Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
11 สิงหาคม 2554

Kamakura : Yokokusa Line




เช้าวันใหม่ตามโปรแกรมคือ free day ตามสูตรก็คือ ใครไม่มีที่ไป
หัวหน้าไกด์ก็จะเสนอ option tour, Tokyo disneyland
ลูกทัวร์ใครจะไปก็จ่ายตังค์ ไกด์จะไปส่งและรอรับกลับ
ใครไม่ไป ไกด์ก็จะพาไปชอบปิ้งแถวๆ โรงแรม

ผมเลือกที่จะไปเที่ยวเมือง Kamakura เพราะเคยไป Hong kong
Disneyland มาแล้ว หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรม APA Makuhari
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดจากการถมทะเล ห่างจากโตเกียวประมาณ 30 นาที
เราก็ต้องรอให้ไกด์รวมพลขึ้นรถของโรงแรมเพื่อไปสถานีรถไฟ

เมื่อไปถึงสถานี Kaihim Makuhari (Kaihim แปลว่า seaside)
ก็ไปยืนดูไกด์ซื้อตั๋วให้ ราคา 540 เยน จากนั้นก็ขึ้นไปบนชานชาลา
รอรถไฟสาย Keiyo line ตัวรถสีแดง ซึ่งมุ่งหน้าปลายทางสถานีโตเกียว
ก่อนที่จะถึงสถานีโตเกียว 3-4 สถานี ผู้ร่วมทางก็ลงที่สถานี Disneyland



เมื่อถึงสถานีโตเกียว เราเดินตามตามป้ายไปยัง Yokokusa line
จากชานชาลาสาย Keiyo line ไปยังชานชาลาสาย Yokokusa line
ไม่น่าเชื่อว่าจะไกลมาก ผมใช้เวลา 20 นาที แถมลงไปที่ชานชาลาอย่างงงๆ
เนื่องจากในมือยังถือตั๋วอยู่ ไม่เจอที่กั้นให้สอดตั๋วคืน แล้วให้ซื้อตั๋วใหม่ยังไง

ถามพนักงานทำความสะอาดที่อยู่ที่ชานชาลาว่าจะซื้อตั๋วอย่างไร
ซึ่งก็เหมือนเคย ที่พวกเค้าจะพูดภาษาญี่ปุ่นที่เราฟังไม่รู้เรื่อง
ก็เลยต้องขอให้บอกทางไป information center แทน

หากใครเคยไปญีปุ่นก็คงเดาได้ว่า พวกเค้าจะกระวีกระวาดให้ความช่วยเหลือ
แทนที่จะบอกทางเฉยๆ คุณลุงก็วางไม้ถูพื้นแล้วเดินนำเราไปที่นั่นแทน
ซึ่งพนักงานก็พูดฟังไม่ค่อยออกเท่าไหร่ แต่จับใจความได้ว่ามี 2 ทางเลือก

หนึ่งขึ้นรถไฟไปเลย เมื่อถึงปลายทางแล้ว ให้เราสอดตั๋วเข้าเครื่องปรับราคา
ที่สถานีปลายทาง มันจะบอกว่าให้เราจ่ายเงินเพิ่มเท่าไหร่ เราก็หยอดเงินเข้าไป
มันจะให้ตั๋วใบใหม่ ให้เราไปสอดที่ทางออก

หรือสองเดินออกไปข้างๆ information center จะมีที่กั้นให้เราสอดตั๋วในมือทิ้งไปซะ
แล้วซื้อตั๋วไป Kamakura แล้ววนกลับเข้ามาในสถานีโตเกียว เพื่อลงไปชานชาลาใหม่



ซึ่งจะเห็นได้ว่าการออกแบบการเดินทางของคนญี่ปุ่นเค้าทำไว้ดีมากเลย
แต่เราไม่ชัวร์เลยยอมเสียเวลาออกไปซื้อตั๋วกลับเข้ามาใหม่ แล้วไปยืนรอ
ที่ชานชลาซึ่งจะมีป้ายบอกว่า หมายเลขนี้เดินทางไปไหน และที่ผนังจะมี
ตารางการเดินรถว่า ณ เวลาเท่าใดจะมีรถสายไหนเข้ามาจอด

ซึ่งหากทั้งสองอย่างถูกต้อง เราจะไม่มีวันขึ้นรถผิดอย่างแน่นอน
แต่ด้วยการยืนยันความถูกต้องสุดท้าย ก่อนจะก้าวขึ้นรถไฟ
เราก็จะถามคนที่อยู่แถวนั้นอีกครั้ง ว่าเป็นสายที่เราต้องการหรือไม่

ซึ่งคราวนี้เป็นกลุ่มเด็กนักเรียน เค้าก็ไม่ยอมพูด แต่พนักหน้าแทน
ซึ่งเราจะเจอแบบนี้อีกหลายครั้ง คนญี่ปุ่นพร้อมที่จะช่วยเหลือเราเสมอ
แต่จะไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษ ก็เท่านั้นเอง เทคนิคที่เราต้องใช้ก็คือ
พูดสั้นๆ เป็นคำๆ อย่าเสียเวลาแต่งประโยค จะไปไหนก็บอกไปเลย

เกือบสิบโมงครึ่ง เราถึงได้ขึ้นรถไฟ ต้องใช้เวลาเดินทางอีกราว 50 นาที
รถไฟจะวิ่งจากสถานีโตเกียว ผ่าน Shinnagawara, Yokohama
แล้วจะถึงเมือง Kamakura แต่เราจะใช้เส้นทางมาตรฐาน
ก็คือลงก่อนหนึ่งสถานี ที่ Kitakamakura จากนั้นเราจะเดินชมวัดไปเรื่อยๆ



Create Date : 11 สิงหาคม 2554
Last Update : 11 สิงหาคม 2554 15:38:24 น. 4 comments
Counter : 1482 Pageviews.  

 
เก่งจังลุยเดี่ยว

เพื่อนที่นี่เคยเล่าให้ฟังว่าไปรอขึ้นรถเมล์แต่ไม่รู้ทาง คนที่ถูกถามจะพามาที่ป้ายพร้อมรอจนรถเมล์มาถึงจะกลับเลยค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:14:52:58 น.  

 

ตามมาอ่าน
เขียนออกมาเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยค่ะ
เขียนได้ดีจนเห็นภาพเลยนะคะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:23:05:45 น.  

 
มะม่วงที่บ้านค่ะ

ที่บ้านเป็นบ้านรวม ของน้า แม่ ในบริเวณเดียวกัน ต้นนี้อยู่หน้าบ้านน้าค่ะ เด็ดทานตลอดแข่งกับกระรอก ตอนนี้ก็ยังเหลือหลายพวงค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 14 สิงหาคม 2554 เวลา:17:02:34 น.  

 
ชอบเพลงไหมคะ วันนี้ก็เลยไว้อาลัยให้น้าเอลวิสอีกคนค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:14:08:35 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]