เจพี มอร์แกน วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ตกลงยอมจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขอยอมความคดี ขายหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อจำนองเป็นหลักค้ำประกัน...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ว่า 'เจพี มอร์แกน' วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ตกลงยอมจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4 แสนล้านบาท) แก่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เพื่อขอยอมความคดี ขายหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อจำนองเป็นหลักค้ำประกัน ซึ่งทำให้ระบบธนาคารเกือบล่มสายในปี 2007
จากรายงานของสำนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัล ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ต.ค.) เป็นข้อตกลงเบื้องต้นระหว่างทนายความของเจพี มอร์แกน กับ นาย เอริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และโทนี เวสต์ รัฐมนตรีช่วยฯของนายโฮลเดอร์ โดยในจำนวนเงิน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์นี้ แบ่งเป็นค่าปรับ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนอีก 4 พันล้านดอลลาร์เป็นเงินชดเชยแก่เจ้าของบ้านที่ได้รับผลกระทบ
ขณะเดียวกัน รายงานของสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์สระบุว่า เจพี มอร์แกนใกล้บรรลุข้อตกลงนี้แล้ว แต่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น
ทั้งนี้ โจ ไลนัม ผู้สื่อข่าวธุรกิจของสำนักข่าวบีบีซี เผยว่า การขายหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อจำนองเป็นหลักค้ำประกัน (Mortgage-backed securities: MBS) ถูกสร้างขึ้นมาโดยวาณิชธนกิจหลายแห่ง มันคือตราสารหนี้พิเศษ ที่มีการลงทุนหลายประเภทผสมผสานกัน แต่ที่สำคัญคือมันควรใช้สินเชื่อบ้านปลอดความเสี่ยง ในการค้ำประกัน
แต่เมื่อฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตก หรือที่เรียกว่า 'วิกฤติแฮมเบอร์เดอร์' เมื่อปี 2008 มูลค่าของสินทรัพย์ประเภทนี้กลับตกลงอย่างหนัก ตลาดเครดิตหยุดทำงาน งบดุลของธนาคารในสหรัฐฯและยุโรปหลายแห่งเต็มไปด้วยหนี้เน่า จนต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลของประเทศนั้นๆ และสิ่งที่เจพี มอร์แกนถูกกล่าวหาคือ ขายหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อจำนองเป็นหลักค้ำประกัน ทั้งที่รู้ว่าสินเชื่อเหล่านั้นแท้จริงมีความเสี่ยงสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ค่าปรับที่เจพี มอร์แกน ต้องจ่ายครั้งนี้ ครอบคลุมคดีแพ่งที่มีการยื่นฟ้องทั่วโลกเท่านั้น ทำให้ยังมีความเป็นไปได้ที่วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ จะถูกฟ้องร้องในคดีอาญาเพิ่มเติมอีกในอนาคต.