ข่าวดีจากหนานหนิง ฉลอง10ปีจีน-อาเซียน
ข่าวดีจากหนานหนิง ฉลอง10ปีจีน-อาเซียน
รายงานพิเศษ
ร่วมทริปไปกับ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่นครหนานหนิง มณฑลกว่างซี ช่วงสัปดาห์นี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ สรุปว่าเกิดผลสำเร็จที่โดดเด่น หลังนายกฯ หารือเต็มคณะกับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน
นอกจากนายกฯ หลี่จะชื่นชมไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-จีน และมีความตกลงการค้าเบื้องต้นหลายประการ จีนยังประกาศจะซื้อข้าว จากไทย จำนวน 1 ล้านตัน เพื่อตอกย้ำมิตรสัมพันธ์ที่ไทย-จีนมีมาอย่างยาวนาน และทราบดีว่า ขณะนี้ไทยมีข้าวเยอะ และจีนสนใจที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากไทย เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง และผลไม้
ข่าวดียิ่งเช่นนี้ ทำให้ไทยมอบหมายกระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลโดยตรงในระยะต้นๆ เพื่อรักษาคุณภาพของข้าว เนื่องจากปัจจุบัน ข้าวไทยที่ส่งออกไปจีนนั้นมีแนวโน้มคุณภาพลดลง เพราะถูกผสมข้าวที่ไม่มีคุณภาพในปริมาณมากขึ้น
สำหรับประเด็นยางพาราที่กำลังตึงเครียดในขณะนี้ จากการพูดคุยกับภาคเอกชนของจีนพบว่า อุตสาหกรรมจีนมีความต้องการยางพาราราว 3 ล้านตันต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณที่ไทยผลิตได้ พร้อมกันนี้ จีนยังแสดงความสนใจที่จะมาลงทุนเปิดโรงงานแปรรูปยางพาราในไทย 
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ของไทยพบปะนายกฯ หลี่ของจีน
|
ขณะที่การค้าระหว่างภาคเอกชนไทยและจีน ต่อไปทั้งสองฝ่ายยังเล็งว่าจะหันมาใช้สกุลเงินหยวนโดยตรง ไม่ต้องผ่านดอลลาร์สหรัฐด้วย
ในการประชุมระหว่างสองประเทศ จีนพร้อมรื้อฟื้นการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (เจซี) ด้านเศรษฐกิจการพาณิชย์ซึ่งร้างรามานานกว่า 8 ปี นับจากการประชุมครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2548 ก่อนการรัฐประหาร การรื้อฟื้นครั้งนี้ จะถือเป็นการประชุมครั้งที่ 3 และจะจัดขึ้นเร็วที่สุด
ส่วนการประชุมกลุ่มประเทศ หลังกระทรวงการต่างประเทศริเริ่มการประชุมในกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง แต่จีนไม่สามารถเดินทางมาร่วมประชุมได้ ล่าสุดจีนเห็นด้วยที่จะมาร่วมประชุมหารือกันเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและการเดินเรือตลอดลำน้ำโขง คาดว่าจะประชุมระดับรัฐมนตรี ในต้นปี 2557
ขณะเดียวกัน นายกฯ ยิ่งลักษณ์หยิบยกเรื่องรถไฟความเร็วสูงขึ้น หารือ ซึ่งรัฐบาลจีนแสดงความสนใจที่จะเชื่อมโยงเส้นทางจากจีนผ่านสปป.ลาวมายังไทย ฝ่ายไทยเสนอว่า อาจขอชำระค่าใช้จ่ายเป็นสินค้าเกษตรแทนด้วย 
นายสุรพงษ์ร่วมแถลงข่าวกับนายหวังอี้ รมว.ต่างประเทศจีน
|
อีกข่าวดีเรื่องการเดินทางไปมาหาสู่กัน นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวแถมไว้ในเรื่องการงดเว้น "การตรวจลงตรา" หรือวีซ่า ว่าจะพิจารณาไทยเป็นประเทศแรก เนื่องจากปัจจุบันมีชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
นายกฯ หลี่ ยังเชิญชวนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ให้เดินทางมาเยือน จีนอีกในต้นปี 2557 ส่วนนายกฯ หลี่จะเดินทางมาเยือนไทยด้วย คาดว่าจะเป็นเดือนต.ค. ปีนี้
ทริปนี้ นายกฯ ยังกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงานมหกรรม "ไชน่า-อาเซียน เอ็กซ์โป" ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและอาเซียน ขณะที่ นายกฯ หลี่ประกาศให้ช่วงสิบปีนี้เป็นทศวรรษเพชร ระหว่างจีน-อาเซียน ต่อเนื่องจากทศวรรษทอง โดยตั้งเป้าขยายการค้าระหว่างจีน-อาเซียนที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีค.ศ.2020 หรือ พ.ศ.2563
แต่ในงานดังกล่าว ประธานาธิบดีเบนิกโน อะคีโน ผู้นำฟิลิปปินส์ ยกเลิกหมายมาร่วมงาน เพราะเกิดข้อพิพาทกับจีน จากปัญหายืดเยื้อเรื่อง "ทะเลจีนใต้"
นายสุรพงษ์อธิบายว่า ต้องเข้าใจว่าสถานการณ์มีความขัดแย้ง ทั้งสองประเทศจึงต้องพูดคุยกัน โดยทางฟิลิปปินส์ได้นำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องร้องต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ของสหประชาชาติ แต่จีนประกาศว่าไม่ยอมรับกลไกดังกล่าว เพราะไม่ต้องการให้มีบุคคลที่สามเข้ามายุ่งเกี่ยว ทั้งไม่ต้องการให้กระทบต่อความสัมพันธ์กับอาเซียน จึงต้องการให้แก้ไขกันภายใน ซึ่งขณะนี้ "การจัดทำแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้" (ซีโอซี) เริ่มดำเนินไปได้ด้วยดี
ส่งท้าย รมว.ต่างประเทศฝากถึงการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ด้วยว่า สังคมไทยมักไปให้ความสำคัญกับการค้ามากเกินไปจนเรียกกันติดปากแต่ว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จึงเหมือนกับอีก 2 เสาหายไป นั่นคือ เสาการเมืองและความมั่นคง (เอพีเอสซี) และเสาวัฒนธรรม (เอเอสซีซี)
ที่ถูกต้องเรียกว่า "ประชาคมอาเซียน" !
| Create Date : 07 กันยายน 2556 |
| Last Update : 7 กันยายน 2556 18:23:01 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1068 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [