One day trip กับเพื่อนสิบปีที่ไม่ได้เจอกัน หากเราถูกชะตากับใครสักคนจนเลือกที่จะเป็นเพื่อนกัน รับฟังแลกเปลี่ยนพูดคุยให้คำแนะนำหรือแสดงความเห็นอกเห็นใจกันได้อย่างจริงใจ แม้เวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนที่ไม่ได้พบปะกัน ถึงเวลาเจอกันต่อเมื่อไรก็ติดเสมอ แต่การเจอกันในวัยแกร่งไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต่างแยกย้ายไปเติบโตกันคนละทิศละทาง เรากับอดีตเพื่อนร่วมงานซึ่งไม่ได้เจอกันตัวเป็นๆ นับสิบปีหลังจากเธอออกไปเดินในเส้นทางใหม่ แต่ยังเห็นกันในโซเชียล เมื่อมีโอกาสว่างตรงกันจึงเลือกเจอกันแบบ One day trip แทนที่จะนั่งพูดคุยกันตามร้านอาหารหรือร้านกาแฟ เราลองเลือกที่จะนั่งรถและพูดคุยกันระหว่างการเดินทางดีกว่า ใช้เวลาขับรถ 2-3 ชม.จากมหาสารคามไปยังหมุดหมายคือบุรีรัมย์ ไม่มีปัญหา dead air หรือเงียบกริบแต่อย่างใด เราสามารถคุยกันถึงเรื่องราวอดีตปัจจุบันและอนาคตได้ตลอดทาง ก่อนไปเพื่อนสายมูถามหาก่อนเลยว่า “มีที่มูไหม” เราผู้ไม่เคยสนใจสายมูก็เลยแนะนำว่า “งั้นไปวัดก่อนเลย” เมื่อถึงบุรีรัมย์กินข้าวกินปลาเสร็จก็ไปที่แรกคือ “วัดป่าเขาน้อย” มีเจดีย์ที่เก็บพระอัฐิธาตุมากที่สุดแล้วตั้งแต่เราเคยเห็นมา เจดีย์ทรงขอม เป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาชม ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าความเป็นมาของวัด และประวัติของหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ พร้อมกับมุมสำหรับนั่งสมาธิให้ผู้ที่ต้องการความสงบ โดยส่วนของวัดที่มีพระสงฆ์จะอยู่ในป่า แยกออกไปคงไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่งย่ามนัก มาเมืองบุรีรัมย์ทั้งทีจะไม่มาชมสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ดก็จะว่ามาไม่ถึง ก็เลยต้องแวะดื่มกาแฟและถ่ายรูปกันสักหน่อย ส่วนตัว Magnolia ไม่ได้มาที่สนามช้างอารีน่ามาสิบกว่าปีเช่นกัน สีสันของอาคารก็หมองไปกว่าปีแรกๆ พอสมควร ปิดท้ายทริปด้วยความหิว พวกเราก็ไปช่วยตั้งตลาดถนนคนเดิน “ถนนเซาะกราว” พ่อค้าแม่ขายตั้งเต็นท์พร้อมๆ กับฝนตั้งเค้า จะไม่ขายก็ไม่ได้ เพราะมีสัปดาห์ละสองวันเท่านั้น นั่งกินมื้อเย็นง่ายๆ ริมน้ำตามประสานักท่องเที่ยว และมาจบที่สายมูโดยไม่ตั้งใจ ก็คือ “ศาลเจ้าแม่บัวลอย” ที่อยู่ข้างคูเมืองนั่นเอง One day trip ของเราและเพื่อนเก่า ไม่ได้ความบันเทิงสนุกสนานเหมือนสาวๆ ไปเที่ยวที่ต้องมีกิจกรรมมากมาย แต่การได้ผลัดกันถ่ายรูป ได้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ได้มีเพื่อนร่วมทางที่หลงทางไปด้วยกัน ได้อัปเดตชีวิตที่ห่างหายกันไปนับสิบปีซึ่งไม่ได้รับรู้ผ่านโซเชียล ในเวลา 12 ชม.ที่อยู่ด้วยมันช่างเป็นช่วงเวลาที่วิเศษมากนะ ก่อนจากกัน เพื่อนบอกว่า “วันนี้สนุกมากเลย วันหลังเราไปกันอีกนะ” แค่ได้ยินประโยคนี้ Magnolia ก็ใจฟูแล้วที่ทำให้หนึ่งวันของเพื่อนมีความหมายได้ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจหลายๆ อย่าง เหมือนตัวเราเองมีคุณค่าพอที่ทำให้เพื่อนคนหนึ่งมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ได้แม้เป็นเพียงเวลาแค่ครึ่งวันก็ตาม Create Date : 17 กันยายน 2566 Last Update : 17 กันยายน 2566 12:30:15 น. 0 comments Counter : 386 Pageviews.   Share Tweet

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณดอยสะเก็ด, คุณnewyorknurse