รัสเซียอ้างว่า อดีตประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิชของยูเครน เป็นผู้ขอให้ส่งกองทัพแทรกแซงสถานการณ์ในยูเครน ขณะที่กองทัพยูเครนในไครเมียเผย ถูกทหารรัสเซียขีดเส้นตายให้ยอมแพ้ภายในช่วงสายวันนี้...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ว่า วิตาลี เชอร์คิน ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เผยในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า วิคเตอร์ ยานูโควิช ประธานาธิบดียูเครนผู้ถูกโค่นล้ม เป็นผู้ขอให้รัสเซียส่งทหารเข้าไปในยูเครน เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยและบังคับใช้กฎหมาย
ในแถลงการณ์ของนายยานูโควิช ซึ่งนายเชอร์คินเป็นผู้อ่านเมื่อวันจันทร์ระบุว่า คำขอให้รัสเซียส่งทหาร เกิดขึ้นเพราะนายยานูโควิชเชื่อว่า รัสเซียกำลังอยู่บนปากเหวของการเกิดสงครามกลางเมือง ชีวิต, ความปลอดภัยและสิทธิของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไครเมีย กำลังถูกคุกคาม รวมถึงมีการก่อความรุนแรงอย่างเปิดเผย นายเชอร์คินระบุด้วยว่า รัสเซียมองว่านายยานูโควิชเป็นผู้นำที่ถูกต้องตามกฎหมายของยูเครน ไม่ใช่รักษาการประธานาธิบดี โอเลกซานเดอร์ ตูร์ชีนอฟ
อย่างไรก็ตาม ทูตสหประชาชาติจากประเทศตะวันตก ไม่ยอมรับข้ออ้างของรัสเซีย และยังคงกล่าวหารัสเซียว่ากำลังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยทูตสหรัฐฯ ซาแมนธา พาวเวอร์ กล่าวว่า รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อการข่มขู่คุกคาม ขณะที่นายมาร์ค ลีออล แกรนต์ ปฏิเสธรับเรื่องที่ว่า มีการก่อการร้ายและภัยคุกคามต่อชนกลุ่มน้อยชาวรัสเซียในยูเครน และชี้ว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างความชอบธรรมในการใช้กำลังทหารของรัสเซียเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังหามาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจและทางการทูตเพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย
อีกด้านหนึ่ง พลเรือตรี จอห์น เคอร์บี โฆษกของ 'เพนตากอน' กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่า สหรัฐฯได้ระงับปฏิบัติการความร่วมมือทางทหารทั้งหมดกับรัสเซียแล้ว ซึ่งรวมถึงการฝึกซ้อมทางทหาร, การประชุมระดับทวิภาคี, การเยี่ยมเยียนท่าเรือและการประชุมวางแผนทางทหาร จากการที่รัสเซียส่งทหารเข้าแทรกแซงยูเครน และสหรัฐฯ จะติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด
แต่นายเคอร์บีย้ำว่า สหรัฐฯ จะไม่เปลี่ยนแปลงกองทัพในทะเลดำ, ยุโรป หรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กองทัพเรือสหรัฐฯ จากปฏิบัติการในพื้นที่เหล่านี้ตามแผนเดิมที่วางเอาไว้
ทั้งนี้ สาธารณรัฐปกครองตนเอง ไครเมีย รวมถึงหลายเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศยูเครน กำลังเผชิญกับความไร้เสถียรภาพตั้งแต่การถอดถอนประธานาธิบดียานูโควิชออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 ก.พ. โดยในวันจันทร์ กลุ่มผู้ประท้วงชาวยูเครนฝักฝ่ายรัสเซียพยายามจะบุกรุกเข้าไปในอาคารรัฐบาลท้องถิ่นในเมืองโดเนตสค์ และเมืองโอเดสซา
ขณะเดียวกัน ทหารรัสเซียและกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแต่สนับสนุนรัสเซีย ยังคงปิดล้อมค่ายทหารยูเครนหลายจุดในคาบสมุทรไครเมียเอาไว้ โดยนายยูรีย์ เซอร์เกเยฟ ทูตยูเครนประจำสหประชาชาติ ระบุว่า รัสเซียส่งกองทัพเข้าไปในคาบสมุทรดังกล่าวมากกว่า 16,000 นายแล้ว
จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ของยูเครนในศูนย์บัญชาการกองทัพเรือในเมือง ซีวาสโตโปล ในสาธารณรัฐปกครองตนเอง ไครเมีย กองทัพของรัสเซียได้ปิดล้อมค่ายทหารหลายจุดในไครเมียเอาไว้ และยื่นคำขาดให้กองทัพเรือยูเครนยอมแพ้ โดยขีดเส้นตายถึงเวลา 10:00 น. วันอังคาร (ตามเวลาไทย) มิเช่นนั้นจะต้องเผชิญกับการจู่โจมเต็มอัตรา
ทหารระดับผู้บัญชาการของยูเครนคนหนึ่ง ยืนยันต่อสำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ว่า ถูกทหารรัสเซียยื่นคำขาดให้วางอาวุธจริง และมีการใช้เรือลาดตระเวนบริเวณอ่าวคูรินายา และสเตรเลตสกายาด้วย อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาแหล่งข่าวในรัสเซียออกมาปฏิเสธเรื่องการขีดเส้นตายว่าไม่เป็นความจริง