"ดร.มหาเธร์"เจาะ"เออีซี" จุดอ่อนและแนวทางแก้ปัญหา
"ดร.มหาเธร์"เจาะ"เออีซี" จุดอ่อนและแนวทางแก้ปัญหา
รายงานพิเศษ
การก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 นั้นเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงของประเทศสมาชิก ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียให้มุมมองที่น่าสนใจระหว่างการสัมมนาการประเมินความพร้อมในการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่โรงแรมดุสิตธานี เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ว่า การก้าวสู่เออีซีทั้งที่ยังไม่พร้อมนั้นอาจทำให้ประเทศสมาชิกบางประเทศต้องเผชิญสภาพปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเช่นที่ประเทศในสหภาพยุโรปเผชิญอยู่ก็เป็นได้
ตัวอย่างของสหภาพยุโรปที่เห็นกันอยู่นั้นชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของการใช้เงินตราสกุลเดียวกันในภูมิภาค ในขณะที่ระดับการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของแต่ละประเทศยังไม่พร้อม ซึ่งส่งผลให้ประเทศที่ยากจนในภูมิภาคต้องตกอยู่ในสภาพเป็นหนี้ เพื่อแบกรับรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะตลาดบิดเบือนในช่วงที่เปลี่ยนมาใช้เงินยูโร
ที่เห็นได้ชัดคือประเทศสเปน พอเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโรแล้วประเทศกลับสูญเสียศักยภาพในการแข่งขัน โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันที่ประเทศพยายามหันไปลงทุนด้านอุตสาหกรรมก็ไม่สามารถตีตลาดสินค้าที่ได้มาตรฐานมากกว่าจากประเทศอุตสาห กรรมก้าวหน้าในยุโรปตะวันตก
เหตุการณ์นี้นำไปสู่การกู้ยืมเงินจำนวนมากของรัฐบาลสเปน เพื่อไปใช้จ่ายค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ประเทศสร้างรายได้ได้น้อยลงจนตกอยู่ในสภาวะหาทางออกไม่เจออย่างในปัจจุบัน
มหาเธร์เสนอว่าหากอาเซียนจะเป็นเออีซีและใช้สกุลเงินร่วมกันจริง ก็ควรสร้างสกุลเงินขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นตัวกลางในการค้าขายระหว่างกันในภูมิภาค และให้อิงกับทองเป็นหลัก ไม่ใช่กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเหมือนเดิม
ผลจากการเข้าสู่ยุคเออีซีในอนาคตจะนำไปสู่การเปิดเสรีทางการค้า ส่งผลให้เกิดการแข่งขันระหว่างกันในภูมิภาค
แต่หากไม่มีการออกกฎระเบียบที่ชัดเจนดร.มหาเธร์เห็นว่าอาจทำให้ชาติอาเซียนแข่งขันกันเองจนเสียประโยชน์ได้ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยและมาเลเซีย
อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทจากนอกภูมิภาค มีสัดส่วนการผลิตในไทย 40% ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมรถยนต์ของมาเลเซียซึ่งเป็นอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ และผลิตในมาเลเซียถึง 90%
ในช่วงที่ยังไม่เป็นเออีซี อุตสาห กรรมรถยนต์ของมาเลเซียยังแข่งขันกับรถยนต์จากไทยได้ เนื่องจากเมื่อรวมอัตราภาษีแล้วราคาที่ต่างกันยังพอเอื้อประโยชน์ให้รถยนต์ของมาเลเซียสามารถแข่งขันได้บ้าง แต่เมื่อเป็นเออีซีแล้วรถยนต์จาก 2 ยี่ห้อนี้ต่างก็ได้รับการละเว้นภาษี เนื่องจากถือว่าเป็นสินค้าในภูมิภาค ซึ่งวัดจากอัตราการผลิตในประเทศที่ 40%
ดร.มหาเธร์ชี้ว่า หากมีการเปิดเสรีการค้า และลดอัตราการเก็บภาษีนำเข้าระหว่างกัน รถยนต์ของมาเลเซียจะเสียเปรียบรถยนต์จากนอกภูมิภาคที่ผลิตในไทย เนื่องจากมีต้นทุนในการทำวิจัยและพัฒนามากกว่ารถยนต์ของมาเลเซีย
สำหรับการแก้ปัญหานี้ ดร.มหาเธร์เสนอว่า อาเซียนต้องให้สิทธิแก่บางประเทศในการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศแก่ชาติสมาชิกด้วย เนื่องจากการสูญเสียศักยภาพ ในการแข่งขันในอุตสาหกรรมหลักของประเทศนั้น อาจยิ่งทำให้ความสามารถในการแข่ง ขันของอุตสาหกรรมนั้นๆ ในภาพรวมลดลงได้ เนื่องจากไม่มีทุนในการทำวิจัยต่อ และจะทำให้การเปิดการค้าเสรีไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่ประเทศอย่างแท้จริง แต่กลับเป็นโทษในระยะยาวด้วย
ขณะที่การพัฒนาเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการรวมตัวกัน แต่ ณ เวลานี้บ่งบอกว่าอาเซียนยังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่การเป็นเออีซี
อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียให้แง่คิดว่า ในปี 2558 บางประเทศอาจประสบปัญหาในการเข้าร่วมเป็นเออีซี ประเทศที่มีความพร้อมมากกว่าควรที่จะต้องให้ความช่วยเหลือประเทศยากจนในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยให้สิทธิอุดหนุนทางด้านเศรษฐกิจ เพิ่มการลงทุน เพื่อเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้นให้ทัดเทียมกันในภูมิภาค
หากดูตัวอย่างของยุโรป ประเทศตุรกีแม้ไม่ได้ร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่พัฒนาความสามารถในการแข่งขันจนเป็นคู่ค้าและเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีความสำคัญในภูมิภาคยุโรปและตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องพึ่งการเป็นประชาคมเศรษฐกิจกับอียูเลย
Create Date : 21 กันยายน 2556 |
Last Update : 21 กันยายน 2556 3:11:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1245 Pageviews. |
|
|
|
|
|