รัฐบาลสเปนเรียกตัวเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เข้าชี้แจงกรณีถูกสื่อในประเทศอ้างข้อมูลลับจากเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน กล่าวหาว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯแอบดักฟังโทรศัพท์ของพลเมืองสเปนกว่า 60 ล้านสาย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ว่า รัฐบาลสเปนเรียกตัวเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงมาดริดเข้าพบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อให้ชี้แจงข้อกล่าวหาที่สื่อในประเทศรายงานว่า หน่วยสอดแนมของสหรัฐฯ ดักฟังโทรศัพท์ของพลเมืองสเปนมากกว่า 60 ล้านสาย ซึ่งหากเป็นจริง ก็อาจเป็นการทำลายความเชื่อถือระหว่างทั้ง 2 ประเทศได้

เมื่อวันจันทร์ (28 ต.ค.) หนังสือพิมพ์ 'เอล มุนโด' ของสเปน รายงานโดยอ้างเอกสารลับที่ได้รับมาจากเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ว่า สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) ของสหรัฐฯ เพิ่งดำเนินการดักฟังการโทรศัพท์ของพลเมืองสเปนกว่า 60.5 ล้านสาย ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2012 ถึง 8 ม.ค. 2013

หลังจากข่าวดังกล่าวผยแพร่ออกมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง นายโฆเซ มานูเอล การ์เซีย-มาร์กัลโญ่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งสเปน ก็กล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศโปแลนด์ที่กรุงวอร์ซอ ว่า เขาได้ติดต่อให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ก่อนการประชุมในช่วงเช้า แต่จนถึงตอนนี้ พวกเขาข้อบงชี้อย่างเป็นทางการว่า สเปนถูกสอดแนมโดยสหรัฐฯ

"เราได้ขอให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯมอบข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด เกี่ยวกับประเด็นนี้แก่รัฐบาลสเปน และหากเรื่องนี้เป็นความจริง ก็อาจทำลายความความไว้เนื้อเชื่อในของทั้งสองประเทศ" รัฐมนตรีต่างประเทศสเปนกล่าว

ในเวลาต่อมา กระทรวงต่างประเทศของสเปนมีแถลงการณ์ภายหลังการประชุมหารือระหว่าง อินญิโก เมนเดซ เด วีโก ผู้แทนของสเปนในสภาสหภาพยุโรป และ เจมส์ คอสตอส เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงมาดริด ว่า รัฐบาลสเปน และร้องขอให้สหรัฐฯมากข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมสอดแนมของเอ็นเอสเอมากกว่านี้ ขณะที่นายคอสตอสระบุว่า สหรัฐฯจะสนทนาหารือกับพันธมิตรของเราอย่างเช่น สเปน ต่อไป

กรณีล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯเพิ่งถูกสื่อเยอรมนีกล่าวหาว่า แอบดักฟังโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี รวมถึงดักฟังโทรศัพท์กว่า 70 ล้านสายในประเทศฝรั่งเศส ทำให้ทั้ง 2 ประเทศเป็นแกนนำในการเรียกร้องให้สหรัฐฯ รวมลงนามในข้อตกลง ห้ามสอดแนม ซึ่งมีการผลักดันในที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป