I AM SOMEONE
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
5 กรกฏาคม 2554

เรื่องเล่าจากเมืองอู่ไท

จังหวัดอุทัยธานี เดิมชื่อว่าเมืองอู่ไท ฟังดูเหมือนจะเก่ารุ่นๆ อยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง น่าจะมีโบราณสถานเก่าแก่ วัดวาอาราม ปราสาทราชวังเหมือนอย่างอยุธยาบ้างนะ แต่เอาเข้าจริง เราไม่เห็นมีนะ ส่วนใหญ่จะเป็นวัดใหม่ๆ มากกว่า วัดเก่าจริงๆ ก็อยู่ในป่า

ตัวเมืองอุทัยเป็นตัวเมืองเล็กๆ มีถนนวนเวียนมากมายหลายแยก ความรู้สึกเหมือนเมืองจะต่ำเพราะมันบ้านเรือนเขาเตี้ยๆ ติดๆ กัน สายไฟที่พาดอยู่ ก็เลยเตี้ยตามไปด้วย เลยดูเหมือนเมืองต่ำติดถนน

กลางถนนมีหอกระจายข่าว (เหมาะกับเมืองเล็กๆ) มีน้ำพุจุ๋มจิ๋ม เป็น center point ของเมืองได้เป็นอย่างดี











จะว่าไปที่นี่ไม่ใช่เขตเศรษฐกิจ หรือนิคมอะไร ค่าแรงของคนที่นี่ค่อนข้างน้อย ก็เป็นห่วงอยู่ว่าถ้ารัฐบาลจะขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาท ผู้ประกอบการที่นี่คงอยู่ลำบาก เผลอๆ ต้องปิดกิจการกันไปเลยล่ะมั้ง เพราะต้องจ่ายค่าแรงเพิ่มมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์

ออกจากตัวเมืองไปหน่อย เพื่อไปเที่ยววัด วัดแรกที่ไป คือ วัดสังกัสรัตนคีรี อยู่บนเขาสะแกกรัง ซึ่งมีบันไดขึ้นไปบนยอดเขา แต่...เพราะอากาศร้อนมาก จึงได้แต่สักการะพระพุทธรูปที่ตีนเขา วัดนี้จะคึกคักก็ต่อเมื่อวันออกพรรษาในพิธีตักบาตรเทโว ส่วนวันธรรมดาเงียบมาก





วัดที่สองที่ไป คือวัดจันทาราม หรือวัดท่าซุง ซึ่งพระเกจิที่มีชื่อ คือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านมรภาพไปนานแล้ว แต่ศพของท่านถูกบรรจุในโลงแก้ว ไม่เน่าเปื่อย วัดท่าซุงเป็นวัดที่ใหญ่มากๆ ไม่รู้กี่ร้อยไร่ อยู่สองฟากถนน เอกลักษณ์ของวัดคือกำแพงทาสีเหลืองอ๋อย และอาคารต่างๆ มักจะประดับด้วยกระจกวิบวับทั้งหลัง





แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสักเท่าไหร่ เหมือนใครอยากบริจาคสร้างอะไรก็สร้าง

ด้านหลังวัดท่าซุงเป็นท่าน้ำ ไว้ให้อาหารปลาสวายตามธรรมชาติ ปลาตัวใหญ่มากกกก เหมือนลูกปลาฉลาม









พอดีมีคนมาเที่ยวเหมือนกัน เลยชวนกันลงเรือไปเที่ยวชมทิวทัศน์ของแม่น้ำสะแกกรัง คนละ 40 บาท 10 คนขึ้นไป

ฝั่งขวาคืออุทัยธานี ส่วนฝั่งซ้ายคือเกาะเทโพ ซึ่งเป็นเกาะน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย











เอารถลงแพข้ามฟากไปยังชัยนาท คงคุ้มกว่าขับไปเอง



เรือนแพริมฝั่งน้ำ ค่อยๆ ลดจำนวนลง









ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 40 นาที ก็กำลังดี แต่มันน่าจะมีอะไรให้ดูมากกว่านี้ เพราะหลายคนลงเรือแล้วนั่งหลับซะงั้น ลมมันเย็น!

ความตั้งใจต่อไปคือวิหารแก้ว ซึ่งเป็นที่เก็บสังขารของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แต่เนื่องจากเขาให้เข้าเป็นเวลา เราจึงไปทานข้าวก่อนที่ร้าน พรหมท่าซุง อยู่ละแวกใกล้ๆกัน ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่เป็นสิบปีแล้ว เมนูเด็ดของเขาคือปลาน้ำจืดทั้งหลาย พูดแล้วก็นึกถึงปลาแรดทอดกรอบ น้ำลายจะไหล ไม่มีรูปอาหารให้ชม เพราะสวาปามด้วยความหิวหมดไปอย่างรวดเร็ว



และสามารถให้อาหารปลาได้เช่นกัน เพราะอยู่ติดแม่น้ำ คุณยายคนนี้แข็งแรงมาก พายเรือไปรับหลานที่โรงเรียน



จากนั้นไปต่อกันที่วิหารแก้วอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก ด้านหน้ามีพระรูปของรัชกาลต่างๆ แต่มีแค่ 5 รัชกาลเท่านั้น



คนมาพอสมควรทั้งที่เป็นวันศุกร์ แสดงว่าเขามีชื่อเสียงจริงๆ เราไม่เคยรู้ว่าที่นี่เป็นอย่างไรมาก่อน จนได้มาเห็นกับตาว่า...อลังการงานสร้างมากๆ คงตั้งใจให้เป็นเหมือนสรวงสวรรค์ล่ะมั้ง เพราะทั้งหลังประดับตกแต่งด้วยกระจก และแชงเดอร์เรีย อร่ามไปทั้งหลัง ถ้าเปิดไฟหมด คงตระการตามากกว่านี้









ถามว่าสวยมั้ย ก็สวยนะคะ แต่เรารู้สึกว่าเปลือง! ไม่รู้ว่าหลวงพ่อท่านต้องการให้เป็นอย่างนี้หรือไม่ ดีที่เปิดเป็นเวลา ถ้าเป็นทั้งวันคงเปลืองกว่านี้

เรื่องเล่าที่นอกเหนือจากภาพก็คือ ที่นี่มีรถนำเที่ยวรอบวัดด้วย ตอนแรกเราก็งงว่าต้องมีรถนำเที่ยวด้วยหรือ เพราะคิดว่ามีเท่าที่เห็นด้านหน้า แต่จริงๆ มีด้านหลังอีกกว้าง จึงต้องซาเล้งรับผู้โดยสารคนละ 5 บาท ไปเที่ยวรอบๆ วัด เราไม่ได้ใช้บริการ แต่นั่งรถยนต์ส่วนตัวไปเอง ปรากฏว่าวัดกว้างใหญ่มาก

แต่สิ่งปลูกสร้างที่เกิดขึ้น เราดูด้วยตาเปล่าแล้ว ไม่แน่ใจว่ามันได้ถูกใช้ประโยชน์อะไรบ้างหรือเปล่า ไม่อยากถ่ายรูปมาให้ เดี๋ยวจะหาว่าชี้นำ แต่มันเป็นอาคารว่างๆ เหมือนอาคารเรียนที่สร้างไม่เสร็จ หลายหลังมาก บางหลังยังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานเรียงรายไว้ แบบเหงาๆ ไม่มีจุดหมาย เราไม่รู้ว่าเขาสร้างเยอะไปทำไม

บางแห่งลักษณะเหมือนโรงยิมร้าง เวิ้งว้างว่างเปล่า หลายแห่งสร้างไม่เสร็จ ที่บอกว่ามีห้องน้ำร้อยห้อง ก็ดูเหมือนจะไม่ได้สร้าง งบคงหมดเสียก่อน ดูแล้วอนาถใจ เอาเงินบริจาคมาทิ้งกันหรือเปล่า?

ดูมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าพันล้าน อย่างปราสาทที่เห็นนี้ ก็น่าจะหลายบาทอยู่ แต่ข้างในไม่มีอะไร ไม่รู้ว่าเขาเอาไว้ทำอะไรเหมือนกัน



ออกจากวิหารมาด้วยความสลดใจ เสียดายเงิน น่าจะเอาไปช่วยเหลือคนยากคนจน ให้เด็กเรียนหนังสือเป็นทุนการศึกษา หรือแบ่งที่ให้คนจนทำมาหากิน ดีกว่ามาก่อสร้างแล้วทิ้งร้างไว้เช่นนี้ เรายังงงว่ารถนำเที่ยวจะพามาดูอะไร นอกจากซากสิ่งก่อสร้างเหล่านี้

หนักกว่านั้น พอขับรถออกมาจากวิหารเรื่อยๆมาก็ยังเป็นเขตของวัด ก็มีอาคารลักษณะเดียวกัน รวมทั้งโรงพยาบาลเก่า ซึ่งกลายเป็นโรงพยาบาลร้างไปแล้ว หญ้าขึ้นรกเต็มไปหมด

ที่เราไม่ค่อยชอบใจมากๆ คือ สิ่งปลูกสร้างแต่ละอย่าง มักจะอ้างว่าสร้างเพื่อถวายให้ในหลวง เนื่องใน...แล้วแต่วโรกาส ซึ่งเราว่าไม่น่าจะเอาพระเจ้าแผ่นดินมาอ้าง เพราะเอาเข้าจริง ไม่ได้ทำประโยชน์ทั้งแก่วัดหรือแก่ศาสนาเลย นอกจากผู้รับเหมาได้ประโยชน์อย่างเดียว

เรื่องของเรื่อง เราว่าที่นี่มีปัญหาเรื่องการจัดการกับเงินบริจาค ถ้าหลวงพ่อรู้ ท่านคงเสียใจ

นอกจากจะเสียความรู้สึกกับภาพที่เห็น แต่ไม่ได้เก็บมาฝากแล้ว ยังหมดอารมณ์กับเกาะเทโพ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันว่าจะไปนอนบนเกาะ แล้วได้ขี่จักรยานรอบเกาะเพื่อชมวิถีชีวิตของคนบนเกาะ คือ ใจเรานึกไปถึงเกาะยอ ที่มีหมู่บ้านชาวประมง หรือชาวสวน ได้ยินเสียงทอผ้าอยู่เป็นระยะๆ ประมาณนั้น แต่ที่ไหนได้

เมื่อไปถึง เป็นเกาะที่โคตรน่ากลัวเลย มีแต่ป่า ยังสงสัยว่าจะให้เป็นเส้นทางจักรยานได้อย่างไร ในเมื่อมันเปลี่ยวขนาดนั้น ถ้ารถเสีย หรือหลงทาง จะไปถามใครได้ เพราะบ้านแต่ละหลังอยู่ห่างๆ กัน มีร้านค้าแทบจะนับได้ ตกกลางคืนคงน่ากลัวพิลึก

เราว่าถ้าเราบ้าจี้ขี่จักรยานในเกาะนี้ เราคงหลงตายอยู่ในป่าแล้ว ไม่มีป้ายหลักๆ ที่จะบอกทางออกได้อีกด้วย ตายอยู่ในพงหญ้า ก็ไม่มีใครมาเจอศพแน่ๆ

คนข้างๆ เราบอกว่า "ถ้าขี่จักรยานก็คงหนีผีล่ะ"

ถามว่า แล้วเราเข้ามาทำไม เราอยากจะมาพักรีสอร์ทในเกาะนี่แหละค่ะ แต่ในตายสิ แต่ละที่ที่ไปดู ไม่กล้าเสี่ยงสักที่

ที่แรก อยู่ในป่าทึบๆ หน่อย ทางก็ไม่ค่อยดี ถ้าเข้าแล้วคงไม่อยากออกไปไหน อีกแห่งไม่ลึก แต่ทางเข้าเล็กมาก จนไม่น่าเชื่อว่าข้างในจะมีรีสอร์ทไปสร้างอยู่ได้

ที่สุดท้ายที่จะไป ก็ไกลจากถนนใหญ่ แถมไปถึงไม่กล้าเข้าไปอีก เพราะมันเป็นดินโคลน ถ้าเข้าไปแล้วกลัวออกมาไม่ได้ จึงตัดสินใจไม่เข้าไปดีกว่า

คนขับบอกว่า "กลัวถูกปล้น แล้วฆ่าหมกอยู่ในห้อง" ฟังจบเลยนึกกลัวตามไปด้วย ถอยดีกว่า ต้องเดินทางไปพักที่สิงห์บุรีแทน

เลยไม่รู้ว่าที่นี่เขารณรงค์การท่องเที่ยวอย่างไร ทำไมไม่จัดการให้เป็นระบบระเบียบ ไม่มีจุดขายอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง น่าเสียดาย ททท.ก็มีอยู่ในตัวจังหวัด น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกเยอะๆเลย

สรุปว่าทริปนี้ ไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่ เพราะผิดหวังอยู่หลายอย่าง ยกเว้นปลาแรดที่อร่อยสมคำล่ำลือจริงๆ




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2554
2 comments
Last Update : 22 ตุลาคม 2554 22:53:21 น.
Counter : 4479 Pageviews.

 

แวะมาชม ครับ

 

โดย: Kavanich96 6 กรกฎาคม 2554 8:13:44 น.  

 

ว่ากันว่า ที่นี่มีการพัฒนา ที่ดีมาก
แต่ขาดความยั่งยืน ครับ...
ไปเห็ฯแล้ว ก็ หดหู่ เหมือนกัน...

 

โดย: ผ่านมา..อีกแล้ว IP: 202.129.3.153 8 กรกฎาคม 2554 15:42:34 น.  


Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]