไป...

นี่แหละคือความสวยงามของชีวิต มีช่วงที่มีน้ำตาได้ ก็ต้องมีช่วงที่ยิ้มและร้องเพลงได้




สิ่งนึงที่เก๋นำเรื่องนี้มาเล่าก็เพราะว่า อาจจะมีใครหลายๆคนที่เคยผ่านช่วงการคิดฆ่าตัวตาย

เก๋ไม่อยากให้คนที่มอง มองแล้วสรุปทันทีว่าการคิดฆ่าตัวตายเป็นความคิดที่โง่ คนที่ฆ่าตัวตายคือคนโง่ สิ้นคิด

การมองแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร

อยากให้ช่วยกันมองในแง่ป้องกัน....มองอย่างเข้าใจไปถึงความรู้สึกลึกๆของเค้า จะได้ป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง

คนเราเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถึงทางตัน คิดว่าหมดทาง บวกกับอารมณ์ที่ลงไปถึงจุดต่ำสุด ไม่ว่าโง่หรือฉลาดก็ทำแบบนี้ได้ทั้งนั้น




คนบางคนจากไปด้วยปัญหาที่คนอื่นมองว่าเป็นปัญหาเล็กๆแค่นิดเดียว

แต่การมองว่าปัญหามันเล็กๆ นี่ล่ะ ที่กลายเป็นจุดก่อเกิดปัญหาจนถึงขั้นสูญเสียชีวิต

หากพ่อแม่ทราบว่าลูกมีปัญหา แล้วมองว่าเป็นสิ่งเล็กๆ มองข้ามไป ไม่สนใจ

ด้วยวัย ด้วยวุฒิภาวะที่ช่วยในการตัดสินใจตอนนั้นอาจจะมีน้อย เลยเกิดการตัดสินใจที่ไม่คาดคิด




เก๋เองไม่ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ไม่ทราบข้อมูลทางวิชาการ

แต่ในมุมมองของเก๋เอง ทั้งจากที่เคยเป็นหนึ่งในนั้น และเคยเจอประสบการณ์จากคนรอบข้าง

หากไม่ได้มองแบบแยกสาเหตุ ว่ามาจากเรื่องความรัก ครอบครัว การเรียน การงาน การเงิน ประชด น้อยใจ ฯลฯ

เก๋ขอมองด้วยแบบของเก๋เองว่า

คนที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายจะมีสามแบบคือ

หนึ่ง แบบที่ไม่มีใครให้รักเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ

สองคือ แบบที่ตัดสินใจด้วยอารมณ์เฉียบพลัน ณ ตอนนั้น

และสามคือ มีภาวะทางอารมณ์ที่ต้องได้รับการรักษา คือป่วย

เป็นสูตรของเก๋เอง ที่เก๋มองแบบนี้เพื่อให้สามารถสำรวจคนรอบข้างได้ง่ายขึ้น และเป็นทางป้องกัน



ในแบบแรก แบบที่ไม่มีใครให้รักเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ เก๋คิดว่าความรักจะเป็นภูมิคุ้มกันให้คนเราได้เป็นอย่างดี

บางคนคิดจะทำร้ายตัวเอง แต่พอนึกถึงคนที่รักก็เปลี่ยนใจ อาจจะนำไปสู่การหาทางออกอื่นที่ดีกว่าจบชีวิต

บางคนคิดจะทำร้ายตัวเอง แต่มองดูรอบตัวแล้ว ไม่มีใครรักหรือเป็นห่วง เค้าก็มักจะตัดสินใจจบชีวิตได้ง่ายขึ้น




แบบที่สอง การตัดสินใจด้วยอารมณ์เฉียบพลัน

แบบนี้คล้ายๆกับแบบที่พี่คนนั้นเป็น

น้อยใจ เสียใจ โมโห ประชด หรืออารมณ์ไหนก็แล้วแต่

ถ้าคนเราชะลอการตัดสินใจ ไม่ตัดสินใจทันทีเมื่อเจอปัญหา การตัดสินใจผิดพลาดจะน้อยลง

เก๋ลองสังเกตุจากตัวเอง เมื่อไหร่ที่เกิดปัญหาขึ้น ความรู้สึก ณ ตอนนั้นจะมากมาย

โกรธก็จะโกรธมาก เสียใจก็จะเสียใจมาก ปัญหาจะดูใหญ่มาก คิดไปคิดมาวุ่นวายไปหมด

แต่ถ้าให้เวลาผ่านไปซักแป๊บ อาจจะแค่ครึ่งวัน หรือหนึ่งวัน

เท่านั้นแหละ มองปัญหาเปลี่ยนไป ไม่เห็นจะใหญ่เท่าตอนแรกเลย

จะโกรธ จะน้อยใจ เสียใจ ก็น้อยลง

เมื่ออารมณ์ของเราอยู่ในภาวะที่ปกติมากขึ้น เรามีสติ ปัญญาที่มีจะช่วยให้เราคิดทบทวนและหาทางออกได้ดีขึ้น

เก๋เลยยึดหลักปฏิบัติอยู่อย่างหนึ่งว่า ให้หยุดตัวเอง หยุดตัดสินใจทุกอย่าง หรือให้ช้าที่สุดเมื่ออารมณ์อยู่ในภาวะที่ไม่ปกติ เพราะมันพลาดได้ง่าย

เมื่อเจอปัญหา อย่าวู่วาม บางปัญหาไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจทันที

สงบอารมณ์ซักแป๊บ ให้สติมา

ตัวอารมณ์ของเราต่างหากที่ทำให้ปัญหามันใหญ่กว่าที่มันควรจะเป็น




แบบสุดท้าย คนที่มีภาวะทางอารมณ์ที่ต้องได้รับการรักษา คือป่วย

บางคนเครียดสะสมมาก จนกลายเป็นโรค

มีน้องที่สนิทคนนึง เครียดมากจนเป็นโรคซึมเศร้า

คนกลุ่มนี้ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอาการป่วยอาจทำให้ไม่สามารถควบคุมการตัดสินใจหรือการกระทำของตัวเองได้

ถ้าคนที่ใกล้ชิดเครียดจัดจนมีอาการแปลกๆไป ก็ควรพาไปพบแพทย์ และดูแลอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยปละละเลยจนนำไปสู่การตัดสินใจอย่างไม่คาดคิดของเค้า



เก๋ว่าเราทุกคนสามารถช่วยกันลดจำนวนเหตุการณ์การฆ่าตัวตายได้

แค่เราสร้างความรักให้เหนียวแน่นในครอบครัว

ให้ความรักเผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้าง ช่วยกันดูแลคนรอบข้าง

เพื่อนก็ดูแลเพื่อน คอยรับฟัง ให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ให้เราดูแลตัวของเราเอง

อย่าชะล่าใจว่าเรากลัวเจ็บแล้วจะไม่คิดฆ่าตัวตาย

คนเมื่อขาดสติมักทำสิ่งไม่คาดฝันได้เสมอ สติสำคัญที่สุด

บางคนอาจะไม่เจอเหตุการณ์กดดันที่หนักสุดที่ทำให้ตัดสินใจแบบนั้น

บางทีหากเหตุการณ์แย่ๆเกิดขึ้นกับเรามากๆ เราอาจตัดสินใจแบบเดียวกับที่เราเคยมองว่าเค้าโง่ก็ได้



จากที่สัมผัสมาด้วยตัวเองเลยคิดได้ว่า

การป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดก็คือการฝึกมองโลก ฝึกมองปัญหา ฝึกมองตัวเอง

มองให้เห็นความธรรมดาของโลก ความธรรมดาของปัญหา

เข้าใจตัวเองได้ว่า อารมณ์ของเรามีระดับการเคลื่อนไหวแบบไหน

คนอารมณ์ร้อน วู่วาม มากกว่าคนอื่น ก็ให้ฝึกควบคุมอารมณ์ตัวเองให้มาก

คนใจเย็น ไม่ได้เป็นคนไม่มีความรู้สึก แต่เค้าเป็นคนที่ควบคุมความรู้สึกได้ต่างหาก

ไม่ว่าเค้าจะเป็นคนอารมณ์ร้อนขนาดไหน หากควบคุมมันไว้ได้ บริหารอารมณ์ได้ เค้าก็จะที่เป็นคนใจเย็น





ตอนเด็กๆเก๋เคยโมโหเพื่อนที่ต่อว่า เรานั่งนิ่งอดกลั้นไม่ได้ตอบโต้อะไร

สุดท้ายเราก็ทนไม่ไหว...เอามีดหลาวดินสอเฉือนแขนเพื่อน

พอเห็นเพื่อนเลือดไหล เลยฝังใจ ไม่กล้าทำร้ายใครอีก

โตมาพอเสียใจน้อยใจก็ทำร้ายตัวเอง มีดกรีดแขนขา

เศษแก้ว เข็มกลัด อะไรทำร้ายตัวเองได้ก็ทำ

ตอนนั้นรู้สึกแค่ว่าอยากระบายความเจ็บจากข้างในออกมา ให้เป็นแผลไว้เตือนสติกับตัวเอง

ทุกข์ใจ..เสียใจที่เกิดมาแบบที่เป็น ไม่อยากอยู่ ก็หาวิธีที่จะจากโลกนี้ไป

โชคดีที่ยังดึงสติกลับมาได้ทันบ้าง




ครั้งสุดท้ายที่คิดจะตาย ลุกขึ้นมากินพาราตอนดึกไปค่อนกระปุก(กระปุกขนาด 100 เม็ด)

แล้วก็ออกมานอนรอที่กลางบ้าน...นอนรอให้ตัวเองตาย

แล้วก็นึกไปถึงหลายๆเหตุการณ์ที่เคยพยายามฆ่าตัวตาย ว่าทำไมเรามันตายยากตายเย็นนัก

เลยพูดกับตัวเองว่า....ถ้าครั้งนี้ไม่ตายอีก ก็จะอยู่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

คงไม่ต้องบอกว่าผลจากครั้งนั้น ทำให้ตายหรือไม่ตาย

คงเป็นปาฏิหารย์ครั้งนึงของชีวิต ที่ทำให้ช่วงอายุหลังจากนั้น เริ่มทำใจได้ว่า ต้องทำอย่างที่สัญญาไว้

ความคิดที่จะเดินไปสุ่จุดการฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเอง มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน

ทั้งๆที่เราเองก็เจ็บเป็น กลัวตายเหมือนคนอื่นเค้า

แต่เพราะเราควบคุมอารมณ์ ดึงสติไม่ได้

วันนี้รู้จักตัวเองดีแล้ว ควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่เสมอ

การรู้จักตัวเองจะทำให้เรารู้เท่าทันแต่ละเหตุการณ์ว่า ถึงขั้นไหนที่อารมณ์เราเริ่มร้อนแล้ว

เราต้องใช้สติหยุดอารมณ์เพื่อไม่ให้เป็นไปในทางที่ทำก่อนคิด

เก๋เชื่อว่าทุกคนควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ถ้ารู้จักตัวเองดี และพยายามบริหารอารมณ์

สร้างมุมมองโลกด้านดีให้ตัวเองเยอะๆ แล้วความสุขจะหล่อเลี้ยงใจเราให้ยิ้มรับสิ่งที่เกิดขึ้น

ชีวิตไม่เคยมีทางตัน...ถ้าเราเชื่อว่ามีทาง

เราเองต่างหากที่ชอบปิดทางของชีวิตเราด้วยคำว่าไม่มีทาง

ทุกปัญหาแก้ไขได้...หากเรายังมีลมหายใจ



โลกไม่ได้เลวร้ายเสมอไป

หากเรายิ้มรับและสร้างกำลังใจที่เข้มแข็งได้ด้วยตัวเอง

เราจะผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดี

เชื่อเถอะว่า...ทางข้างหน้ามันไม่ตัน

และมันอาจเป็นทางที่สวยงามที่สุดเท่าที่เราเคยเจอก็ได้





ขอฝากสิ่งที่เคยทำไม่ดีนี้ไว้เพื่อไม่ให้ใครเดินตาม

วันนี้เก๋หลุดออกมาแล้ว...ทุกวันนี้เจอปัญหากี่ครั้งก็ยังสบาย เพราะใจเราสบาย

ส่วนใครที่คิดจะทำ...ลองทบทวนดูอีกที




Create Date : 20 กรกฎาคม 2554
Last Update : 20 กรกฎาคม 2554 13:34:51 น. 11 comments
Counter : 842 Pageviews.  

 
เอนทรี่ของน้องเก๋ เตือนสติสำหรับคนที่ ชีวิตกำลัง โคลงเคลง หรือ หันไปก็เจอแต่กำแพงลายอิฐ มากค่ะ

ขอบคุณสำหรับเอนทรี่นี้ค่ะ


โดย: -..- (tictin ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:56:45 น.  

 
ประสบการณ์ของเก๋ เตือนสติของหลายคนได้ดีเลย

ในวัยรุ่นก็เคยคิด ดีนะที่ได้เพียงแต่คิด

เหตุการณ์ของน้องคนนี้หลายคนเคยประสบเพียงแต่ว่า

คนคนนั้นมีสติยั้งคิดได้มากแค่ไหน โชคดีที่เค้าโทรมาหาเก๋


โดย: พี่อ้วน_LEO วันที่: 20 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:44:21 น.  

 
ประสบการณ์ของเก่เยอะมากเลยค่ะ
ช่วยเตือนสติหลาย ๆ ได้เป็นอย่างดีเลย
ช่วงจังหวะอารมณ์นั้น ถ้าไม่มีใครรั้งเค้าไว้ ไม่มีที่ให้ได้ระบาย เพื่อนเก๋คนนั้น คงไม่คิดได้ในที่สุด


โดย: witch@thedog วันที่: 20 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:51:11 น.  

 
คุยกับพี่พนักงานเค้าบอกว่าในกรุงเทพไม่ค่อยเห็นจอมปลวก ถ้าต่างจังหวัดจะเห็นค่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

สวัสดียามสายค่ะเก๋ ขอให้มีความสุขกับทุกสิ่งรอบตัวนะคะ ^^



โดย: หัวใจแก้ว วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:04:31 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกขอบคุณเก๋แทนเพื่อนด้วยค่ะ

ชีวิตเรามีค่าแต่บางครั้งสติที่ขาดหายก็ทำให้เรารู้สึกว่าคุณค่าของชีวิตเราลดลง

สวัสดีสายวันศุกร์แสนสุขนะคะ ^^



โดย: หัวใจแก้ว วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:12:04 น.  

 
เก๋ คิดชอบแล้วค่ะ

การฆ่าตัวตาย ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ... ยังไม่ตายก็ดับทุกข์ไม่เป็นแล้ว ตายแล้วจะไปดับทุกข์ได้อย่างไร เพราะจิตยิ่งเข้าสู่มิจฉาทิฏฐิอย่างมืดมนเข้าไปมากกว่าเดิม

พระพุทธเจ้าบอกว่า คนเราทุกข์เพราะเรามี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน การฆ่าตัวตายนั้น เราดับไปแค่รูป แต่เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาน ยังอยู่ครบถ้วน และทุกข์ยิ่งกว่าเดิมเพราะขาดรูปที่จะนำไปประกอบกุศลกรรมที่ข่วยยกระดับจิตใจให้เห็นถึงปัญญาอันเป็นทางดับทุกข์ได้

วันนี้ที่เก๋ได้เข้าสู่ความเข้าใจอันสว่างไสวแล้ว พี่ก็ยินดีด้วยมากค่ะ ขออนุโมทนาข้อเขียนดีๆ ที่นำพาข้อคิดดีๆ มาให้คนอ่านนะคะ


โดย: ดวงลดา วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:13:47:39 น.  

 
พี่ เครียด โทรหาเก๋ ได้ป่ะ

















555 ล้อเล่นกั๊บ




โดย: ไม่รู้จะคิดถึงใคร วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:28:56 น.  

 
ขอชื่นชมคุณเก๋ที่มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนจนเค้าผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้
การช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์เป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่มากค่ะ




โดย: คิคูจิโร IP: 182.53.49.201 วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:48:06 น.  

 
ขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่าน
และขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ

พี่พีช...
ถ้าเครียด..โทรหาได้จริงๆนะคะ แต่ไม่รับรองว่าจะเครียดหนักกว่าเดิมรึเปล่า 555


โดย: sea_story วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:09:53 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเอนทรี่ดีๆ อีกครั้งค่ะ



โดย: someone watching over me วันที่: 24 กรกฎาคม 2554 เวลา:0:12:59 น.  

 
ครั้งนึง เราก็เคยคิดอยากจะตายไปจากโลกนี้

เพราะเรารักผู้หญิงคนนึง รักเค้ามาก พอเค้าทำให้เจ็บและเสียใจ เราก็เลยไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป


โดย: การเดินทาง ของหัวใจ IP: 192.168.20.137, 202.129.55.188 วันที่: 1 ตุลาคม 2554 เวลา:12:44:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sea_story
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางที่จะเดินได้

ถ้าเชื่อมั่นว่ากำลังทำสิ่งดี

..ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองเราไม่ดี

คิด..พูด..ทำ.. ในสิ่งที่เชื่อว่าดีที่สุด

แล้วทุกอย่างจะดีเอง
[Add sea_story's blog to your web]