รัตนมณีแห่งดวงดาว : บทที่ 5
เวลานี้ซีเซลกับเฮเดรสต้องเผชิญศึกหนัก ฝ่ายโดเรียสเองก็ยังทรงตัวไม่มั่นคง แต่ดวงตากระด้างจ้องไปทางองค์จักรพรรดิ กัดกรามจนนูนเป็นสัน มือยกขึ้นเหนือศีรษะ บังเกิดวงแหวนสว่างไสวคล้ายกงจักรหมุนแรงเร็ว โดยมีฝ่ามือเป็นแกนกลาง เสียงเหมือนพายุลูกใหญ่จากที่ไกลแสนไกลเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาทุกขณะ หมู่เมฆดำทะมึนผุดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แผ่คลุมม่านฟ้าบดบังแสงสว่างไว้หมดสิ้น วงแหวนพิฆาต ที่บังเกิดจากความเกรี้ยวกราดของโดเรียสขยายเส้นผ่าบนศูนย์กลางออกเรื่อย ๆ เวลาเดียวกัน พื้นพิภพมืดสลัว สิ่งที่มองเห็นเป็นเพียงเงาตะคุ่ม ๆ ส่งให้ความโกลาหลทวีขึ้นอีกเท่าตัว ลมกรรโชกแรงปะทะพลับพลาทอง ข้าวของปลิวกระจัดกระจาย ฝุ่นผงคลุ้งตลบ ผู้คนพยายามหาที่ยึดเกาะกำบัง เพราะตระหนักดีว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่กำลังก่อตัวและต้องปะทุขึ้นเป็นแน่แท้ องค์จักรพรรดิยังประทับนิ่งบนบัลลังก์ ประหนึ่งมิได้หวาดหวั่นกับเหตุการณ์เบื้องหน้า ราวกับกำลังท้าทายว่า คนเจ็บเจียนตายอย่างโดเรียสจะมีปัญญาตอบโต้อะไรกลับมาได้บ้าง ลูซิเฟอร์ใช้ตนเองเข้าปกป้องนางอันเป็นที่รัก รวมทั้งเจ้าหญิงน้อยเอริเซียร์ เวลาไล่เลี่ยกัน มิคาเอลก็รั้งร่างบางของเปอร์ซิโฟเน่เข้าสู่อ้อมแขน เมื่อโดเรียสสะบัดมือ กงจักรเพลิงพลันพุ่งปราดไปทางพลับพลา จุดหมายคือจักรพรรดิบนบัลลังก์ทอง และทันที่ที่เข้าปะทะ อสุนีบาตจากฟากฟ้าฟาดกระหน่ำลงกลางท้องพระโรง เกิดประกายเงินจับขอบฟ้า ตามด้วยเสียงฟ้าคำรนกึกก้อง เสียงระเบิดสะเทือนลั่นตามมาอีกหน กลบเสียงผู้คนหวีดร้องลนลาน เสาต้นใหญ่ขนาดสามคนโอบถูกระเบิดกระจุย ตัวตึกสั่นสะเทือนรุนแรง หลังคาที่เสียสมดุลค่อย ๆ เอนลงข้างหนึ่งก่อนจะถล่มลง กลืนผู้คนซึ่งออกกันอยู่เบื้องล่างหายวับไปในพริบตา ทางฝ่ายซีเซลกับเฮเดรสก็ต่อสู้กับกลุ่มองครักษ์นับร้อยอย่างไม่ลดละ แม้ทั้งคู่จะจัดการกับศัตรูได้มากมาย แต่ก็บาดเจ็บสาหัส เลือดโซมไปทั้งกาย ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามมองหาเจ้าชายของตน โดเรียสยืนโซเซและกำลังจะล้มลง ดีที่ยันมือไว้กับเข่าเสียก่อน จึงยังทรงกายอยู่ได้แม้แทบไม่เหลือกำลัง จักรพรรดิเมฟาตีสเริ่มเคลื่อนไหว จะต้องตอบโต้อะไรกลับมาเป็นแน่...ซีเซล เฮเดรสตระหนักเช่นนั้น...อีกเพียงไม่กี่อึดใจต่อมา ประกายเงินพุ่งทะลุซากปรักหักพัง หลังคาพลับพลาที่ทรุดลงเอครู่ระเบิดกระจุยเป็นเศษเล็กเศษน้อย มองเห็นสภาพด้านในได้ชัดเจน ผู้คนล้มตายนับไม่ถ้วน เลือดแดงฉานละเลงเปรอะไปทั่ว กลิ่นคาวคลุ้งตลบท่ามกลางควันไฟซึ่งปกคลุมทึบทึม ชิ้นเนื้อและชิ้นส่วนแขนขาที่เพิ่มหลุดออกจากร่างยังกระตุก ก่อนจะค่อย ๆ หยุดนิ่งกลาดเกลื่อนทั่วบริเวณ เสียงร้องโอดโอยอย่างน่าเวทนา กระตุ้นให้โดเรียสกระหายเลือดยิ่งกว่าเดิม...เค้าความพินาศครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น จะมากไปแล้วนะ ! มิคาเอลกระโจนเข้าปะทะร่างโซเซของโดเรียสทันที การต่อสู้เริ่มขึ้นและดำเนินไปท่ามกลางความอกสั่นขวัญแขวน เสียงระเบิด แรงปะทะสะเทือนลั่นอีกหลายระลอก และมีเค้าว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ หยุดนะโดเรียส...พี่บอกให้เจ้าหยุด ! ลูซิเฟอร์ตะเบ็งเสียงห้ามทำให้โดเรียสเสียสมาธิ เบือนนห้าไปตามเสียงเรียก อย่าอยู่เลย ! มิคาเอลกระโจนเข้าใส่อีกครั้งหมายปลิดชีพ เสียงระเบิดพร้อมกับสำแสงหลากสีเกิดขึ้น ตามด้าวยกลุ่มควันสีขาวที่เปลี่ยนเป็นสีดำแผ่คลุมทั่วบริเวณจนมองไม่เห็นร่างของทั้งสอง มีเพียงเสียงปะทะกันจากการต่อสู้ดังออกมาเป็นระยะ เวลาเลยไปอีกพักใหญ่ ทุกอย่างจึงกลับสู่ความสงัดอีกครั้ง เมื่อกลุ่มควันเริ่มจางลง สายตาทุกคู่ก็ต้องเบิกกว้าง มิคาเอล ! ลูซิเฟอร์กำลังเผชิญกับความเย็นที่เกาะกุมขั้วหัวใจ มิคาเอลซึ่งเขายังพ่ายแพ้ บัดนี้นอนจมกองเลือดไม่เหลือสติ พ่ายแพ้แก่โดเรียสที่เวลานี้อยู่ในสภาพเจ็บหนัก ซวนเซอย่างคนไร้เรี่ยวแรง โดเรียสเจ้าจะทำอะไร ? หนีไปสิ จักรพรรดิไม่ปลอ่ยเจ้าไว้แน่ ลูซิเฟอร์อยากตะโกนบอกอนุชาเช่นนี้ แตก่ดูเหมือนมีบางสิ่งปรี่ขึ้นมาอุดลำคอไว้ ไม่อาจเปล่งวาจาใดๆ ออกมาได้ ร่างเจ็บหนักของโดเรียสพยายามสืบเท้าตรงไปทางเปอร์ซิโฟเน่ซึ่งยืนสั่นระริกด้วยความกลัว และตกใจกับเหตุการณ์ที่บานปลายไปได้ถึงเพียงนี้ เปอร์ซิโฟเน่...ไปกับพี่เถอะ ไปจากที่นี่... กระแสเสียงสั่นเครือ ยื่นมือเปื้อนเลือดไปยังนางอันเป็นที่รัก หวังจะไปให้พ้นจากตรงนี้ เพื่อครองรักกันดังที่เคยให้คำมั่น นี่เป็นสิ่งเดียวที่นึกได้ในเวลานี้ โดเรียส...หม่อมฉัน... ร่างบางลังเล ก่อนจะหลับตาลง เรียวปากบางเม้มสนิทใจที่สับสนต่อสู้กันภายใน และดูเหมือนจะยากเย็นยิ่งนักกับสิ่งที่นางต้องเลือกอึดใจ...เปลือกตาบางจึงเปิดขึ้น สบตาเขียวประกายอำพัน พอเถอะเพคะ...ทรงลืมหม่อมฉันเสียเถอะ จับจ้องจดจำภาพนั้นไว้ หวังให้ตราตรึงอยู่ในหัวใจ ฝ่าบาทอย่าทำร้ายคนอื่นอีกเลย แค่นี้ก็โหดร้ายมากพอแล้ว หม่อมฉันขอเป็นครั้งสุดท้าย มะ...ไม่จริง...เจ้าไม่ โดเรียสเจ็บปวดกับถ้อยคำปฏิเสธ เปอร์ซิโฟเน่...ไปกับพี่เถอะ...ไปจากที่นี่กัน ยังคงยื่นมือสั่นเทาเพราะพิษบาดแผลให้ คิดว่านางเพียงแค่ลังเลเท่านั้น ดวงตาคมเว้าวอน ประหนึ่งเหยื่อที่อ้อนวอนขอชีวิตจากผู้ล่า เปอร์ซิโฟเน่ ไปกับพี่... ไม่ ! ปัดมือที่ยื่นหาทิ้งอย่างสิ้นเยื่อใย ดูพระหัตถ์สิเพคะ...หัตถ์ที่อาบด้วยเลือดของผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย ตอนนี้ฝ่าบาทไม่ใช่โดเรียสคนเดิมอีกแล้ว ทอดพระเนตรสิเพคะ นี่คือสิ่งที่เกิดจากพระหัตถ์ ผู้คนล้มตายมากมาย ทรงทำเรื่องโหดร้ายปานนี้ได้อย่างไร...ทรงทำได้อย่างไร ? พระทัยทำด้วยอะไร ! ความรู้สึกผิดเกาะกินใจแน่นหนา นางคือต้นเหตุของการสูญเสียครั้งนี้ ไม่คิดว่าโดเรียสจะทำอะไรที่โหดร้ายเยี่ยงนี้ได้ ดวงตามีเพียงรอยหมองเศร้า ทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง พยายามบอกกับตนเองว่า โดเรียสที่นางเคยรักไม่มีตัวตนอีกต่อไป พะ...พี่ทำเพื่อเจ้า พี่ผิดเหรอ... ดวงใจแทบสลาย สติเลือนราง ไม่ทันตั้งตัวหรือเพราะไม่คิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจึงหมดกำลังต่อสู้และป้องกันภัยให้ตนเอง หอกแหลมพุ่งมาด้วยความเร็วแทงทะลุอก ร่างสูงโปร่งกระตุกเฮือก...ศาสตราวุธที่หลุดจากหัตถ์องค์จักรพรรดิ คงหมายปลิดชีพโอรสด้วยตนเอง เลือดแดงฉานซึมจากปากแผล คมหอกปักลึกอยู่กับแผ่นอก โดเรียสยกมือสั่นเทากำด้ามหอกไว้แน่น ออกแรงดึงสุดกำลัง อึก ! ทันทีที่ปลายแหลมหลุดพ้นแผ่นอก โลหิตแดงฉานพุ่งกระฉุดไม่ต่างจากลาวาที่ปะทุจากปล่องภูเขาไฟ เปอร์ซิโฟเน่ทรงกายไม่อยู่ ซวนเซผละห่าง หูอื้ออึงสติเลือนราง ก่อนที่โดเรียสจะทรงกายไม่ไหว...ล้มลงสิ้นสติ ซีเซลก็ปราดเข้ารับร่างไว้ได้ทัน ฝ่าบาท ประคองเจ้าเหนือหัวไว้อย่างยากลำบาก เพราะตนเองก็แทบจะทรงตัวไว้ไม่ไหว เลือดนองเต็มตัว เฮเดรสเบี่ยงตัวเข้าขวาง เอาตัวเองกำบังอันตรายให้เจ้าเหนือหัว แขนข้างหนึ่งเจ็บหนักทิ้งแนบลำตัว อีกข้างกำด้ามดาบไว้มั่นทั้งที่เต็มไปด้วยบาดแผล พร้อมฟาดฟันใครหน้าไหนที่คิดจะเข้ามาทำร้ายเจ้าเหนือหัวของตน สายตาคู่นั้นดุจสัตว์ร้ายซึ่งถูกต้อนให้จนมุม พละกำลังเฮือกสุดท้ายถูกปลุกขึ้นอย่างเต็มตัว ยืนแทบจะไม่อยู่...ยังคิดจะสู้ ช่างเด็ดเดี่ยวกันเหลือเกินนะ เสียงเยือกเย็นไม่มีเค้าเกรี้ยวกราดแต่บ่งบอกว่าเคียดแค้นกับการกระทำของโอรสอย่างหาที่เปรียบมิได้ ดี ! ข้าจะให้พวกเจ้าได้สู้สมใจอยาก เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซีเซลตระหนักได้ถึงภัยที่จะเกิดขึ้นกับเจ้าเหนือหัวในอีกไม่ช้า และพวกตนคงทานไว้ได้ไม่นานนัก พลันนึกอะไรบางอย่างได้ จึงตะเบ็งสุดเสียง ไวลด์ ! สิ้นเสียง บังเกิดกลุ่มควันสีทองพุ่งลงมาจากฟากฟ้ารวดเร็วประดุจวายุ ยามเคลื่อนเข้าใกล้จึงเห็นชัดว่าเป็นมังกรตัวมหึมา เมื่ออุ้งเท้าหนาหนักสัมผัสพื้นก็แผดเสียงคำรามกึกก้อง ข่มขู่ผู้คนให้หวาดเกรง ไวลด์ ฝากเจ้าชายด้วย ซีเซลรีบประคองร่างเจ็บหนักขึ้นคร่อมร่างพญามังกร คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือ เจ้าพวกโง่ ! จักรพรรดิพุ่งปราดตรงมายังร่างพญามังกร แต่ก่อนจะถึงตัวก็ถูกเฮเดรสขวางไว้กลางอากาศ ซีเซลตามไปสมทบอีกแรง ลูกไฟถูกซัดออกจากฝ่ามือ โถมใส่ร่างศัตรู คู่หูองครักษ์ที่แทบจะไม่มีแรงยืนไม่อาจป้องกันตนเองได้ จึงรับพลังที่ซัดเข้าใส่เต็มแรง ร่างร่วงลงสู่พื้นสมใจเจ้าแห่งสหพันธ์ยิ่งนัก...และเพราะมัวยุ่งกับทั้งคู่ เมื่อหันกลับมาอีกครั้งก็ไม่พบแม้เงาของมังกรตนนั้น ใบหน้าขมึงตึงขึ้นทันที เมฟาตีสมองเบื้องล่าง เห็นความพินาศจากน้ำมือโอรสอย่างชัดเจน ซากปรักหักพังยืนยันความวิบัติ ไม่เหลือเค้าความยิ่งใหญ่ที่เคยปรากฏอยู่ก่อนหน้า สูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน ยิ่งกว่านั้นคือ เกียรติยศของตนเองได้ถูกทำลายด้วยน้ำมือของผู้สืบสายโลหิต ความอาฆาตผุดขึ้นในใจ เสียงโอดครวญของผู้รอดชีวิตดังระงม เปลวเพลิงลุกโซนเป็นหย่อม ๆ จากความร้อนที่สัมผัสได้ กลุ่มควันและซากความเสียหายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เป็นของจริง หาใช่ความฝันไม่ ลูซิเฟอร์ตรงเข้าประคองร่างที่โชกไปด้วยเลือดและไม่ได้สติขององครักษ์คู่ใจอนุชา มันตายกันหมดหรือยัง ? ถามห้วนทันทีที่เท้าแตะพื้น ยะ...ยังพระเจ้าค่ะ ดี ! เอามันไปขังไว้ที่วังน้ำแข็ง รวมทั้งข้ารับใช้ที่ตำหนักไอ้ลูกเลวนั่นด้วย อย่าให้รอดไปได้แม้สักคน ส่วนเจ้านายของพวกมันโดนไปขนาดนั้นคงไม่รอด ให้ประกาศออกไปว่า ใครหรือพิภพใดที่ให้การช่วยเหลือโดเรียส มันจะต้องเป็นปฏิปักษ์ต่อข้า ! ยามที่โกรธเกรี้ยว เมฟาตีสจะไม่คำนึงถึงว่าเป็นใคร เด็ดเดี่ยวจนคำว่า โหดร้ายเลือดเย็น เหมาะสมที่สุดสำหรับพระองค์ "กาเซียร์ รีบไปรีบกลับนะลูก เสียงนั้นสั่นเครือด้วยอายุที่มากขึ้น หญิงชราหลังค่อมยืนส่งเด็กน้อยอยู่ที่ปากถ้ำ ค่ะ...กาเซียร์ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับแล้ว ยายเข้าไปรอข้างในดีกว่านะจ๊ะ ลมแรงเดี๋ยวจะไม่สบาย ร่างจ้อยในชุดกระโปรงยาวสีน้ำตาล เสื้อผ้าเก่า ๆ ที่สวมใส่ไม่ได้ปกปิดความน่ารักของวงหน้าน้อย ดวงตากลมโต ผมหยักศกถักเปียยาวไว้เรียบร้อย สองมือป้อม ๆ นั้นประคองโถใส่น้ำขนาดย่อมไว้แนบอก เดินตรงไปตามช่องเขาซึ่งทอดยาวขนาบด้วยภูหินสูง เด็กน้อยเดินไปตามทางคดเคี้ยวที่โรยตัวบนหุบเขาสูงได้พักใหญ่ จนกระทั่งถึงซอกหินแคบ ๆ ที่เกิดจากหินสองก้อนเกยซ้อนกัน เด็กน้อยมุดเข้าไปตรงช่องเล็ก ๆ นั้นอย่างคุ้นเคย เมื่อเข้าไปถึงด้านใน เด็กหญิงก้มดูน้ำในแอ่งตื้น ๆ ที่คอยรับน้ำที่ซึมจากแผ่นหินผนังโพรง ว้าว...วันนี้ได้ตั้งเยอะ... น้ำที่ซึมผ่านร่องหินทีละหยดทีละหยาด ต้องอาศัยเวลาเป็นวันกว่าปริมาณน้ำจะเต็มแอ่งเล็ก ๆ นั้น จะได้เต็มโถไหมน้า... เด็กน้อยเอาโถทรงกระบอกที่ประคองมาออกจากห่อผ้าวางไว้ข้างตัว บรรจงใช้ถ้วยสังกะสีเล็กๆ ซึ่งทิ้งไว้ก่อนหน้า ตักน้ำจากแอ่งใส่โถอย่างระมัดระวังด้วยท่าทางคล่องแคล่วคุ้นเคย จนเวลาผ่านไปได้พักใหญ่... เสร็จแล้ว วันนี้ได้เต็มเลย ถ้าได้อย่างนี้ทุกวันก็ดีสิ ทีนี้ก็กลับได้แล้วมั้ง เอ่ยพลางพาตนเองออกจากซอกหินอย่างกระตือรือร้น ขาดออกดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างขาเข้าเพราะต้องคอยระวังโถน้ำในมือ ร่างเล็กจึงดูเก้ ๆ กัง ๆ ทุลักทุเล ตุ้บ ! เสียงหนัก ๆ จากด้านนอกสะท้อนเข้าหู ทำเอาสติสตังของร่างจ้อยกระเจิง สะ...สะ...เสียงอะไรน่ะ ! ร่างเล็กสะดุ้งโหยงถอยกรูด ก่อนจะหยุดนิ่งเงี่ยหูฟังระแวดระวังตัว ผะ...ผะ...ผี ! ผีหรือเปล่าเนี่ย ! เริ่มไม่แน่ใจ คิดไปต่าง ๆ นานา โฮก ! เสียงคำรามของสัตว์ใหญ่ซึ่งนางไม่แน่ใจนักว่าเจ้าเสียงน่าสะพรึงนั้นคือตัวอะไร มันคำรามยาวกระหึ่มก้อง ทำเอาใจดวงน้อยกระเจิงไปไหนต่อไหน ตาจ๋า...ยายจ๋า ช่วยด้วย ช่วยกาเซียร์ด้วย...พี่ชายจ๋า...ช่วยกาเซียร์ด้วย กระซิบแผ่วแทบเป็นเพ้อ เวลาผ่านไปอีกช้า...นาน เด็กตัวน้อยยังหวาดกลัว ไม่กล้าออกไปข้างนอก ซุกตัวอยู่ในนั้นนานเท่าไหร่ไม่แน่ชัด แต่ดูเหมือนความมืดโรยตัวลงคลี่คลุมบรรยากาศรอบตัว ความวิเวกและความเย็นทวีขึ้นทุกขณะ วะ...หวังว่าคงไม่ใช่...สะ...เสือนะ ! ถ้าเป็นเสือมันคงไม่กินกาเซียร์หรอกมั้ง กาเซียร์ผอมไม่น่ากินหรอก ปลอบใจตัวเองพลางตัดสินใจกระเถิบตัวออกจากซอกหินอย่างไม่มีทางเลือก เพราะมัวแต่ระวังด้านบนกับด้านข้างเลยไม่ทันมองเท้า พอพ้นจากซอกหินจึงสะดุดอะไรบางอย่างเข้า ร่างบางหน้าคะมำ แต่ด้วยสัญชาตญาณจึงยกโถน้ำขึ้นสูง ยอมเอาหัวโขกพื้นแทนโถในมือ โอ๊บ ! เจ็บ ! เจ็บจัง หัวกาเซียร์แตกแล้วมั้ง อะไรมาอยู่ตรงนี้ล่ะ ตอนเข้ามาไม่เห็นจะมี... บ่นพลางลุกขึ้นนั่ง มือเล็ก ๆ ลูบหน้าผากด้วยความเจ็บปวด กรี๊ด ! ยังไม่ทันมองสิ่งที่ขวางทาง ก็กรีดเสียงลั่นด้วยความตกใจเสียอีกหน เพราะมือเย็น ๆ ไม่รู้ที่มาคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้า ปะ...ปล่อย ! เฮ้ย...ปล่อย ! พยายามสะบัดข้อเท้า เมื่อหลุดจากการเกาะกุมได้ก็ลุกพรวด วิ่งหนีสุดชิวต วิ่งมาได้พักใหญ่ จนแน่ใจว่าน่าจะพ้นอันตรายแล้ว จึงได้หยุดพัก หวังว่าคงไม่ตามมานะ...ผีอะไรออกมาแต่หัวค่ำเชียว ทรวงอกยังคงกระเพื่อมแรง ด้วยเจ้าตัวหอบหนัก หลังจากตั้งสติให้ดี เด็กน้อยเริ่มนึกได้ว่านั่นอาจเป็นคนไม่ใช่ผี และเขาอาจจะกำลังแย่ ถ้าเกิดไม่ใช่ผีล่ะ ? แต่เป็นคนที่อาจจะกลายเป็นผีในวันพรุ่งนี้ กาเซียร์ถีบแรงด้วยนะ นั่นอาจเป็นนักเดินทางซึ่งผ่านมาในถิ่นกันดารที่ผู้คนพากันอพยพหนีกันหมด ขนาดตัวนางเป็นคนที่นี่ยังหาน้ำหาอาหารลำบาก แล้วยิ่งเป็นคนต่างถิ่นที่พลัดหลงมาด้วยแล้วยิ่งจนหนทาง กลับไปดูหน่อยดีกว่าไหมพี่ชาย.... เด็กน้อยว่าพลางแหงนหน้ามองกลุ่มดาวสุกใส ซึ่งนางคิดว่านั่นคือพี่ชาย...ญาติเพียงหนึ่งเดียวที่จินตนาการขึ้น เพื่อไม่ให้ตนเองไร้ญาติขาดมิตรไปมากกว่านี้ ไปได้ใช่ไหม ? พี่ชายจะไปกับกาเซียร์ใช่ไหม เด็กสาวก้าวเท้ากลับทางเดิมอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อก้าวหนึ่งก้าว กลุ่มดาวนั้นก็ดูเหมือนจะเคลื่อนตาม ดีเลย พี่ชายไปกับกาเซียร์...มีเพื่อน ไม่กลัวละ เมื่อย้อนมาถึงที่เกิดเหตุ ร่างร่างหนึ่งคว่ำหน้าอยู่ดังเดิม เด็กน้อยตัดสินใจสะกิด นี่ ! นี่ ! ถ้ายังไม่ตายส่งเสียงหน่อย นี่...กระดิกตัวหน่อยสิ...นี่ ! ปะ...เปอร์... เสียงแหบแห้งเบาหวิว พยายามพยุงตัวขึ้น ไขว่คว้าร่างจ้อยดั่งจะขอความเวทนา แต่เด็กตัวน้อยดีดตัวหนีมือที่เอื้อมมาแตะข้อเท้าเล็ก ๆ ของนาง อะ...เอาไงดี ? นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ถูกลิขิตไว้แล้วโดยใครบางคน ซึ่งนำพาเจ้าแห่งความมืดมาพบกับเด็กน้อยแห่งดวงดาวสีน้ำเงิน ดาวเซน เมืองศูนย์กลางของ สหพันธ์คาออส อุทยานหลวงถูกตกแต่งอย่างวิจิตร น้ำตกสูงตระหง่านดั่งเนรมิตให้ลงตัวกลมกลืนกับสระน้ำใหญ่ซึ่งกินบริเวณกว้าง รูปปั้นราชสีห์คำรามประกาศศักดาอยู่บนหัวสะพานโค้งสองฟากฝั่ง เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของจ้าวผู้ครอบครองสหพันธ์ กลางตะพังมีน้ำพุพวยพุ่ง สูงสง่าตระการตา ยามที่ละอองน้ำเล็ก ๆ ต้องลมกระเส็นกระสายกระทบแสงทองของดวงตะวันสะท้อนเป็นรุ้งสายน้อยใหญ่ ส่องระยิบระยับจับทั่วบริเวณ แข่งความงามกับดอกไม้นานาพรรณซึ่งเบ่งบานงดงาม แมลงน้อยใหญ่โบยบินเก็บเกี่ยวน้ำหวาน เจ้าหญิงทรงคิดเรื่องอะไรอยู่เพคะ นางข้าหลวงทักด้วยห่วงใย ร่างบอบบางยืนอยู่กลางสะพาน ทอดมองเลื่อนลอย ใบหน้างามหม่นเศร้า เมื่อไหร่สงครามจะยุติ ประชาชนจะได้อยู่กันอย่างร่มเย็น เราไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เลย กระแสเสียงระทมทุกข์ ดวงเนตรไร้แววสดใสปรายไปไกล ความงดงามสดชื่นที่รายรอบหาช่วยให้คลายเศร้าได้ไม่ เมื่อไหร่น่ะหรือ ? ต้นเสียงทุ้มค่ำดังมาจากฟากหนึ่งของสะพาน ก็ต่อเมื่อข้าได้ครอบครองดวงดาวทั้งหมด รวมทั้งได้ทำลายคาคูด้าของโดเรียสให้ย่อยยับ ! ร่างสูงโปร่งภายใต้อาภรณ์สีขาวนวลคลุมทับด้วยผ้าคลุมโทนสีเข้ม ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความสุขุมองอาจ ทอดสายตาจับจ้องดวงหน้างดงาม ดั่งต้องการอ่านให้ลึกถึงห้องหัวใจ เหล่านางกำนัลก้มลงหมอบแทบเท้า ข้าจะให้มันได้ลิ้มรสความสูญเสียอีกครั้ง ข้าต้องการเห็นมันคลุ้มคลั่งเหมือนครั้งก่อนที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปก่อตั้งอาณาจักรเล็ก ๆ นั่น มิคาเอลเอ่ยถึงอพดีตที่เปอร์ซิโฟเน่เข้าใจ และตระหนักได้ถึงความเจ็บปวดที่โดเรียสได้รับ แล้วทำไมฝ่าบาทยังทรงต้องการครอบครองอาณาจักรเล็ก ๆ นั่นล่ะเพคะ ? ตัดพ้อด้วยเหนื่อยใจหัวใจ ข้าไม่ได้สนใจอาณาจักรของมันนักหรอก แค่ต้องการเห็นมันสูญเสียทุกอย่าง...เมื่อไม่มีมัน สหพันธ์ก็จะเป็นหนึ่งเดียว แล้วเจ้าก็จะได้เป็นราชินีผู้ยิ่งใหญ่ จักรวาลนี้ไม่มีใครเทียบเจ้าได้ เปอร์ซิโฟเน่ แล้วยังลูซิเฟอร์อีกคน ข้าจะไม่ปล่อยให้มันอยู่ขวางหูขวางตาข้าแน่ แววตากระด้างเมื่อเอ่ยถึงศัตรู เรื่องก็ผ่านมาตั้งหลายร้อยปี จะทรงตามจองล้างจองผลาญท่านจ้าวโดเรียสไปถึงไหน...แค่นี้ฝ่ายาทก็ทรงได้ทุกอย่างแล้ว ยังไม่พอพระทัยอีกหรือเพคะ กึ่งอ้อนวอนกึ่งต่อว่า ยัง...เจ้าก็รู้ว่าข้ายังไม่ได้ทั้งหมด...เจ้ารู้ดี เปอร์ซิโฟเน่ เปอร์ซิโฟเน่สบตาคมกริบ วูบหนึ่งนางรับรู้ถึงแววตัดพ้อระคนน้อยใจแฝงอยู่ในความกระด้างนั้น เพราะเจ้า...ข้าถึงวางมือไม่ได้ เพราะเจ้า ! ทุกอย่างถึงเป็นเช่นทุกวันนี้ ถ้าจะโทษก็โทษตัวเอง...เปอร์ซิโฟเน่ เอ่ยวาจาเชือดเฉือนสมใจแล้วจึงจากไป ทิ้งความหม่นหมองไว้กับคู่หมั้นคู่หมาย เปอร์ซิโฟเน่เหนื่อยใจยิ่งนักกับเรื่องนี้ นางคงตัดสินใจผิดที่เลือกมิคาเอล หยาดน้ำตาไกลรินไม่หยุด นานเท่าไหร่แล้วที่เสียน้ำตาเพราะการกระทำของมิคาเอล นางเคยมั่นใจว่ามิคาเอลนั้นอ่อนโยนนัก คอยช่วยเหลือให้กำลังใจนางตลอดมา แต่เวลานี้ไยจึงกลายเป็นจักรพรรดิบ้าอำนาจ ก่อให้เกิดสงคราม ไม่มีพี่ไม่มีน้อง ถ้าไม่คล้อยตามก็ไม่ละเว้น ร่างบางที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของสะพานเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งรู่ทั้งเข้าใจความรู้สึกของเปอร์ซิโฟเน่ นางอยู่ที่นี่นานพอ จึงรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รู้กระทั่งสาเหตุที่ทำให้มิคาเอลเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้ เจ้าพี่ น้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้น เปอร์ซิโฟเน่ไม่หนมองต้นเสียง ดั่งกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นร่องรอยหม่นเศร้าที่ปรากฏบนใบหน้า พวกเจ้าถอยไปก่อน ผู้ที่ก้าวมาทีหลังปรายตา สั่งนางกำนัลทั้งสองที่นั่งพับเพียบอยู่เบื้องหน้า ทั้งสองน้อมรับ ค่อย ๆ คลานเข่าถอยห่างก่อนจะลุกเดินออกไป กันแสงอีกแล้วหรือเพคะ ? นางถามแผ่วเบา พลางแตกมือเรียว เพียงสัมผัสแรก อีกนางถึงกับสะดุ้งเฮือก หมุนตัวมาทางขนิษฐา โผเข้ากอดร่างบางไว้แน่น ประหนึ่งจะหาที่ยึดเหนี่ยวก่อนจะทรงตัวไว้ไม่ไหว น้ำตายังไหลรินไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ปากก็พร่ำรำพันถึงสิ่งอัดแน่นในหัวใจ เอริเซียร์...พี่ควรทำอย่างไรดี พี่แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ไม่มีถ้อยคำปลอบประโลม เพราะไม่รู้จะปลอบอย่างไร สู้ปล่อยให้น้ำตาระบายสิ่งที่อัดแน่นในใจคงดีที่สุด สักพักเมื่อผู้ที่รู้สึกดีขึ้น ยอมเงยหน้าสบตา เพียงขยับปากจะเอ่ย อีกนางก็บอกเรื่องสำคัญเสียก่อน เจ้าพี่ เสด็จหนีไปพร้อมกับหม่อมฉันเถอะเพคะ เปอร์ซิโฟเน่เบิกตากว้างไม่คิดว่าถ้อยคำนี้จะหลุดจากปากขนิษฐานางนิ่งไปอึดใจ หนี ! เอริเซียร์ เจ้าพูดอะไร ? หม่อมฉันจะหนีไปจากที่นี่ ไปจากนรกขุมนี้ ถ้อยเอ่ยหนักแน่นยืนยัน เจ้าจะทิ้งพี่ไปหรือ ? จะทิ้งพี่ให้อยู่คนเดียวหรือเอริเซียร์ นางอ้อนวอนเพราะแน่ใจว่าผู้น้องเอาจริงกับเรื่องนี้แน่ หมอ่มฉันไม่ได้ต้องการทิ้งเจ้าพี่...แต่หม่อมฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ถ้าหม่อมฉันยังอยู่ในดินแดนของปีศาจร้ายอย่างมิคาเอลต่อไป หม่อมฉันต้องอกแตกตายแน่เพคะ นางอัดอั้นใจยิ่งนัก เจ้าพี่เสด็จไปพร้อมหม่อมฉันนะเพคะ ? ถ้าเจ้าเอาพี่ไปรังแต่จะเป็นภาระ การหลบหนีก็จะยิ่งลำบาก ท่านจ้าวมิคาเอลคงไม่ปล่อยเราไว้เป็นแน่...และถึงเราจะหนีออกจากดาวเซนได้ แต่ยังจะมีที่ไหนที่จะหนีรอดการไล่ล่าของสหพันธ์ เจ้าหญิงผู้อ่อนวัยว่าสบเนตรงามของเปอร์ซิโฟเน่ ก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่น คาคูด้า !