http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 
ไดอารี่ ฝึกงาน ของน้องเมอร์ (PART 2)

โดย merveillesxx


หมายเหตุ : อ่าน PART 1 (Episode 1-5) ได้ ที่นี่





EPISODE 6 : แล้วเธอก็กลับมา

ศุกร์ 5 พฤษภาคม 2549

ตอนนี้บริเวณที่ทำงานของเรากำลังถูก “หมีพูห์” บุกรุก!

ใช่แล้ว พิมพ์ไม่ผิดหรอก…หมีพูห์จริงๆ ตัวสีเหลืองๆ นั่นแหละ

เรื่องของเรื่องก็คือ หลายเดือนก่อนนู้น ทาง 7-11 เค้ามีให้สะสมแสตมป์แลกของน่ะ แล้วรางวัลใหญ่รู้สึกจะเป็นตุ๊กตาหมีพูห์นี่ล่ะมั้ง …คือแบบว่าขนาดมันใหญ่มากน่ะ ใหญ่กว่าตัวเราอีก แล้วเค้าไม่มีที่เก็บมั้ง คงเห็นว่าตรงที่เราทำงานอยู่มันว่างๆ พอดี เค้าก็เลยเอาหมีพูห์มาฝากซะเลย (ประมาณ 50 ตัวแล้วตอนนี้)

ตอนแรกเราก็สงสัยว่าลูกค้าคนไหนมันจะบ้าจี้มาเอาหมีพูห์ไปวะ หนักจะตายห่ะ …ปรากฏว่ามีมาจริงๆ อ่ะ หลายคนด้วย บางคนถ่อมาจากลำปางนู่นแน่ะ (ซึ่งอาจจะคุ้มกว่า เพราะสมมติถ้าส่งไปโคราช ค่าส่งก็ตั้ง 1400 บาท)

เพราะงั้นตอนนี้ตรงที่เรานั่งมันก็กลายเป็น “ทุ่งหมีพูห์” ไปซะแล้ว (นึกภาพทุ่งทานตะวันน่ะ แต่เปลี่ยนเป็นตุ๊กตาหมีพูห์แทน) ซึ่งก็ทำให้เราเซ็งหนักเหมือนกัน เพราะหันไปทางนึงก็เจอแต่หมีพูห์ พอหันไปอีกทางก็เจอนังเจนดำ, จ๋าดำ ซะงั้น …ชีวิตตู ช่างมืดมนอนธการจริงๆ

ยังดีว่าเรายังมีแสงสว่างในชีวิตบ้าง เพราะหลินแวะมาเยี่ยมเราสองวันเลย (ทั้งที่เค้าฝึกงานจบไปแล้ว) แถมเมื่อวันพฤหัสใส่ชุดไปรเวทมาด้วย ใส่กระโปรงสีขาวมา น่ารักดี (หุหุหุ) …พอหลินบอกว่าเข้ามาอ่านบล็อกเราด้วย เราก็ตกใจเหมือนกัน กลัวว่าเค้าจะมาเจออะไรแปลกๆ (ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

หลินนี่เสน่ห์แรงเหมือนกันนะ มีหนุ่มมาจีบด้วย (นศ.ฝึกงานด้วยกันนี่แหละ แต่อยู่แผนกไกลๆ กัน) แต่วันนั้นพระเจ้าก็เข้าข้างเรา เพราะตอนที่ไอ้หมอนั่นโทรมา หลินไม่อยู่พอดี เราก็เลยรับโทรศัพท์แทน แล้วก็แกล้งทำเสียงดุๆ ใส่ วะฮะฮ่า…เจอเสียงเราก็ไป จ๋อยไปเลย โฮะ โฮะ โฮะ

ว่าแล้วกลางวันนั้นเราเลยพา “สามสาว” (เจนดำ, จ๋าดำ และหลิน) ไปเลี้ยงข้าวที่ FUJI ซะเลย เนื่องในโอกาส “ในที่สุดตูก็ได้เงินค่าต้นฉบับซะที” (รอมานาน) ก็หมดไป 700 กว่าบาท


พวกเราลองๆ คุยดูเรื่องฝึกงาน ก็พบว่าพวกเราฝึกตรงนี้นี่สบายสุดแล้วล่ะ มันออกจะชิวๆ แล้วเราก็ทำตัวแย่ๆ มั่วๆ อู้ๆ ไว้มาก แต่ก็ยังไม่เคยโดนด่า เช่น

- เข้างานสาย (งานเข้า 8.30 แต่มาถึง 9.00 เป็นอย่างเร็ว เดี๋ยวนี้ล่อไป 9.30)

- แถมเข้าสาย แล้วยังลงไปซื้อข้าวเช้ามานั่งกินหน้าตาเฉย กว่าจะเริ่มทำงานก็ล่อไป 10.00

- พักเที่ยงก็ออกก่อน

- เข้าช่วงบ่ายก็สายตามเคย (เค้าให้เข้า 13.00 เดี๋ยวนี้เข้า 14.00 เป็นอย่างเร็ว)

- อู้งานด้วยวิธีสารพัด เช่น เม้าท์แตก, งีบหลับ, ลงไปซื้อขนม, แอบเล่นเกม (ดีว่าเน็ตมันเล่นไม่ได้ ไม่งั้นจะยิ่งกว่านี้)

- นินทาเจ้านายเป็นเรื่องปกติ

- ตรงเวลาเรื่องเดียวคือ เวลากลับบ้าน …งานเลิก 18.00 พอ 17.30 ก็เตรียมเก็บของกันแล้ว (ฮา)

- ล่าสุดนี่เลวร้ายมาก เพราะเอา VCD คาราโอเกะ โฟร์-มด ไปนั่งเปิดดูกัน แถมซื้อป็อปคอร์นมากินซะด้วย

และอื่นๆ อีกมากมาย …คาดว่ารางวัล “นักศึกษาฝึกงานยอดแย่” จะต้องตกเป็นพวกเราคนใดคนหนึ่งแน่นอน


อ้อ…ตอนเย็นที่แยกย้ายกันกลับบ้าน หลินเค้าก็ให้การ์ดกับพวกเราสามคนด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าหลินจะแวะมาเยี่ยมเราอีกหรือเปล่า แถมอาทิตย์นี้จ๋าดำก็ฝึกงานจบแล้ว …นั่นก็หมายความว่าอีกประมาณเดือนนึงต่อจากนี้ เราต้องอยู่กับเจนดำ…สองต่อสอง

โอว คุณพระช่วย โฟร์-มด ช่วยหนูด้วยยยยย





EPISODE 7 : ALWAYS

จันทร์ 15 พฤษภาคม 2549

พระเจ้าคงเห็นใจที่ชีวิตเรานั้นมืดมน เพราะต้องฝึกงานอยู่กับเจนดำสองต่อสอง ท่านจึงประทานนางฟ้าที่ชื่อ ‘ภัทรธิดา’ มาให้

ไม่ใช่อะไรหรอกก็ช่วงนี้ แตงโม (สุดที่รัก) ขึ้นปกนิตยสารบ่อยมากกกกกกกก สัปดาห์ก่อนนู้นก็หนังสือ HI พอเมื่อวานก็ขึ้นปก front: mini (ดาร์ลิ้งจ๋า เล่มนี้รีทัชขาวเว่อร์ไปหน่อยนะ) พอมาวันนี้ก็เจอ “เธอกับฉัน” อีก ก็เล่นเอาเราแทบหมดตัว แต่ไม่สำคัญเท่าตอนซื้อหนังสือเธอกับฉันที่ดอกหญ้าสยาม แบบว่ากลัวคนรู้จักเห็นมากๆ ถ้าใครมาเจอล่ะก็ อายตายห่ะเลย

นี่ว่าจะซื้อครีม NATRIV มาใช้แล้วเนี่ย ก็แบบว่าแตงโมเป็นพรีเซนเตอร์ง่ะ


ทีนี้ขอย้อนไปเล่าเรื่องน่าประทับใจ เมื่อสัปดาห์ก่อนนู้นนิดนึง

คือเวลาที่เราบอกว่าเราไปดูหนังคนเดียว แล้วคู่สนทนาทำหน้าตกใจประหนึ่งเราก่อเหตุฆาตกรรมมา...เราก็ชินแล้ว

หรือเวลาที่เราบอกว่าชอบไปดูหนังแถวลิโด้-สยาม-สกาล่า แล้วอีกฝ่ายคิดว่าเราเป็นคณะสำรวจโบราณสถาน...เราก็ชินแล้ว

หลินก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีชีวิตตามสามัญทั่วไป ก็ไม่แปลกที่เค้าจะเคยพูดกับเราว่า “ลิโด้เหรอ เรานึกว่าโรงหนังนี้มันร้างซะอีก” (ฮา)

ซึ่งเราก็เฉยๆ นะ ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะไม่คงจำเป็นที่จะต้องให้คนอื่นมาเข้าใจรูปแบบชีวิตของเรา พอๆ กับที่เราขี้เกียจไปเข้าใจรูปแบบชีวิตของคนอื่น

แต่แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่ง หลินก็ถามเราว่า...

หลิน : ต่อๆ ...ต่อดูหนังเรื่อง MY WAY รึยังอ่ะ

ต่อ : (ทำหน้างงๆ) เหอ...MY WAY อะไรอ่ะ หนังนานยัง (ในใจพาลคิดไปถึงเพลง My Way ของ Limp Bizkit นู่น)

หลิน : ไม่นานๆ ก็ที่มันเข้าโรงอยู่ตอนนี้อ่ะ ที่ว่าเป็นหนังญี่ปุ่น

ต่อ : อ๋อ...รู้แล้ว มันชื่อเรื่อง ALWAYS นะ ไม่ใช่ MY WAY ถ้าเรื่องนี้น่ะเราดูแล้ว

หลิน : เอ้อ นั่นแหละๆ หนังมันดีมั้ยล่ะ

ต่อ : อื้อ ดีนะ เราว่าหลินน่าจะชอบนะ คือมันเป็นหนังฟีลกู๊ดน่ะ ดูแล้วรู้สึกดี

หลิน : เห็นเค้าว่ามันฉายที่โรงหนังสยามที่เดียวใช่มะ

ต่อ : อื้อ (ขี้เกียจอธิบายว่ามันฉายที่ House RCA ด้วย เดี๋ยวจะยิ่งงงไปกันใหญ่)


หลายวันต่อมา หลินก็บอกว่านัดกับเพื่อนไปดู Always ตอนเย็น ...และแล้วเราก็เริ่มวิตกจริตว่า นี่ตูคิดถูกรึป่าวที่แนะนำให้เค้าไปดู เพราะ...

1. ถ้าเกิดเค้าไม่ชอบหนัง เราคงรู้สึกแย่

แล้วไหนจะเรื่องที่เค้าต้องอึ้งมากมายกับโรงหนังสยาม เช่น

2. ความโทรมของโรงหนัง
3. บันไดเลื่อนที่ใช้การไม่ได้หน้าโรง
4. ระบบจองตั๋วแบบ ‘กาช่อง’
5. ตั๋วหนังที่เหมือนตั๋วโรงรับจำนำ
6. มนุษย์ชุดเหลืองที่ยืนอยู่หน้าโรง
7. ม่านที่กั้นก่อนเข้าไปในโรง...เหมือนโรงแรมม่านรูด
8. พื้นโรงแข็งๆ (ไม่ใช่พื้นพรม) ชวนให้คิดว่าอาจจะมีหนูวิ่งผ่านขณะดูหนัง

นั่นแหละ ด้วยเหตุผลนานัปการที่ว่ามาก็ทำเรากุมขมับ เอาหัวโขกกำแพง โป๊ก โป๊ก โป๊ก!...นี่ตูพาเค้าไปเจออะไรหลอนๆ รึป่าววะเนี่ย


สองวันต่อมา เราก็เลยลองโทรไปถามเค้าว่า ดูหนังแล้วเป็นไงบ้าง...

มันทำให้เราแทบจะกระโดดเต้นแท็ปตรงนั้นเลย พอเค้าพูดว่า “ต่อ เราชอบหนังมากเลย”

หลินเล่าให้เราฟังว่า เค้าก็หลอนๆ กับอะไรหลายอย่างที่โรงหนังสยามตามที่เราคาดไว้ แต่พอคุยถึงเรื่องนี้ฮาดี หัวเราะกันกระจาย โดยเฉพาะตอนที่หลินทำหน้าแตกไปถามคุณมนุษย์ชุดเหลืองว่า “เรื่องนี้ฉายโรงไหนคะ” เพราะเธอนึกว่าโรงสยามเป็นแบบ multiplex ที่มีหลายๆ โรงแบบพวกเมเจอร์

ส่วนเกี่ยวกับหนัง Always หลินก็บอกว่า หัวเราะและร้องไห้สลับกันไป ตามคำโฆษณาเป๊ะ แล้วก็ถามเรานิดหน่อยเกี่ยวกับความหมายของโตเกียวทาวเวอร์ในหนัง

ตอนที่คุยกันมีตรงนึงที่เรารู้สึกดีมากๆ

ต่อ : รอบที่หลินดูคนเยอะมั้ยล่ะ

หลิน : อืม...ก็ไม่นะ ไม่ค่อยเยอะ

ต่อ : โรงนี้มันก็แบบนี้แหละ คนไม่ค่อยเยอะ แล้วสังเกตสิ ส่วนใหญ่จะมาดูคนเดียว

หลิน : อื้อๆๆ จริงๆๆ

ต่อ : นี่แหละ ต่อถึงชอบดูโรงนี้ไง มันไม่ค่อยมีอะไรกวนใจ เสียงมือถือก็ไม่ค่อยมีนะ วัยรุ่นมันไม่เยอะ ไม่เหมือนพวกเมเจอร์, อีจีวี

หลิน : อื้อ ใช่นะ แบบว่าเค้าไม่คุยกันระหว่างดูหนังเลยน่ะ (อ้าวเธอ...ก็ส่วนใหญ่เค้ามากันคนเดียวนี่จ๊ะ จะไปคุยกับใครล่ะ)

ต่อ : ก็ดีแล้วน่ะ

หลิน : เรารู้สึกเหมือนกับว่าคนที่มาดูหนังที่นี่ เค้าตั้งใจมาดูหนังจริงๆ น่ะ


หลินรู้อะไรมั้ย...ถึงหลินจะบอกว่า หลินดูหนังอาร์ตไม่รู้เรื่อง ไม่ชอบดูหนังที่เข้าใจยากๆ

แต่ประโยคที่หลินพูดออกมา...มันก็แสดงว่าหลินเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วล่ะ


หลิน : ถ้ามีหนังแนวๆ นี้อีก ต่ออย่าลืมบอกเรานะ

ต่อ : อื้อ ได้...ไปดูด้วยกันมะ

หลิน : ได้สิ





EPISODE 8 : กินไปเชียร์ไป

ศุกร์ 26 พฤษภาคม 2549

เมื่อประมาณ 3 วันก่อน กลางดึกของวันอังคาร ขณะที่เราอยู่บน TAXI กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน หลังจากเพิ่งไปดูเรื่อง The Da Vinci Code มา ...คืนนั้นเหตุการณ์หลอนๆ ก็เกิดขึ้นกับเรา ประหนึ่งตัวเองกำลังอยู่ในหนังเรื่อง Mulholland Drive ของ David Lynch

นั่งอยู่ในรถเพลินๆ จู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้น (ตอนนี้เป็นเพลง “เลี้ยงส่ง” ของวง So Cool เวลามือถือดังบนรถใต้ดินจะมีคนทำสายตาเหยียดหยาม) ดูเบอร์แล้วไม่คุ้นเลย แต่ก็รับสาย พอเรา “ฮัลโหล” ไป ก็มีเสียงผู้หญิงคนนึงตอบกลับมาว่า “ต่อ ใช่มั้ย” เราก็บอก “ใช่ครับ” แล้วเธอดันตอบกลับมาว่า “จำเราได้รึป่าว”

เอาแล้วไง...นั่นแหละคือ คำแรกที่แว่บเข้ามาในหัวเรา เพราะรู้สึกว่าช่วง 5 เดือนแรกของปี 2549 ทำตัวไม่ค่อยดีเท่าไร ข้อหามนุษยสัมพันธ์กับมนุษย์ผู้หญิงดีเกินควร (หมายถึงไปหยอดไว้หลายคนนั่นเอง) เคยกลัวๆ เหมือนกันว่าสักวันหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นจะโทรมาแก้แค้นทวงคืน

แต่เราก็คิดในแง่ดีว่าเป็น “น้องต่าย” โทรมา (น้องต่ายเป็นรุ่นน้องในกลุ่มที่คอยโทรมาบอกข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับงานรับน้อง เธอชอบเอาเบอร์แปลกๆ โทรมา เราก็เลยคิดว่าเธอโทรมาล้อเล่น) เลยพูดกลับไปว่า “นั่น น้องต่ายรึป่าวอ่ะ”

แต่ทว่า...เธอผู้ลึกลับกลับมาว่าตอบ “แหม...มีกิ๊กใหม่อีกแล้วเหรอ เป็นรุ่นน้องซะด้วย!”

ฉิบหายแล้ว!

ถึงตอนนี้ เรามั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นหนึ่งในบรรดาผู้หญิงที่เราไปกิ๊กด้วยแน่นอน สมองตอนนั้นก็ได้แต่คิดว่า “ใครโทรมาวะ ใครโทรมาวะ ใครโทรมาวะ ใครโทรมาวะ ใครโทรมาวะ” จากนั้นภาพ flashback ตั้งแต่แฟนคนแรกยันคนปัจจุบัน รวมถึงผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ไล่เรียงมาทีละคนๆ นั่งคิดว่ากูไปทำอะไรกับใครไว้บ้าง ...ประหนึ่งคนใกล้ตายแล้วภาพในอดีตมาค่อยๆ ย้อนคืนมา อะไรประมาณนั้น

ขณะที่กำลังคิดจิตตกอยู่นั่นเอง ในที่สุดเสียงปลายสายก็เปิดเผยตัว “แหม ต่อ จำไม่ได้เหรอ นี่หลินเอง” …ได้ยินแล้วก็รู้สึกเหมือนรอดตายเลยแฮะ ตอนแรกนึกว่าเจ้ากรรมนายเวรโทรมาชำระแค้นเสียอีก สรุปว่าเป็นหลินนั่นเองที่โทรมาแกล้งเราเล่น (เป็นการล้อเล่นที่ทำเราเกือบหัวใจวายตายเลยแฮะ)

หลินโทรมาบอกเราว่าหลินจะเปลี่ยนเบอร์แล้ว (เบอร์ที่ขึ้นมันเลยเป็นเบอร์แปลกๆ เพราะหลินใช้เบอร์ใหม่โทร) เราก็ดีใจเหมือนกันที่เค้าอุตส่าห์โทรมาบอก ความจริงเค้าใช้เอา SMS ก็ได้ แต่นี่เค้าโทรมาบอกด้วยตัวเอง...แสดงว่าเรา...ก็มีความสำคัญกับเค้าเหมือนกันนะ (ฮ่าๆๆๆๆ คิดเข้าข้างตัวเอง) เพราะมีเพื่อนหลายคนเหมือนกันที่เปลี่ยนเบอร์แล้วก็ไม่ยอมบอกเรา ทำให้เราติดต่อเค้าไม่ได้อีกเลย


หลายวันถัดจากนั้น ที่ทำงานก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว เพราะมันแปรสภาพกลายเป็น “กองถ่ายโฆษณา”

เรื่องของเรื่องก็คือ ทาง 7-11 เป็นทำป้ายโฆษณา “กินไป เชียร์ไป” แปะหน้าร้าน 7-11 ทุกสาขา โดยจะให้เข้าคอนเช็ปต์กับช่วงงานบอลโลก เพราะงั้นพรีเซนเตอร์ก็ต้องแต่งตัวประมาณเสื้อบอลชาติดังๆ ส่วนท่าที่ต้อง act ก็คือ ท่าเฮดังๆ ประมาณตอนมีการทำประตู (โดยในมือก็ถือธงชาติทีมบอลไปพร้อมๆ กับแก้ว GULP เนี่ยแหละ)

ที่ฮาก็คือ พี่หมี (เจ้านายเรา) ได้เป็นพรีเซนเตอร์กับเค้าด้วย (มิน่าล่ะ เห็นเอาชุดกีฬามาลองใส่ 2-3 วันแล้ว) พี่เค้าสั่งงานให้เราตรวจ powerpoint ชิ้นนึง พอทำเสร็จเค้าก็อนุญาตให้เราขึ้นไปดูการถ่ายทำได้

พอขึ้นไปดูเราก็เห็นพรีเซนเตอร์มีผู้ชาย 2 คน แล้วก็ผู้หญิงอีก 2 คน ตอนแรกเราก็กระซิบๆ กับเจนดำว่า “ผู้หญิงไม่ค่อยสวยเท่าไรเลย” และตอนหลังเราก็มาพบความจริงว่า พี่ทั้ง 4 คนนั้น ล้วนเป็น “พนักงาน” ในบริษัททั้งสิ้น ไม่ได้มีการไปจ้างนายแบบนางแบบมาจากโมเดลลิ่งไหนเล้ยยยยย

ยิ่งกว่านั้น พอเราลงไปทำงานต่อพักนึง แล้วขึ้นมาดูอีกที ก็พบว่า พี่อ้อ ที่ตอนแรกเป็นเด็กช่วยจัดไฟ ตอนนี้ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพรีเซนเตอร์อีกคนแล้ว ไม่รู้เธอไปหาเสื้อผ้ามาจากไหน แต่เธอก็ act ท่าอย่างเมามันส์ ประดุจนางแบบมืออาชีพ

ทีนี้คุณเข้าใจรึยังล่ะ ว่าทำไม 7-11 มันถึงรวย!

ปล. ในป้ายโฆษณา “กินไป เชียร์ไป” ผู้ชายที่เพนท์หน้าสีแดง คือ พี่หมี เจ้านายของเราเอง อิอิ





EPISODE 9 : ความโง่งมเหลือทนของมนุษย์

จันทร์ 29 พฤษภาคม 2549

ตอนนี้ก็ใกล้จะฝึกงานจบแล้ว เราก็เลยลองนึกย้อนเหตุการณ์ประทับใจที่เกิดขึ้นในช่วงสองเดือนที่ฝึกงาน

เหตุการณ์แรกจริงๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการฝึกงานเท่าไร เพราะมันเกิดขึ้นที่ “แผงดีวีดี”

เป็นที่รู้กันว่าสีลมนั้นขึ้นชื่อมากเรื่องแผงดีวีดีเถื่อน ซึ่งมีร้านเจ๊คนนึงที่เราชอบไปยืนดูบ่อยๆ เวลาอู้งาน (ฮา) แต่ที่เราเล็งเอาไว้ไม่ใช่หนังอาร์ตทั้งหลายที่แผ่หลาอยู่ข้างหน้าเราหรอกนะ แต่เป็นหนังเอวีต่างหาก! (สำหรับคุณผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าหนังเอวีคืออะไร กรุณาสอบถามจากแฟนหรือเพื่อนผู้ชายนะครับ)

วันนั้นเป็นวันที่เราค่อนข้างว่างงานพอดี เราก็เลยลุกขึ้น หันไปบอกกับเจนดำว่า “ไปซื้อหนังนะ” แล้วก็เดินฉับๆๆ ออกจากออฟฟิศไปทันที (เรากะว่าถ้าไปซื้อช่วงเวลางาน คนคงไม่เยอะเท่าไร เพราะปกติแล้วร้านนี้คนจะมุงหน้าร้านเยอะมาก)

พอเราไปถึงหน้าแผง ก็ทำเป็นเลือกพวกหนังอาร์ตมาเปิดๆ ดูก่อน แต่ความจริงคือยังหาเซ็ตหนังเอวีไม่เจอ ควานหาอยู่นานกว่าจะได้มา เพราะมันไปซ่อนอยู่ล่างๆ และด้วยความที่คนมันน้อยเราก็เลยหยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างไม่เกรงกลัวสายตาใคร

แต่ทว่าขณะที่เพลิดเพลินกับบรรดานางเอกที่นอนคว่ำบ้างนอนหงายบ้างบนปก ก็มีผู้หญิงคนนึงมายืนข้างๆ เรา พอเหลือบสายตาไปก็พบว่านั่นเป็น...นักเรียนโรงเรียนเซนโย! ซ้ำร้ายเธอยังหันมามองหนังที่เราถืออยู่พอดี พอเห็นปุ๊บเธอก็ทำหน้าตกใจนิดๆ แล้วก็รีบหันหน้ากลับไป ...ยิ่งไปกว่านั้นในขณะที่ตัวเรากำลังเลือกดูหนังเอวี น้องคนนั้นก็กำลังถือเช็ตหนังการ์ตูนของค่ายจิบลิ!

รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอนาจารทางอ้อมยังไงก็ไม่รู้

แต่เอาเถอะ ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว เราก็เลยเลือกหนังอย่างมุ่งมั่นต่อไป จนได้มา 2 เรื่อง (และซื้อหนังอาร์ตไปอีก 2 เรื่อง เพื่อให้ไม่ดูหื่นกามจนเกินไป) แต่ก็มิวายซวยเพราะตอนจ่ายตังค์ อีเจ๊คนขายก็ดันหยิบหนังในถุงของเราขึ้นมาเช็คอีกที ทำให้คนทั้งแผงเค้าเห็นกันหมดว่าเราซื้ออะไร เออ แต่ช่างเถอะ ตอนนั้นมันก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกแล้วล่ะ

สรุปว่าก็ได้หนังเอวีมาสมใจอยาก แต่เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน


เหตุการณ์ที่สอง อาจจะเรียกว่าเป็นข้อคิดอีกข้อที่เราได้จากการฝึกงานที่นี่ก็ได้ นั่นก็คือ “มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่โง่ที่สุดเกินกว่าจะหาคำใดใดมาอธิบายได้”

เรื่องของเรื่องก็คือ มีช่วงหนึ่งที่เราต้องทำงาน “แยกใบสมัคร 7-11 Value Card” งานไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก แค่แยกใบสมัครประเภทสมบูรณ์ คือ มีข้อมูลสำคัญครบ และประเภทไม่สมบูรณ์คือขาดข้อมูลสำคัญอย่าง ชื่อ ที่อยู่ หรือเบอร์โทรไป

ตอนแรกเราก็คิดกับเจนดำว่า ไอ้ใบสมัครประเภท “ไม่สมบูรณ์” นี่คงมีไม่เท่าไรหรอก แต่ปรากฏว่าแม่งมีจนจะทะลุเพดานออฟฟิศเลย

ตัวอย่างใบสมัครประเภทไม่สมบูรณ์ เช่น

- มีครบทุกอย่าง หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล ...แต่แม่งไม่ใส่ชื่อ-นามสกุลมา (อีห่า แล้วมึงจะสมัครทำไมเนี่ย)

- บางคนเขียนที่อยู่ แบบนี้ “บ้านเลขที่ 21/58 จังหวัดอ่างทอง” (ก็เขียนมาแบบนี้แล้วกูจะส่งอะไรถึงมึงม้ายยยย)

และการกรอกใบสมัครแบบชุ่ยๆ ของลูกค้านี่เอง ที่นำมาสู่ความชิบหายมากมาย

เนื่องจากทาง 7-11 มีนโยบายให้คนที่สมัครบัตร 7-11 Value Card หมื่นรายแรกได้รับของกำนัลเป็นบัตรรถไฟฟ้า BTS โดยทางบริษัทจะจัดส่งให้ถึงบ้าน (ซึ่งตรงนี้เรากับเจนดำก็สงสัยกันว่าแล้วอย่างคนที่อยู่ประมาณ จ.ลำพูน เนี่ย เค้าจะดีใจเหรอวะที่ได้บัตร BTS กูล่ะงงจริงๆ)

แล้วการกรอกที่อยู่ไม่ชัดเจนนี่เอง ที่ทำให้บัตร BTS ตีกลับมาเป็นจำนวนมาก

ทีนี้ความฮาก็อยู่ที่ “สาเหตุ” ของการตีกลับที่บุรุษไปรษณีย์เขียนไว้บนซอง นอกจากพวก “ที่อยู่ไม่ชัดเจน” แล้ว ก็ยังมี

- ไม่ยอมรับ (อ้าว ซะงั้น ไม่ชอบของฟรีเหรอเนี่ย)

- รับไปแล้ว แต่นำมาคืนที่ไปรษณีย์ภายหลัง

- บ้านถูกรื้อถอน

- บ้านไฟไหม้

- บ้านยังไม่ได้ทำการก่อสร้าง (อ้าว อีห่า แล้วมึงสมัครมาได้ยังง้ายย!)

จนวันหนึ่งพี่หมีก็หันมาบอกกับพวกเราว่า

“พี่ว่าสักวันเราคงต้องเจอกรณี เจ้าของบ้านเสียชีวิต แน่ๆ เลยว่ะ”





EPISODE 10 : วันสุดท้ายกับส้มตำเจ๊โส

พุธ 31 พฤษภาคม 2549

และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของการฝึกงานแล้ว...

วันนี้พี่หมีนัดเลี้ยงน้องๆ นักศึกษาฝึกงาน พวกเรา 4 คน (เรา, เจนดำ, จ๋าดำ และหลิน) เลยกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ไม่ได้เจอกับหลินตั้งนาน หลินก็ยังขาวจั๊วะเหมือนเดิม ...ในขณะที่จ๋าดำก็ยังดำเหมือนเคย

ตอนแรกเราก็คิดว่าพี่หมีจะพาไปเลี้ยงร้านหรูๆ หน่อย แต่ปรากฏว่าไปลงเอยที่...เอ่อ...ร้านส้มตำเจ๊โส ซึ่งชื่อก็ไม่ค่อยน่ากินเลยแฮะ เพราะชื่อเจ๊โสนี่ทำให้นึกถึงคำว่า “โสโครก” ขึ้นมาทันใด (แต่จริงๆ เดาเอาว่าเจ๊คนขายแกคงชื่อโสภาแหละมั้ง)

ไปถึงร้านแล้วก็อึ้งๆ เพราะร้านมันก็จะดูโลวๆ เละๆ หน่อย (แต่คนเยอะจิ๊บเป๋ง) และตอนแรกเราก็คิดกันว่าจะมีแต่พวกเรากับพี่หมี แต่ปรากฏว่าพี่หมีแกเล่นชวนคนมาทั้งแผนกเลย ที่อึ้งที่สุดก็คือ เจ๊แหม่ม บอสใหญ่ของแผนกก็มาด้วย พี่หมียังแอบกระซิบว่า “น้องขา ปกติเลี้ยงเด็กฝึกงานเนี่ย พี่แหม่มแกไม่เคยมาเลยนะคะ นี่เป็นครั้งแรกนะคะ” ...อ้อ นี่แสดงว่ากูมีบุญใช่มั้ยเนี่ย

พอได้กินอาหารแล้วก็รู้สึกว่ามันอร่อยดี ถึงแม้จะกินไปทรมานไป เพราะมันเผ็ด (แต่กินส้มตำมันต้องแบบนี้แหละ ถึงจะสะใจ) อ้อ ตอนกินเรานั่งข้างกับพี่โจ้ พี่คนนี้ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่วัน พี่โจ้หน้าตาดี หุ่นดี ผิวดี หน้าใสปิ๊ง และแน่นอนคงจะไม่พ้นจะเป็นเกย์แน่นอน ตอนแรกๆ เราแอบหมั่นไส้พี่โจ้นิดหน่อย (จริงๆ แล้วคืออิจฉาเพราะหน้าแกใสมาก) แต่วันนั้นทำให้เรารู้สึกดีกับพี่เค้ามาก เพราะพี่แก gent มาก ประมาณว่าถ้าจานไม่พอ แกก็เดินไปหยิบให้ ถ้าน้ำจิ้มหมด แกก็ยกไปเติม พอข้าวเหนียวหมด แกก็ลุกไปสั่งให้ ...โอ๊ย gent กว่ากูเยอะเลย อายว่ะ

หลังจากกินเสร็จแล้ว ก็ใช่จะสบาย คงเพราะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย เจ้านายเลยใช้งานส่งท้ายซะเต็มที่ เริ่มจากเดินข้ามไปมาระหว่างตึกไม่ต่ำกว่า 5 รอบ แถมยังต้องส่งของขอโทษลูกค้าให้ทันก่อนไปรษณีย์ปิด อีซองห่อกระดาษก็ดันหมด ต้องข้ามถนนเสี่ยงตายไปซื้อฝั่งตรงข้าม แล้วตอนเดินหอบส่งซองไปไปรษณีย์ ฝนก็เสือกตกอีก เอาเข้าไป!

แถมยังมิวายมีเรื่องฮาส่งท้าย เพราะตอนเย็นพี่เภา (เจ้านายอีกคน) ก็เรียกเราไปที่ห้อง stock เพื่อไปเอากระเป๋า 7-11 เป็นของฝากกับน้องๆ ฝึกงาน แต่ปรากฏว่าประตูมันดันเสีย ทำให้เรากับพี่เภาติดอยู่ในห้อง! แถมมือถือพี่เภาก็ดันเงินหมดโทรออกไม่ได้อีก ยังดีว่ามือถือเรามีเงิน เลยโทรตามคนมาช่วยได้ ไม่งั้นมีหวังได้เป็นผีเฝ้าเซเว่นกันสองคนแหงๆ

พอตอนใกล้จะเลิกงาน พวกเราก็เซอร์ไพรส์พี่หมี ด้วยการ์ดที่ทุกคนช่วยกันเขียน และตุ๊กตาหมีสีขาวอีกตัว (ไม่อยากจะบอกเลยว่าความจริงมันเป็นของรางวัลที่เราได้จาก bloggang.com แหละ ฮ่าๆๆๆ) พี่หมีก็ทำท่าจะเปิดอ่าน แต่ก็เล่นมุกว่า “โอ๊ย ไม่อ่านดีกว่า เดี๋ยวร้องไห้” จากนั้นพี่หมีก็อวยพรให้พวกเราโชคดี และทิ้งท้ายว่า “ว่างๆ ก็กลับมาเยี่ยมกันบ้างนะ น้องๆ ไม่อยู่พวกพี่คงเหงาแย่”

และพวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ถ้าให้พูดกันจริงๆ แล้ว การฝึกงานสองเดือนที่ผ่านมา ก็แทบจะเรียกได้ว่า “ไร้สาระ” แล้วก็ “แทบไม่ได้อะไรเลย”

แต่อย่างน้อยเราก็ได้บางสิ่งบางอย่างมา

ได้รู้จักการใช้เครื่องซีร็อกส์

ได้รู้จักกับแหล่งแผงดีวีดี(ผี)

ได้รู้จักวิถีชีวิตของมนุษย์เงินเดือน

ได้รู้จักกับเจ้านายใจดีอย่างพี่หมี (รวมถึงพี่เภาและพี่แพรด้วย)

ได้รู้จักพี่พาร์ตไทม์ฮาๆ อย่าง พี่หน่า พี่แก่น และเป้

ได้รู้จักเพื่อนใหม่อย่างหลิน

ได้รู้จักและใช้เวลาอยู่กับเจนดำมากขึ้น (คิดว่าหลังจากฝึกงานเราสนิทกันมากขึ้นนะ...รึป่าว?)

และที่สำคัญ ได้รูปฮาๆ เหล่านี้มา...





ภาพบรรยากาศการฝึกงานของต่อ เจนดำ และจ๋าดำ

** ขอขอบคุณ พี่ม่อน ที่ช่วยถ่ายรูปบ้าๆ บอๆ เหล่านี้ให้ **




โอ ทำไมข้าพเจ้าถึงออกมาอ้วนอืดเช่นนี้ (รูปนี้ไม่มีการรีทัชแต่ประการใด)




เจนดำ คนนี้สวยที่สุดในซอย




ภาพนี้แหละ ต้นตอของข่าวฉาว




สองคู่หู จ๋าดำ & เจนดำ




ชี้อะไรน่ะนั่น




ชาร์ลี แองเจิ้ล (ฮ่า ฮ่า ฮ่า)




เอ้อ ก็ทำกันไปได้




ฉากนี้ทำให้จ๋าดำได้เข้าชิงราวัลออสการ์นำหญิง




ถ่ายกับตู้เสบียง (เพื่ออะไร??)




รูปหมู่




สุดท้ายละ



Create Date : 22 กรกฎาคม 2549
Last Update : 22 กรกฎาคม 2549 15:37:38 น. 9 comments
Counter : 1675 Pageviews.

 
คิ๊ก คิ๊ก

คือแบบว่าไม่รู้จะพิมพ์อะไรดี


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 23 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:25:57 น.  

 
อืม ไม่รู้จะพิมพ์อะไรเหมือนกัน 555 ขอคิดก่อน ติ๊กต่อกๆ

เพิ่งเคยเห็นพี่ใส่ชุดนศ.นะเนี่ย ร้อยวันพันปีไปรเวทตลอด
ที่คณะมีเฉพาะเอกอังกฤษเท่านั้นที่ต้องฝึกงาน
เด็กเอกวรรณฯอย่างเราก็เร่ร่อนเรื่อยเปื่อย แต่ก็คงหาอะไรทำไม่ให้ว่างเกินไปนัก

ว่าแต่.. หนังเอวีเนี่ย มันคืออะไรน้อ ไม่เห็นรู้เลย


โดย: Mint@da{-"-} วันที่: 23 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:58:30 น.  

 
เสื่อมมากมาก


โดย: เป็นก่อ IP: 124.120.169.167 วันที่: 24 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:36:22 น.  

 
รูปที่ถ่ายคู่กับตู้เสบียงนี่ เป็นความคิด จขบ. เองหรือเปล่าครับ


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 25 กรกฎาคม 2549 เวลา:1:18:58 น.  

 
รูปน่ารักมากๆๆค่ะ


โดย: เจ น IP: 125.24.71.128 วันที่: 25 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:59:21 น.  

 
เพิ่งเห็นพี่เมอร์แบบเต็ม ๆ ก็ครั้งนี้นี่แหละ


โดย: Nighty IP: 58.8.33.104 วันที่: 27 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:01:22 น.  

 
^
^
^
จะถือเป็นโชคดี หรือโชคร้าย ล่ะเนี่ย ฮ่าๆๆ


โดย: merveillesxx วันที่: 6 สิงหาคม 2549 เวลา:2:10:04 น.  

 
อืมม หน้าตาเหมือน บ ก วิติ๊ดขึ้นทุกบันแฮะ


โดย: วิน โบราณ IP: 125.25.133.118 วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:17:17:28 น.  

 
ส้มตำเจ๊โส ที่ไหนอะค่ะพี่


โดย: กุ๊กกิ๊ก IP: 49.230.155.200 วันที่: 28 กันยายน 2556 เวลา:15:35:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.