|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
น้ำข้าวโพดหวาน มีคุณค่า กำไรน่าสน

ปัจจุบันผัก-ผลไม้หลายอย่างนิยมนำมาแปรรูป สามารถเก็บไว้ได้นาน ทั้งทำกินเองในครอบครัว หรือจะบรรจุหีบห่อขายเป็นการเพิ่มมูลค่า ซึ่งเคล็ดลับอยู่ที่รสชาติและภาชนะบรรจุ หากทำออกมารสชาติอร่อยถูกปากคนทั่วไป และมีการบรรจุภาชนะสวยงาม การนำไปวางขายหรือฝากขายที่ใด ก็มีคนตอบรับได้ไม่ยากผุสดี บูรณะกร เจ้าของ น้ำข้าวโพดหวาน ผุสดี ผู้ซึ่งพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้าที่จะมาประกอบอาชีพนี้ เป็นสมุห์บัญชีอยู่ที่คลังน้ำมันคอสโม อ.กลางดง จ.นครราชสีมา พอคลอดลูก บริษัทก็มีคำสั่งให้ย้ายไปอยู่คลังใหญ่ จ.อุดรธานี จึงลาออก ระหว่างนั้นก็เริ่มมองหาธุรกิจส่วนตัว น้องชายนำวิดีโอการทำน้ำข้าวโพดมาให้ดู คิดว่าน่าจะดี พอดีเป็นช่วงที่ข้าวโพดมีราคาตกต่ำ จึงทดลองทำดูหลายต่อหลายครั้ง กว่าจะได้วิธีการที่จะช่วยให้รสชาติและคุณภาพลงตัว เริ่มผลิตน้ำข้าวโพดหวานอย่างจริงจังมาประมาณ 2 ปีแล้ว โดยวางเป้าไว้ว่าจะส่งขายที่โรงพยาบาลเป็นหลัก เพราะเห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เหมาะแก่การบำรุงสุขภาพ แต่ไปๆมา ๆ กระแสตอบรับดีมาก จึงขยายตลาดออกไปตามสนามกอล์ฟในกรุงเทพฯหลายแห่งการผลิตจะผลิตตามออเดอร์ จะไม่ทำตุนไว้ เพื่อให้ใหม่และสดเสมอ โดยในการผลิตจะใช้ข้าวโพดหวาน 2 พันธุ์ผสมกัน คือ พันธุ์อินทรีย์ ที่มีคุณสมบัติให้ ความหอมหวาน และ พันธุ์โตนด จะให้น้ำในเนื้อเยอะ โดยต้องเป็นข้าวโพดหวานที่มีอายุประมาณ 65-68 วัน ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ข้าวโพดมีคุณภาพดีมากข้าวโพดหวานจะซื้อจากชาวไร่ที่ปลูกในละแวก ซึ่งก็ต้องมีการทำสัญญากันเลยว่าต้องปลูกส่งให้ ช่วงราคาถูกก็ตก กก.ละ 4-5 บาท ช่วงราคาแพงก็กก.ละ 7-8 บาท ในการทำ น้ำข้าวโพดหวาน อุปกรณ์ที่ใช้ก็มี... เครื่องบด, เครื่องกรอง, ทัพพี, กระชอนหรือ ผ้าขาวบาง, เตาแก๊ส, ขวดพลาสติก, มีด, กะละมัง, คูล เลอร์น้ำ, ถังน้ำแข็ง
สำหรับวิธีการทำน้ำข้าวโพดหวานนั้น มีขั้นตอนเริ่มจาก... นำข้าวโพดมาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด ใช้มีดปาดเอาเฉพาะเมล็ดข้าวโพด แล้วนำมาผสมกับน้ำในอัตรา ส่วน 1:3 คือข้าวโพด 1 กก. ใช้น้ำ 3 กก. ซึ่งสูตรที่จะว่ากันวันนี้ใช้ข้าวโพด 30 กก. ผสมน้ำตามสัดส่วนแล้วนำขึ้นตั้งไฟปานกลางต้มให้เดือดนาน 5 นาที แล้วยกลง จากนั้นนำเมล็ดข้าวโพดต้มพร้อมกับน้ำมาบดให้ ละเอียดในเครื่องบดเสร็จแล้วจึงนำเข้าเครื่องกรอง เพื่อกรองเอาแต่น้ำ น้ำข้าวโพดที่ได้จะมีลักษณะสีขาวขุ่นออกเหลืองอ่อนคล้ายน้ำนมถั่วเหลือง และมีกลิ่นหอมของข้าวโพด ขั้นต่อไปใช้น้ำตาลทราย 10 กก., น้ำสะอาด 3 กก. มาต้มให้เดือดจนเป็นน้ำเชื่อม เสร็จแล้วตั้งพักไว้ระหว่างนั้นให้เตรียมขวดพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำข้าวโพด โดยนำมาล้างให้สะอาด แล้วนำไปต้มฆ่าเชื้อนานประมาณ 5 นาที ยกลงตั้งทิ้งไว้ให้แห้ง รอทำการบรรจุ นำน้ำข้าวโพดที่ได้ใส่หม้อสะอาดที่เตรียมไว้ แล้วแต่งรสชาติด้วยน้ำเชื่อม, เกลือ ลงไปตามอัตราส่วน โดยน้ำข้าวโพดหม้อเบอร์ 54 การปรุงรสใช้น้ำเชื่อม 4 ถ้วยตวง และเกลือ 3 ช้อนโต๊ะยกขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง ใช้ความร้อนปานกลางต้มประมาณ 5 นาที ห้ามให้อุณหภูมิเกิน 70 องศาฯ เพราะจะทำให้น้ำข้าวโพดแยกตัว ไม่น่ารับประทาน ยกลงกรองด้วยกระชอนหรือผ้าขาวบางอีกครั้ง เพื่อแยกเศษผงที่อาจติดมากับน้ำตาล และให้แป้งข้าวโพดซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตออกไปบ้าง เหลือแค่แคลเซียม
จากนั้นก็ทำการบรรจุลงขวดปิดฝาทันที แล้วทำการน็อกด้วยการนำไปวางในถังหรือกะละมังขนาดใหญ่ที่ใส่ น้ำแข็งไว้ทันที เมื่อความร้อนพบกับความเย็นทันทีจะสามารถฆ่าเชื้อได้ระดับหนึ่ง เป็นวิธีการพาสเจอไรซ์แบบชาวบ้าน !! ผุสดีบอกว่า วิธีนี้สามารถเก็บรักษาน้ำข้าวโพดในอุณหภูมิต่ำคงที่ไว้ได้นาน 7-10 วัน หรือเก็บไว้ในที่เย็นจัดได้นาน 15-20 วัน จะดื่มเย็น ๆ หรือนำไปอุ่นให้ร้อนก่อน ก็มีรสชาติหอมอร่อยไม่แพ้กัน สำหรับสูตรที่ให้มานั้น สามารถบรรจุขวดขนาด 230 ซีซี ได้ประมาณ 120 ขวดราคาขายปลีกขวดละ 10 บาท ขายส่งขวดละ 8 บาท ซึ่งต้นทุนวัตถุดิบรวมค่าขวด-ฝา-สติกเกอร์แล้ว ตกประมาณ 6 บาท ในการทำจะมี กากข้าวโพด ก็สามารถนำไปเลี้ยงสัตว์ หรือนำไปกวนขายได้อีกทอดหนึ่ง
หากผู้อ่านสนใจอยากลองทำอาชีพนี้ คุณผุสดีแนะนำว่า ให้ทดลองทำดูหลาย ๆ ครั้ง รสชาตินั้นต้องให้คนอื่นชิม หากคนดื่ม 1 แก้วแล้วยังอยากดื่มอีก ก็ถือว่าใช้ได้ที่สำคัญอย่าต้มให้น้ำข้าวโพดเลี่ยนจนเกินไป !! ถ้ายังข้องใจในขั้นตอนไหนก็โทรฯสอบถามได้ หรือ
ใครต้องการสั่ง น้ำข้าวโพดหวาน ของคุณ ผุสดี หรืออยากจะสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อไปได้ที่ โทร.0-89844-8203, 0-81264-7408 เธอยินดีบริการ และให้คำแนะนำรู้จักพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสอย่างคุณผุสดี ไม่ว่าใครก็ไม่มีวันจน !!.
เชาวลี ชุมขำ เดลินิวส์
Create Date : 28 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2552 12:08:12 น. |
|
13 comments
|
Counter : 23683 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ชารีย์ IP: 125.24.81.103 วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:11:32:04 น. |
|
|
|
โดย: ก้าง งาดำ IP: 203.172.201.37 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:46:19 น. |
|
|
|
โดย: เจ้สุราษฎร์ IP: 118.173.0.11 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:10:23:39 น. |
|
|
|
โดย: จอย IP: 125.24.182.102 วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:14:34:38 น. |
|
|
|
โดย: นี IP: 125.26.217.163 วันที่: 10 ธันวาคม 2553 เวลา:20:06:02 น. |
|
|
|
โดย: MJ.SOMJAI IP: 110.49.249.148 วันที่: 6 กรกฎาคม 2555 เวลา:19:01:25 น. |
|
|
|
โดย: MJ.SOMJAI IP: 110.49.249.148 วันที่: 6 กรกฎาคม 2555 เวลา:19:34:50 น. |
|
|
|
โดย: นีรนุช IP: 49.49.109.169 วันที่: 28 สิงหาคม 2556 เวลา:12:25:38 น. |
|
|
|
โดย: นีรนุช IP: 49.49.109.169 วันที่: 28 สิงหาคม 2556 เวลา:13:00:15 น. |
|
|
|
โดย: พงศกร IP: 171.98.29.24 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2557 เวลา:1:19:20 น. |
|
|
|
โดย: เนตรนภา IP: 118.172.14.172 วันที่: 26 กันยายน 2558 เวลา:11:16:38 น. |
|
|
|
โดย: สุริยา IP: 1.46.68.71 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:21:09:56 น. |
|
|
|
โดย: อัมรา IP: 101.108.154.213 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:13:16:49 น. |
|
|
|
|
|
|
|