หลังประสบอุบัติเหตุหิมะถล่มขณะทรงสกีที่ประเทศออสเตรีย เมื่อเดือนก.พ. ปี 2012 และตกอยู่ในอาการโคม่ามาตลอดเวลาปีครึ่ง เจ้าชายโยฮัน ฟริโซ แห่งเนเธอร์แลนด์ พระอนุชาองค์รองของ สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเล็ม-อเล็กซานเดอร์ ได้สิ้นพระชนม์ลงแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ขณะพระชนมายุ 44 พรรษา ด้วยอาการแทรกซ้อนอันเนื่องมาจากการขาดออกซิเจนเลี้ยงสมอง
สำนักพระราชวังเนเธอร์แลนด์ออกแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเล็ม-อเล็กซานเดอร์ พร้อมครอบครัว ได้เสด็จฯกลับจากการประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถที่ประเทศกรีซทันทีที่ทรงทราบข่าวร้าย โดยพระองค์ทรงโทมนัสอย่างสุดซึ้งที่จะประกาศว่า เมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าชายโยฮัน ฟริโซ พระอนุชาของพระองค์ ได้สิ้นพระชนม์ลงแล้ว ณ พระราชวังอุยส์ เตน บอสช์ ในกรุงเฮก ขณะทรงมีพระชนมายุ 44 พรรษา โดยแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า เจ้าชายฟริโซ สิ้นพระชนม์จากอาการแทรกซ้อน อันเนื่องมาจากการขาดออกซิเจนระหว่างที่ทรงประสบอุบัติเหตุหิมะถล่มขณะทรงสกี ที่ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ปีที่แล้ว โดยทรงถูกฝังอยู่ใต้หิมะเป็นเวลานานถึง 20 นาที กว่าจะได้รับการช่วยเหลือ ส่งผลให้พระมัตถลุงค์ หรือสมอง ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แม้จะทรงมีสติอยู่บ้างแต่ก็น้อยมาก และพระอาการไม่ดีขึ้น หลังจากที่ทรงรับการรักษามานานปีครึ่ง
ทั้งนี้ เจ้าชายฟริโซ ทรงประสบอุบัติเหตุหิมะถล่มขณะทรงสกีกับพระสหาย โดยทีมแพทย์พยายามกู้ชีพพระองค์จากอาการพระทัยล้มเหลว โดยใช้เวลาเกือบ 50 นาที กระนั้น เนื่องจากกินระยะเวลานานเกินไป จึงส่งผลให้พระมัตถลุงค์ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ต่อมาได้มีการนำตัวพระองค์เข้ารับการถวายการรักษา ที่โรงพยาบาลเวลลิงตัน ในกรุงลอนดอน ซึ่งมีทีมผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบประสาท กระทั่งเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ทีมแพทย์ได้อนุญาตให้พระองค์เสด็จออกจากโรงพยาบาลกลับวังในกรุงเฮก โดยมีทีมแพทย์เดินทางตามไปถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดด้วย
รายงานระบุว่า เจ้าชายทรงสกีออกนอกเส้นทางในช่วงที่มีหิมะถล่ม แต่ทรงสวมหมวกเล่นสกี และติดอุปกรณ์ส่งเสียงเตือนเวลาติดอยู่ใต้หิมะ
ทำให้หน่วยกู้ภัยสามารถตามหาได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่พระสหายมีอุปกรณ์แอร์แบ็ก ที่ช่วยให้พระองค์ปลอดภัยจากการถล่มทับของหิมะ กระนั้น นอกจากพระองค์แล้ว กลับไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุครั้งนี้
สำหรับพระประวัติของเจ้าชายโยฮัน ฟริโซ แห่งราชวงศ์ออเรนจ์นัสเซา ประสูติเมื่อวันที่ 25 ก.ย.1968 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่สอง จากพระราชโอรสสามพระองค์ ของ สมเด็จพระบรมราชินีเบียทริกซ์ อดีตพระประมุขแห่งเนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ก็ทรงเรียนหนังสือเก่งกว่าพระเชษฐาและพระอนุชา ทรงสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมเครื่องกล จากมหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ แคลิฟอร์เนีย จากนั้น ร่ำเรียนต่อด้านวิศวกรรมการบินและอวกาศที่เดลฟ์ท ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ เทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังคว้าปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ มาประดับอีกใบ ในฐานะที่ทรงเป็นรัชทายาทอันดับสอง รองจากพระเชษฐา เจ้าฟ้าชายวิลเล็ม-อเล็กซานเดอร์ จึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะต้องเตรียมพระองค์ให้พร้อมสำหรับการสืบราชบัลลังก์ในอนาคต โดยเจ้าชายทรงศึกษากฎหมายเนเธอร์แลนด์ และประวัติศาสตร์รัฐสภาอย่างจริงจัง เนื่องจากสถาบันกษัตริย์เนเธอร์แลนด์มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับการเมืองของประเทศมาตลอด
อย่างไรก็ดี เพื่อลบคำครหาที่ร่ำลือหนักว่า พระองค์เป็นเกย์!! เจ้าชายฟริโซ ทรงประกาศว่าจะเสกสมรสกับหญิงสามัญชนแสนสวย มาเบล วิสเซ สมิท เมื่อกลางปี 2003 หลังคบหากันได้ไม่นาน กระนั้น ตามกฎมณเฑียรบาลของเนเธอร์แลนด์ การเสกสมรสขององค์รัชทายาทจะต้องได้รับการยินยอมจากรัฐสภา งานนี้ เหล่าสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติยืนกรานคัดค้านการลั่นระฆังวิวาห์ดังกล่าวชนิดหัวชนฝา โดยอ้างว่า ฝ่ายหญิงมีประวัติด่างพร้อย เนื่องจากเคยมีสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็นเด็กในคาถาของเจ้าพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่เนเธอร์แลนด์
กระนั้น ด้วยความที่รักจริงหวังแต่ง เจ้าชายฟริโซ จึงตัดสินพระทัยเด็ดขาด ยอมสละฐานันดรศักดิ์การเป็นรัชทายาทอันดับสอง เพื่อเปิดทางให้ได้เสกสมรสอยู่กินกับสตรีที่รักยิ่ง หลังการเสกสมรสเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2004 สมาชิกใหม่ของราชวงศ์ดัตช์ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าหญิงมาเบล ขณะที่ เจ้าชายฟริโซ คงเหลือไว้แต่พระอิสริยยศเจ้าชาย ทั้งคู่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในชานเมืองกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยมีพระธิดาด้วยกันสองพระองค์ คือ เคาน์เตสเอ็มม่า ลูน่า พระชนม์ 8 ชันษา และเคาน์เตส โจนน่า ซาเรีย พระชนม์ 7 ชันษา
สำหรับเชื้อพระวงศ์ยุโรป การทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ยอมรับได้ ขอเพียงไม่ใช้ตำแหน่งความเป็นเจ้า มาหาประโยชน์ใส่กระเป๋า เจ้าชายฟริโซ ทรงทำงานหนักมาตลอดพระชนม์ชีพ โดยเริ่มจากการเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการระหว่างประเทศของบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารระดับโลก แมคคินซีย์ สาขาอัมสเตอร์ดัม จากนั้นก็นำวิชาความรู้ด้านเอ็มบีเอที่ร่ำเรียนมาเพิ่มเติม เพื่อรับตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ โกลด์แมน แซคส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำกรุงลอนดอน ระหว่างปี 1998-2003 กระทั่งปี 2006 ถึงปัจจุบัน ก่อนเกิดอุบัติเหตุ เจ้าชายทรงรั้งตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทที่ปรึกษาและการลงทุนส่วนบุคคลชื่อดัง วูลฟ์เฟนสัน แอนด์ คอมปานี ในกรุงลอนดอน พร้อมควบตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารการเงินของ URENCO บริษัทค้นคว้าและวิจัยพลังงานจากแร่ยูเรเนียม
เช่นเดียวกับพระราชวงศ์อื่นๆของออเรนจ์-นัสเซา เจ้าชายฟริโซ ทรงเป็นนักกีฬาตัวยง โปรดกีฬาหลายประเภท รวมถึงการเล่น สกี สมัยหนุ่มๆทรงได้รับการขนานนามให้เป็น เจ้าชายผู้หลักแหลม เพราะทรงฉลาดลุ่มลึก และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว เจ้าชายทรงได้รับความไว้วางพระทัยจากพระราชมารดา และพระเชษฐา ให้ทรงดูแลบริหารเงินทอง และการลงทุนของครอบครัว
กระนั้น แม้ว่าจะทรงเอาถ่านกว่าพระเชษฐา พระองค์กลับ ทรงเลือกใช้ชีวิตโลว์โพรไฟล์มาตลอดพระชนม์ชีพ ไม่เคยทรงทะเยอทะยานใฝ่ฝันอยากแย่งชิงราชบัลลังก์ ทรงเป็นเจ้าชายที่ไม่เคยปรารถนาจะเป็นกษัตริย์ เพราะการเป็นพ่อที่ดีของลูก...สามีที่รักของภรรยา...หัวหน้าครอบครัวที่อบอุ่น ก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิต!!