ตำรวจไล่ล่ารถยนต์วิ่งฝ่าด่านจนเข้าใกล้เขตอาคารัฐสภาสหรัฐฯ ก่อนเจ้าหน้าที่เปิดฉากยิงสกัด ส่งผลให้เกิดความโกลาหลในตึกสภา การประชุมสภานิติบัญญัติต้องหยุดชะงักทันที...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งประจำการอยู่ใกล้กับอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เปิดฉากยิงรถยนต์คนหนึ่งที่กำลังขับหนีการไล่ล่าของตำรวจ โดยกระสุนไปถูกคนขับรถซึ่งเป็นผู้หญิง และมีรายงานว่าภายในรถยนต์คันนี้มีเด็กนั่งมาด้วย 1 คน แต่เด็กไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ขณะที่อาคารรัฐสภาและอาคารสำนักงานข้างเคียงถูกเจ้าหน้าที่ปิดทางเข้าออกชั่วคราว

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างแหล่งข่าวในหน่วยข่าวกรองว่า การไล่ล่าเกิดขึ้นเมื่อหญิงรายนี้ขับรถยนต์ประเภทซีดาน สีดำ มีปากเสียงอย่างรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ตั้งด่านปิดเส้นทางจากทำเนียบขาว และเมื่อมีรถตำรวจคันอื่นตามมาสมทบ หญิงคนนี้ก็ขับรถฝ่าด้านไป ทำให้เกิดการขับรถไล่ล่าขนานใหญ่

ในเวลาต่อมา รถของหญิงคนนี้ขับเข้าใกล้เขตอาคารรัฐสภา ที่อยู่ห่างจากด่านตรวจราว 1 ไมล์ ก่อนจะต้องหยุดลงเนื่องจากถูกรถตำรวจหลายคันปิดกั้นเส้นทาง ณ จุดนี้ แฟรงค์ ชวิง ผู้เห็นเหตุการณ์ชาวกรุงวอชิงตันดีซี เผยต่อซีเอ็นเอ็นว่า ตำรวจลงมาจากรถพร้อมอาวุธปืนในมือ และพยายามจะเปิดประตูรถด้านที่นั่งผู้โดยสาร ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ หญิงคนนี้เคลื่อนรถถอยหลังอย่างเร็วจนชนเข้ากับรถตำรวจ ก่อนจะกลับรถ 180 องศาและขับหนีไป เจ้าหน้าที่จึงพยายามใช้ปืนพกยิงสกัดประมาณ 6-7 นัด

หลังจากเจ้าหน้าที่ยิงสกัด รถสีดำคันนี้ก็พุ่งชนแบร์ริเออร์รักษาความปลอดภัยใกล้อาคารรัฐสภา และการไล่ล่าครั้งนี้ก็จบลง โดยแหล่งข่าวหลายคนยืนยันกับซีเอ็นเอ็นว่า ไม่มีการใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้จากรถคันที่หลบหนี และไม่พบอาวุธใดในรถคันนี้ด้วย ขณะที่มีผู้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 2 คน เป็นตำรวจ 1 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่คิดว่านี่เป็นการก่อการร้าย

ทั้งนี้ ที่อาคารรัฐสภา สถานการณ์ค่อนข้างวุ่นวายสับสน รถถูกส่งมาประจำการเต็มไปหมด ขณะที่ตำรวจประกาศให้เจ้าหน้าที่ทุกคนไปยังสถานที่หลบภัยภายในอาคาร และขอให้ปิดล็อกทางเข้าออก และอยู่ให้ห่างจากประตูหรือหน้าต่างที่สามารถไปสู่ข้างนอกตัวอาคารได้ คำสั่งนี้ทำให้การประชุมของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต้องหยุดชะงักทันที

ในเวลาต่อมา นายเบลค ฟาเรนต์โฮลด์ ส.ส.สังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐเทกซัส กล่าวว่า การเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในเวลาเช่นนี้ ค่อนข้างเป็นเรื่องน่ากลัว เพราะจำนวนเจ้าหน้าที่ในรัฐสภาอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ เนื่องจากรัฐบาลชัตดาวน์.