http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 

ทริปสังคโลกเกาหลี ติ่งหูอย่างอินดี้ : DAY 2 ได้เวลา BIGBANG

by merveillesxx

คำเตือน:

1. เป็นบันทึกประสบการณ์ส่วนตัว ไม่สามารถใ้ช้เป็นทิปแนะนำการท่องเที่ยวได้

2. มีการใช้คำหยาบคายมากมาย


=================


ด้วยความเหนื่อยโทรมจากเมื่อวาน วันนี้กว่าจะตื่นเลยล่อไปเกือบเก้าโมง หญิงปลุกว่าเราไปกินข้าวเช้ากันเถอะ โรงแรม Nox มีอาหารเช้าทุกวัน จะเป็นพวกซีเรียล ขนมปัง ไข่ต้ม น้ำส้ม แต่ว่ามีวางไว้เป็นบุฟเฟต์ คือถ้าหน้าด้านจะกินไข่ต้มสักหกฟองก็ยังได้ แต่เราเป็นคนกินข้าวเช้าน้อย ดังนั้นที่มีให้ก็โอเค หกวันที่อยู่ในโซลกินอาหารเช้าเหมือนเดิมตลอด

ถึงแม้คอนเสิร์ต Bigbang จะเริ่มตอนสองทุ่ม แต่พวกเราก็ต้องรีบไปก่อน ภารกิจคือการไปต่อแถวซื้อของทัวร์หน้างาน ซึ่งถ้าไปช้าอาจหมดได้ พวกแฟนเพลงฟิตๆ เนี่ยเค้าไปต่อกันตั้งแต่แปดโมงเช้า แต่พวกกูนั้นแก่แล้ว เลยขอว่าไปสักเที่ยงแล้วกันนะ พอออกจากโรงแรม ก็ต้องช็อคแดกเพราะฝนตก อันตัวกูนี้ก็เซาะกราวคิดมาตลอดว่าเกาหลีจะเหมือนบ้านเรา คือฤดูหนาวก็หนาวอย่างเดียวไม่มีฝน ร่มเริ่มไม่ได้เอามาเลย แถมไอ้พยากรณ์อากาศที่ดูมาก่อนหน้านี้ก็เป็นรูปพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งทุกวัน (หลอกให้กูตายใจ) ข้อคิดจากทริปนี้คือฤดูหนาวในเกาหลีแม่งมีทุกอย่าง ทั้งลม ฝน แดด มีครบ

สถานที่จัดคอนเสิร์ตมีชื่อว่า Olympic Park เทียบแล้วคล้ายๆ กับราชมังคลาบ้านเรา ตอนนั่งรถไฟต้องเปลี่ยนสามสาย ตอนเปลี่ยนรถนี่เดินกันขาลาก แถมถูกรถไฟหลอกด้วย อยู่ดีๆ ไอ้สายสุดท้ายแม่งแยกเป็นสองแฉก แล้วกูจะรู้มั้ยเนี่ยว่าไอ้ที่กูนั่งแม่งจะแยกไปแฉกไหน แล้วมันดันไม่ไปแฉกที่กูอยากไป ต้องลงรถนั่งย้อนกันวุ่นวาย (เข้าใจว่าขนาดคนเกาหลีเองก็ยังงงๆ กับรถไฟนะ เห็นหลายคนถือแผนที่เล็กๆ ที่เป็นแผนผังสถานีเอาไว้)


เปลี่ยนสายรถไฟทีต้องเดินกันชิบหาย


T-Money Card บัตรเติมเงินสำหรับขึ้นรถไฟ ยังใช้เป็นบัตรโทรศัพท์ ขึ้นรถเมล์ จ่ายค่าแท็กซี่ได้ด้วย


คู่มือ Lonely Planet Seoul ที่ทำให้กูรอดชีวิตมาได้ แต่ว่าแม่งพิมพ์ปี 2009 ไอ้หน้าแผนที่รถไฟเลยไม่อัพเดท บางสถานีแม่งเสือกเปลี่ยนชื่อซะงั้น วันแรกๆ กูงงเต้กเลยทีเดียว

ประมาณเที่ยงกว่าๆ พวกเราก็ดั้นด้นหลงทางมาถึง Olympic Park จนได้ ขึ้นมาจากสถานีฝนยังตกปรอยๆ จนคิดว่าต้องซื้อร่มแล้วล่ะ ตอนแรกคิดว่าจะไปซื้อในเซเว่น ปรากฏเดินมาสามก้าวเจอคุณป้าตั้งแผงขายร่มรอต้อนรับกูเลย แถมยังเพียบพร้อมไปด้วยแผงขายแท่งไฟ โปสเตอร์ สิ่งสารพัดอย่างของวง Bigbang สรุปว่าพวกป้าๆ แม่งฟิตมาก่อนกูอีก หลังจากซื้อร่มไปแล้ว ก็พยายามถามป้าว่าโอลิมปิคปาร์คไปทางอ่ะ ป้าก็บอก “บิ๊กแบงๆๆ” แล้วชี้ทาง รัศมีติ่งหูของพวกกูคงแรงมาก ป้าดูออกเลยว่ามึงมาดูคอนเสิร์ตแน่นอน

และทันใดที่ก้าวถึงบริเวณฮอลล์คอนเสิร์ต พวกเราก็ต้องอุทานด้วยความตกตะลึง เพราะนี่คือสิ่งที่เห็น...


ตึ่ง!

กรี๊ดดดดดด บรรดาแฟนคลับมากมาย ทั้งเกาหลี จีน ญี่ปุ่น แม่งมาต่อคิวกันยาวเฟื้อยยยยย นี่วันศุกร์นะ พวกมึงไม่ทำงานทำการกันหรือไง บางคนฟิตมาก แม่งลงจากสนามบินปุ๊บ ตรงมาที่คอนเสิร์ตเลย ลากกระเป๋ากันปุเลงๆๆๆ เห็นความยาวคิวแล้วกูท้อใจยิ่งนัก แต่เอาวะ เคยผ่านประสบการณ์ต่อแถวเจ็ดชั่วโมงเพื่อบัตร X-Japan มาแล้ว กูคงไม่หวั่นกับอะไรแล้ว วะฮะฮ่า (ก่อนที่จะได้รู้ต่อมาว่ากูคิดผิด งานนี้มันโหดกว่าเยอะ!)

พวกเรารีบเดินไปต่อแถว แต่ก็กลัวว่าจะบ้านนอกต่อผิดอีก เลยถามคนแถวนั้นว่านี่ใช่แถวต่อซื้อของ Bigbang ใช่มั้ย ปรากฏว่าข้างๆ เป็นสาวฮ่องกงชื่อว่า คริส เธอพูดภาษาอังกฤษได้ แล้วมาคนเดียวด้วย (เพื่อนๆ เธอกำลังบินมาจากไต้หวัน) พวกเราเลยรวมกลุ่มสามคนเสียเลย ระหว่างที่รอแถวก็ยาวขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ มีคุณลุงคุณป้าเดินขายของตามแถว ทั้งเสื้อกันฝน ทั้งของกิน ลำโพงก็ประกาศเรื่องประตูทางเข้าเป็นสามภาษา (เกาหลี, ญี่ปุ่น, อังกฤษ) ตลอดเวลา เบ็ดเสร็จวันนั้นกูฟังประกาศไปประมาณ 479 รอบ

บรรยากาศตอนเข้าแถวเรียกได้ว่าเข้าขั้น ‘โหดสัส’ คือนอกจากจะหนาวมากๆ แล้ว ฝนยังเสือกตกอีก และที่สำคัญคือบริเวณนี้มันเป็นที่โล่ง มันจึงมีลม! ไอ้ลมนี่แหละตัวดี พัดมาทีกูหนาวรวดร้าวแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ววันนี้เราก็พลาดอย่างมาก คือเสือกเอาถุงมือไว้ที่โรงแรม ด้วยความที่ว่าเมื่อวานชิวๆ ไม่ใส่ก็อยู่ได้ พอมาวันนี้มือแข็งเดี้ยงเลย ชนิดที่ว่ากดชัตเตอร์ไม่ลง เลยถ่ายรูปน้อยมาก เพราะไม่สามารถเอามือออกมาจากกระเป๋าเสื้อได้จริงๆ


แถวยังยาวต่อไป


รูปหลักของทัวร์ครั้งนี้ ดูสิขนาดพี่ๆ วง Bigbang ยังหนาวจนแข็งเลย

เวลาผ่านล่วงเลยไปสองชั่วโมง แถวไม่มีการขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ช่วงแรกเราไม่ค่อยคุยกับคริสเท่าไร ให้หญิงคุยไป เพราะหนาว แต่หลังๆ กูรอจนไม่มีอะไรทำแล้วโว้ย เลยเริ่มชวนเค้าคุย การคุยก็เรื่อยเปื่อยมาก ทั้งเรื่องเคป็อป เรื่องเพลง พอคุยเรื่องหนัง เราบอกว่าชอบหว่องกาไว เค้าก็พูดว่า อ๋อ ต้องชอบ Chungking Express แน่เลย แถมยังเม้าด้วยว่าเค้าชอบหนังตู้ฉีฟงนะ แต่ไม่ชอบตัวแกเท่าไร ทัศนคติแกไม่ค่อยดี (อันนี้ไม่ได้ถามละเอียดเพราะเราไม่ได้ชอบพี่ตู้มาก) เราเลยให้อุทาหรณ์กับคริสด้วยประโยคประจำตัวเราว่า “ศิลปินมีไว้ชื่นชม ไม่ได้มีไว้รู้จัก” คริสดูท่าทางจะถูกใจประโยคเรามาก 555

พอหมดมุกเรื่องหนังเรื่องเพลง เลยชวนคุยเรื่องฮ่องกงบ้าง เมืองไทยบ้าง คริสบอกว่าเคยมาเมืองไทยเมื่อสิบปีก่อน และชอบต้มยำกุ้งมากๆ จนกูสงสัยว่าประเทศเราเนี่ยเวลาต่างชาติมา แม่งจับให้เค้าแดกแต่ต้มยำกุ้งเหรอไงวะ พอเราบอกว่าที่ไทยตอนนี้ประมาณ 30 กว่าองศา คริสดูช็อคมาก ไปๆ มาๆ พวกเราก็เริ่มสอนภาษาไทยให้คริสซะเลย เช่น ประโยคว่า “ใครขายไข่ไก่” หรือความแตกต่างระหว่างคำว่า “เสือ เสื่อ เสื้อ”

แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะเม้ามอยกับเแฟนคลับต่างชาติ ถ่ายรูปนู่นนี่ แอบมองคนอื่น หรือพยายามเอ็นจอยวิวทิวทัศน์รอบข้าง แถวแม่งก็ขยับอย่างเชื่องช้ามาก กูจึงได้แต่ รอ...

.

.

รอ

.

.

รอ

.

.

และรอ...

.

.

สรุปแล้ว...กูรอไปห้าชั่วโมง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! มาตอนเที่ยง กูได้ซื้อของตอนห้าโมงเย็น แสรดดดดดดด แม่งโหดกว่าตอน X-Japan อีก อันนั้นยังได้นั่ง ได้บัตรคิว ไปพักกินข้าว อันนี้ยืนล้วนๆ ค่ะ ยืนท่ามกลางความหนาวเหน็บตลอดห้าชั่วโมง อย่างมากสุดคือ หนีไปเข้าห้องน้ำประมาณห้านาที (ห้องน้ำมีฮีทเตอร์ด้วย กูอยากจะฝังตัวอยู่ในนั้นเลย) หลังจากยืนถึกอยู่ห้าชั่วโมง ฝนก็หยุดตก พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง พวกเรากระดึ๊บๆ เข้าใกล้ที่ขายของมากขึ้นเรื่อยๆ


ค่อยๆ คืบคลานไป


พอใกล้ถึงที่ขายของ ไอ้ป้ายสีฟ้าๆ นั่นคือบอกว่า SOLD OUT แล้ว แฟนๆ หลายคนก็ร้องห่มร้องไห้กันไป

ตอนแรกเรากะว่าจะซื้อแค่ซีดี Bigbang ชุดใหม่ แต่แบบมันหาซื้อได้ทั่วไปไง กูอุตส่าห์ต่อแถวมาห้าชั่วโมงขนาดนี้ก็ขอซื้ออะไรเอ็กซ์คลูซีฟหน่อยเถอะ มองดูในแค็ตตาล็อก แม่งมีฮู้ด มีเสื้อ อ้าว เชี่ย ไม่มีไซส์กูอีก -__-‘’ นอกนั้นก็ของโง่ๆ ทั้งหลาย ที่ห้อยมือถือ เคสไอโฟน สติ๊กเกอร์ บลาๆๆๆ ของที่ดูมีสติหน่อยก็คือโปสการ์ดอะไรสักอย่าง ก็เลยเอาอันนี้แหละวะ


สิ่งที่ได้มาจากการยืนห้าชั่วโมง

สภาพหลังซื้อของเสร็จของแต่ละคนดูไม่จืดทีเดียว ประหนึ่งไปผ่านสมรภูมิรบมา กูถึงขั้นนั่งทรุดกับพื้นทีเดียว แล้วอัลบั้มที่ซื้อมาเนี่ย แม่งหนักมากกกกก เพราะแพ็คเกจแม่งเสือกเป็นเหล็กจริงๆ มึงจะให้กูเอาไปขูดเผือกขูดมันที่ไหนเหรอ!!?? อันที่จริงแผนตอนแรกที่วางไว้คือการเดินท่องเที่ยวใน Olympic Park เพราะในนี้มันจะมีทั้งมิวเซียมและรูปปั้นมากมาย แต่ ณ จุดนี้กูขอเลิกล้มโปรแกรมทั้งหมด เพราะเหนื่อยมากและหนาวโคตร ไม่มีอารมณ์เดินอะไรแล้ว ตอนนี้กูต้องการแดกข้าวเท่านั้น


บรรยากาศยามเย็นที่ Olympic Park


Olympic Park จะมีประติมากรรมแปลกๆ อยู่มากมาย

พอเดินมาดูร้านข้าวใน Olympic Park พบว่าแม่งมีแต่ราคาโหดๆ ทั้งนั้น สองหมื่นวอนอัพ แล้วก็เหลือบไปเห็นแฟมิลีมาร์ทข้างๆ ปลงใจว่ากูต้องฝากชีวิตไว้ที่นี่แหละ เดินเข้าไปก็แอบเหวอๆ เหมือนกัน คือเด็กที่นี่พอมันซื้อมาม่าเสร็จ มันจะนั่งกินยืนกินกันในร้านเลย แล้วก็จะมีคนต่อแถวรอน้ำร้อนเยอะมากๆ บรรยากาศสับสนอลหม่านตึงเครียดพอควร เราก็เลยรีบเลือกรีบซื้อ ไปต่อคิวเติมน้ำร้อน แล้วรีบมาหาที่นั่งด้านนอก เพียงเพื่อจะพบว่า ไอ้ห่า น้ำแม่งไม่ร้อนนี่ว่า มิน่าล่ะ เมื่อกี้กูเลยเห็นว่าพอเติมน้ำเสร็จ เค้าต้องเอาไปเวฟกันในไมโครเวฟอีกที แม่งเอ๊ยยย...


มาม่าน้ำเย็น ดินเนอร์ของกูวันนี้...

คริสอาสาว่าเดี๋ยวเค้าจะเอามาม่าเราไปเวฟในร้าน แล้วให้เราเฝ้าของไว้ แต่เราก็เกรงใจบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเราทำเอง เธอไปก่อนเถอะ หลังจากนั้นคริสกับหญิงก็หายไปนานมากกกกกกกกกก จนกูแอบคิดว่ามันมีการจี้ตัวประกันในแฟมิลีมาร์ทหรือเปล่าวะ เนื่องจากทนรอไม่ไหว กูจึงแดกมาม่าน้ำเย็นแม่งเลย อนาถจริงๆ สักพักใหญ่คริสกับหญิงกลับมา พร้อมเล่าให้ฟังว่าเมื่อกี้มีเด็กคนนึงเวฟมาม่า แล้วปรากฏว่าถ้วยแม่งไฟไหม้ สรุปว่าสองสาวก็ต้องกินมาม่าน้ำเย็นเช่นข้าเจ้า

ทนกินมาม่าเย็นชืดจนหมด ก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งกูก็เจอปรากฏการณ์ Occupy Toilet แบบเมืองไทยเลย กล่าวคือคอนเสิร์ตเคป็อปวงผู้ชายเนี่ย คนดูผู้หญิงจะเยอะมาก พวกเธอเลยจะมาใช้ห้องน้ำชายด้วย แต่แบบ...พวกกูเขินนะโว้ยยยยยย จะให้กูยืนฉี่โดยมีผู้หญิงต่อคิวอยู่ใกล้ๆ เป็นสิบ กูเยี่ยวไม่ออกง่ะ โชคดีว่าเราได้เข้าห้องน้ำก่อนที่เกิดเหตุการณ์ Occupy Toilet เพียงเสี้ยววินาทีเดียว ผู้ชายคนอื่นๆ ที่มาหลังจากเราก็เหวอแดกไปตามๆ กัน

เวลาล่วงเลยใกล้มาถึงทุ่มกว่าๆ แล้ว แต่เพื่อนของคริสก็ยังไม่มา และที่สำคัญตั๋วคอนเสิร์ตอยู่ที่เพื่อน! (เวรกรรมจริงๆ) พวกเราเลยยืนรอเป็นเพื่อนคริสอยู่พักนึง พร้อมกับแลกอีเมลกันไว้ คริสบอกว่าถ้าไปฮ่องกงให้บอกเธอนะ เธอจะเป็นไกด์พาเที่ยวให้เลย


หญิงกับคริส ^^ (ในมือที่เหมือนมงกุฏคือแท่งไฟของวง Bigbang จ้ะ)

พอทุ่มครึ่งเราก็แยกจากคริส เตรียมมุ่งหน้าเข้าฮอลล์คอนเสิร์ต ก่อนเข้ามีการตรวจกระเป๋าเล็กน้อย สตาฟฟ์ก็ตรวจแบบส่งๆ แล้วพูดกับเราว่า “โน ชัตเตอร์ โน ชัตเตอร์” กูงงเลยทีเดียว ชัตเตอร์อะไรของมึง กูมีผีขี่คออยู่เหรอไง ใช้เวลาห้าวินาทีกว่าจะเก็ทว่า อ้อ มันบอกว่าห้ามถ่ายรูป อีห่า โน ชัตเตอร์บ้านมึงสิ มึงพูดว่า โนโฟโต้ กูจะเข้าใจกว่ามั้ย

พอเข้ามาในฮอลล์ก็อุ่นจนร้อนเชียว ต่างจากข้างนอกลิบลับ กูจะไข้แดกก็งานนี้แหละ ฮอลล์ข้างในโทรมมาก เนื่องจากสร้างมาตั้งแต่สมัยโอลิมปิกปี 1988 ที่นั่งมีคราบดำๆ สยดสยองเต็มไปหมด แถมการเรียงเลขที่นั่งก็ประสาทแดกมาก เพราะเวลาขึ้นแถวใหม่ มันไม่นับเลข 1 ใหม่ แต่นับเลขต่อเลย แถมมันยังนับแบบวนซ้ายทีขวาทีแบบงูเลื้อย เพราะงั้นกูเลยได้ที่นั่งแปลกๆ แบบหมายเลข 143 ไรงี้ กว่าจะหาที่เจอเล่นเอาเหนื่อย

ต้องบอกก่อนว่าไม่มีรูปที่ถ่ายจากในคอนเสิร์ตมาเลย เพราะแบตมือถือหมดพอดี (ไม่ได้เอากล้องไป ขี้เกียจฝาก) แต่เหมือนจะเป็นโชคดี เพราะว่าที่นี่เค้าโหดมาก ใครยกมือถือมาถ่ายรูประหว่างคอนเสิร์ต จะมีสตาฟฟ์วิ่งมาเชิญออกทันที แล้วที่กูเหวอกว่าคือ คนเกาหลีแม่งก็ยอมเดินออกกันง่ายๆ เลย ถ้าเป็นคนไทยแม่งคงดราม่าโวยวายกันเป็นอีกสิบนาที

คอนเสิร์ตเกาหลีมักตรงเวลาเสมอ ดังนั้นรอไม่นาน ไฟดับพรึ่บ จอเริ่มฉายภาพแนะนำสมาชิกวง ไฟเอฟเฟกต์วูบวาบไปมา แฟนเพลงกรี๊ดกันกระหึ่ม ไฟสีเหลืองจากแท่งไฟสาดส่องไปทั้งฮอลล์ ทันใดนั้น! มาแล้วววววว ห้าหนุ่มวง Bigbang เปิดตัวด้วยเพลง Tonight แฟนๆ ระเบิดพลังกันทั้งฮอลล์ แม่งกระโดดกันจริงจังมาก จนกูเสียวเหลือเกินว่าไอ้แสตนด์ที่สร้างตั้งแต่ปี 1988 แม่งจะพังครืนลงมามั้ย จากนั้นต่อด้วยเพลง Hands Up แล้วก็เพลงใหม่ Fantastic Baby แค่สามเพลงแรกก็คุ้มแล้ว พลังทะลักทลายจริงๆ!


แค่สามเพลงแรก ทำกูฟิน


ช่วงแรกๆ ในคอนเสิร์ตเนี่ย สิ่งที่กูติดใจมากคือ...เอ่อ...ทรงผมของ คุณพี่จีดราก้อน (คนซ้ายสุด) พี่แกเล่นทำแบบมีจงอยห้อยลงมา แล้วมันยาวมาก แถมสีแดงด้วย


ดีนะ แกไม่ทำทรงนี้มาในงาน

เวลาพูดกับคนดูเนี่ย พี่จีดีแกก็ลูบๆ ปลายผมของแกไปด้วย เป็นภาพที่กูฮามาก จนกลั้นขำไม่อยู่ อย่างไรก็ดี คอนวันนี้ทำให้ยิ่งซูฮกในพี่จีดีมากขึ้น 18 เท่า แต่เดิมก็ชอบแกอยู่แล้ว เพราะแกเป็นคนแต่งเพลงหลักในวง ตอนอยู่ในคอนเสิร์ตเนี่ย แกเหมือนควบคุมทุกอย่างได้หมดเลย คือการแสดงของพี่แกจะดูเหมือนฟรี ปลดปล่อยตัวเองมาก แต่จังหวะก็แม่นจริงๆ รู้ว่าตรงไหนต้องบิวด์ ตรงไหนต้องเบรค ดูแกแล้วสนุกมากๆ

ตลอดสองชั่วโมงสิบห้านาทีของคอนวันนี้เป็นช่วงเวลาที่สนุกมากๆ คือ Bigbang เล่นเพลงเร็วเกือบทั้งงานเลย คอนเสิร์ตมันเลยเหมือนน็อนสต็อป ไม่ต้องหยุดไม่ต้องยั้งอะไรกันแล้ว สมาชิกทุกคนร้องเพลงได้ดี (โดยเฉพาะแดซอง เสียงดีสุดๆ) ในพาร์ทการเต้นก็ทำได้ดี ถึงจะเต้นไม่ได้พร้อมกันเป๊ะๆ แต่การเต้นของ Bigbang มันดูมีชีวิตชีวา โปรดักชั่นไม่ได้อลังการเลย แต่มีส่วนอื่นมาเสริม เช่น วงดนตรีสด (คอนเสิร์ตนี้เล่นกับดนตรีสดทั้งงาน) หรือแดนเซอร์ ซึ่งหน้าตาหล่อสวยหุ่นดีกันมากๆ บางเพลงดูแดนเซอร์มากกว่านักร้องอีก 555

แต่แน่นอนค่ะ ชีวิตกูต้องไม่ราบรื่น พระเจ้าส่งเรื่องชิบหายๆ มาให้กูเขียนเม้ามอยในเฟซบุ๊คเสมอ อุปสรรคของงานนี้คืออีนังผู้หญิงข้างๆ ค่ะ เธอเป็นสาวจีน หน้าตาก็สวยดี แต่ตอนที่เธอโบกแท่งไฟเนี่ย เธอดันกางศอกออกมา 90 องศา แล้วค่อยโบก ซึ่งทำให้ศอกเธอมาชนตัวกูประมาณ 164 ครั้งในเวลาสองชั่วโมง กูไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามึงจะโบกแท่งไฟโดยชูแขนขึ้นฟ้าตรงๆ ไม่ได้หรือไงห๊ะ อีจั๊ดง่าว! กูเนี่ยนะทั้งหลบ ทั้งเอี้ยว ทั้งหลีก ทั้งถอย แต่ก็ยังไม่พ้นวงศอกอีนี่ซะที หลังๆ เลยทำใจ ปลง เออ มึงอยากทำอะไรทำไปเถอะ

โมเมนต์ที่ชอบมากเป็นพิเศษในงานมีอยู่สองช่วง อันแรกคือ พาร์ทโซโล่ของซึงรี คุณน้องมาให้มาดทหาร ชุดกันกระสุน มาพร้อมเสียงเฮลิคอปเตอร์ และเปิดตัวด้วยการยิงปืนปังๆๆๆ ใส่คนดู ซึ่งมันเท่และดูดีมากกกก เหมาะกับคนเยอะๆ อย่างนังซึงรีเป็นที่สุด จนกูเผลอกรี๊ดออกมาโดยไม่รู้ตัว 555 แถมตอนพาร์ทโซโล่ ซึงรียังเลิกทำผมทรงสป็อค Star Trek แต่เปลี่ยนไปทำผมตั้งๆ แทน เออ แบบนี้น่ะหล่อแล้ว มึงอย่ากลับไปทรงสป็อคเลย ถือว่ากูขอนะ


ซึงรีวันนี้หล่อที่สุดในสามโลก

อีกอันที่ชอบคือ โซโล่ของแดซอง ตอนเพลง Wings มีจังหวะที่พี่แกติดปิด แล้วอยู่ดีๆ พี่แกก็บินมาหาคนดู! คนดูกรี๊ดสลบเป็นลมกันทั้งงานค่ะ แบบว่ามันเท่จริงๆ แล้วเรายังแอบซึ้งด้วย คือก่อนหน้านี้แดซองผ่านเรื่องหนักๆ มาตลอด (ปีที่แล้วแดซองขับรถไปชนคนขับมอเตอร์ไซค์ที่นอนล้มอยู่ จนฝ่ายหลังเสียชีวิต) เพลง Wings กับการติดปีกบินมันเลยเป็น symbolic สื่อถึงความเป็นอิสระอย่างกลายๆ ถึงจะแอบเสียดายที่แดซองไม่ร้องเพลง Baby Don’t Cry แต่เจอเพลงไปนี้ ต้องบอกว่า...กูยอม


"อยากเห็นแดซองบินได้" - พี่ตูน ไม่ได้กล่าว

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็มาถึงช่วงท้ายของคอนเสิร์ต ทางวงก็เล่นเพลงฮิตรวด พวก Haru Haru (เล่นแบบ acoustic), Lies และ Last Farewell ต่อด้วยอังกอร์เพลง Sunset Glow และ Heaven คอนเสิร์ตวันนี้ว่าไปแล้วก็เหมือนกลับสู่รากเหง้าเคป็อปของตัวเอง เพราะว่าฟังเคป็อปก็เริ่มจาก Bigbang นี่แหละ หลายปีก่อนยังเห็นเป็นวงบ้าๆ บอๆ ก๊องแก๊งอยู่เลย ทุกวันนี้กลายเป็นระดับซูเปอร์สตาร์แล้ว ปลื้มใจแทนจริงๆ

คอนเสิร์ตเลิกประมาณสี่ทุ่มกว่า พวกเรารีบออกจากฮอลล์ แล้วพุ่งลงรถใต้ดินทันที เพราะรู้ว่าคนจะต้องมหาศาลแน่ โชคดีว่ามาเป็นกลุ่มแรกๆ เลยได้ขึ้นรถทันที (หันไปมองข้างหลังคิวแม่งทะลุไปถึงบันไดนู่น) รถไฟแน่นมากๆ แต่พอถึงจุดที่เปลี่ยนสายรถไฟก็สบายหน่อย คนเริ่มคลี่คลายลง ถึงโรงแรมเกือบห้าทุ่ม ผ่านไปได้อีกหนึ่งวัน...

แต่ยัง...ตอนของวันนี้ยังไม่จบ!

ไหนๆ ก็อยู่เกาหลีมาสองวัน ตอนนี้เราก็พอจะเห็นภาพรวมๆ ของกรุงโซลและคนเกาหลีแล้ว ซึ่งมีทั้งดีและร้าย จึงขอสรุปประมาณนี้

- เอาเรื่องดีก่อน คนเกาหลีมีระเบียบในการข้ามถนนมาก ถึงรถจะว่าง แต่ถ้ายังไฟแดงเค้าก็จะไม่ข้าม จะรอข้ามตอนไฟเขียวเท่านั้น

- เรื่องดีถัดมา ตลอดหกวันที่อยู่ในโซล เจอคนหน้าตาดีเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ไม่รู้ทำไม ส่วนใหญ่จะเจอเป็นผู้ชายมากกว่า 555 ไม่ว่าจะพนักงานสถานีรถไฟ, คนขายรองเท้า, คนขายข้าว, คนแจกใบปลิว แม่งหล่อหมดเลย! อาจจะเพราะโดยพื้นเพคนที่นี่ก็ผิวพรรรณดีอยู่แล้ว แถมพวกผู้ชายก็จะดูแลตัวเอง แต่งตัวเยอะๆ หน่อย

- คนเกาหลีพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ถ้าจะถามทางอะไรอย่าไปหวังกับลุงๆ ป้าๆ ถามพวกเด็กมหาลัยหรือคนทำงานหนุ่มๆ สาวๆ ดีกว่า ควรเลือกคนที่ดูชีวิตไม่รีบมากและเป็นมิตรหน่อย ส่วนใหญ่เค้าก็จะพยายามตอบแหละ แล้วก็อย่าแปลกใจเวลาถามอะไรเป็นอังกฤษ แล้วพี่แกดันตอบเป็นเกาหลี กูเจอทุกวัน

- ส่วนสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ คนเกาหลีแม่งชอบเดินชน แถมชนแล้วไม่ขอโทษ! เพื่อนเคยเตือนเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แต่พอมาเจอกับตัว สองวันแรกนี่หงุดหงิดมาก แต่วันหลังๆ ก็อุเบกขาไปโดยปริยาย มึงอยากชนเหรอ ชนไปเล้ย ชนได้ชนไป สันนิษฐานเอาเองว่ามาจากว่าที่นี่เค้าไม่ค่อยถือเรื่องแตะเนื้อต้องตัวกันเท่าไร อย่างเช่นผู้ชายเดินถนนแล้วจับไม้จับมือกัน หรือที่นั่งบนรถใต้ดินเนี่ยจะค่อนข้างแคบ แม่งก็นั่งแบบเกยกันไปมาแบบไม่แคร์อะไรเลย ทั้งหนุ่มสาวลุงป้า

- บรรยากาศตึงเครียดที่สุดคือตอนขึ้นรถไฟใต้ดิน ถ้าเราอยู่เฉยๆ หรือเดินช้าๆ แม่งจะมีคนเกาหลีมาชนเราทันที หรือตอนขึ้นรถไฟ แม่งไม่มีการรอคนข้างในออกเลย อีคนขึ้นแม่งขึ้นทันที มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้เรากระจ่างทุกอย่าง คือเรารอรถอยู่คนแรก ข้างหลังเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกสามคน พอรถมาปุ๊บ อีครอบครัวเปรตนี่เบียดเราขึ้นรถไปทันที แล้วมันทั้งสามตัวก็จัดแจงวิ่งหาที่นั่งกันได้ทุกคน ...อ้อ มึงเป็นกันทั้งโคตรนี่เอง กูไม่แปลกใจแล้ว

- ที่นั่งว่างในรถใต้ดิน ไม่เคยว่างเกิน 0.3 วินาที ว่างปุ๊บ มีคนนั่งปั๊บ ดังนั้นถ้าอยากจะนั่ง ต้องพุ่งตัวนั่งทันที (ควรนั่งในกรณีที่ต้องนั่งยาวๆ ประมาณสิบสถานีขึ้นไป ยืนตลอดไม่สนุกนะจ๊ะ)

- ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้บนรถไฟเกาหลี! ตอนดึกๆ กูเจอคนเมาทุกวัน คนบ้าก็เจออยู่เรื่อย รถไฟบ้านเค้าก็เหมือนรถเมล์บ้านเรา คือมันราคาถูก คนทุกชนชั้นขึ้นได้ แล้วก็อย่าแปลกใจถ้านั่งรถไฟอยู่ แล้วมีขอทาน หรือมีคนมาตะโกนขายของ ตั้งแต่วิทยุพกพายันซองใส่นามบัตร มันเป็นเรื่องปกติ (วันแรกกูตกใจมาก นึกว่าก่อม็อบประท้วงกัน)

- เด็กวัยรุ่นเกาหลีแว้นกว่าเด็กไทย ไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไร อาจจะด้วยการพูดจาที่ดูเสียงดังกว่าบ้านเรา โปรดหลีกเลี่ยงสถานที่ที่เป็นที่รวมตัวของวัยรุ่น เช่น ฟู้ดคอร์ทตามห้าง กูเคยจะเป็นบ้าเพราะที่นี่มาแล้ว

- อันนี้ไม่ใช่เรื่องคัลเจอร์ แต่เป็นปัญหาของกูเอง คือตลอดหกวันที่โซลเนี่ย มีคนเกาหลีมาถามทางกูประมาณหกครั้ง! (คือมันอาจจะถามอย่างอื่นแหละ แต่กูฟังไม่ออก) หรือเวลาเข้าพวกมิวเซียม พนักงานจะยื่นสูจิบัตรเวอร์เกาหลีให้กูทันที สรุปว่ากูหน้าเนียนเป็นคนเกาหลีนั่นเอง แต่ก็ดีเหมือนกัน เวลาเดินไปไหนมาไหน ไม่มีใครสนใจ กลมกลืน

แล้วคุณคันฉัตรจะโดนคนเกาหลีเดินชนอีกสักกี่ครั้ง เค้าจะไปตบกับเด็กแว้นที่นู่นหรือไม่

โปรดติดตามตอนต่อไป...




 

Create Date : 13 มีนาคม 2555
6 comments
Last Update : 13 มีนาคม 2555 12:10:15 น.
Counter : 4745 Pageviews.

 

ตลอดหกวันที่อยู่ในโซล เจอคนหน้าตาดีเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ไม่รู้ทำไม ส่วนใหญ่จะเจอเป็นผู้ชายมากกว่า 555 ไม่ว่าจะพนักงานสถานีรถไฟ, คนขายรองเท้า, คนขายข้าว, คนแจกใบปลิว แม่งหล่อหมดเลย! อาจจะเพราะโดยพื้นเพคนที่นี่ก็ผิวพรรรณดีอยู่แล้ว แถมพวกผู้ชายก็จะดูแลตัวเอง แต่งตัวเยอะๆ หน่อย

ูู^
^
^
^
คนไทยชอบบอกว่าคนเกาหลีหน้าตาไม่ดี แต่ตอนนี้คุณเมอร์ไขข้อสงสัยนั้นแล้ว ส่วนเรื่องคนเกาหลีชอบชนสงสัยจะจริง...

 

โดย: อันอัน IP: 182.93.208.54 13 มีนาคม 2555 17:01:51 น.  

 

กรี๊ดดดกร๊าดดด (ไม่ได้โดนน้ำร้อนนะฮ้า)
น้องซึงรีเท่มากๆๆๆ หนุ่มๆ ที่เหลือก็หล่อและแรงดีทีเดียว
ถ้ามาไทยด้วยลุคแบบนี้ ลีลาแบบนี้
สงสัยจะต้องมีการนอกใจ เถลไถลไปดูแน่ๆ เลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับภาพและโมเม้นท์ดีๆ นะคะ

ป.ล. อ่านแล้วเหนื่อยแทน ทั้งเรื่องรอคิวเข้าคอนฯ และการเดินทาง --"

 

โดย: Onion Admirer IP: 58.137.1.154 14 มีนาคม 2555 9:51:42 น.  

 

อ่านแล้วขำดีฮ่ะ

 

โดย: mee_vingt IP: 124.122.116.221 14 มีนาคม 2555 11:13:21 น.  

 

เขียนบล๊อคได้สนุกมากค่า เด๋วจะตามไปติดๆช่วงสงกรานต์ ท่าทางแบกเป้เกาหลีจะโหดกว่าที่คิด สงสัยต้องหาเคาเตอร์เพนติดไปด้วยนะเนี่ย

 

โดย: travelsaint 17 มีนาคม 2555 21:57:02 น.  

 

ไปเที่ยว ถ้าไปเอง มีแนวโน้มสูงมาก จะถึงเดินทั้งวันฮะ แนะนำคือ เอารองเท้าที่ใส่สบายไปฮะ เอาไปเผื่อสองคู่ก็ได้ เผื่อเดินนานๆ แล้วอับ

ส่วนยานวด แนะนำยี่ห้อ PERSKINDOL ครับ หลอดเหลืองๆ แพงแต่ดีฮะ :)

 

โดย: merveillesxx 18 มีนาคม 2555 2:36:20 น.  

 

บรรยายทริปนี้ได้สนุกมากๆเลยค่ะ....อ่านไปขำไป ตลกดี ชอบชอบชอบ

 

โดย: Mistletoe IP: 202.28.27.2 25 พฤษภาคม 2555 9:24:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.