1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31
ณ ปลายฟ้า...คือเธอ (Love@Horizon) 25.. "ช่อคราม"
บทที่ 25
ไม่ว่าการลาจากนั้นจะจบลงด้วยความรัก หรือไม่รักก็ตาม แต่เมื่อมาถึงหน้าสุดท้ายแล้ว มันก็คือการสิ้นสุดที่ไม่แตกต่างเช่นกัน สายฝนนอกหน้าต่างขาดเม็ดไปแล้ว แต่เภตรายังคงยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกหน้าต่างเหมือนเดิม เธอไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านเลยไปนานเท่าไรแล้ว แต่เธอยังขังตัวเองอยู่เงียบ ๆ ในห้องทำงานของตัวเอง ไม่ทำงาน ไม่รับสาย และไม่ยอมพบกับคนที่มารอดักพบตั้งแต่สาย...เมษา จริง ๆ แล้วเธอมีงานต้องทำ แต่ก็ไม่ใช่งานด่วนมากที่ต้องเร่งทำให้เสร็จ เธอให้พัชรีปฏิเสธว่าเธอขอทำงาน ไม่สะดวกออกไปพบ พัชรีกลับมาพร้อมกับถุงของฝากสามสี่ถุง ที่เธอไม่ใส่ใจอยากจะดู เธอไม่อยากรับรู้ พร้อมกับบอกว่าเมษายังคอยอยู่ที่ห้องประชุมด้านนอก คอยจนกว่าเธอจะออกไปพบ... หากไม่ใช่เพราะการ์ดสีชมพูที่วางอยู่บนโต๊ะ เธออาจจะพร้อมที่ออกไปพบเขา แต่มันกลับกระตุกหัวใจของเธอเมื่อมาถึงที่ทำงาน เหมือนความจริงตอกย้ำความรู้สึกของเธอ ให้แผลในหัวใจของเธอปวดระบมขึ้น โดยไม่มียาตัวไหนที่จะช่วยให้รู้สึกบรรเทาลง และมันยังทำให้เธอไม่อาจเผชิญหน้าเมษาได้ แม้ว่าเธอจะเตรียมใจมาแล้วหลายวันนับตั้งแต่ที่เธอเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ หญิงสาวถอนใจ เธอไม่แน่ใจว่าความเข้มแข็งที่มีอยู่ ณ เวลานี้จะมากพอกับการต้องเผชิญหน้าเมษาหรือไม่ ตะกอนบางเบาที่อยู่ในหัวใจของเธอ ยังคงคั่งค้างอยู่ เธออาจรอคอยให้เวลาชะล้างให้หมดไป ให้ความจริงบอกกับเธอว่าเธอไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเมษาอีก ความรักเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใด แต่เมื่อมันสิ้นสุดลง มันก็ไม่อาจล้างหรือรื้อถอนออกไป โดยไม่เหลือกคราบ หรือซากใด ๆ ไว้ จากกันไปเลย โดยไม่ต้องพบพากันอีก หรือ จากกันโดยยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ เธอยังไม่อาจตัดสินใจลงไปได้ เธอไม่รู้ว่าเธอจะทนกับความรู้สึกเจ็บปวดตรงนี้ได้นานแค่ไหน ยิ่งเมื่อต้องเห็นเมษาแบบนี้ เธอยังคงรักเมษาอยู่ เธอไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองไปได้ หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น ภาพของผู้ชายอีกคนซ้อนทับเข้ามาในความรู้สึก หากธันวาอยู่ด้วย เธออาจขอคำปรึกษา อาจขอให้เขาช่วยเป็นเกราะป้องกัน แต่เธอจะหลบอยู่หลังธันวาให้เขาหนักใจได้ตลอดไปหรือตรงนี้เป็นเรื่องระหว่างเธอกับเมษา ที่ไม่มีใครอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย เภตราถอนใจอีกครั้ง เดินกลับมาที่โต๊ะ เคาะซองสีชมพูอย่างครุ่นคิด อีกไม่กี่วัน เมษาก็จะแต่งงานกับบุษมาส เธอควรจะใช้เวลาตรงนี้ยอมพูดคุยกับ เมษา อย่างน้อยมันอาจเป็นครั้งสุดท้าย...ที่เธอจะไม่ต้องเจ็บระบมไปอีก เภตราตัดสินใจ เธอควรจะออกไปพบเมษาได้สะที ไม่ว่าหัวใจของเธอจะพร้อมหรือไม่พร้อมก็ตาม กล้าหรือไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า แต่การนั่งนิ่ง ถ่วงเวลาอยู่แบบนี้ ไม่ได้มีประโยชน์ต่อใคร ๆ มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วด้วยซ้ำ มันควรถึงเวลาสิ้นสุดกันเสียที เธอควรจะพบเมษาในฐานะเป็นผู้ที่เห็นถ่องแท้ในความจริง คนที่สามารถขึ้นมาจากหลุมรักโง่ ๆ ที่เธอไม่ดูตาม้าตาเรือแล้วเผลอตกลงไปเอง มีแผลเล็กน้อย หัวใจบอบช้ำนิดหน่อย แต่ไม่ใช่คนที่หลบหน้าเป็นคนอกหักขาดใจเจียนตาย แม้แต่วรรณิศา เธอก็ยังทำงานตามปกติอยู่ที่ภูเก็ต โทรมาหาเธอบ้าง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวคนนั้นรู้วิธีดูแลตัวเอง แล้วเธอล่ะ?...เธออยากรู้เหมือนกันว่าเมษาจะมาพูดอะไรกับเธอ ... แต่ทันทีที่เธอเปิดประตูห้อง ผู้ชายคนที่อยากให้เขาเป็นเกราะป้องกัน ก็เหมือนยืนคอยอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะเป็นที่ทำงาน เธออยากผวาเข้ากอด ให้เป็นกำลังใจ เข้มแข็งมากพอก่อนออกไปพบกับเมษา ผมเพิ่งกลับเข้ามา พัชรีบอกว่าคุณปล่อยเจ้าน้องชายตัวแสบไว้ในห้องประชุมให้คอยเกือบชั่วโมงแล้ว น้ำเสียงติดตลกเหมือนเคย ๆ แต่สายตาที่มองมากลับไม่ตลกด้วยเลย เภตราไม่ตอบอะไร ไม่กล้าผสานสายตาคู่นั้น ด้วยหลายอารมณ์ที่วุ่นวายอยู่ในใจ อยากให้ผมไปด้วยมั้ย? ธันวารับรู้ความรู้สึกของเภตรา ที่เธอพยายามเก็บซ่อนมาไว้อยู่หลายวัน ไม่เป็นไรค่ะ ฉันควรจะไปพบ อย่างน้อยมันอาจเป็นครั้งสุดท้าย ที่ฉันและเขาจะได้พบกัน เภตราตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แม้ในใจจะไม่ใช่ก็ตาม ยิ่งเห็นสายตาของธันวาแล้ว เธอรู้ดีว่าเขาก็รู้ว่าเธอรู้สึกเช่นไร หากคุณไม่สบายใจ ไม่ต้องออกไปเจอก็ได้ ผมไปคุยให้แทน แม้บางความรู้สึกจะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่ธันวาก็รู้ดีว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันสายเกินกว่าที่เมษาจะเปลี่ยนใจ เพียงแต่สิ่งที่น้องชายเคยพูดเอาไว้ มันทำให้เขารู้สึกสั่นคลอน เขารู้ดีว่า เภตรายังรักเมษาอยู่ ไม่ว่ามันจะมากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่หากการพบกันในครั้งนี้ อาจทำให้เธอตัดสินใจดึงตัวเองกลับได้ยากยิ่งขึ้น เขาอยากเชื่อมั่นว่าความรู้สึกที่เขามีให้เธอ มันมากพอที่จะทำให้เธอเข้มแข็ง เขาไม่อยากเห็นเธอเสียใจอีก ฉันควรจะต้องออกไปค่ะ อย่างน้อยสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจจะได้หมดไป ฉันอยากก้าวไปข้างหน้าแบบไม่มีอะไรติดค้างถ่วงรั้งเอาไว้...นะคะ เภตราเชิดหน้าผสานสายตาคู่นั้น และยิ้มบาง ๆ ธันวาอยากพูดอะไรมากกว่านี้ แต่คงไม่ใช่เวลานี้ เท่าที่ทำได้แค่ส่งสายตาตอบกลับ ด้วยใจที่ยังไม่วายประหวั่น ก่อนที่หญิงสาวจะเดินไป ธันวารั้งแขนเธอไว้เบา ๆ เพียงแค่ให้เธอหันกลับมา เข้มแข็งนะเภตรา
ผมจะคอยให้กำลังใจคุณอยู่นะ เภตราตัดสินใจเลือกร้านกาแฟอีกด้านหนึ่งของตึก เธอไม่มีอารมณ์จะนั่งทานอาหารตามที่เขาชวน ถึงแม้จะใกล้เวลาอาหารกลางวันก็ตาม ไม่อยากอยู่กับเมษานานเกินไป เธอกลัวว่าเธอจะอ่อนไหวไปกับคำพูดของผู้ชายตรงนี้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม เธอรู้ตัวดีว่ามันยังไม่เข้มแข็งมากพอ แค่เผชิญหน้ากับเขาในห้องประชุม ในลิฟต์ จนมานั่งอยู่ตรงหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำพูดที่ตั้งใจขึ้นมาก่อน นอกจากคำพูดทักทายสามัญที่ราวกับคนแปลกหน้า และความรู้สึกนี้เอง ก็เป็นเหมือนกำแพงกั้นเขตแดนระหว่างเขากับเธอ เมษาเหมือนคนที่กำลังมาสารภาพความผิด ดวงหน้านั้นดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ขอโทษค่ะ ที่ให้รอนานไปหน่อย เภตราเลือกประโยคเดิมเพื่อเข้าสู่การสนทนาอีกครั้ง หลังจากการสื่อสารหายไปชั่วขณะ คราวนี้เมษาเป็นฝ่ายรอเธอ และเขาก็ทนรออยู่ที่จะคอย...น่าแปลกที่เขามีเวลามากพอ มันก็สมควรแล้ว ผมเป็นฝ่ายให้คุณรอมาตลอด เภตราผมเสียใจ ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้คุณฟัง แต่คิดว่าคุณคงเข้าใจ...ทุกอย่างไม่ใช่เป็นความต้องการของผม ผมยังรักคุณเหมือนเดิม มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ราวกับว่า เมษาพูดอยู่กับถ้วยกาแฟ มากกว่าจะพูดกับเธอ เภตรารู้สึกเหมือนหายใจขัด เขาไม่กล้าที่จะมองหน้าเธออย่างนั้นหรือ ต่อให้รักเธอมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยทำได้อย่างที่พูดไว้สักครั้ง มันอาจทำให้เธอหวั่นไหว แต่เธอก็ไม่รู้สึกอะไรสักนิด ไม่แม้แต่จะคิดว่าควรสงสารเขาดีหรือไม่ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะทำอะไรตอนนี้ คุณเลือกทางของคุณเองไม่ใช่หรือคะ เภตราตั้งสติกลั้นใจพูดออกไป ผมอยากให้คุณรับรู้ว่าผมไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากคุณ เขาอยากแต่งงานให้เขาแต่งงานกันไป แต่ตัวผม หัวใจผมจะอยู่กับคุณ มันง่ายนะคะที่จะพูด แต่คุณไม่มีวันทำแบบนั้นได้ และฉันก็จะไม่มีวันให้คุณทำแบบนั้นด้วย น้ำเสียงของเภตรานิ่งเรียบ ไม่ต่างกับความรู้สึกของเธอ เธอไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลย ผมเลือกคุณนะเภตรา เป็นครั้งแรกที่เมษาจ้องหน้าเธอ น้ำเสียงร้อนรน เภตราได้แต่ขบขัน คำพูด และการกระทำของเมษาช่างสวนทางกันอยู่ตลอดเวลา มันสายไปแล้วค่ะ ต่อให้คุณเลือกฉัน คุณลุงของคุณก็เลือกบุษมาสให้คุณ อ่อ! อีกอย่างดูเหมือนว่าได้ยินข่าวมาว่า คุณบุษมาสเธอกำลังท้อง คุณควรเริ่มต้นเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดีของลูก เรื่องของเรามันจบไปแล้ว เภตราตัดสินใจพูดประโยคเหล่านี้ เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่เธอหวาดหวั่น และกลัวที่จะเกิดขึ้นเลย คุณไม่รักผมอีกแล้วใช่มั้ย เภตรา น้ำเสียงออดเว้าวอนนั้น แม้มันจะกดย้ำลงสู่ความเจ็บปวด แต่มันก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวได้อีก มันไม่เกี่ยวกันหรอกค่ะ ฉันเคยรักคุณ และก็ยังรัก แต่มันก็เป็นแค่ความหลงใหลได้ปลื้มไปมากกว่า อีกอย่างข้อสำคัญมันจบไปแล้ว มันถึงทางสิ้นสุดแล้ว ฉันรู้จักคุณมากพอแล้ว...จำวันที่เราเคยพูดกันที่ร้านอาหารไทยนั่นได้ใช่มั้ยคะ เภตราหยุดหายใจชั่วขณะ ฉันไม่มีคุณสมบัติอย่างที่คุณต้องการจะใช้ชีวิตด้วย แค่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอที่เราจะเดินต่อไปด้วยกัน ความต้องการของคุณกับฉัน มันคนละเส้นทาง ฉันต้องการคนรัก ต้องการสามี ต้องการครอบครัว ...ที่คุณเลือกคนอื่นไปแล้ว มันเป็นหน้าที่...เภตรา... มันคือหน้าที่ ที่ผมจำเป็นต้องทำ... มันไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของผมเลย แม้แต่วินาทีนี้ คิดดูสิคะ คุณคิดเท่าที่คุณต้องการ แค่สิ่งที่คุณอยากได้...ความรัก ความต้องการของคุณก็มีเท่านั้น เภตรา... เมษาได้แต่พึมพำ แต่สำหรับเธอมันหยุดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว... ว่าไป คุณได้โอกาสแก้ตัวตั้งหลายครั้ง ครั้งที่แล้ว ที่บ้านที่เราคุยกัน แต่คุณก็ทำไม่ได้ คุณไม่เคยรักษามันไว้ได้เลย
เมษา... ฉันไม่อาจรักคุณได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว... มันจบแล้วค่ะ ฉันขอให้คุณมีความสุขกับชีวิตสมรสอย่างที่มันควรจะเป็นดีกว่านะคะ... "ไม่หรอกเภตรา มันยังไม่จบ ผมไม่ยอมให้จบ" เมษายื่นมือจะมาจับมือของเธอ เหมือนบอกย้ำความตั้งใจ แต่เภตราก็รีบยกมือออกจากโต๊ะ ก่อนที่เขาจะคว้าไว้ได้ทัน "แต่เวลาของเรา มันไม่มีอีกต่อไป จริง ๆ มันก็จบไปนานแล้ว จบตั้งแต่คุณมาจากเยอรมัน ฉันเองต่างหากที่ยื้อคุณไว้" ไม่น่าเชื่อที่เขาจะมีความคิดแบบนี้ แต่สำหรับเธอตัดสินใจแล้ว และเธอกำลังปล่อย ให้เวลาเดินทางต่อไป... เภตรามองหน้าเนิ่นนาน เหมือนเป็นการร่ำลา ก่อนที่จะเลือกคำพูดสุดท้าย ออกไป "โชคดีค่ะเมษา" เธอลุกขึ้น เดินจากเขามา แม้บางความรู้สึกจะรู้สึกโหวง ๆ แต่เท่าที่เธอได้พูดให้สิ่งที่คั่งค้างอยู่ แม้อาจจะยังไม่หมดสนิท แต่มันก็เหมือนได้ปลดปล่อยออกไปแล้ว เธอไม่หันหลังกลับ...ไม่มองเมษาว่าจะเป็นอย่างไร อยู่ในสภาพแบบไหน จริงอย่างที่ใครต่อใครพูด เมษาคิดเพียงแต่ตัวเอง ความต้องการของตัวเอง และเขาก็ไร้ค่าเหลือเกินแล้วสำหรับเธอ...ระหว่างเธอกับเมษามันจบลงแล้ว...เธอมั่นใจ ธันวาเลือกกลับบ้านมากกว่าที่จะไปอยู่ที่บ้านแม่เหมือนญาติพี่น้องคนอื่น ๆ เขาไม่อาจปฏิเสธว่าเขาห่วงเภตรา สายตาที่เจ็บปวดของเธอที่บันได ก่อนที่เขาออกจากบ้าน มันตามติดเขาไปตลอดทาง เขาไม่อยากมีส่วนร่วมในงานครั้งนี้แม้แต่น้อย เภตราไม่ได้นอนทั้งคืน เธอยังช่วยเขาดูความเรียบร้อยเสื้อผ้าก่อนไป เขาออกจากบ้านไปตั้งแต่สองยาม เขาไม่อยากปล่อยเธอไว้ที่บ้านตามลำพังด้วยอารมณ์แบบนี้ แต่ก็นั่นแหละหากพาเธอไปด้วยก็เหมือนจะสร้างความวุ่นวายใจให้แม่ หรือลุงพิศาล ตลกดีนะคะ เขารู้วันเกิดฉันได้ไง ฉันไม่เข้าใจเลย วรรณิศาก็ถูกระบุทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เกิดวันเดียวปีเดียว แต่มีชะตากรรมเหมือนสังคมรังเกียจเหมือนกัน...แต่เอาเถอะเจ้าสาวเขาคงสบายใจ คงกลัวฉันหรือวรรณิศาจะไปวุ่นวายงานเขานะคะ เภตราสรุปสั้น ๆ และเลือกที่จะไม่พูดอะไรอีก ผมไปแล้วจะรีบกลับ ไม่อยากอยู่นานหรอก ก่อนมารับคุณไปงานตอนเย็น สัญญานะว่าจะไม่ร้องไห้
ธันวายังมีอารมณ์เย้าเธอ ให้เธอตาเขียวเล่นเสียอย่างนั้น ฤกษ์ยกน้ำชาไปรับตัวเจ้าสาวมีตอนตีสอง มีเพียงญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทเท่านั้น กันยาบ่นมากมาย ที่เหมือนทรมานผู้ใหญ่ แต่ทุกคนรู้ดีว่า บุษมาสและครอบครัวเจาะจงฤกษ์นี้มาเพื่อไม่ให้มีใครมาวุ่นวายกับพิธี แม้แต่เภตราเองยังถูกระบุว่าวันเดือนปีเกิดของเธอชงกับคู่บ่าวสาว อรัญดูจะกุลีกุจอช่วยงาน รายนี้คงดีใจกับเมษา ที่คิดว่ายังจะสามารถชนะใจเภตราได้ คุณชาลินี มารดาของเขาดูจะไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่แม่ของเขาก็ไม่เคยขัดใจอะไรลุงอีก นับตั้งแต่พาลูก ๆ กลับมาอยู่บ้านนี้ มีเพียงลุงพิศาล และญาติฝ่ายเจ้าสาวเท่านั้นดูจะมีความสุข สมหวังมากมาย และสำหรับเมษา น้องชายของเขาก็ทำราวกับมันเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แม้จะดูโทรม ๆ ไปบ้างกับพิธีการมากมาย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีความสุขอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยสิ่งตรงหน้าท่ามกลางครอบครัวมั่งมี เงินทองสินสอดมากมายที่เห็น ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่น้องชายเขาได้ตามต้องการ มันน่ายินดีปรีดามากกว่าความรักที่กินไม่ได้เป็นไหน ๆ ตลอดเวลาในงาน ธันวาอดคิดไปถึงเภตราไม่ได้ เธอคงไม่มีความสุขแน่ ๆ หากต้องมาร่วมงาน เห็นคนที่ตัวเองเคยรักมากมาย อยู่ในพิธีกับผู้หญิงคนอื่น เขาปล่อยให้เธออยู่ลำพังกับตัวเองมาวันหนึ่งเต็ม ๆ โดยไม่วุ่นวาย ไม่ซักถามว่าน้องชายเขาไปหาเธอที่ทำงานพูดคุยเรื่องอะไรกัน ทั้ง ๆ ที่เขาอยากจะรู้มากมาย แต่มันก็ไม่มีความสำคัญอะไรอีกที่จะไปรื้อฟื้นความรู้สึกนั้น เขาปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอกับเมษา... ไม่ว่าเมษาจะเป็นอย่างไร ทำอย่างไร แต่เขาก็เชื่อว่าเภตราจะไม่กลับไปร่วมมือทำสิ่งนั้นกับเมษาอย่างแน่นอน ธันวาเดินเข้าบ้านมาเงียบ ๆ ไม่มีวี่แววเภตราในห้องครัว ใจไวความคิด หวังว่าเธอคงไม่เลือกทำอะไรบ้า ๆ ที่คิดไม่ถึงลงไป ไอเย็น ๆ ผ่านออกมาจากห้องนั่งเล่นข้างบันได เขาเลื่อนประตูกระจกออก ร่างบาง ๆ นอนอยู่บนกองหมอนที่ ๆ เขาชอบนอนอยู่ประจำ ธันวาเดินมาทรุดตัวคุกเข่าลงข้าง ๆ ไม่เห็นคราบน้ำตา รู้สึกดีใจเงียบ ๆ อย่างน้อยเขาก็คิดว่าเธอทำใจได้มากพอแล้ว อยากดึงเธอเข้ามากอดไว้แนบอก ชดเชยที่ปล่อยให้เธอต้องอยู่ตามลำพังหลายชั่วโมง กับความรู้สึกเจ็บปวด เขารู้ว่ามันเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย และเธอควรจะมีเพื่อนอยู่ด้วย... ไม่ใช่ถูกทิ้งอยู่ตามลำพังแบบนี้... แต่ที่แน่ ๆ เธอไม่ได้หลับ... เรียบร้อยแล้วหรือคะ คำถามมาพร้อมกับดวงหน้า สายตาหม่น ๆ เขาได้แต่พยักหน้า เภตราค่อย ๆ เลื่อนตัวขึ้นนั่ง ในที่สุดเมษากับบุษมาสคงมีความสุขแล้วเนอะคะ เสียงนั้นยากจะตีความหมาย แต่ฟังแล้วเหมือนเหนื่อยล้าเต็มที เภตรา...หากคุณอยากร้องไห้ก็ร้องเถอะนะ ร้องให้สิ่งที่คุณเจ็บปวดมันหายไป ร้องเสียตอนนี้ ขอให้ผมอยู่ข้าง ๆ เช็ดน้ำตาให้ก็พอ เขาเห็นหยาดน้ำตาเริ่มรื้นขึ้นที่ดวงตาคู่สวย ฉันไม่อยากร้องหรอกค่ะ แต่มันยังแน่น ๆ ยังรู้สึกอยู่ในนี้ ตั้งแต่คุณออกไป ฉันก็ทบทวนทุกสิ่ง ฉันนี่โง่มากเลยนะ ที่ปฏิเสธว่าไม่เจ็บปวด ไม่เสียใจ...เมื่อไหร่แผลนี้มันจะหายคะ เธอเริ่มร้องไห้ ธันวาค่อย ๆ รั้งตัวเธอเข้ามาใกล้ เขากอดเธอไว้จากด้านหลัง ค่อย ๆ เช็ดน้ำตาที่ไหลเปื้อนอยู่บนดวงหน้านั้น เธอไม่ได้ร้องไห้ คร่ำครวญ ฟูมฟาย มันแค่เป็นน้ำตากับความรู้สึกที่ยังคั่งค้างอยู่ ราวกับค่อย ๆ พัดพาเอาตะกอนความรู้สึกของเมษาที่ยังเหลืออยู่ออกมา มันอาจใช้เวลาบ้าง แต่ผมก็เชื่อว่าคุณต้องทำได้เภตรา...คุณมีผมอยู่ตรงนี้เสมอนะ ผมไม่มีวันทิ้งคุณไปไหนอีกแล้ว เขากระชับอ้อมแขนให้แน่นเข้า ก้มหน้าลงกระซิบ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมกรุ่นอวลในความรู้สึกคุณรู้ใช่มั้ยว่าผมรู้สึกอย่างไรกับคุณ มันอาจไม่ใช่เวลาที่ดีนักที่จะพูด แต่ผมก็อยากบอก อยากให้คุณรู้ว่า ผมรักคุณนะเภตรา... ทุกสิ่งที่ผมรู้สึก ทุกสิ่งที่ผมทำ ไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ ไม่ใช่ความสงสาร แต่เป็นความจริงใจ เป็นความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีให้กับคุณ...และเมื่อคุณเจ็บปวด ผมก็พร้อมที่จะแชร์ความรู้สึกนั้นร่วมกับคุณ ในที่สุดเขาก็พูดออกไปแล้ว เธอจะฟัง หรือไม่ได้ฟัง ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม หรือเธอจะเข้าใจอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเขาก็ได้บอกในสิ่งที่เขารู้สึก ไม่ต้องเก็บมันไว้อีกต่อไป และเขาก็รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เขารู้ดีว่าเวลานี้เธอต้องการเพียงเพื่อนเพื่อเห็นใจปลอบโยนมากกว่า เขาจึงเลือกเพียงแค่จูบที่เรือนผมของเธอแผ่วเบา อ่อนโยน และนั่งกอดเธอไว้แน่น ๆ เงียบ ๆ อยู่แบบนี้
อย่างเนิ่นนาน เขาเชื่อความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ได้แบ่งปันความรู้สึก เจ็บปวดร่วมกับเธอแบบนี้ จะช่วยบรรเทาให้ความเศร้าหมองกับบาดแผลในหัวใจค่อย ๆ จางหายไป อย่างน้อยก็ให้เธอเข้มแข็งเพียงพอ หากเธอตัดสินใจจะไปร่วมงานแต่งงานในตอนเย็น และเมื่อถึงเวลานั้นเรื่องราวของเมษาจบสิ้นไปจากชีวิตของเธออย่างถาวร ... และเธอคงพร้อมที่จะรับฟังความรู้สึกของเขา ด้วยอารมณ์ใหม่อีกครั้ง... งานแต่งงานของไฮโซแปลก ๆ ที่จัดขึ้นพร้อมกับการเปิดตัวแบรนด์สินค้า ทำให้เป็นงานใหญ่ของโรงแรมแห่งนี้ นักข่าว นักธุรกิจ แขกดูจะมารอคอยอยู่หน้างานตั้งแต่งานยังไม่เริ่มอยู่หลายชั่วโมง ด้านในมีเวทีแคทวอล์กที่ดูสวยและแปลกตา แม้มันจะอลังการแค่ไหน แต่มันก็เหมือนงานแสดงแฟชั่นโชว์มากกว่างานแต่งงานอยู่ดี เภตราพยายามยิ้ม เธอรู้ตัวว่าเป็นการฝืนยิ้มอย่างเต็มที่ เมื่อต้องมาร่วมงานแต่งงานในตอนเย็น เจอหน้ากับครอบครัวของเมษา โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับลุงพิศาล ที่รับไหว้เธอแบบไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ จนเกือบทำลายความมั่นใจของเธอให้สูญสลายไป . .. ยังเหลือด่านที่ต้องเผชิญหน้ากับคู่บ่าวสาวพร้อม ๆ กัน.... แต่ธันวาก็เหมือนจะอยู่ติดตัวเธอตลอดเวลา อย่างน้อยมันก็เป็นความอบอุ่น เป็นเกราะคุ้มกันให้การเธอ เลี่ยงการเผชิญหน้ากับใคร ๆ ได้เป็นอย่างดี... เธออยากตอบรับรักเขาไปตั้งแต่เมื่อเช้า แต่ในใจของเธอก็ยังถ่วงหนักเกินจะบอกความรู้สึกกับเขาได้ แต่มันก็ทำให้เธอมั่นใจ ในความรู้สึกของเขา และสามารถมองหน้าเขาได้อย่างเต็มตา เต็มหัวใจ.... ขอเวลาเธออีกหน่อยนะ ให้หัวใจของเธอแข็งแรงมากกว่านี้ ที่เธอพร้อมจะให้หัวใจทั้งดวงกับธันวาได้อย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากกว่านี้ และเป็นความรู้สึกสำหรับเขาเพียงคนเดียว โดยไม่มีเงามืด หรือคราบตะกอนของเมษาอยู่ในใจดวงนี้อีกต่อไป บอล บาส หนุ่มน้อยในสูททักซิโด้สีขาว หล่อมากกว่าใคร ๆ ในงาน วิ่งเข้ามาหาเธออย่างคุ้นเคย อย่างน้อยให้เธอเป็นพี่เลี้ยงเด็กในงานนี้ ก็ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น เป็นเกราะป้องกันอีกชั้น ไม่ให้ต้องประสาทเสียอย่างที่คิดไว้ก่อนที่จะมาร่วมงาน แม้แต่ชุดสวยสีฟ้าน้ำทะเลที่อันย่าส่งมาให้ก็ไม่ได้ทำให้เธอมั่นใจสักเท่าใดนัก ชุดก็สวย หน้าก็สวย ผมก็สวย ยิ้ม ๆ หน่อย จะได้สวยครบสูตร ธันวา กระซิบหยอกเย้าเธอเหมือนเคย เมื่อเห็นว่าองศารอยยิ้มของเธอตกลง มาพี่ธันว์ เข้าไปนั่งรอข้างในกันดีกว่า งานนี้คงไม่มีแขกให้ต้องมายืนรับ...ปล่อยแม่ให้เหนื่อยตามหน้าที่ไปก่อน เดี๋ยวค่อยมารับไปนั่ง แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงของกันยา เสียงสูง แหลม ๆ คุ้น ๆ ดังมาจากหน้าโต๊ะต้อนรับ จนทุกคนต้องหันกลับไปดู พี่ธันว์คะ เขาไม่ให้ศาเข้า ศามีบัตรเชิญนะคะ แต่เขาบอกไม่มีชื่อในลิสต์ผู้ร่วมงาน วรรณิศาเลือกบอกธันวาที่เดินเข้ามาหาเธอ เออ...คุณบุษเธอระบุชื่อคุณวรรณิศาไว้อีกลิสต์หนึ่ง ลิสต์ที่ห้ามไม่ให้เข้าครับ เสียงผู้ชายในชุดดำในกลุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง หญิงสาวที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะรับรองหน้างาน ท่าทางจะเป็นคนของทางบุษมาส ที่เภตราดูอย่างไรก็เหมือนบอดี้การ์ด ดูแลความปลอดภัย น่าตลกเหลือเกินสำหรับงานแต่งงาน...ที่ต้องมีคนคุ้มกันขนาดนี้ ศาไม่ได้ไปกวนใครที่ห้องแต่งตัวนะ ศามาร่วมงานตามบัตรเชิญ ทำไมไม่ให้เข้า เห็นศาเป็นอะไร กลัวจะมาดักยิงเจ้าสาวหรือฉุดเจ้าบ่าวไปหรือไง วรรณิศาเริ่มทำท่าเสียงดังอย่างไม่พอใจ ฉันการันตีไม่ให้มีเรื่องแบบนั้นแล้วกัน บอกว่าเป็นเพื่อนของฉัน พี่ธันว์ และคุณแม่ กันยาบอกเหล่าบรรดาคนคุ้มกัน เสียงของเธอแก้ปัญหาอย่างดังชัดเจน ก่อนดึงแขนวรรณิศาออกมาให้พ้นโต๊ะต้อนรับ ขณะที่นักข่าวเริ่มหันมาสนใจ และผู้ชายในชุดดำ ดูจะทำท่าไม่พอใจ แต่ไม่สามารถจะทำอะไรได้ ทั้งเภตรา วรรณิศา ออกจะแปลกใจ และแทบไม่เชื่อหูในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ส่วนธันวาก็ได้แต่อมยิ้มอย่างขบขันกับกริยาท่าทางของน้องสาว ฟังนะ ถ้าหล่อนคิดจะมาทำอะไรบ้า ๆ ในงานนี้ละก็ ฉันจะเป็นคนแรกที่จิกผมหล่อน แล้วลากออกไปเขวี้ยงไว้นอกโรงแรม ไม่ต้องไปวุ่นวายถึงมือการ์ดพวกนั้นเลย... รู้ไว้ด้วย ...โปรดติดตามตอนต่อไป...* The Power of Goodbye ผลงานเพลงของราชินีเพลงป๊อป Madonna คงไม่ต้องบรรยายกิตติศัพท์ความสามารถ ของเธอคนนี้หรอกนะคะ เพลงนี้มาจากอัลบั้ม "Ray Of Light" เมื่อปี 1998 ขึ้นถึงอันดับ 11 ของ Hot 100 ของฝั่งอเมริกา และอันดับ 6 ของฝั่งอังกฤษ อัลบั้มนี้ขายได้มากกว่า 4 ล้านแผ่นในอเมริกา และอีก 10 ล้านทั่วโลก ในที่สุดเพลงนี้ก็ชนะเลิศ หลังจากที่หาเพลงที่เหมาะมาทั้งอาทิตย์ มันเหมือนจะเศร้าแต่ก็ไม่เศร้าเนอะ แต่อุ่นสะอย่างน่าอิจฉา เฮ้อออ อยากให้ใครมากอดปลอบแบบนี้บ้างจัง
Create Date : 26 ตุลาคม 2551
86 comments
Last Update : 27 ตุลาคม 2551 15:33:09 น.
Counter : 1250 Pageviews.
โดย: พรายทราย 26 ตุลาคม 2551 21:56:50 น.
โดย: พรายทราย 26 ตุลาคม 2551 22:21:05 น.
โดย: พรายทราย 26 ตุลาคม 2551 22:38:43 น.
โดย: หนูพลอยฯ .. อิจฉาหนูเภฯ (อมิธีสท์ ) 26 ตุลาคม 2551 22:49:00 น.
โดย: พรายทราย 26 ตุลาคม 2551 23:35:14 น.
โดย: พรายทราย 26 ตุลาคม 2551 23:41:45 น.
โดย: มด IP: 81.111.61.49 27 ตุลาคม 2551 9:32:05 น.
โดย: หนูบัวฯ .. ใช้สิทธิ์พาดพิง หุๆๆ (อมิธีสท์ ) 27 ตุลาคม 2551 11:34:27 น.
โดย: นางฟ้าหน้าหมวย IP: 125.24.115.216 27 ตุลาคม 2551 14:28:09 น.
โดย: พรายทราย 27 ตุลาคม 2551 14:42:52 น.
โดย: พรายทราย 27 ตุลาคม 2551 15:01:22 น.
โดย: พรายทราย 27 ตุลาคม 2551 15:29:26 น.
โดย: หนูบัวฯ .. ไปตามหาหนูพลอยฯก่อน (อมิธีสท์ ) 27 ตุลาคม 2551 16:35:52 น.
โดย: ปณาลี 27 ตุลาคม 2551 17:46:42 น.
โดย: ปณาลี 27 ตุลาคม 2551 17:54:47 น.
โดย: พรายทราย 27 ตุลาคม 2551 19:16:20 น.
โดย: waidhaya 27 ตุลาคม 2551 21:18:40 น.
โดย: MDA 27 ตุลาคม 2551 22:14:27 น.
โดย: พรายทราย 27 ตุลาคม 2551 22:26:44 น.
โดย: พรายทราย 27 ตุลาคม 2551 22:35:02 น.
โดย: พรายทราย 27 ตุลาคม 2551 23:02:07 น.
โดย: GTW 28 ตุลาคม 2551 11:29:45 น.
โดย: พรายทราย 28 ตุลาคม 2551 12:11:45 น.
โดย: พรายทราย 28 ตุลาคม 2551 12:14:20 น.
โดย: พรายทราย 28 ตุลาคม 2551 12:16:42 น.
โดย: หนูบัวฯ .. ไปทำงานเเระ (อมิธีสท์ ) 28 ตุลาคม 2551 12:53:46 น.
โดย: พรายทราย 28 ตุลาคม 2551 15:52:46 น.
โดย: พรายทราย 28 ตุลาคม 2551 15:53:43 น.
โดย: ปณาลี 28 ตุลาคม 2551 19:58:15 น.
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 28 ตุลาคม 2551 20:34:23 น.
โดย: พรายทราย 28 ตุลาคม 2551 21:18:01 น.
โดย: พี่บัวนอนเเล้ว ... หนูพลอยฯได้เวลาวิ่งเล่น (อมิธีสท์ ) 28 ตุลาคม 2551 22:38:09 น.
โดย: พรายทราย 28 ตุลาคม 2551 23:54:25 น.
โดย: Love ..to.. Frangipani (อมิธีสท์ ) 29 ตุลาคม 2551 21:13:02 น.
โดย: พรายทราย 29 ตุลาคม 2551 22:09:40 น.
โดย: พรายทราย 29 ตุลาคม 2551 23:26:01 น.
โดย: GTW (GTW ) 30 ตุลาคม 2551 5:44:20 น.
โดย: GTW (GTW ) 30 ตุลาคม 2551 5:46:58 น.
โดย: เเบบว่าอยากได้เป็นภาพพื้นหลังบ้าง เหะๆๆ (อมิธีสท์ ) 30 ตุลาคม 2551 10:59:30 น.
โดย: พรายทราย 30 ตุลาคม 2551 17:22:13 น.
โดย: พรายทราย 30 ตุลาคม 2551 17:24:40 น.
โดย: พรายทราย 30 ตุลาคม 2551 17:28:58 น.
โดย: พรายทราย 30 ตุลาคม 2551 17:33:50 น.
โดย: GTW (GTW ) 30 ตุลาคม 2551 20:07:46 น.
โดย: พรายทราย 30 ตุลาคม 2551 20:18:16 น.
โดย: อมิธีสท์ 30 ตุลาคม 2551 22:37:48 น.
โดย: อมิธีสท์ 30 ตุลาคม 2551 22:44:52 น.
โดย: พรายทราย 30 ตุลาคม 2551 23:09:24 น.
โดย: พรายทราย 30 ตุลาคม 2551 23:11:36 น.
โดย: พรายทราย 30 ตุลาคม 2551 23:15:32 น.
โดย: teansri 31 ตุลาคม 2551 1:40:53 น.
โดย: GTW (GTW ) 31 ตุลาคม 2551 5:12:53 น.
โดย: หนูบัวฯตื่น .. หนูพลอยฯสลบ (อมิธีสท์ ) 31 ตุลาคม 2551 6:43:21 น.
โดย: หนูพลอยฯ .. ตื่นละ.. อารมณ์ดี (อมิธีสท์ ) 31 ตุลาคม 2551 12:28:10 น.
โดย: อมิธีสท์ 31 ตุลาคม 2551 12:30:57 น.
โดย: พรายทราย 31 ตุลาคม 2551 21:49:34 น.
โดย: พรายทราย 31 ตุลาคม 2551 21:53:33 น.
โดย: พรายทราย 31 ตุลาคม 2551 22:22:29 น.
โดย: พรายทราย 31 ตุลาคม 2551 22:26:50 น.
โดย: พรายทราย 31 ตุลาคม 2551 22:35:07 น.
โดย: พรายทราย 31 ตุลาคม 2551 22:39:10 น.
โดย: อมิธีสท์ 1 พฤศจิกายน 2551 13:43:47 น.
โดย: พรายทราย 1 พฤศจิกายน 2551 14:07:46 น.
โดย: พรายทราย 1 พฤศจิกายน 2551 14:15:30 น.
โดย: อมิธีสท์ 1 พฤศจิกายน 2551 22:21:43 น.
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 2 พฤศจิกายน 2551 19:52:35 น.
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 2 พฤศจิกายน 2551 19:58:44 น.
โดย: พรายทราย 2 พฤศจิกายน 2551 22:07:06 น.
โดย: พรายทราย 2 พฤศจิกายน 2551 22:11:34 น.
โดย: พรายทราย 2 พฤศจิกายน 2551 22:15:42 น.
โดย: ใยบัวมา ... ยัยพลอยฯหลับ (อมิธีสท์ ) 3 พฤศจิกายน 2551 0:19:38 น.
โดย: อมิธีสท์ 3 พฤศจิกายน 2551 0:24:03 น.
โดย: รักดี (ploy666 ) 3 พฤศจิกายน 2551 22:08:06 น.
โดย: พรายทราย 4 พฤศจิกายน 2551 16:22:04 น.
โดย: พรายทราย 4 พฤศจิกายน 2551 16:24:40 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา... ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ... **สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ** คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ... ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้ แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว.. ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร... **และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย ****************************** Friends' Blogs นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก
มัวแต่ปล้ำกับไฟล์เสียงเล็กน้อย
เสียงไม่ได้ดังใจ หรือดังไปหนอ่ย รบกวนปรับด้วยมือแล้วกันนะคะ
ต้นฉบับมาแรง
แล้วอย่าต่อว่ากันนะคะ สุดความสามารถแล้ว
ก่อนดึกมากไปกว่านี้ พรายทรายเอาเนื้อเพลงลงเลยดีกว่า