Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
กุมภาพันธ์ 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
1 กุมภาพันธ์ 2560

ปริศนาศรัทธาที่สาปสูญ : ปราสาทพระขรรค์ (จบ)




พ.ศ. 2327 รัชกาลที่ 1 ทรงก่อสร้างพระบรมมหาราชวังสำเร็จลง
มีชาวบ้านกัมพูชาทอดแหได้พระขรรค์โบราณที่โตนเลสาบ
เจ้าพระยาอุภัยภูเบศร์ (แบน) เจ้าเมืองเสียมราฐ ได้นำทูลเกล้าถวาย
เมื่อวันที่พระแสงองค์นี้มาถึง ได้เกิดอสุนีบาตตกในพระนครถึง 7 แห่ง
เช่น ประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี ซึ่งอัญเชิญพระขรรค์ชัยศรีผ่านไป

ต่อมารัชกาลที่ 1 ทรงตรัสว่า พงศาวดารกัมพูชายังหาฉบับดีๆ ไม่ได้เลย
ทรงโปรดให้นักองค์เองเขียนพงศาวดารเมืองกัมพูชาเข้ามาถวาย

เริ่มจากการสร้างเมืองนครวัด นครธมโดยพระอินทร์และพระวิษณุกรรม
เพราะในตอนนั้น ไม่มีใครรู้จักการอ่านจารึก ต่อมาก็มีกษัตริย์
และตำนานพื้นบ้านเรื่องตาแตงหวาน ชาวบ้านผู้ปลูกแตงอร่อย
จนกษัตริย์โปรดจะเก็บไว้เสวยเพียงพระองค์เดียว
จึงพระราชทานหอกศักดิ์สิทธิ์ไว้ฆ่าคนที่คิดจะมาขโมยแตงในสวนนี้

วันหนึ่งกษัตริย์อยากเสวยแตงนั้น ก็เสด็จไปยังสวน เพื่อจะเก็บผลแตงมากิน
ตาแตงหวาน หรือตรอซอกประเอม เห็นว่ามีคนมาขโมยแตงของพระราชา
ก็ขว้างหอกนั้นออกไปฆ่าชายผู้นั้นเสีย รุ่งเช้าเสนาอามาตย์ออกตามหากษัตริย์
ก็พบไปสิ้นพระชนม์ด้วยหอกตาแตงหวาน แต่ก็ไม่สามารถกล่าวโทษได้

เนื่องจากไม่มีผู้สืบทอดราชบัลลังก์ สุดท้ายตาแตงหวานก็เลยได้เป็นกษัตริย์
ตำนานนั้นคล้ายกับเรื่องพระยาโคตรบองที่เล่าขานในในอาณาจักรล้านช้าง
ชายชาวบ้านธรรมดาที่มีพละกำลังมหาศาล ที่ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์
ตำนานนี้อธิบายถึงที่มาของสำคัญสำหรับการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์กัมพูชา

นั่นก็คือ พระหอกหรือเพรี๊ยะลุมแปง



พ.ศ. 2407 รัชกาลที่ 4 ได้อภิเษกพระนโรดมพรหมบริรักษ์เป็นพระเจ้ากรุงกัมพูชา
ซึ่งเป็นการราชาภิเษกครั้งที่ 2 เนื่องจากการครองราชย์ครั้งแรกไม่มีพระขรรค์ราช
จึงเสด็จจากกรุงอุดงมีชัยไปกรุงเทพ เพราะเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำหรับใช้ในพระราชพิธี
พระองค์ฝากไว้ที่รัชกาลที่ 4 พระยาศรีสุริยวงศ์เป็นหัวหน้าคณะนำกลับไปคืนถวาย

สาสน์สมเด็จฉบับที่ 15 ได้ให้ข้อมูลว่ารัชกาลที่ 4 โปรดให้จำลองพระขรรค์ราชด้วยไม้
เก็บรักษาที่ห้องภูษามาลา ในพระบรมมหาราชวัง ข้างหุ่นไม้สำหรับปรับเครื่องต้น
ที่ชาววังเชื่อว่าเป็นพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวร ปัจจุบันหายไปแล้ว

หลังจากนั้นสยามก็หมดอำนาจในเขมรไปทีละส่วนในที่สุด
ในช่วงการครอบครองของฝรั่งเศส ช่างภาพ Julio A. Jedres
ได้ถ่ายภาพพระขรรค์ราชและพระหอก โดยนำมาตีพิมพ์ไว้
ในหนังสือชื่อ The Royal House of Cambodia
พ.ศ. 2463 นิตยสาร national geographic
ได้ตีพิมพ์ภาพสีของพระขรรค์ราช ทำให้เห็นลวดลายที่ชัดเจน

พ.ศ. 2467 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้พระราชดำเนินไปกัมพูชา
ฝรั่งเศสส่ง ศ. Cedes มาให้การต้อนรับ และนำชมแหล่งโบราณคดี
ปีต่อมาหลังจากเสด็จกลับ พระองค์ได้ทรงนิพนธ์หนังสือชื่อ นิราศนครวัด
ใจความตอนหนึ่งเกี่ยวกับพระขรรค์ราช ปรากฏอยู่ในหน้า 11 ความว่า




พระขรรค์เป็นของดีน่าดู ในตำนานว่าเป็นของพระอินทร์ลงมาประทาน
พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เมื่อราวปี พ.ศ. 1400 ตัวพระขรรค์ยาวสัก 2 ศอก
ที่โคนจำหลักเป็นหน้าราหู ต่อขึ้นไปเป็นลายพระอินทร์ขี่ช้างเอราวัณ
แล้วถึงหน้าเทวดาอีกองค์หนึ่ง
คร่ำทองที่ลายจำหลักตลอดตัวพระขรรค์
พ้นที่จำหลักก็คร่ำเป็นลายต่อขึ้นไปอีก

หอกดาบจำหลักเหล็กคร่ำทองอย่างนี้เคยเห็นที่กรุงเทพ มีพระแสงขรรค์ไชยศรี
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ไปจากกรุงกัมพูชาองค์ 1
หอกของเจ้านายมีอยู่อีก 2 เล่ม พิเคราะห์ดูเป็นฝีมือช่างขอมด้วยกันทั้งนั้น
คงสร้างในสมัยพวกขอมมีอำนาจมากแต่จะสร้างยุคไหนเหลือที่จะรู้

พระขรรค์กรุงกัมพูชาโตและยาวกว่าพระขรรค์ชัยศรี
ส่วนฝักนั้นเป็นฝักทองเกลี้ยง จำหลักลายเรื่องพระนารายณ์
สังเกตรูปและลวดลายที่จำหลัก เห็นว่าจะเป็นฝีมือสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
หรือรัชกาลที่ 1 แต่ฝีมือดี




น่าเสียดายว่าทรงเสด็จไปในวันพฤหัสบดี จึงมิได้ทอดพระเนตรลายที่คมด้านใน
ซึ่งพราหมณ์ที่รักษาพระขรรค์กล่าวว่า จะชักออกจากฝักได้เฉพาะวันอังคารและเสาร์
มิฉะนั้นจะเป็นอัปมงคล ซึ่งก็ทรงนิพนธ์ว่าเป็นธรรมเนียมเดียวกับพระขรรค์ชัยศรี

ครั้งสุดท้ายที่มีการกล่าวถึงพระขรรค์ราช คือคำให้สัมภาษณ์ของเจ้านโรดมสีหนุ
ช่วงคริสต์ศักราช 1960 โดยทรงเปรยว่า พระขรรค์เริ่มมีสนิมเกาะแล้ว
ต่อมาไม่นานแผ่นดินเขมรเกิดลุกเป็นไฟ เริ่มต้นด้วยการก่อรัฐประหาร
ล้มระบบอกกษัตริย์ของนายพล ลอนนอล เขมรแดง และการรุกรานของเวียดนาม

เมื่อความวุ่นวายจบสิ้นลงพบว่า พระขรรค์ราชและเพรี๊ยะลุมแปงได้หายไปจากพระราชวัง
ซึ่งปัจจุบันชาวกัมพูชาก็เชื่อว่า ของสำคัญทั้งสองสิ่งยังคงซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
เพื่อรอกษัตริย์ที่มีความชอบธรรมจะได้พบเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำคัญอีกครั้ง

เราได้เดินทางมาจนบทสุดท้าย คงมีคนสงสัยว่าแล้วพระขรรค์ต่างจากดาบอย่างไร
พระขรรค์นั้นมีคมสี่ด้านขวางกันเป็นรูปกากบาท ฝักจึงต้องทำเป็นสี่เหลี่ยม
เนื้อหาส่วนหนึ่งในบลอกนี้ นำมาจากบทความเขียนโดย Kenneth T. So
Preah Kan Reach and Genealogy of Khmer Kings

ที่พยายามโยงว่าพระขรรค์ราชเป็นองค์เดียวกับพระขรรค์ชัยศรี
แต่ถ้ามองตาม timeline ที่ไล่เลียงมานี้ ย่อมไม่มีความเป็นไปได้เลย
และที่สำคัญ ด้วยการมองอย่างคนไม่มีมีความรู้ด้านศิลปะก็ตาม
เราสามารถแยกความแตกต่างของพระขรรค์ทั้งสององค์ได้ง่ายๆ
ด้วยขนาด รูปร่าง และลวดลาย ที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก



บทสรุปทั้งหมดนี้ก็คือ พระขรรค์ราชเป็นพระขรรค์ที่มีมาอย่างน้อยก็ในสมัย
พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ซึ่งเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่ทรงใช้สำหรับราชาภิเษก
พระขรรค์นี้สืบทอดมาตลอดช่วงเวลา ตั้งแต่อาณาจักรพระนครถึงกัมพูชา
จนกระทั่งหายไปในช่วงเวลาอย่างน้อยก็ตอนปฏิวัติโดยนายพลลอนนอล

พระขรรค์ชัยศรีปรากฏหลักฐานเป็นครั้งแรกในรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
หลังจากนั้นไปปรากฏในตอนตั้งกรุงสุโขทัย จนถึงพระยาลิไทแล้วหายไป
ไม่ปรากฏหลักฐานใดในสมัยอยุธยาเลย จนกระทั่งมาพบอีกครั้งในสมัย
รัชกาลที่ 1 และยังคงอยู่เป็นหนึ่งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของประเทศไทย

เราไม่ทราบว่าพระขรรค์ชัยศรีองค์นี้เป็นองค์เดียวกับที่จารึกไว้ที่ปราสาทพระขรรค์หรือไม่
แต่จากลวดลายประดับ และเทคนิคการสร้างเชื่อได้ว่าเก่าถึงอาณาจักรพระนคร
และไม่น่าจะใช่ของประดับเทวรูป เพราะเป็นทองคำที่ไม่น่าจะรอดพ้นชาวบ้านมาได้

ด้วยพระขรรค์ชัยศรีเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์คนธรรมดาสามัญคงยากที่จะได้เห็น
แต่ผมผ่านตามาว่า ที่หอวชิราวุธานุสรณ์ ในบริเวณของหอสมุดแห่งชาติ
มีพระที่นั่งพุดตานจำลอง และพระขรรค์ชัยศรีจำลองจัดแสดงอยู่ด้วย
แล้วเราคงมีเวลาที่จะไปตามหา และได้ชมพระขรรค์ชัยศรี สักครั้ง



Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2560 9:25:16 น. 4 comments
Counter : 6959 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ


 
กรุงอุดรมีชัย หรือเปล่าคะ

หอวชิราวุธานุสรณ์ ยังไม่เคยไปเลยค่ะ

ว่าแล้วก็เพิ่งนึกออก ยังไม่ได้ไปพิพิธภัณฑ์วัดพระแก้วเลยค่ะ ไปวัดพระแก้วทีไร มีอะไรที่ตั้งใจจะทำจนลืมถึงพิพิธภัณฑ์ทุกที


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:17:35:32 น.  

 
สวัสดีค่ะ

เรื่องตำนานตาแตงหวาน เพิ่งเคยได้ยิน สนุกดีเหมือนกันนะคะ

คนปลูกแตงเลยได้เป็นพระราชา

เรื่องพระโคตรบองก็ไม่เคยได้ยิน

จะว่าไปเรื่องของพระขรรค์ก็ไม่มีความรู้เลย

เรื่องที่สามารถชักออกจากฝักได้เฉพาะวันอังคารและเสาร์ ฟังดูก็แปลกนะคะ แปลว่าถ้ามีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นที่ไม่ใช่อังคารกับเสาร์ก็ห้ามชักพระขรรค์งั้นรึคะ

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ

จะโหวตก็ไม่แน่ใจว่าต้องโหวตหมวดอะไร ไม่มีใครให้ลอกการบ้านด้วยสิ


โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:11:12:24 น.  

 
อ่านเรื่องอุดรมีชัย ที่คุณผู้ชายฯ เขียนไว้ แล้วเลยไปหาอ่านอาณาจักรเขมรอุดง จากวิกิพีเดียต่อ

เพิ่งนึกได้ว่า ซื้อหนังสืออานามสยามยุทธ จากงานหนังสือตั้งแต่ปี 54 ยังอ่านไม่ถึงไหนเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:14:58:03 น.  

 
สวัสดีค่ะ

มาตอบที่ไปคุยนะคะ

ฮอกไกโดไม่ได้มีออนเซ็นทุกรร.ค่ะ รร.ในเมืองส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีง่ะ

รร.ที่ไม่ใช่น้ำแร่ธรรมชาติ ก็มีเรียกทั้งออนเซ็นและสปานะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:0:12:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]