กลาโหม-บัวแก้ว แถลงแก้ข่าวเปิดศึกเขาพระวิหาร ชิงเสนอมรดกโลก
โฆษกกลาโหม-โฆษกบัวแก้ว แจงปัดเปิดศึกเขาวิหารกับกัมพูชา "พล.ท.พิชษณุ"รับแถลงคลาดเคลื่อน ด้าน"พล.อ.บุญรอด" จี้กองทัพเร่งเคลียร์ผู้นำเขมร หวั่นสัมพันธ์ร้าว
ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.พิชษณุ ปุจฉาการ โฆษกกระทรวงกลาโหม พล.ท.พลางกูร กล้าหาญ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด และนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมแถลงข่าวชี้แจงกรณีรัฐบาลกัมพูชา เสนอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก
พล.ท.พิชษณุ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนแถลงข่าวผลการประชุมสภากลาโหม ซึ่งมีประเด็นการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ตามที่มีการเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ แล้วนั้น ตนขอชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นมติสภากลาโหม แต่เป็นเรื่องภายในบางอย่างที่เราหารือเตรียมการเพื่อความถูกต้อง ซึ่งการแถลงข่าวดังกล่าวอาจมีความคลาดเคลื่อนในบางประการ ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของตน
ทั้งนี้ เนื้อหาบางตอนโดยเฉพาะคำว่า "การสร้างหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นเท็จ" เรื่องนี้ขอชี้แจงว่าเป็นเรื่องของข้อมูลทางด้านเขตแดนทั้งสองฝ่ายอาจจะยังมองไม่ตรงกัน และในเรื่องการตรวจสอบความมั่นคงทางทหารที่ความเข้มข้นตามแนวชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่2 เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่สถานการณ์ที่วิกฤติ เป็นภาระหน้าที่ของทหารที่ดูแลตามแนวชายแดน ในเรื่องการทหารเรามีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา มีความสัมพันธ์กันดี และผู้นำทางทหารของทั้งสองประเทศได้มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์อยู่แล้ว
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมกั บ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง ตนขอชี้แจงเรื่องการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกว่า จะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ไม่ส่งผลกระทบกับไทยในพื้นที่ทับซ้อน หรืออีกนัยหนึ่งคือไทยจะไม่มีการเสียดินแดน
นายธฤต กล่าวอีกว่า กัมพูชามีความพยายามไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับองค์การยูเนสโก เมื่อปี 2548 เป็นต้นมา แต่ในการนำเรื่องนี้ไปพิจารณาของยูเนสโกได้มีการแนบเอกสาร ซึ่งในเอกสารดังกล่าวเป็นการตีความเขตพื้นที่ในแถบนั้นที่จะมีส่วนล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ทับซ้อน ที่ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาอย่างต่อเนื่องหลายปีแล้ว คือเราได้ยืนยันว่าเรายังมีสิทธิในบริเวณนั้นๆอยู่ ซึ่งเป็นการยืนยันอย่างต่อเนื่องที่เป็นลายลักษณ์อักษรโดยตลอด
"อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายที่อยู่ฝรั่งเศส ก็ยืนยันเรื่องนี้กับยูเนสโกมาโดยตลอด และยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรกับทางกัมพูชามาโดยตลอด ทำให้สิทธิของเรายังคงได้รับการยอมรับอยู่ ดังนั้น การจะขึ้นทะเบียนหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับทางโบราณคดีและทางยูเนสโก"
โฆษกกระทรวงฯ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องพื้นที่เขตทับซ้อนกันอยู่ เป็นการยอมรับระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะเมื่อปี 2543 ทั้งสองฝ่ายได้ลงบันทักความเข้าใจและมีการจัดตั้งกรรมาธิการร่วมด้านเขตแดนไทย-กัมพูชา เพื่อที่จะจัดการทำความเข้าใจและปักปันเขตแดนในพื้นที่ที่เห็นไม่ตรงกัน และในข้อห้า ของบันทึกความเข้าใจระบุว่า ทั้งสองฝ่ายจะไม่ดำเนินการที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ยังไม่มีการตกลงกัน ซึ่งหมายความว่าทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าต้องมาคุยกันในเรื่องนี้
รมว.กลาโหม ให้ผบ.สส.ประสาน"พล.อ.เตีย บันห์"
ด้าน พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวยืนยันว่า ส่งที่โฆษกกลาโหมแถลงเป็นความเห็นส่วนตัว และในขั้นต้นเพื่อไม่ให้กระทบความสัมพันธ์สองประเทศ ตนได้ประสานไปยัง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. เพื่อให้ผู้ที่รับผิดชอบประสานทำความเข้าใจกับ พล.อ.เตีย บันห์ ผู้นำทางทหารของกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม รมว.กลาโหมของไทย ยอมรับว่า มีพรรคการเมืองในกัมพูชาได้นำประเด็นดังกล่าวไปใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประเทศจริง
โดย กรุงเทพธุรกิจ
Create Date : 26 มกราคม 2551 |
Last Update : 26 มกราคม 2551 6:45:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 690 Pageviews. |
|
|
|
|
|