I AM SOMEONE
<<
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
31 พฤษภาคม 2556

เบิ่งลาว ริมโขง ณ หนองคาย

เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝน เราก็เลือกลาพักร้อนเพื่อไปเปิดหูเปิดตาที่เมืองใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปเยือน และจุดหมายปลายทางของการเลือกเดินทางครั้งนี้ก็คือ จังหวัดหนองคาย ชายแดนไทยลาวนั่นเอง

ข้อดีของการเดินทางคนเดียวคือ ขนอะไรใส่รถไปก็ได้ ไม่ต้องเผื่อใคร อิอิอิ



วันที่เราเดินทางอากาศค่อนข้างร้อน ท้องฟ้าปลอดโปร่ง สดใส ออกจากมหาสารคามประมาณแปดโมงครึ่งเข้าไปถึงอุดรราว 11 โมง แวะทานข้าวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก่อนถึงตัวเมือง โฆษณาว่าชีวิตหนึ่งต้องลอง ก็ลองแค่ครั้งเดียวในชีวิตละกัน แพงเกิน ไม่อิ่ม



จากนั้นเลี่ยงเมืองไปยังหนองคาย แต่เมื่อเห็นเอ้าท์เล็ทก็อดไม่ได้ จึงเข้าไปอุดหนุนซะหน่อย



จากอุดรไปยังหนองคายใช้เวลาประมาณ 45 นาที ระยะทางราว 50 กว่าโล



เมื่อมาถึงตัวเมืองหนองคาย ต้องอึ้งเล็กน้อย เพราะคาดเดาผิด คิดว่าเป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ เหมือนเชียงคาน แต่กลับเป็นเมืองใหญ่ที่มีความเจริญได้เรื่องเลยล่ะ ไฟแดงเยอะแยะมากมายจนตาลาย เพราะแยกมันเยอะเหลือเกิน แต่ผังเมืองที่นี่ค่อนข้างใช้ได้ เพราะเป็นใยแมงมุม มีถนนเส้นหลักอยู่สามเส้นขนานกัน และซอยเล็กๆ เต็มไปหมดทะลุไปทะลุมาก็กลับมาที่เดิมได้ (อาจเป็นลักษณะหนึ่งของเมืองที่อยู่ริมน้ำก็ได้นะ) เหมาะสำหรับคนหลงง่ายอย่างเรา

ก่อนจะเวียนรอบเมือง ก็แวะมาที่พักก่อนดีกว่า อยู่ริมโขงชื่อว่า ดีเฮงดี ขอบอกว่าแม้จะไม่ได้เพอร์เฟ็คท์มากมาย แต่ลูกค้าเต็มเกือบทุกวันจ้า เราถามคนดูแล เขาบอกว่าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่า (ทั้งที่หนองคายโรงแรมเยอะมากนะ)





ที่นี่อยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟเก่า (ขอย้ำว่าเก่า---เดี๋ยวไปผิดอย่างเรา) เลิกใช้งานมาแล้วกว่ายี่สิบปี เห็นว่าเขาจะปรับให้เป็นศูนย์การค้า โอ้ เลิศเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง นับเป็นโชคดีของโรงแรมเลยก็ว่าได้



ภายในห้องพัก ถ้าเลือกห้องริมโขง ก็ 590 บาท ถ้าเลือกห้องริมถนนก็ 550 บาท เราชอบตรงที่มีระเบียงและเปิดหน้าต่างมีมุ้งลวด เพราะเราชอบอากาศจริงๆ มากกว่าอากาศเทียมๆ ของเครื่องปรับอากาศ เชื่อว่าหน้าหนาวคงเย็นแน่ๆ มองออกไปเห็นเพื่อนบ้านชาวเวียงจันทน์อยู่ลิบๆ






กลัวจะเย็นเสียก่อนก็เลยรีบไปเที่ยวต่อที่ศาลาแก้วกู่ ไปทางโพนพิสัย ห่างจากตัวเมืองราว 8 โล หาไม่ยาก เพราะมีป้ายบอกอยู่ (แต่เราก็หลงก่อนไปถึงแล้วล่ะ) ที่นี่ปิด 5 โมงเย็น แนะนำว่ามาตอนบ่ายแก่ๆ ก็ได้ เพราะแดดร้อนมาก สมควรมีอุปกรณ์กันแดด ไม่ว่าจะเป็นร่มหรือหมวก

เราไปซื้อตั๋วเข้าชม พนักงานเป็นชาวต่างชาติเหรอ ทำไมพูดกับเราว่า “ทเวนตี้ บาท” ล่ะ???



ไปชมข้างในกันดีกว่า







มีต้นตะบองเพชรปลูกไว้เยอะมาก ไม่แน่ใจว่าเพาะขายหรือเพาะโชว์















จริงๆ มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ถ้ามีเวลาคงได้อ่านและศึกษามากกว่านี้ แต่เพราะไม่มีใครเลย เราก็กลัวเนอะ ไม่ได้กลัวคน แต่กลัวรูปปั้นเหล่านี้แหละ ถ้ามืดๆ คงน่ากลัวนะเพราะแต่ละชิ้นขนาดใหญ่มหึมาเหลือเกิน ที่สำคัญเราหิวข้าวมากด้วย







อย่ารอช้าไปหาข้าวกินริมโขง เจอร้านแดง แหนมเนือง ร้านขึ้นชื่อของหนองคาย แต่หาที่จอดรถยากมาก รถเดินทางเดียวด้วย ต้องวางแผนดีๆ ดีที่เรามาวันธรรมดา ไปจอดแถววัดอะไรก็ไม่รู้ แล้วค่อยเดินมา เขาไม่ให้ถ่ายรูป ก็เลยถ่ายได้แค่หลังร้าน ซึ่งผลิตแหนมเนืองกันเป็นโรงงานกันเลยทีเดียว



ก่อนกลับที่พัก เดินเล่นริมโขงสบายๆ ซึ่งทุกวันเสาร์ จะเป็นถนนคนเดิน บรรยากาศน่าจะดี เท่าที่สังเกตเราว่าที่นี่เขยฝรั่งเยอะมาก



เพื่อไม่ให้เสียเวลา กลับไปออกกำลังกายแถวที่พักต่อดีกว่า แต่เมื่อกลับมาถึง เป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตก ให้ตายสิ เรารู้สึกว่ามันสวยจังเลย พระอาทิตย์ตกทิศตะวันออกที่ฝั่งลาว โรแมนติกอย่าบอกใคร (แต่บอกไปหมดแล้วนี่)



ห้องพักเราในตอนเย็น



ส่วนไอ้ที่คิดว่าจะออกกำลังกายน่ะ สร้างภาพทั้งนั้น จริงๆ มาเดินถ่ายรูปจนเหงื่อออกมากกว่า 555





ฝั่งตรงข้ามเป็นฝั่งลาวค่ะ





ลิบๆ อยู่นั่นคือ สะพานมิตรภาพไทยลาว



ลาก่อน---สำหรับวันนี้



อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่ สว่างเร็วมาก แค่ตีห้ากว่าๆ ฟ้าสว่างแล้วอ่ะ



มองดูเรือหาปลาในริมน้ำโขง ส่วนใหญ่จะเป็นเรือหางยาวขนาดเล็ก จึงไม่ส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อนนัก และเรือแต่ละลำจะติดธงชาติไว้ท้ายเรือด้วย เพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องของน่านน้ำ

เราตัดสินใจไม่ข้ามไปฝั่งลาว (เวียงจันทน์) เพราะถ้าข้ามไปแค่ซื้อของเราไม่อยากไป เราไม่ได้อยากอะไรจากดิวตี้ฟรี หรือไปต่อราคาเพื่อจะให้ได้ของถูก เราอยากจะข้ามไปชมวัฒนธรรมของชาวเวียงจันทน์มากกว่า แต่มันต้องเช่ารถเป็นเรื่องเป็นราวพร้อมไกด์นำเที่ยว ซึ่งเราไปคนเดียวไม่คุ้มแน่ๆ เอาไว้มีโอกาสที่เพื่อนคนไหนอยากไปด้วย ก็จะชวนไปพร้อมกันนะ สรุปคือไม่ข้ามฝั่ง ไปดูแค่ด่านก็ได้รู้แล้วว่าข้ามตรงนี้ (แถวนั้นมีสถานที่ของเอกชนที่รับทำบัตรผ่านแดนเยอะแยะมากมาย)



เราเลือกทานมื้อเช้าที่ร้านแห่งหนึ่งอยู่ใกล้ๆ กับด่านก่อนถึงทางรถไฟ ชื่อร้าน อาหารและยา ฮ่าๆ แปลกดี เพราะเห็นขายเฉพาะอาหารเช้า ไม่ยักกะมียาเลยแฮะ เรากลัวไม่อิ่ม เลยซัดสองอย่างเลย



เขาว่าที่ตลาดโพธิ์ชัยในเมือง เป็นตลาดเช้าที่มีของกินแปลกๆ และเยอะมาก เราก็ไป แต่ขอโทษเหอะ เราผิดคิว เพราะดันเอารถเก๋งมา ซึ่งคนทั่วไปเขามารถสองล้อทั้งนั้น เลยไม่มีที่จอด ได้แต่ผ่านจ้า อด!!!



เจ็ดโมงกว่าไม่รู้ไปไหนดี เลยแวะไปตลาดท่าเสด็จ ไปทำไมน้อ??? ไม่มีใครตื่นมาเปิดกันหรอก เลยไปเดินทั้งปิดๆ นั่นแหละ คิดซะว่าไม่ได้ต้องการมาช้อปปิ้ง แค่มาให้รู้ให้เห็นเท่านั้น



ตลาดท่าเสด็จติดริมโขงเช่นกัน ก็เลยแวะชมโขงอีกแล้ว



รู้สึกว่าเมืองนี้แม้จะเป็นเมืองใหญ่ แต่ไม่วุ่นวายนัก จึงเหมาะกับผู้สูงอายุอยู่อาศัย ผู้คนอัธยาศัยดีไม่น้อย มีคนหนึ่งทักทายเรา คงรู้ว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว ไถ่ถามว่าเรามาจากไหน และแนะนำให้ไปตลาดโพธิ์ชัยให้ได้ (แต่ไม่ได้แวะ)



ไหนๆ ก็ไม่ได้เดินตลาด เพราะรอเปิดไม่ไหวแล้ว เวลามันเหลือเฟือ ก็เลยแวะศาลปู่ย่า ที่อยู่ใกล้ๆ กันแทน



ปิดท้ายก็แวะไปสักการะศาลหลักเมืองก่อนออกจากหนองคาย เป็นอันเสร็จพิธี



ถ้าให้มาที่นี่อีก ก็คงจะมาแน่ๆ แต่ขอได้มีโอกาสไปในตัวเมืองเวียงจันทน์นะ


Create Date : 31 พฤษภาคม 2556
Last Update : 31 พฤษภาคม 2556 13:51:18 น. 2 comments
Counter : 6148 Pageviews.  

 
ต้องเช็คสภาพรถก่อนเดินทางให้ดีนะ


โดย: jumiko IP: 49.231.117.106 วันที่: 2 มิถุนายน 2556 เวลา:9:34:35 น.  

 
ดีที่แบตไม่หมด


โดย: Alex on the rock วันที่: 2 มิถุนายน 2556 เวลา:10:14:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]