พายุโซนร้อน คาเรน อ่อนกำลังลงขณะเคลื่อนตัวเข้าใกล้พื้นที่ทางใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งต้องสั่งปิดแท่นขุดเจาะน้ำมันส่วนหนึ่งในอ่าวเม็กซิโกเพื่อเตรียมรับมือพายุ...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ว่า พายุโซนร้อน 'คาเรน' อ่อนกำลังลงอีกขณะเคลื่อนตัวเข้าสู่น่าน้ำใกล้ชายฝั่งรัฐลุยเซียนาเมื่อวันเสาร์ หลังจากก่อนหน้านี้ทำให้หลายรัฐของอเมริกาต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และทำให้แท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกต้องหยุดปฏิบัติการ โดยขณะนี้เริ่มมีฝนตกและน้ำท่วมขังในบางพื้นที่แล้วของลุยเซียนาแล้ว
ความเร็วลมของพายุโซนร้อนคาเรน ในวันเสาร์อยู่ที่ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลดลงจาก 80.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในวันศุกร์ และ 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในวันพฤหัสบดี โดยนักพยากรณ์อากาศของศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติ ในเมืองไมอามี ระบุว่า ในสุดสัปดาห์นี้ คาเรน อาจไม่เพิ่มกำลังขึ้นมาอีก ทำให้มันกลายเป็นพายุโซนร้อนที่มีกำลังไม่รุนแรง
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่า คาเรนอาจยกระดับเป็นพายุเฮอร์ริเคน เข้าสู่พื้นที่ทางใต้ของสหรัฐฯ ทำให้ทางการรัฐนิวออลีนส์ต้องสั่งอพยพผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ต่ำเมื่อวันศุกร์ และผู้ว่าการรัฐลุยเซียนา, มิสซิสซิปปี, ฟลอริดา และ แอละแบมา ต่างประกาศเข้าสู่สถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเร่งกระบวนการเตรียมพร้อมรับมือพายุ สำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศเรียกตัวเจ้าหน้าที่บางส่วน ซึ่งถูกพักงานจากวิกฤติชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ให้กลับมาช่วยงานด้วย
นอกจากนี้ ผลกระทบของพายุทำให้กำลังผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ ลดลงครึ่งหนึ่ง ภายหลังฐานขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโกต้องหยุดทำการ และอพยพเจ้าหน้าที่บางส่วนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือพายุคาเรน ทั้งนี้ กำลังผลิดตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯในอ่าวเม็กซิโกคิดเป็น 19% และ 6% ของกำลังผลิตทั้งหมด
ข้อมูลล่าสุดของ ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติ เผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) จุดศูนย์กลางของพายุคาเรนอยู่ในอ่าวเม็กซิโก ห่างจากปากแม่น้ำมิสซิสซิปปีไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 298 กิโลเมตร กำลังเคลื่อนตัวขึ้นเหนือ และอาจเปลี่ยนทิศทางไปทางตะวันออกเฉียงเหนือได้
ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติ คาดการณ์ด้วยว่า พายุคาเรนจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งรัฐลุยเซียนาในช่วงกลางคืนวันเสาร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) ตามด้วยรัฐมิสซิสซิปปีและรัฐแอละแบมาในวันอาทิตย์ อิทธิพลของพายุอาจทำให้เกิดฝนตกหนักปริมาณน้ำฝนราว 15 เซนติเมตรในบางพื้นที่ และก่อให้เกิดคลื่นทะเลหนุนซัดฝั่ง (สตอร์มเซิร์จ) ด้วย