ฟิตช์ เรตติง สถานบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดังของสหรัฐฯ เผย ความไม่สงบทางการเมืองของไทยในตอนนี้ยังไม่กระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาล แต่ก็ไม่ตัดความเป็นไปได้ และเชื่อว่าเหตุการณ์จะสงบก่อน 5 ธ.ค.นี้...
'ฟิตช์ เรตติง' สถานบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ระบุในบทความบนเว็บไซต์ขององค์กรว่า ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองของไทย กลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเคลื่อนไหวยึดกระทรวงต่างๆในช่วงที่ผ่านมา แต่ความไม่สงบทั้งในและนอกกรุงเทพมหานคร กลายภาพพจน์ทางการเมือของไทยที่ดำเนินต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2006 ไปแล้ว โดยไม่มีอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงของพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการเงิน
ฟิตช์ระบุว่า ระดับความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นหนึ่งในปัจจัยในการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งปัญหานี้อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อการเติบโตและความเชื่อมั่นของนักลงทุน และนำไปสู่การลดความน่าเชื่อถือของไทย แต่ฟิตช์มองว่าเรื่องนี้จะยังไม่เกิดขึ้น
พื้นฐานการเติบโตของไทยยังสามารถต้านทานสถานการณ์ทางการเมืองและเหตุไม่คาดฝันเช่นเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2011 ได้ดี การเติบโตของอัตราเศรษฐกิจมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) แบบปีต่อปีตั้งแต่ปี 2008-2012 อยู่ที่ราว 3% ซึ่งเหนือกว่าค่าเฉลี่ย 2.6% ของประเทศที่ถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ BBB ชาติอื่น ขณะที่พื้นฐานทางการเงินก็ยังคงสามารถยืดหยุ่นได้ดี และความไม่สงบทางการเมืองก่อนหน้านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการไหลออกของเงินทุน และไม่เพิ่มปริมาณหนี้ของรัฐบาลมากนัก
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีโอกาสที่ความน่าเชื่อถือของไทยจะถูกปรับลดลง ฟิตช์เชื่อว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยจะหน่วงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานให้ช้าลง และจำกัดการเติบโตของไทย ยิ่งกว่านั้น ความไม่สงบของการเมืองไทยยังส่งผลกระทบต่อความกล้าของนักลงทุน ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯก็ใกล้จะชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ท่ามกลางปริมาณการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มสูงขึ้น
เมื่อรวมความต้องการทางการเงิน ท่ามกลางความไม่สงบทางการเมืองและ การชะลอมาตรการคิวอีกของธนาคารกลางสหรัฐฯเข้าด้วยกัน ก็อาจส่งผลกระทบต่อระดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แต่ฟิตช์คาดว่า ความไม่สงบทางการเมืองของไทยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จะจบลงก่อนวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ