<<<<บ้านอะเดลยินดีต้อนรับจ้า>>>>
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

รัตนมณีแห่งดวงดาว : บทที่ 4



4.-


กลางอุทยานร่มรื่น ฟากฝั่งหนึ่งของสระกว้าง ทิวพฤกษาสูงสล้างเขียวครึ้มด้วยเถาไม้เลื้อยหนาตา บ้างเกี่ยวเป็นซุ้มดอกดอกสะพรั่ง บ้างทิ้งตัวแผ่ที่พื้น ด้านข้างรายล้อมด้วยพุ่มไม้ใบกลมสีเขียวจัด มองไกล ๆ เกือบเห็นเป็นสีดำแทรกแซมด้วยดอกสีขาวนวลประปราย

แดดอ่อนยามเช้าสาดแสงทองจับร่างสูงโปร่งซึ่งพิงเสาหินอ่อนฉลุลายวิจิตร แม้เห็นเพียงเศษเสี้ยวของดวงหน้าอ่อนเยาว์ก็ยังจัดว่างดงามหาที่ติไม่ได้ ลมเย็นเหนือผิวน้ำพัดผ้าคลุมสีเข้มไหวเบา ๆ อิริยาบถของเจ้าชายรัชทายาทแห่งคาคูด้าเคร่งขรึมงามสง่าดุจหงส์ องอาจดั่งมังกร

“โดเรียส เจ้าจะไม่เข้าร่วมการประลองจริงหรือ ?”

“หม่อมฉันยังมองไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะเจ้าพี่ไม่เสี่ยงจะดีกว่า” สบตาผู้ถามก่อนจะยิ้มขบขัน

“เจ้าก็พูดเล่นไปเรื่อย ทั้งที่มีความสามารถอยู่ล้นตัว หากเพิ่มความกระตือรือร้นกว่าที่เป็นอยู่คงจะดีหรอก”

แม้โดนต่อว่า หากอีกฝ่ายก็ยังเฉย

“น่าจะลองดูนะพี่ว่า...อย่างน้อยก็เพื่อเปอร์ซิโฟเน่ ถ้าคนชนะการประลองไม่ใช่พี่ ผู้ได้รับการแต่งตั้งอาจเลือกนางเป็นราชินีก็เป็นได้” ลองกระตุ้นเรื่องนี้ดู อาจจะทำให้โดเรียสเปลี่ยนใจ

“แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเต็มใจของนาง” โดเรียสเอ่ยราบเรียบ มิได้ร้อนรนตามคำยั่วยุเผื่อได้

“เจ้ามั่นใจในตัวเปอร์ซิโฟเน่ขนาดนั้นเชียวหรือ ?”

“พระเจ้าค่ะ ที่สำคัญหม่อมฉันชอบใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่ต้องการหาเรื่องวุ่นวายใส่ตัว อยากพาเปอร์ซิโฟเน่ท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ คงจะดีไม่น้อยถ้าได้ใช้ชีวิตแบบนั้นกับคนที่เรารัก” ใบหน้าคมคายดูอ่อนโยนยิ่งนัก เมื่อเอ่ยถึงนางอันเป็นที่รัก

“แต่พี่ว่า ทางพระมารดาของนางคงไม่คิดเช่นนั้น”

โดเรียสยิ้มเศร้าสร้อยแทนคำตอบ ตระหนักเสมอว่า ‘พระนางมาลาวี’ ไม่ใคร่จะพึงใจตนเท่าที่ควร เรียกว่าเกลียดเข้าไส้ก็คงไม่เกินไปนัก...กระนั้นใช่ว่าจะขัดขวางอะไรได้มาก เพราะถ้าจะนับกันจริงแล้ว พระนางมาลาวีมีฐานะด้อยกว่าโดเรียสซึ่งเป็นถึงโดเรียสแห่งจักรรดิเมฟาตีสที่ประสูติจากพระนางมาเรียจักรพรรดินีแห่ง ‘คาคูด้า’ พิภพซึ่งได้รับการขนานนามว่า ‘ดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ และพระนางมาเรียก็เป็นขนิษฐาเพียงองค์เดียวของราชินีดีเมเตอร์

“แต่พี่ว่า แค่เจ้ากับนางรักกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วละ” จำต้องเอ่ยเช่นนั้นเพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย

พร้อมกับถ้อยสุดท้าย เสียงหนึ่งก็แทรกขึ้น

“เจ้าพี่...หม่อมฉันตามหาเสียตั้งนาน ที่แท้ก็อยู่กับโดเรียสหรอกหรือพระเจ้าค่ะ”

“มิคาเอล” ลูซิเฟอร์เบือนมองผู้ที่เพิ่งมาสมทบที่มีเค้าละม้ายคล้ายคลึง “เจ้าตามหาพี่มีอะไรสำคัญหรือ ?”

“หม่อมฉันจะมาชวนเจ้าพี่เข้าเฝ้าเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ” พินอบพิเทาหากแต่องอาจ

ลูซิเฟอร์ตอบรับอย่างเห็นดีด้วย “ดีเหมือนกัน พี่ก็ว่าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่อยู่พอดี” แล้วเบือนหน้ามาทางน้องชายคนเล็ก “โดเรียสไปด้วยกันนะ”

“เสด็จป้าคงอยากประทับเป็นการส่วนพระองค์กับพระโอรส ไว้หม่อมฉันค่อยหาโอกาสเข้าเฝ้าเองจะดีกว่า”

“ก็แล้วแต่เจ้า” ลูซิเฟอร์ทราบดีว่าป่วยการที่จะเซ้าซี้

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หม่อมฉันทูลลา” เอ่ยพลางโค้งคำนับทั้งสอง

“จะรีบไปหาเปอร์ซิโฟเน่ละซี้ ก็น่าอยู่หรอก...ก็เจ้าหญิงอุตส่าห์เดินทางจาก ‘นาบู’ เพื่อร่วมพิธีในครั้งนี้ แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่เข้าร่วมประลอง” เย้าอย่างรู้เท่านั้น ดวงหน้าเคร่งขรึมเจือรอยยิ้ม

“ทูลลา” โดเรียสเลี่ยงกลบเกลื่อน พลางคำนับอีกครั้งก่อนจะถอยห่าง ตรงไปทางซุ้มประตูสีขาวด้านนอกทันที

“จริงหรือพระเจ้าค่ะที่โดเรียสจะไม่เข้าร่วมประลอง ?”

มิคาเอลถามหลังจากผู้ถูกเอ่ยถึงคล้อยหลังไปแล้ว

“จริงกระมัง...ทำไมเจ้าไม่ถามดูเองล่ะ โดเรียสก็น้องเจ้าไม่ใช่หรือ ทำเป็นคนอื่นไปได้” ลูซิเฟอร์เอ่ยไม่จริงจังนัก

“ดูท่าทางรีบ ๆ แค่ทักทายยังไม่ทันได้ทำเลย...แต่คิดอะไรของเขานะ ถึงไม่เข้าร่วมประลอง”

“เจ้าก็น่าจะรู้นิสัยโดเรียสดี ชอบอยู่อย่างสันโดษ ชีวิตนี้คงไม่ต้องการอะไรแล้วกระมังนอกจากเปอร์ซิโฟเน่”

นัยน์ตาคมกริบทอดตามแผ่นหลังของโดเรียส ความจงเกลียดจงชังที่แฝงอยู่ลึก ๆ ก่อนหน้านี้ดูจะเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ หากผู้เป็นพี่ยืนอยู่อีกด้านจึงไม่ทันสัมผัสถึงความกระด้างอาฆาตที่ปรากฏบนใบหน้า

“แล้ว...ถ้าเกิดมีใครสักคนเลือกเจ้าหญิงเปอร์ซิโฟเน่เพื่อเป็นราชินีล่ะพระเจ้าค่ะ”

เบือนหน้ากลับมาทางเชษฐา กระแสเสียงและประกายตาไร้ความจริงจัง...รอยยิ้มอ่อนโยน ไม่หลงเหลือเค้าอาฆาตมาดร้ายดั่งเมื่อครู่

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับความเต็มใจของนาง เปอร์ซิโฟเน่รักโดเรียส เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี หวังว่าคนคนนั้นคงไม่ใช่เจ้าหรอกนะมิคาเอล อย่ายั่วให้โดเรียสโกรธ สิ่งที่อยู่ในเงาของน้องเจ้าน่ากลัวนัก”

รอยยิ้มอ่อนโยนปกปิดใจชั่วร้ายไว้มิดชิด...



หลังการประลองเสร็จสิ้นทุกผู้เข้าประจำที่ ยังท้องพระโรง

จักรพรรดินั่งนิ่งบนบัลลังก์ ดวงหน้าเคร่งขรึมทรงอำนาจ...น่าหวั่นเกรงยิ่ง หลั่นลงมาคือเหล่าผู้นำแต่ละดวงดาว ซึ่งยืนขนาบสองฟากของบัลลังก์ พื้นที่ว่างเปล่าตรงกลางลาดด้วยผืนพรมปักลวดลายไหมทอง เข้าชุดกับสิ่งประดับซึ่งตกแต่งอยู่รายรอบ

มิคาเอลอยู่ด้านหน้าเทวรูป หลั่นลงมาจากจักรพรรดิระดับหนึ่ง แต่อยู่เหนือผู้คนอื่น ๆ ณ ที่แห่งนี้

“มิคาเอล นับแต่นี้ไปเจ้าคือรัชทายาทสืบบัลลังก์ต่อจากข้า ทันทีที่เจ้าได้เป็นจักรพรรดิ เจ้าจะได้ครอบครอง ‘น้ำตาพระจันทร์’ ที่มีพลังอำนาจเปรียบดังพระผู้เป็นเจ้า” กระแสเสียงประกาศก้องชัดเจน

“เจ้าจงเลือกเจ้าหญิงที่เหมาะสม ผู้ที่จะคอยอยู่เคียงข้าง...ผู้ที่จะได้เป็นราชินีในกาลหน้า สตรีผู้เพียบพร้อมที่จะมาเป็นมารดาของเหล่าราชในสหพันธ์แห่งดวงดาวนี้ ข้าจะได้แต่งตั้งนางให้มีเกียรติคู่ควรกับเจ้า”

รอยกายเงียบสงบ รอฟังคำตอบจากองค์รัชทายาท ใครกันที่จะได้รับเกียรตินั้น ใครกันที่จะได้เป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ คงยากแก่การคาดเดา เพราะมิคาเอลไม่เคยมีท่าทีว่าจริงจังกับสตรีใดมาก่อน

“สตรีที่หม่อมฉันปรารถนาเป็นคู่ชีวิต มีเพียงนางเดียว” ทุกอย่างกระจ่างเมื่อองค์รัชทายาทประกาศก้อง “นางคือ...เปอร์ซิโฟเน่ เจ้าหญิงแห่งนาบู”

เสียงชื่นชมที่ทุกคนมอบแก่เจ้าของนามนั้นดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณ หาก...มีผู้ไม่อาจยอมรับการเลือกในครั้งนี้ อย่างน้อยสุดก็สองคน

“เปอร์ซิโฟเน่ เจ้าเต็มใจหรือไม่ ?” จักรพรรดิเบือนหน้าไปทางเจ้าหญิง ซึ่งประทับอยู่ข้างพระมารดามาลาวี และเจ้าหญิงอีกสองนาง

“มะ...หม่อมฉัน...” ใบหน้างามซีดเผือด เอ่ยได้เพียงเท่านั้น พระนางมาลาวีพลันกล่าวต่อ

“เปอร์ซิโฟเน่ไม่ปฏิเสธพระมาหากรุณาธิคุณเป็นแน่ นางคงซึ้งในน้ำพระทัย องค์รัชทายาทเลยทูลอะไรในตอนนี้ไม่ได้ แต่หม่อมฉันมั่นใจว่านางจะซื่อตรงต่อองค์รัชทายาทตลอดไปเพคะ”

“เสด็จแม่...” เนตรงามบ่งชัดว่าไม่เข้าใจสิ่งที่พระมารดาคิดจะกระทำ

“หม่อมฉันขอเอาศีรษะของตนและประชาชน ‘นาบู’ เป็นประกัน ถ้าเปอร์ซิโฟเน่กล้าปฏิเสธน้ำพระทัยขององค์รัชทายาท” พระนางยังย้ำ...ยืนยัน

“เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่ได้รัก...”

“หยุดนะ เจ้าอยากให้แม่หัวขาดหรืออย่างไร” พระนางดุเบาทว่าเสียงเข้ม ข่มธิดาให้นิ่งไปได้อย่างไม่ยากเย็น

เปอร์ซิโฟเน่สับสนยิ่งนัก แล้วนางจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ? ปรายตาไปทางโดเรียสซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งอย่างต้องการคำปรึกษา หากเจ้าชายแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังตะลึกงัน มือที่ทิ้งอยู่ข้างกายกำแน่นจนสั่นเทิ้ม นัยน์ตาคมกล้าจ้องเขม็งที่องค์รัชทายาท

“เปอร์ซิโฟเน่ เจ้าเต็มใจรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้หรือไม่ ?” จักรพรรดิถามเพื่อความมั่นใจ

“หม่อมฉัน...” เปอร์ซิโฟเน่ยังไม่อาจละสายตาจากโดเรียส ดวงตารัศมีอำพันประสานตานาง ก่อนจะตวัดกลับไปยังองค์รัชทายาทดังเดิม

ดวงตากร้าวกระด้างนั้นทำเอาเปอร์ซิโฟเน่หนาวยะเยือก เพราะนางรู้ดีกว่าโดเรียสจะไม่ยิ่งเฉยกับเรื่องนี้เป็นแน่

ลูซิเฟอร์ตระหนักได้ไม่ต่างจากเปอร์ซิโฟเน่ ด้วยรู้ซึ้งถึงความวู่วามของอนุชาดี แต่จะกระทำประการใดก็ไม่สะดวกนัก เพราะอยู่ต่อหน้าจักรพรรดิ

“หม่อมฉันขอคัดค้านพระเจ้าค่ะ” สายตาทุกคู่จับจ้องที่โดเรียส ซึ่งเวลานี้พาตนเองมาอยู่ระดับเดียวกับรัชทายาท นั่นเป็นการกระทำที่ไม่สมควรยิ่ง

วงพักตร์คมหากงามดุจจันทร์เพ็ญเปลี่ยนเป็นกระด้างดุดัน ที่ตัดสินใจทำเช่นนั้นเพราะตระหนักดีว่า ลำพังเปอร์ซิโฟเน่คงไม่กล้าปฏิเสธเป็นแน่

“ข้าแต่องค์จักรพรรดิ ของทรงประทานอนุญาตให้หม่อมฉันประลองกับมิคาเอลสักครั้งเถอะพระเจ้าค่ะ” กระแสเสียงหนักแน่นมิได้ลังเล ถึงแม้จะตระหนักดีว่า สิ่งที่กระทำไม่สมควรเพียงไร

“โดเรียส เจ้าจะทำอะไร ?” ลูซิเฟอร์ตรงเข้าห้าม คว้าท่อนแขนหวังเตือนสติ

ทว่า...เมื่อสบตาคมกล้าเพียงแวบแรก ก็ตระหนักได้ทันทีว่า สิ่งที่พยายามกระทำอยู่ในขณะนี้คงเปล่าประโยชน์...แววมุ่งมั่นแสดงถึงการตัดสินใจที่เด็ดขาด ซึ่งไม่ค่อยปรากฏในดวงตาของโดเรียสเท่าไหร่นัก...แต่เวลานี้กลับเด่นชัด ยิ่งความดื้อดึงฉุนเฉียวที่ไม่มีใครเกินปะทุขึ้นแล้วก็ยากที่จะสงบลง อีกทั้งเมื่ออยู่ในอารมณ์เช่นนี้ก็ยังไร้เหตุผลอีกด้วย

“โดเรียส” กระแสเสียงตวาด กระชากความเงียบให้หายไปสิ้น องค์จักรพรรดิเดือดดาลยิ่ง โดเรียสกำลังทำให้พิธีศักดิ์สิทธิ์วุ่นวาย

“คิดว่าตัวเองกำลงทำอะไร ?” คำถามกร้าวก้อง

“หม่อมฉันไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวายในพิธีศักดิ์สิทธิ์ มันจะไม่เกิดขึ้นแน่ถ้าคนที่มิคาเอลเลือกไม่ใช่เปอร์ซิโฟเน่” โดเรียสกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจแก่พระบิดา ทุกถ้อยคำชัดเจนในโสตประสาท นัยน์ตาดุดันไม่ละจากองค์รัชทายาท

โดเรียสซึ่งใจร้อนประดุจเปลวเพลิงและฉุนเฉียวเป็นทุนเดิม เมื่อประสานกับนัยน์ตาประกายครามซึ่งแฝงไปด้วยแววเย้ยเยาะเหยียดหนาม จึงไม่ต่างกับการราดน้ำมันลงกองเพลิงให้ลุกโชน พร้อมที่จะเผาไหม้ทุกสิ่งอย่างบ้าคลั่ง และย่อมต้องปะทุออกมาเป็นแน่ถ้าเสียงทรงอำนาจไม่ดังขึ้นเสียก่อน

“เจ้าจะบอกว่า เจ้ารักอยู่กับเปอร์ซิโฟเน่อย่างนั้นหรือ ?” คำถามราบเรียบ หากแววเนตรแข็งกร้าวบ่งบอกชัดว่า ไม่พอใจในความเหลวไหลของโอรส

“พระเจ้าค่ะ เรารักกัน” เสียงตอบอ่อนลง ดวงหน้าคมหม่นเศร้า แววตาคลายกระด้างดั่งจะอ้อนวอนพระบิดา

จักรพรรดิสบตาสีเขียวเจืออำพัน พินิจหวังชั่งใจโอรส เมฟาตีสรู้จักโดเรียสดีพอ ถึงจะดูแข็งกระด้าง ทั้งวาจาและการแสดงออกไม่ใคร่ใส่ใจใครหรือสิ่งใด อันเป็นข้อแตกต่างกับมิคาเอล แต่เวลานี้กลับแสดงความรู้สึกออกมาเช่นนี้

‘คงจะรักเปอร์ซิโฟเน่จริง’

สถานการณ์ทำท่าจะดีขึ้น ถ้าไม่มีเสียงหนึ่งแย้ง “รับสั่งอะไรเช่นนั้นเพคะ ฝ่าบาททรงรักเปอร์ซิโฟเน่ฝ่ายเดียวกระมัง หม่อมฉันเป็นมารดาตระหนักเรื่องนี้ดี”

“เสด็จแม่ หม่อมฉัน...” เปอร์ซิโฟเน่พยายามอธิบาย แต่ต้องหยุดเมื่อแววเนตรที่ตวัดมาเกรี้ยวกราดคาดโทษ

เมื่อปรามธิดาให้สงบแล้ว พระนางมาลาวีก็เล่นงานโดเรียสต่อ “ทรงเฝ้าตามตอแยเปอร์ซิโฟเน่มาตั้งนาน แต่นางหาได้สนใจไม่ !” แววตาสมเพชชัด “ถึงฝ่าบาทจะเข้าประลองจริง ๆ ก็ใช้ว่าจะเอาชนะองค์รัชทายาทได้ ถ้าคิดว่ามีความสามารถถึงปานนั้น ทำไมไม่ทรงเข้าร่วมประลองตั้งแต่แรกล่ะเพคะ หรือว่านี่คือแผนการ...สู้มาดักรอตรงนี้จะได้ง่ายดี ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องเสียพระกำลัง แต่ไม่ทรงคิดหรือว่ามันง่ายเกินไป”

พระนางมาลาวีไม่หยุดทำลายเกียรติโดเรียส

“การประลองเสร็จสิ้นแล้วโดเรียส” จักรพรรดิตัดสิน ไม่ปล่อยให้เรื่องเลยเถิดไปมากกว่านี้ จับจ้องโดเรียสซึ่งยังคงยืนนิ่ง เจ็บปวดไม่น้อยกับถ้อยคำของพระนางมาลาวี ยิ่งโดนตอกย้ำด้วยคำตัดสินของพระบิดา เวลานี้คงหมดที่พึ่งแล้วจริง ๆ

“คนที่จะตัดสินเรื่องนี้คือเปอร์ซิโฟเน่” ผู้มีอำนาจสูงสุดเบือนหน้าไปยังเจ้าของนาม

“ว่าอย่างไร ? คนรักของเจ้าเป็นใครกัน...มิคาเอล หรือว่าโดเรียส พูดออกมาให้ชัดเจน !”

ทิ้งสายตาไว้ที่เปอร์ซิโฟเน่ วงหน้าเคร่งขรึมบ่งชัดถึงอารมณ์เกรี้ยวกราด ถ้านางปฏิเสธมิคาเอล จักรพรรดิต้องเอาความกับพระมารดาเป็นแน่ที่บังอาจกล่าวความเท็จ แต่ถ้าเลือกมิคาเอล โดเรียสจะเจ็บปวดเพียงไร ดวงตาของบุรุษผู้เป็นที่รักกำลังเว้าวอน

‘เปอร์ซิโฟเน่ บอกไปเลยสิว่าเจ้ารักพี่...เรารักกัน...เจ้าไม่ได้ต้องการเป็นราชินีของมิคาเอล เจ้าต้องการอยู่กับพี่...เราจะไปอยู่คาคูด้าด้วยกัน เจ้าสัญญากับพี่เช่นนั้นตอบไปเลยสิดวงใจของพี่’

เปอร์ซิโฟเน่เข้าใจสิ่งที่โดเรียสสื่อสารด้วยแววตา นางคงทำเช่นนั้นแน่ ถ้า...

“เปอร์ซิโฟเน่ จำไว้นะ หลายชีวิตขึ้นอยู่กับคำตอบของเจ้า” พระนางมาลาวีย้ำจุดอ่อน

บรรยากาศเงียบกริบ แทบจะได้ยินเพียงเสียงดวงใจที่เต้นระส่ำของเปอร์ซิโฟเน่ หยดน้ำเอ่อคลอดวงตา อยากประกาศว่ารักโดเรียสสุดหัวใจ แต่เวลานี้มิอาจทำเช่นนั้นได้ อยากหายไปเสียให้พ้นจากตรงนี้

“เปอร์ซิโฟเน่ !” องค์จักรพรรดิตวาด กระแสเสียงคาดคั้นโกรธเกรี้ยวหนักขึ้นทุกที ถ้าปฏิเสธไป...หลายชีวิตต้องโดนลงอาญา

“จะ...เจ้า...เจ้าชาย...เจ้าชายมิคาเอลเพคะ” ความอดทนที่เหลืออยู่พังทลาย น้ำตาไหลริน สะอื้นไห้ราวจะขาดใจ นัยน์ตาพร่ามัว ร่างบางสั่นระริก ไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบแลไปทางชายผู้เป็นที่รัก ด้วยละอายยิ่งนัก

‘เจ้าตัดสินใจเลือกที่จะทำเช่นนั้นจริงหรือ ? มันดีแล้วหรือ?’ โดเรียสเย็นยะเยือกไปทั่วสรรพางค์กาย

“มะ..ไม่” น้ำเสียงแทบจะเป็นเพ้อ ผิดหวังเจ็บปวด ตรงไปคว้าแขนเรียวไว้มั่น “เปอร์ซิโฟเน่...พี่ไม่ยอมเสียเจ้าไปหรอก ไม่มีทาง...ที่...จะยอม”

“โดเรียส...” ใช่ว่านางต้องการเห็นชายผู้เป็นที่รักเจ็บปวด แต่ไม่สามารถทำอะไรให้ดีไปกว่านี้ได้ นางจำต้องเลือกพระมารดากับประชาชน ‘นาบู’ หวังเพียงว่าโดเรียสจะเข้าใจสิ่งที่นางทำ

“เปอร์ซิโฟเน่ พี่ไม่ยอมเสียเจ้าไปหรอก ไม่มีทาง...”

“โดเรียส หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ ทรงยกโทษให้หม่อมฉันด้วย...ทรงอภัยให้ด้วย”

“เจ้าอย่าทำอย่างนี้เลย ให้เจ้าฆ่าพี่ยังดีเสียกว่าได้โปรด...เปอร์ซิโฟเน่ ได้โปรด” ถ้อยคำนั้นเจ็บปวด รับไม่ด้กับการตัดสินใจของนาง

“อย่า ! โดเรียส ตั้งสติให้ดีสิ ! ลูซิเฟอร์ตรงเข้าห้ามปราม รั้งตัวอนุชาให้ออกห่างเปอร์ซิโฟเน่ ก่อนที่จักรพรรดิจะเดือดดาลไปมากกว่านี้

“โดเรียส ! ดูสภาพเจ้าซิ ! สิ่งที่เจ้าทำในตอนนี้ไม่ใช่การขอร้องให้เห็นใจ แต่มันเป็นการวิงวอนขอความเวทนา ความเย่อหยิ่งความทะนงในตนที่เจ้าเคยมีมันหายไปไหนหมด โดเรียส ได้สติเสียที !” ลูซิเฟอร์เข้าใจความรู้สึกของอนุชาดีที่สุด รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสที่โดเรียสกำลังเผชิญ แต่จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ จึงออกแรงกระชาก

ชายหนุ่มถลาตามแรงอย่างง่ายดาย ก่อนจะสะบัดหนีแรงฉุดกระชาก ความมืดทึบร้อยรัดจิตสำนึก ไม่ได้ยินเสียงทัดทานใดๆ ทั้งสิ้น ตรงไปหาสิ่งเดียวที่อยู่ในใจประจวบกับองค์รัชทายาทตรงเข้าขวางเปอร์ซิโฟเน่ไว้

“มิคาเอล...เจ้า !” บัดนี้อารมณ์เดือดปะทุขึ้นอีกเท่าตัว ประกายตาคมกล้ากระด้างดุดัน ความอดกลั้นของโดเรียสนั้นบอบบางราวแก้วผลึก และกำลังถูกกระแทกให้แตกละเอียดด้วยหัตถ์ของเชษฐา แต่ก่อนที่โดเรียสจะได้ทำการใด

“โดเรียส กำแหงนักนะ !” จักรพรรดิตวาดก้อง สายตาทุกคู่จับจ้องที่มาของเสียงซึ่งยังคงอยู่บนบัลลังก์

“ข้าอุตส่าห์ให้โอกาส แต่เจ้ายังไม่รู้จักสำนึก ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยใช่ไหม !?” ถ้อยสุดท้ายดังพร้อม ๆ กับร่างของโดเรียสที่กระเด็นออกไปนอกพลับพลา

โดเรียสเจ็บร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย คู่ร่างเหมือนถูกกระแทก ลอยปะทะกระจกใสด้านหน้าแตกกระจาย ก่อนจะอัดซ้ำเข้ากับลานประลองหินเต็มแรง...เสียงหักโค่นดังโครมครามตามมาเป็นระยะ ฝุ่นผงคลุ้งตลบ ร่างที่ถูกซัดยังตั้งตัวไม่ติด

ทันใดนั้น ! ลูกไฟสีแดงอมเขียวก็พุ่งปราดจากหัตถ์ของจักรพรรดิตรงเข้าใส่ร่างโดเรียส ทั้งรุนแรงและรวดเร็ว พร้อมทำลายทุกสิ่งที่มันเข้าปะทะ...ตามมาด้วยเสียงระเบิดรุนแรง

“จับตัวมันไว้ ข้าจะทำให้มันรู้สำนึกเสียบ้าง” เสียงสั่งกร้าวที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม

ราชองครักษ์นับร้อยกรูเข้าปกป้องร่างที่แทบไม่เหลือสติของเจ้าชาย ทั้งคู่ปล่อยออร่าคลุมเจ้าเหนือหัวก่อนที่ผู้ปองร้ายจะเข้าถึงตัว องครักษ์อื่นจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าใกล้ เพราะรู้พิษสงของคนคู่นี้ดี

ร่างที่กระแทกลานประลองยังคงแน่นิ่ง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วเรือนผมปรกข้างใบหน้า

“ฝ่าบาท...ฝ่าบาท” เฮเดรสเข้าตรวจอาการ ห่วงแสนห่วงเจ้านายของตน แต่มือสั่นเทาของร่างบอบช้ำกลับผลักอกผู้ที่เข้าช่วยเหลือออกเต็มแรง

“มะ...ไม่ต้องมายุ่ง !” โดเรียสตวาดลั่น พยายามเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ลำแขนและแผ่นหลังดันผาหินที่อยู่ด้านข้าง ฝืนหยัดยืนอย่างทุลักทุเล ลมหายใจติดขัดจนแผ่นอกกระเพื่อมแรง ดวงตาราวเลือด เรียวปากเม้มสนิท

“จะ...เอาอย่างนี้ใช่ไหม อยากให้ข้าทำอย่างนี้ใช่ไหม !” โดเรียสตะเบ็งเสียงก้องเส้นด้ายความอดทนขาดผึง

“ฝ่าบาท ! อย่าพระเจ้าค่ะ !” เฮเดรสและซีเซลทัดทานแทบเป็นเสียงเดียวกัน จะตรงเข้าห้ามปรามกลับถูกเหล่าองครักษ์กรูเข้าขวางทาง ไม่อาจทำได้ดั่งใจนัก

“พวกโง่ ! มาขวางทำไมวะ อยากให้ที่นี่ย่อยยับนักหรือไง ! แหกตาดูสถานการณ์บ้างสิโว้ย !” ซีเซลด่ากราดอย่างหัวเสีย พวกองครักษ์อื่นหาได้ฟังไม่ กรูเข้าหากระโจนเข้าใส่ดั่งฝูงผึ้งรุมโจมตีผู้บุกรุก












 

Create Date : 06 ตุลาคม 2552
0 comments
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 20:55:56 น.
Counter : 613 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


adel_ew
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




ความกลัวที่สุดคือ...กลัวที่ต้องอยู่โดยไม่เหลือใคร
Friends' blogs
[Add adel_ew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.