|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
12 เมษายน 2555
|
|
|
|
ทัวร์ 5 วัด (วัดพิชัยญาติการามวรวิหาร)
สวัสดีค่ะ
หลังจากที่ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดทองธรรมชาติแล้ว คณะของเราก็เดินทางมายัง วัดพิชัยญาติการามวรวิหาร เนื่องจากเป็นเวลาค่อนข้างบ่ายมากแล้ว เราจึงชมวัดอย่างกว้างๆ บางที่จะไม่ได้ถ่ายภาพมาค่ะ
จากแผนที่ จะเห็นว่าวัด 3 วัด (ฝั่งธนฯ) ที่มาชมในวันนี้ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน คือ จาก วัดประยุรวงศ์ ไป วัดทองธรรมชาติ แล้วย้อนกลับมาชม วัดพิชัยญาติ เป็นวัดสุดท้ายของทริปนี้
ประวัติวัดพิชัยญาติการามวรวิหาร
ก่อนที่จะเป็นวัดพิชยญาติการาม อย่างเช่นทุกวันนี้ เดิมเป็นวัดร้างไม่มีพระสงฆ์ สามเณรอยู่จำพรรษา และไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าสร้างขึ้นมาในสมัยใด
ต่อมาปี พุทธศักราช ๒๓๗๒-๒๓๗๕ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือ สมเด็จพระยาองค์น้อย เมื่อครั้งดำรงบรรดาศักดิ์เป็น พระยาศรีพิพัฒน์ (พระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกศาธิบดี) จางวางกรมพระคลังสินค้า ได้ดำเนินการปรับปรุง ก่อสร้างสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งวัด แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง ในรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระองค์ ได้พระราชทานนามว่า วัดพระยาญาติการาม ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า วัดพระยาญาติ
ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทาน นามใหม่เป็น วัดพิชยญาติการาม (วัด-พิ-ชะ-ยะ-ญา-ติ-กา-ราม) มาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียกว่า วัดพิชัยญาติ ภายในวัดมีถาวรวัตถุที่สำคัญหลายอย่าง และมีพระพุทธรูปรุ่นเดียวกับ พระพุทธชินราช โดยท่านผู้สถาปนาวัดได้อัญเชิญจากวิหารหลวงจังหวัดพิษณุโลก มาประดิษฐานไว้เป็นประธานในพระอุโบสถ
ดังนั้น วัดพิชยญาติการามวรวิหาร จึงจัดเป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญ มากแห่งหนึ่ง และมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวข้องกับการตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ของ ประเทศไทย
ภายในวัดมีถาวรวัตถุที่สำคัญ คือ :
๑. พระปรางค์ ๓ องค์ ๒. เจดีย์คู่ ทรงระฆังคว่ำ ศิลปะแบบลังกา ๓. พระอุโบสถ รูปทรงพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ ๓ จั่วจีน ๒ ชั้นไม่มีช่อฟ้า ใบระกา ๔. วิหารคด (ศาลาตั้งพระอสีติมหาสาวก) ๕. ศาลาการเปรียญรูปทรงพระตำหนักศิลปะสมัยอยุธยา ๖. โรงเรียนสุขุมาลลัย เป็นโรงเรียนแห่งแรกในเขตคลองสาน
๗. กุฎีทรงช่วย สถาปัตยกรรมแบบยุโรป ปรากฏนามตามที่พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงสละราชทรัพย์ในการช่วยสร้าง ๘. ตำหนักเก๋งจีน สถาปัตยกรรมจีน รัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชทาน ๙. หอระฆัง ๓ ชั้น แปดเหลี่ยม
ถาวรวัตถุเหล่านี้ ส่วนหนึ่งได้รับการบันทึกเป็นรายการในทะเบียนโบราณ- สถาน เช่น เจดีย์ พระอุโบสถ พระปรางค์ วิหารคด เป็นต้น โดยกรมศิลปากรได้ดำเนิน การขึ้นทะเบียนวัดพิชยญาติการาม ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๖๘ ตอนที่ ๖๔ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ และประกาศระวางแนวเขตในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๔ ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๒๐
พระปรางค์ มีอยู่ ๓ องค์ องค์ใหญ่วัดโดยรอบฐาน ๓๓ วา ๒ ศอกเศษ ส่วนสูง ๒๑ วา ๑ ศอกเศษ
ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ คือ พระกกุสันธะพุทธเจ้า พระโกนาคมนะพุทธเจ้า พระกัสสปะพุทธเจ้า พระโคตมะพุทธเจ้า และเป็นที่บรรจุอัฐิตระกูลบุนนาค
พระปรางค์องค์เล็ก ๒ องค์ แต่ละองค์ มีขนาดและรูปทรงเหมือนกัน คือ วัดโดยรอบฐาน ๑๕ วา สูง ๑๑ วาเศษ
องค์ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ประดิษฐาน พระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ หรือพระศรีอาริย์ (พระพุทธเจ้าในอนาคต)
องค์ด้าน ทิศตะวันตก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง ๔ รอย สลักไว้บนแผ่น ศิลาสำริด
ลานพระปรางค์ ในอดีตมีพระปรางค์ ขนาดเล็กอยู่องค์หนึ่ง มีวิหารคดอยู่โดยรอบ ต่อมาพระปรางค์ดังกล่าวชำรุดหักพังลงมา สุดความสามารถที่จะปฏิสังขรณ์ ให้กลับคืน ดีได้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา วชิรญาณวโรรส ประทานอนุญาตให้รื้อออก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ แล้วปรับเป็นลานกว้างดังที่ ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ สำหรับเจดีย์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้า พระอุโบสถ มี ๒ องค์ แต่ละองค์ วัดโดยรอบ ๒๓ วา สูง ๑๑ วาเศษ มีลักษณะคล้ายกับ พระเจดีย์บรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพียงแต่ขนาดไม่เท่ากัน
พระพุทธรูปปางมารวิชัย มีชื่อเรียกว่า สมเด็จพระสิทธารถพุทธเจ้า (อ่านว่า สิด-ทาด-พุทธเจ้า) หน้าตักกว้าง ๓ ศอกเศษ สูง ๓ ศอก ๑ คืบเศษ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ และงดงามมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ เสด็จพระราชดำเนินเพื่อพระราชทานผ้าพระกฐิน ได้ทอดพระเนตรเห็นจึงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างหลวง สร้างฉัตรขาวโลหะ ๕ ชั้น มาถวายเป็นราชสักการะ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เสด็จมาปิดทองใหม่อีกครั้งหนึ่งในคราวที่เสด็จพระราชทานผ้าพระกฐิน และ ในปี พ.ศ.๒๔๔๗ ทรงรับสั่งให้เจ้าพนักงานหลวงมาเปลี่ยนเครื่องทรง ให้อีกครั้งหนึ่งด้วย จากนั้นเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ พระเทพปริยัติโมลี (ปัจจุบัน คือ พระพรหมโมลี) เจ้าอาวาส พิจารณาเห็นว่า สมควรให้เปลี่ยนฉัตรใหม่ เนื่องจากฉัตรเดิมเก่า และชำรุดมากแล้ว จึงให้ช่างหลวง สร้างฉัตรขาว ขลิบทอง ๕ ชั้นมาถวายแทนฉัตรเก่าดังที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้
พระอุโบสถ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ ผู้สถาปนาวัด ได้วางแบบแปลนแผนผัง ของวัดทั้งเขตพุทธาวาส และเขตสังฆาวาส (หมู่กุฏิพระสงฆ์) ไว้อย่างสวยงาม
โดย เฉพาะเขตพุทธาวาส มองจากด้านหน้าวัด จะเห็นเจดีย์คู่อยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ (โบสถ์) อยู่ตรงกลางพระปรางค์ ๓ องค์ อยู่ด้านหลังหน้าบันของพระอุโบสถอยู่ใน ระดับตำแหน่งที่ต่ำกว่าหน้าบันมุขของพระปรางค์องค์ใหญ่ ดูสอดคล้องรับกันอย่าง พอเหมาะพอดี เห็นแล้วสวยงามเป็นที่น่าอัศจรรย์มาก กำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ ประกอบด้วยซุ้มประตู ๓ ซุ้ม ศาลาอาคันตุกะ ๒ หลัง และศาลาตั้งพระอสีติมหาสาวก (วิหารคด) ๖ หลัง
ส่วนเขตสังฆาวาสได้ จัดไว้ทางด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตกของเขตพุทธาวาส โดยมีพระอุโบสถ ตั้งอยู่ตรงกลางซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของวัด นอกจากความโดดเด่นในเชิงแบบแปลนแล้ว ในเชิงศิลปกรรมและประติมากรรม ก็มีความโดดเด่นสวยงามเช่นกัน
โดยเฉพาะภาพจิตรกรรมภายในพระอุโบสถ ทั้งใน ส่วนที่เป็นศิลปไทย และศิลปจีน รอบฐานพระอุโบสถด้านนอก มีหินแกรนิตรายล้อมทั้ง ๔ ด้าน แต่ละด้านมีภาพแกะสลักเรื่องราวพงศาวดารจีนเรื่อง สามก๊ก อยู่อย่าง สมบูรณ์
ภาพแกะสลักหินอ่อนเรื่องสามก๊ก รอบฐานพระอุโบสถด้านนอก มีหินแกรนิตรายล้อมทั้ง ๔ ด้าน แต่ละด้านมีภาพแกะสลักเรื่องราวพงศาวดารจีนเรื่อง สามก๊ก อยู่อย่าง สมบูรณ์ และนับเป็นภาพแกะสลักหินอ่อน "สามก๊ก" แห่งเดียวในประเทศไทย
ปัจจุบันภาพแกะสลักหินได้ลบเลือนและเสียหายไปเกือบทั้งหมด ไม่สามารถที่จะอ่านได้ว่าเป็นภาพอะไร
Create Date : 12 เมษายน 2555 |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 14:09:11 น. |
|
5 comments
|
Counter : 6451 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: แม่สามข้าว (sinaporn ) วันที่: 12 เมษายน 2555 เวลา:23:17:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:5:50:18 น. |
|
|
|
| |
|
|
addsiripun |
|
|
|
|