เด็กทารกชาวอินเดียวัยเพียง 3 เดือน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล หลังเกิดไฟลุกไหม้ตัวเอง ขณะที่แม่เด็กอ้างว่า เกิดเหตุอย่างนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ว่า เด็กทารกชาวอินเดียวัยเพียง 3 เดือน ถูกส่งเข้ารับการรักษาบาดแผลไฟไหม้ระดับ 10 ที่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลในเมือง เชนไน เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังเกิดไฟลุกไหม้ตัวเด็กคนนี้โดยปราศจากแหล่งกำเนิดภายนอก หรือที่เรียกว่า การสันดาปมนุษย์ตามธรรมชาติ (spontaneous human combustion : SHC)
นายแพทย์ อาร์. นารายณ์ บาบู หัวหน้าแผนกกุมารเวชย์ เปิดเผยว่า อาการของเด็กชายราหุลยังคงทรงตัว และกำลังรักษาแผลไฟไหม้ที่ศีรษะและทรวงอก รวมถึงรอยแผลเป็น และคาดว่าอาจสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ภายใน 2 สัปดาห์ โดยขึ้นอยู่กับอาการ ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากแก๊สที่เด็กขับถ่ายออกมาทางผิวหนัง เกิดติดไฟขึ้นมา
ทั้งนี้ นางราชีสวารี มารดาของเด็กชายราหุล เผยต่อสถานีโทรทัศน์ ไอบีเอ็น ว่า ลูกของเธอได้รับบาดเจ็บจากปรากฏการณ์ เอสเอชซี ถึง 4 ครั้ง โดยตั้งแต่อายุได้เพียง 9 วันเท่านั้น และครั้งล่าสุดคือเมื่อเดือนก.ค. แต่คนอื่นๆคิดว่าเธอเป็นผู้ลงมือจุดไฟเผาลูกชาย ขณะที่พ่อของราหุลเล่าว่า อาการของลูกชายทำพวกเขาต้องสูญเสียทุกสิ่ง เนื่องจากถูกคนในชุมชนขับไล่
ขณะเดียวกัน แพทย์ของโรงพยาบาลในเมืองเชนไน ซึ่งกำลังรักษาเด็กชายราหุลอยู่ในขณะนี้ ระบุว่า พวกเขาทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเด็กจากปากของแม่ของเขาเท่านั้น และพวกเขาไม่พบประวัติการรักษาของเด็กคนนี้เลย แต่เด็กต้องได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง และพวกเขากำลังทดสอบว่าแก๊สที่ขับถ่ายออกมาจากตัวเด็ก เป็นแก๊สชนิดใด
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อเรื่องที่มารดาของเด็กชายราหุลเล่า โดยดร. เจ. จาแกน โมฮาน ผู้เชี่ยวชาญด้านแผลไฟไหม้ของโรงพยาบาลเดียวกันนี้ ระบุว่า การสันดาปมนุษย์ตามธรรมชาติ เป็นทฤษฎีลวงโลก การที่เด็กจะติดไฟขึ้นมาเองนั้นเป็นไปไม่ได้ แม้แต่ผู้ติดสุราที่มีแอลกอฮอล์ในเลือดสูง ยังมีโอกาสน้อยมากที่แอลกอฮอล์ที่ผสมของมากับเหงื่อจะทำปฏิกิริยาจนเกิดไฟลุกไหม้